คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #12 : ตอนที่ 12
เช้าวันใหม่ที่เชียงใหม่อากาศสดชื่นเหมือนเคย ท้องฟ้าสดใสพร้อมกับแสงแดดอ่อนที่สาดลงมาอย่างอบอุ่น วันนี้เหมาะสำหรับงานมงคลจริงๆ
ควีนที่กำลังเตรียมขนมไทยเพื่อเตรียมที่จะจัดส่งในครัวเล็กๆ ของร้าน วันนี้ต้องขอบคุณผู้ช่วยทั้งสี่คนที่คอยสนับสนุนเธอมาตลอดตั้งแต่เปิดร้านวันแรก เธอได้เลือกขนมไทยที่เธอถนัดทำมากที่สุด นั่นคือ ทองหยิบ ทองหยอด ขนมชั้น และข้าวเหนียวมูน
วันนี้เป็นวันที่พิเศษอีกวันหนึ่ง เพราะต้องจัดขนมไปส่งให้กับรีสอร์ตในเชียงใหม่ เธอได้รับคำสั่งซื้อขนมจำนวนมากจากรีสอร์ต ซึ่งเป็นรีสอร์ตหรูที่กำลังจะเปิดตัวอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้า การสั่งขนมไปใช้ในงานเปิดตัวครั้งนี้เป็นโอกาสที่ดีมากสำหรับควีน เพราะรีสอร์ตนี้อาจจะได้รับความสนใจจากสื่อและนักท่องเที่ยวในวงกว้าง
เมื่อควีนกับคนอื่นๆ เดินทางไปถึงรีสอร์ต เธอก็ได้พบเจอกับ ภาคิน
ภาคินได้เข้ามาทักทายควีนอย่างสุภาพ รอยยิ้มอันอบอุ่นบวกกับท่าทางเป็นมิตร ทำให้ควีนรู้สึกผ่อนคลายขึ้น ภาคินในชุดสูทพอดีตัวดูสง่ามีราศีความรวยจับ ทุกอย่างเกี่ยวกับเขาดูสมบูรณ์แบบ ไม่ว่าจะเป็นใบหน้าคมคาย รอยยิ้มจริงใจ หรือบุคลิกที่ดูเป็นคนมั่นคงและมีความน่าเชื่อถือ
“ขอบคุณที่มาส่งขนมครับ ขนมดูน่ากินมากเลย” ภาคินกล่าวเสียงนุ่ม
“ขอบคุณค่ะ หวังว่าจะถูกใจนะคะ” ควีนตอบพร้อมรอยยิ้มเผื่อไว้เช่นกัน
เพราะว่าเจ้าของงานไม่ได้รีเควซท์ว่าต้องการขนมอะไร เธอเลยเลือกขนมที่เธอถนัดที่สุดมา หวังว่าเขาและแขกคนอื่นๆ ในงานจะชอบ
“ครับ ว่าแต่คุณ?”
“ควีนค่ะ”
“ยินดีที่ได้รู้จักนะครับคุณควีน ผมชื่อภาคินครับ”
เธอพอจะรู้ชื่อเขามาบ้าง ถึงแม้เขาจะไม่ได้มาสั่งขนมร้านของเธอด้วยตัวเองก็ตาม
“ถ้าคุณควีนไม่มีธุระต่อที่ไหน ก็อยู่ต่อที่งานสักครู่สิครับ”
“พอดีควีนต้องกลับไปดูลูกแล้วล่ะค่ะ”
“อ๋อครับ ไว้มีโอกาสผมจะเข้าไปอุดหนุนที่ร้านนะครับ วันนี้ขอบคุณมากเลยครับ”
“ค่ะ”
เดินหันหลังเตรียมตัวที่จะออกจากงานเพื่อกลับไปที่บ้าน
“อ้าว…คุณครับ”
“คะ?”
“คุณที่ผมเจอที่โรงแรมใช่หรือเปล่า”
สิ้นสุดคำพูดของเขาคนที่อยู่ใกล้ๆ ต่างพากันมองมาที่ฉันเป็นตาเดียว แต่เดี๋ยวก่อนทำไมเขาพูดจาสองแง่สองง่ามแบบนั้นล่ะคะ!!
“เราเคยเจอกันด้วยเหรอคะ?”
“ก็ผมไง คนนั้นอะ ที่เคยให้นามบัตรคุณไป”
พูดถึงนามบัตรเธอก็คิดขึ้นมาได้ว่าเขาก็คือผู้ชายที่เสนอตัวจะจ่ายค่าซ่อมโทรศัพท์ให้
“อ๋อ ตายจริง ขอโทษนะคะ ควีนลืมจริงๆ”
ใครจำได้ก็แปลก ตั้งแต่วันนั้นเวลาผ่านมาจะเป็นเดือนแล้ว
“แล้วนี่จะไปไหนเหรอครับ?”
