ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Hazy World โลกทะลุเดือด เชือดไม่เลี้ยง

    ลำดับตอนที่ #1 : ความสุขจบลง

    • อัปเดตล่าสุด 4 พ.ย. 67


    ปึงๆ

    เสียงทุบประตูรัว ๆ

    “โจฮาลเปิดประตูเดี๋ยวนี้! ไม่เปิดแม่จะพังเข้าไป” เสียงดุดังแสบแก้วหูลอดเข้ามาในห้อง ทำให้ชายหนุ่มวัยย่างยี่สิบห้าปีเริ่มทนไม่ไหว มือสองข้างเร่งรัวนิ้วกดบนเมาส์และแป้นพิมพ์ ดวงตาจดจ้องหน้าจอคอมพิวเตอร์ไม่กระพริบ ตอนนี้เขากำลังจดจ่อกับเกมศึกสงครามออนไลน์ในด่านสุดท้าย

    “ตายสิวะ! ตายเร็วๆ อึดเป็นบ้าเลย!” โจฮาลก่นด่าให้เบาที่สุดเท่าที่จะทำได้แต่ทำไมถึง...

    “ไอ้ลูกไม่รักดี! อยู่ ๆ มาแช่งแม่งั้นเหรอ?ดี! แกเจอดีแน่”

    ปึงๆ

    คราวนี้แรงทุบประตูหนักหน่วงรุนแรงขึ้นกว่าเดิม

    “แม่! ไม่ใช่! หยุด! ประตูห้องผมจะพังแล้ว!” โจฮาลรีบตะโกนห้าม ร้อนรนจนเผลอปล่อยมือออกจากแป้นพิมพ์และเมาส์

    “ติ๊ด ๆ ระวัง! พลังชีวิตของคุณเหลือน้อย โปรดรักษาทันที!” ระบบเกมร้องเตือนขึ้นในจังหวะที่เขาผุดลุกผุดนั่งลังเลระหว่างจะไปเปิดประตูหรือเล่นให้จบด่านสุดท้ายก่อน

    สุดท้ายโจฮาลเลือกกลับไปยังหน้าจอแต่ด้วยความรีบร้อนทำให้วางนิ้วมือบนแป้นพิมพ์ผิดตำแหน่ง

    “ซวยล่ะ! จะเข้าไปตายหรือยังไง?ออกไปสิเว้ย!” เขาจะกดปุ่มถอยเพื่อหลบแต่กลายเป็นเข้าไปยังระยะการโจมตีของศัตรูแทนจนเผลอตวาดด่าดังลั่นอย่างไม่สบอารมณ์

    แต่โจฮาลกลับไม่รู้เลยว่ามันทำให้คนที่เข้ามาในห้องนั้นโกธรสุดขีด

    “กูไม่เข้าไปตาย! แต่จะเอาเอ็งให้ตายเดี๋ยวนี้แหละ!” ร่างของหญิงวัยกลางคนยืนค้ำศีรษะของโจฮาล มือสองข้างเท้าเอวปั้นหน้าบึ้งตึงสุดขีด ด้านหลังมีบานประตูถูกเปิดอ้าเอียงกระเท่เร่ บานพับตัวหนึ่งหลุดจากตัวยึด

    “แม่! ผม...” โจฮาลหน้าซีดรีบแก้ตัว แต่เหมือนจะช้ากว่าฝ่ามือพิฆาตของมารดาที่พุ่งเข้ามาที่กลางหลัง

    ป๊าบ!

    “วัน ๆ งานการไม่ยอมไปหาสมัครทำ มัวแต่จ้องหน้าจอทั้งวัน ตั้งแต่เรียนจบมาเอ็งเคยคิดออกไปหาเงินบ้างไหม!?”

    “โอย แม่ก็...ผมกำลังหางานอยู่ ใจเย็น ๆ สิ เดี๋ยวได้เงินมาผมยกให้แม่พันหนึ่งเลย”

    “พันหนึ่ง?แล้วตอนนี้ได้งานหรือยัง?”

    “ยังครับ” ชายหนุ่มตอบยิ้มเจื่อนออกไป

    “ขอสักทีเถอะ! ฉันได้ยินแกพูดแบบนี้เป็นร้อยกี่พันครั้งแล้ว นี่ก็จะครบสองปีก็ยังจะพูดแบบนี้อีก!” ผู้เป็นแม่เงื้อฝ่ามือหนาอวบหวดตีลงบนตัวลูกชายดังอีกป๊าบใหญ่

    “โอ๊ยๆ แม่หยุดก่อน ผมเสร็จจากตรงนี้ผมจะรีบแต่งตัวไปหางานหาเงินให้แม่จริง ๆ เลย”

    ติ๊ง!

