คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : ฟาร์ม#1
ฝนเม็ดใหญ่ยังกระหน่ำตีบนหัวเขาจนความเจ็บกลายเป็นด้านชา เขาฟุบหน้าลงบนแขนที่กอดกอหญ้าไว้อย่างอ่อนแรง ใจอ้อนวอนขอให้ฝนหยุดตกเร็วๆ เพราะตอนนี้ลำตัวเกือบครึ่งของเขาแช่อยู่ในน้ำซึ่งมันเย็นลึกไปถึงกระดูก...
“เฮ้! โจฮาล นายคิดไหมว่าสักวันเราจะได้ยิงปืนจริงๆ?” คาเตอร์เอ่ยขึ้นขณะที่สายตายังจดจ้องไปยังจอสี่เหลี่ยม เสียงแกร่กๆ ที่รัวลงทั้งแป้นพิมพ์กับเมาส์ดังไม่หยุด
“คา..เตอร์?” โจฮาลเอ่ยชื่อชายตรงหน้าที่เป็นเพื่อนสนิทเขาอย่างสะลึมสะลือ
“อะไรวะ! นี่นายเผลอหลับงั้นเหรอ? สามารถจริงๆ เกมแบบนี้ยังทำให้นายหลับลง เฮ้ย! รีบดูที่หน้าจอเร็ว ไม่งั้นนายโดนมันแดกแน่!” เพื่อนเขาเอ่ยกลั้วหัวเราะออกมา ก่อนจะชี้ไปยังด้านหน้าเขา
โจฮาลหันมองตาม เขาก็พบว่าตนเองอยู่ตรงหน้าจอคอมพิวเตอร์ มือเขายังจับค้างอยู่ที่แป้นพิมพ์และเมาส์
“เล่นเกม?” เขายังงุนงงไม่หาย แต่เมื่อมองไปที่หน้าจอก็พบว่ามีฝูงชอมบี้กำลังรุุมล้อมเข้ามาหา
ไม่รอช้า เขากดยิงปืน แต่ก็พบว่า...ปืนไม่มีลูกกระสุน!
“ก็พึ่งได้กระสุนมานี่ ทำไมมันถึงไม่มี!? บ้าเอ้ย!” เขาร้องขึ้นอย่างหงุดหงิด ก่อนกดแป้นพิมพ์จะหนี แต่กลับวิ่งไปผิดด้าน
“แฮร่!” ภาพฝูงซอมบี้อ้าปากกว้างต่างพุ่งเข้ามาอย่างหิวโหย ภาพในจอเหมือนจริงมากราวกับจะเข้ามากัดเขาแล้วจริงๆ เขาสะดุ้งสุดตัว
“ว๊าก!” โจฮาลพรวดพราดลุกขึ้นกรีดร้องสุดเสียงจนเสียหลักหงายหลังล้มลงไป
“โอ๊ย!” ความเจ็บจากก้นกระแทกพื้นหินทำให้เขาแทบน้ำตาเล็ด เมื่อเพ่งตาดูรอบๆ ก็พบว่าตัวเขานั้นฝันไป อีกทั้งตอนนี้ไร้พายุฝนและสายน้ำหลาก ทุกอย่างกลับคืนสู่สภาพเดิม แสงแดดอันร้อนระอุทำให้ผ้าบนตัวเขาแห้งจนหมาดซึ่งไม่ต่างจากพื้นที่เขานั่งอยู่ตอนนี้ที่มีแต่โคลนชื้นๆ ที่เกือบจะแห้งเป็นฝุ่นผง กระเป๋าเป้ของเขาหลุดออกไปจากตัวเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ ดูท่าเขาคงหลับไปนานพอดู และยังนอนดิ้นอีกด้วย
ชายหนุ่มลุกขึ้นพร้อมกับกระชับกระเป๋าเป้ไว้แน่นหลังจากที่สำรวจดูแล้วไม่มีอะไรเสียหายมากนัก บางอย่างอาจเปียกชื้นแต่ทิ้งไว้สักพักก็คงจะแห้ง เขาจึงไม่ห่วงอะไร เช็ดดูเข็มทิศอีกครั้งแล้วก้าวเท้าเดินต่อไป
เหมือนว่าคลื่นน้ำหลากก่อนหน้านี้กินพื้นที่บริเวณกว้าง เขาเดินสังเกตพื้นโคลนที่เป็นทางน้ำไหลผ่านก่อนหน้านี้อย่างอดทึ่งไม่ได้ นี่ถ้าไม่ได้กอหญ้าแห้งนั้นช่วยไว้ ตัวเขาเองก็ไม่รู้ว่าจะถูกพัดพาไปฝังไว้ที่ไหน
เดินไปไม่นานก็มีสายลมพัดผ่าน มันเย็นสบายสดชื่นอย่างบอกไม่ถูก สายลมนี้ต่างจากที่ทะเลทรายอย่างชัดเจน โจฮาลเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้นมุ่งหน้าไปยังทิศทางที่สายลมพัดมา