“พอดีควีนกำลังจะกลับแล้วล่ะค่ะ”
“ทำไมล่ะ?”
“ควีนแค่เอาขนมมาส่งเฉยๆ”
“อ๋อครับ เอาไว้เจอกันนะครับ”
“คะ?”
“ผมชื่ออลันนะ ไว้เจอกันครั้งหน้าจำผมให้ได้ล่ะ”
ยังไม่ทันที่ฉันจะได้ตอบอะไรเขาก็รีบเดินกลับเข้าไปในงาน
หลังจากจบงานส่งขนม ควีนกลับบ้านไปพักผ่อน แต่ความสงสัยเริ่มเกิดขึ้นในใจ เธออยากรู้จักภาคินมากขึ้นว่าเขาเป็นใครกันแน่ เพราะชายหนุ่มคนนี้มีความน่าสนใจอย่างมากโดยเฉพาะร้อยยิ้มของเขา เธอจึงลองค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับเขาในอินเทอร์เน็ตดู และพบว่าภาคินเป็นเศรษฐีหนุ่มที่เพิ่งอายุเพียง 30 ปีเท่านั้น
“โห อายุห่างจากเราแค่ปีเดียวเอง”
ทั้งยังสืบทอดธุรกิจของครอบครัวที่กรุงเทพและเพิ่งมาเริ่มลงทุนเปิดรีสอร์ตที่เชียงใหม่ ภาพลักษณ์ของเขาในวงการธุรกิจเต็มไปด้วยรางวัลความสำเร็จมากมายอีกทั้งยังเป็นที่รู้จักในฐานะคนใจบุญที่มักจะร่วมทำกิจกรรมสังคมต่างๆ
“โปรไฟล์ดีเกินไปไหมเนี่ย”
หลังจากได้ข้อมูลเรื่องของภาคิน ควีนก็บังเอิญเจอคนอีกคนที่คุ้นหน้า ผู้ชายที่เธอเคยเจอเมื่อไม่นานมานี้ที่โรงแรมแห่งหนึ่งที่เธอไปส่งอาหาร
อลัน เป็นผู้ชายอีกคนที่ดูสมบูรณ์แบบเหมือนภาคิน แต่แตกต่างกันในเรื่องของบุคลิก อลันที่ท่าทางดูเจ้าชู้อีกทั้งยังดูเป็นคนกะล่อนนิดหน่อยแต่ว่าเป็นถึงเจ้าของโรงแรมหรูและผู้อำนวยการโรงเรียนในพื้นที่
“โอโห คนนี้ก็โปรไฟล์ดีเหมือนกัน”
ควีนอดคิดไม่ได้ว่า เพราะชีวิตเธอดันได้เจอผู้ชายที่สมบูรณ์แบบถึงสองคนในเวลาเดียวกัน การได้พบทั้งภาคินและอลันในระยะเวลาสั้นๆ ทำให้ควีนรู้สึกเหมือนว่าชีวิตเธอเริ่มมีอะไรที่แปลกใหม่เข้ามา
เวลาผ่านไปหลายเดือนหลังจากงานเลี้ยงใหญ่ของรีสอร์ตจบลงไปแล้ว ลูกชายของเธอก็เริ่มโตขึ้นจนตอนนี้เธอสามารถกลับมาทำงานในร้านได้เกือบจะเหมือนปกติ แต่ก็ยังต้องแอบไปดูแลเจ้าลูกชายบ้าง
ส่วนภาคินเอง พักนี้เขาก็เริ่มเข้ามาที่ร้านของควีนบ่อยขึ้น เขามักจะมาซื้อขนมไปฝากแม่ของเขาที่บ้าน โดยเฉพาะข้าวเหนียวมูนที่เขาบอกว่าแม่ของเขาชอบเป็นพิเศษ ทุกครั้งที่ภาคินเข้ามาที่ร้าน เขามักจะเจอควีนอยู่ที่เคาน์เตอร์
ภาคินเองก็รู้สึกชอบควีนตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้เจอ เธอมีบุคลิกที่เป็นกันเองเมื่อพูดคุยกับเขา เขาไม่เคยเจอผู้หญิงแบบนี้มาก่อน หรือจะให้พูดง่ายๆ ก็ทั้งชีวิตเขามักจะไม่ค่อยเจอผู้หญิงเท่าไหร่ ส่วนผู้หญิงที่เขาเจอบ่อยที่สุดก็คงจะเป็นแม่ของเขาเองนั่นแหละ
ส่วนสมัยเรียนก็เจอบ้างแต่ส่วนมากผู้หญิงที่เข้าหาเขาก็เพราะรู้จักเขาที่ฐานะดี นามสกุลของเขาเป็นที่รู้จักกันดีในหมู่นักธุรกิจ อีกทั้งยังติดยี่สิบอันดับต้นๆ ของมหาเศรษฐี เขาชอบที่ควีนไม่ได้ดูหวือหวาหรือพยายามที่จะเข้าหาเขาในแบบนั้น
ยิ่งเขามาร้านขนมบ่อยเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งชอบควีนมากขึ้น เขาเริ่มคิดว่าจะทำยังไงให้ได้ใกล้ชิดกับเธอมากกว่านี้ แต่เขากลับไม่รู้วิธีจีบผู้หญิงเลย ตั้งแต่เรียนจบ เขาก็ได้เข้ามาบริหารธุรกิจแทนพี่ชายที่เสียชีวิตไป แทบไม่มีเวลาให้ตัวเอง ทุกวันของเขาเต็มไปด้วยการประชุมและการทำงาน จนทำให้เรื่องส่วนตัวกลายเป็นสิ่งที่ถูกละเลยไป ภาคินจึงตัดสินใจแอบปรึกษาเลขาคนสนิทของเขาเกี่ยวกับวิธีการจีบสาว แต่ก็ยังไม่กล้าที่จะเริ่มต้นอะไร
แม้ว่าภาคินจะรู้ว่าควีนมีลูกแล้ว แต่เขาก็ไม่ได้สนใจเรื่องนี้เลย ในใจของเขา คิดเพียงว่าถ้ารักแม่ ก็ต้องรักลูกไปด้วย เขาพยายามที่จะเข้าใกล้ควีนมากขึ้นทีละนิด แต่ก็ไม่ต้องการละลาบละล้วงความเป็นส่วนตัวของเธอมากเกินไป เขาจึงเลือกที่จะใช้วิธีการค่อยๆ ทำความรู้จักโดยการทำตัวเป็นลูกค้าประจำที่แวะเวียนมาซื้อขนมทุกวัน
ส่วนตัวควีนก็ยังขีดเส้นกั้นระหว่างเขากับเธอเอาไว้อย่างชัดเจน ควีนเป็นผู้หญิงที่มีความระมัดระวังในเรื่องของการเปิดใจ โดยเฉพาะหลังจากที่เธอมีประสบการณ์อันเจ็บปวดจากการแต่งงานกับกวิน
ควีนเคยบอกตัวเองว่า เธอสามารถรู้จักกับภาคินได้ แต่ไม่ขอรัก เพราะเธอไม่ต้องการให้ตัวเองหรือแม้แต่ลูกต้องเผชิญหน้ากับความเจ็บปวดซ้ำอีก เธอเลือกที่จะอยู่ในโลกที่เธอควบคุมได้
แต่ทุกครั้งที่ภาคินเข้ามา เธอก็อดรู้สึกดีไม่ได้เพราะว่าไม่เคยมีผู้ชายเข้ามาหาเธอแบบนี้มาก่อน เป็นความรู้สึกแปลกใหม่และมีบางสิ่งในตัวเขาที่ทำให้เธออยากลองเปิดใจ บางสิ่งที่ว่าไม่ใช่เพราะเขารวยแต่เป็นเพราะเขาดูเอาใจใส่กับทุกอย่าง แม้จะเป็นเพียงความรู้สึกเล็กๆ ที่ยังไม่ชัดเจนก็ตาม
แต่ไม่ว่ายังไง ควีนยังคงยึดมั่นในเส้นแบ่งที่เธอสร้างขึ้นเพื่อปกป้องตัวเองกับลูก คงต้องรอดูกันต่อไปว่าภาคินจะสามารถข้ามเส้นแบ่งนี้ได้ไหมและตัวเธอจะยอมให้หัวใจของเธอเปิดรับเขาหรือเปล่า...
ไถ่โทษที่เมื่อวานไม่ได้ลงตอนที่ 12
วันนี้จะลงให้ 2 ตอนนะคะ (ตอนที่ 12,13)
ช่วงนี้ไรท์เบลอๆ เพราะกำลังเร่งเขียนตอนจบและตอนพิเศษ
ใกล้จะมีอีบุ๊คให้อ่านกันแล้วนะค๊าาา????
เขียนจบเมื่อไหร่จะไล่ตอบคอมเมนท์นะคะ ไม่อยากอ่านตอนนี้เดี๋ยวเปลี่ยนตัวพระเอกอีก????
ขอขอบคุณนักอ่านทุกคนจากใจ
ความคิดเห็น