“ในที่สุดก็มาถึงจนได้!” เสียงร้องดีใจสุดๆ ของชายหนุ่มดังขึ้น พื้นที่สีเขียวปรากฏในสายตาเขาแล้ว เขาไม่ต้องทนทุกข์ทรมานกับเม็ดทรายและความร้อนราวกับเตาอบอีกต่อไป
เขาหยุดเแวะพักใต้ต้นไม้ใหญ่ที่สุดในบริเวณนี้ ปากกัดกินเนื้อตากแห้งกับแผ่นขนมปังอบไม่หยุด ส่วนสายตาของเขาเพ่งไปยังแผนที่ที่วางอยู่หว่างขา ตอนนี้เขากำลังวางแผนการเดินทางต่อ
“ใกล้นี้เหมือนมีฟาร์มอยู่ คงไม่ใช่สวนสาธารณะหรอกเพราะมันไม่ได้อยู่ในเมืองสักหน่อย มีหลายอันด้วย” เขาโต้เถียงกับตนเองกับสัญลักษณ์กรอบสีเหลี่ยมสีเขียวจางๆ ที่มีอยู่ประปรายสองสามแห่ง มีสี่เหลี่ยมสีขาวเล็กๆ อยู่ข้างๆ สองแห่ง
“ยังไงก็ไปดูก่อนแล้วกัน บ่ายสองแล้วต้องรีบหาที่พักก่อนมืดค่ำ” ชายหนุ่มขยับตัวเก็บของเข้ากระเป๋าทันที ในใจคิดว่าสถานที่แห่งนี้คงอยู่ไม่ไกล ระยะห่างสิ่งปลูกสร้างแต่ละแห่งในแผนที่บางครั้งก็ต่างจากความเป็นจริงเสียเหลือเกิน
ลัดเลาะไปตามทุ่งหญ้าและเนินป่าเขา ตลอดทางโจฮาลไม่เห็นถนนสักเส้น ไม่ว่าจะเป็นทางเดินป่าก็ไม่มี เขาจึงต้องใช้เข็มทิศเป็นระยะเพื่อไม่ให้หลงทาง บางจุดไม่สามารถเดินตรงๆ ได้เช่นหุบเหวแคบชัน เขาก็ต้องอ้อมไปยังอีกทาง เมื่อพ้นออกจากเขตป่าได้ เขาแทบจะล้มทั้งยืน
ข้างหน้าไม่ไกลคือพื้นที่ที่เป็นสัญลักษณ์สีเขียวจางๆ และเขาเดาไม่ผิดมันเป็นพื้นที่ฟาร์มที่ใช้สำหรับเพาะปลูกจริงๆซึ่งกินอาณาเขตกว้างขวางมาก มีม้วนกองฟางขนาดใหญ่กองกระจุกไว้เป็นหย่อมๆ ให้เห็น
โจฮาลยกกระบอกน้ำขึ้นดื่มอีกครั้งเพื่อเรียกกำลังใจ เดินมาขนาดนี้แล้วจะอีกสักสิบกิโลเมตรก็ต้องเดิน ว่าแล้วก็สาวเท้าก้าวต่อไป สายตาก็มองสังเกตรอบตัว หากพบความเคลื่อนไหวเพียงนิดเขาจะได้ระวัง ยามนี้ทั้งคนและซอมบี้หลอนเขาไปหมดแล้ว ตราบใดที่ยังไม่พ้นจากเขตพื้นที่ของพวกก่อการร้าย เขาก็จะเหมาคนไปด้วย
“นี่คือ...สี่เหลี่ยมเล็กสีขาวเหรอ?” น้ำเสียงเหนื่อยอ่อนแทบหมดแรงเอ่ยออกมา เมื่อเขาพบว่าข้างหน้าคือโกดังเก็บของ และที่สำคัญคือมันใหญ่มาก
เหมือนจะเป็นความเคยชินของเขาไปเสียแล้ว เมื่อไปถึงโกดัง เขาค่อยๆ ย่องสำรวจพื้นที่โดนรอบก่อนจะเข้าไปข้างในตัวโกดัง
ด้านในมีรถไถขนาดใหญ่ เครื่องจักรและอุปกรณ์ทำการเกษตรวางไว้ที่ชั้นบนมุมห้อง เขามองไปรอบๆ โกดังที่โล่งกว้าง พบทางเดินขึ้นไปชัั้นบนที่ทำเป็นชั้นลอยมีราวกั้นไว้
โจฮาลเดินย่องเท้าไปอย่างช้าๆ เขามองข้างบนข้างล่างสลับกัน ตรงที่เขายืนอยู่ทำให้เห็นพื้นที่ด้านล่างแทบทั้งหมด เมื่อถึงบนชั้นลอย เขาก็พบกับเตียงเดินป่า และเตาไฟที่ทำจากถังน้ำมัน อีกด้านเหมือนเป็นมุมครัวง่ายๆ มีอาหารแห้งและอาหารสำเร็จรูปที่ใช้ไปแล้วส่วนหนึ่งวางอยู่พร้อมกับข้าวของเครื่องใช้ทั่วไป
“เหมือนที่นี่จะเป็นที่พักชั่วคราวของเจ้าของไร่” ชายหนุ่มผ่อนคลายตัวเองลง เขาเอ่ยขึ้นเมื่อสังเกตทุกอย่างดีแล้วและตัดสินใจว่าจะค้างที่นี้ในคืนนี้ หากเจ้าของไร่มาพบ เขาคงกล่าวขอโทษที่แอบมาใช้ของเขาโดยพลการและชดเชยเป็นเงินให้แล้วกัน
เมื่อจัดการปิดล๊อคประตูโกดังเรียบร้อยดีแล้ว เขาก็ขึ้นไปยังชั้นลอยเพื่อกำจัดความเมื่อยล้าและความหิวของเขาให้เต็มที่ในคืนนี้
ระหว่างรื้อหาของพอที่จะทำเมนูอะไรได้บ้างก็เจอกับวิทยุแบบพกพาเครื่องหนึ่ง โจฮาลยิ้มอย่างดีใจ อย่างน้อยจะได้คลายเหงาให้เขาบ้าง สองสามวันนี้เขาแทบจะกลายเป็นคนบ้าแล้ว
“ซ่าๆ”
“ไม่มีคลื่นเลยเหรอแถวนี้” โจฮาลอดไม่ได้ที่จะบ่นออกมา หลังจากเขาหมุนไปมาเพื่อหาสถานีวิทยุแต่มีเพียงเสียงคลื่นซ่าๆ ให้ได้ยิน สุดท้ายเขาก็หมุนปิดมันไปเพราะทนฟังไม่ไหวแล้วหันไปจุดไฟทำอาหารแทน
“ทำซุปถั่วกับเห็ดแล้วกันมันน่าจะอร่อยอยู่ จากนั้นก็ใส่เส้นสปาเก็ตตี้ลงไปจะได้อิ่มท้อง ถ้ามีเนื้อใส่ไปด้วยก็คงดี” โจฮาลเริ่มปรุงอาหารครั้งแรกในชีวิตด้วยอาหารสำเร็จรูป เขาคิดว่ามันถูกปรุงมาให้พร้อมกินอยู่แล้ว เขาแค่เอามาใส่รวมกันให้มันกินง่ายและดูน่าทานก็เท่านั้น"
เมื่ออาหารอุ่นเรียบร้อยและเทใส่ในชาม แม้จะมีกลิ่นแปลกๆไปบ้างแต่หน้าตาของมันน่าทานไม่น้อย เขาไม่คิดอะไรมากจึงตักเข้าปาก
“อื้อ! อะไรวะเนี้ย!?” รสชาติมากมายปนเปผสมกับเส้นสปาเก็ตตี้ที่ยังแข็งไม่นุ่มลิ้นเหมือนที่แม่ทำให้ ทำให้โจฮาลวางช้อนลงทันที
“ต้องมีผิดพลาดอะไรแน่ๆ” เขาอดไม่ได้ที่จะสบถออกมา แล้วสายตาก็เหลือบไปเห็นขวดเครื่องปรุงตรงชั้นวาง
“ลองปรุงรสดู”
แล้วการทดลองทำอาหารชิมไปบ่นไปก็เริ่มขึ้น โจฮาลหยิบเครื่องปรุงมาใช้และชิมไปเรื่อยๆ จนกระทั่งเครื่องปรุงสุดท้ายถูกใส่ลงไป อาหารในชามก็แทบหมดในทันที
“คราวหลังนะโจฮาล นายกินอาหารสำเร็จรูปเถอะ แบบที่ไม่ต้องปรุงอะไร อุ่นแล้วหยิบเข้าปากได้เลยทันที ทำแบบนี้มันทรมาณสุดๆ” ชายหนุ่มอดไม่ได้ที่จะสัพยอกตัวเอง ก่อนจะทำท่าเหมือนสำรอกสิ่งที่เข้าท้องแล้วออกมา
"ประกาศ (ซ่า) ให้ประชา (ซ่า) หนีออก (ซ่า) ติดเชื้อ (ซ่า) ..." เสียงวิทยุรายงานข่าวดังขึ้นมีเสียงคลื่นแทรกตลอดเวลาเรียกความสนใจของชายหนุ่มทันที
เขาหมุนปุ่มให้เสียงดังขึ้น ที่แท้เขายังไม่ได้ปิดวิทยุ เขาเพียงปรับเสียงมันให้เบาลงเท่านั้น
"... (ซ่า)...ค่าย...หาร (ซ่า) กักกัน.. (ซ่า) ลี้ภัยทางใต้. (ซ่า) เมืองเคิร์ก (ซ่า) ..."
เสียงรายงายในวิทยุเหมือนจบลงแล้ว เพราะมีแต่เสียงคลื่นแทรกรบกวนให้ได้ยินยาวๆ โจฮาลหมุนปุ่มปิดลง ก่อนที่จะนั่งเรียบเรียงคำพูดที่ได้ยินก่อนหน้านี้
“เกิดอะไรขึ้นกันแน่ มีคำว่าติดเชื้อและอพยพ ค่ายกักกัน? ลี้ภัย!?”
“ไม่จริงน่า ไม่ใช่ตอนนี้เกิดซอมบี้ระบาดเหมือนในหนังไปแล้วใช่ไหม? แล้วเราก็ต้องเอาตัวรอดอย่างที่เคยเล่นเกมกับคาเตอร์” โจฮาลสั่นกลัวกับข้อสันนิษฐานของตนเองขึ้นมาทันที เพราะมันเหมือนจะเป็นจริงเกินครึ่งไปเรียบร้อยแล้ว
“ถ้างั้นแม่ล่ะ? จะยังปลอดภัยดีไหม? เดี๋ยวนะเมืองเคิร์ก” มือรีบควานหาแผนที่ทันที
“คนละทิศเลย” สายตาของโจฮาลไล่ดูเมืองที่ตนเองอยู่ จุดที่ตัวเองน่าจะอยู่ และตำแหน่งเมืองเคิร์ก ระยะทางทำให้เขาถึงกับถอดถอนใจทันที
“มุ่งหน้ากลับบ้าน ไม่ว่ายังไงต้องรู้ให้ได้ว่าแม่ปลอดภัย หากไม่พบค่อยไปยังเมืองเคิร์ก แต่จะให้เดินเท้าไปคงกินเวลาเป็นปีแน่ คงต้องหารถสักคัน” สุดท้ายเขาก็สรุปแผนการเดินทางของตนเอง ส่วนเรื่องการเข้าร่วมกองทัพคงปล่อยผ่าน รถบรรทุกกองกำลังที่เขาประจำการโดนทำลายไปแล้ว ชื่อเขาตอนนี้คงถูกประทับตราว่าเสียชีวิตในหน้าที่
จากนั้นเขาก็ล้มตัวนอนและหลับไหลไปในที่สุด ครั้งนี้ชายหนุ่มหลับสนิทและยาวนาน จนกระทั่งความรู้สึกหนาวจนตัวสั่นได้ทำให้เขารู้สึกตัว แม้จะพยายามขดกอดตัวเองแน่นใต้ผ้าห่มผืนบางก็ไม่หาย สุดท้ายเขาจำใจต้องลืมตา แต่พอขยับกายเขาก็รู้สึกว่าตัวหนักอึ้ง
“อูย..เจ็บชะมัด”
โจฮาลงัวเงียตื่นขึ้นมาด้วยร่างกายที่หนาวสั่นและเจ็บระบมไปทั้งตัว เขาขยับตัวอย่างยากลำบาก หัวของเขาตอนนี้เหมือนมีก้อนหินขนาดใหญ่กดทับอยู่ ในที่สุดร่างกายเขาก็มาถึงขีดจำกัดและล้มป่วยลง มันแน่นอนอยู่แล้ว วันสองวันมานี้เขาต้องเดินทางไกลทนร้อนทนหนาวตลอดเวลา แล้วเมื่อวานก็ตากฝนห่าใหญ่อีก ร่างกายอดทนมาได้ถึงตอนนี้โดยไม่ล้มกลางทะเลทรายไปเสียก่อนก็นับว่าดีมากแล้ว
เขาคว้าเสื้อผ้ามาใส่เพิ่มอีกชั้น และยกกระบอกน้ำขึ้นมาดื่ม ตอนนี้คอเขาแห้งผากจนเหมือนมีเม็ดทรายอยู่ในลำคอ
“แค่กๆ แค่กๆ” โจฮาลสำลักไอออกมาเพราะรีบดื่มเกินไป เขาโขลกไอจนรู้สึกแสบร้อนทรวงอก ตัวเขาโยกไปมาอย่างอ่อนแรงทุกครั้งที่ไอ หลังจากกรอกยาสองสามเม็ดเข้าปากเขาก็ล้มตัวนอนหลับไปอีกครั้ง
ความคิดเห็น