    เสียงดังขึ้นที่หน้าจอคอมพิวเตอร์พร้อมตัวหนังสือสีแดงปรากฎ “ภารกิจล้มเหลว โปรดลองเพิ่มค่าความแข็งแกร่งหรืออาวุธแล้วลองใหม่อีกครั้ง”

    “แม่! ผมตายแล้วเห็นไหม?” โจฮาลร้องโอดครวญอย่างอดเสียดายมิได้ กว่าเขาจะเล่นมาถึงด่านสุดท้ายใช้เวลามากถึงหนึ่งสัปดาห์เต็ม

    “ตาย?อะไร?แม่ทุบตีแค่นี้ทำมาจะตาย ตัวโตยังกับหมีควาย ไม่มีความอดทนเสียเลย” ผู้เป็นมารดาอดไม่ได้ที่จะต่อว่าอย่างเจ็บแสบ

    “แม่เข้าใจผิดแล้ว ผมหมายถึงเกมที่ผมกำลังเล่นอยู่ต่างหาก เกือบชนะได้อยู่แล้วเชียวถ้าแม่ไม่มาขัดเสียก่อน” โจฮาลบ่นอุบอิบพลางถอนหายใจไปด้วย และนั่นเป็นเหตุให้เขาโดนฝ่ามือพิฆาตของมารดาอีกครั้งอย่างหนักหน่วง

    ป๊าบ!

    “โอ๊ย!”

    “ยังจะพูดมากอีก รีบไปแต่งตัวออกไปซื้อของให้แม่เดี๋ยวนี้ แม่ให้เวลาห้านาทีชักช้าเย็นนี้ไม่ต้องกินข้าว”

    คำสั่งอันเด็ดขาดของมารดาทำให้โจฮาลเด้งตัวออกจากเก้าอี้แทบจะทันที รีบแต่งตัวมุ่งหน้าไปตลาดอย่างไม่รอช้า เพราะเรื่องกินเป็นเรื่องใหญ่สำหรับเขา

    สถานที่ซื้อของเป็นซุปเปอร์มาร์เก็ตขนาดเล็กไม่ไกลจากชุมชนที่โจฮาลพักอาศัยมากเท่าใดนัก เดินเพียงแค่ยี่สิบนาทีก็ถึง เย็นนี้เมนูอาหารคือสปาเกตตี้เนื้อบดกับสลัดเบคอนของโปรดของเขา ทำให้โจฮาลถึงกับฮัมเพลงเบาๆ ก้าวเดินไปเป็นจังหวะอย่างมีความสุข

    ครืน!

    ทันใดนั้นแผ่นดินใต้ฝ่าเท้าพลันสั่นสะเทือน ร่างท้วมที่กำลังเดินผ่านเข้าประตูเลื่อนของซุปเปอร์มาร์เก็ตต้องรีบถอยร่นมาที่ลานจอดรถ เช่นเดียวกับทุกคนที่พากันก้มหมอบบนพื้นอย่างตื่นตะหนก แรงสั่นสะเทือนเกิดขึ้นเป็นระลอกสามถึงสี่ครั้งติด ของที่วางบนชั้นร่วงตกกระจายเกลื่อน เหตุการณ์นี้ใครต่างก็คิดว่าเกิดแผ่นดินไหว อีกไม่นานคงมีข่าวจากทางการรายงานในสื่อต่างๆ

    หลังจากทุกอย่างกลับมาอย่างสงบอีกครั้ง พนักงานในร้านต่างรีบเก็บกวาดข้าวของกันอย่างชุลมุน โจฮาลเข้าช่วยยกชั้นวางที่ล้มขวางทางเดินให้เช่นเดียวกับลูกค้าคนอื่นเพื่ออำนวยความสะดวกให้ร้านกลับมาให้บริการอีกครั้ง เพราะเป็นร้านไม่ใหญ่มากทุกคนต่างรู้จักคุ้นเคยกัน

    “นั่นโจฮาลนี่ มาซื้อของให้แม่เหรอ?” โทนี่ ชายวัยสี่สิบปีเศษ เพื่อนบ้านพักอาศัยถัดจากบ้านของโจฮาลไปสองหลัง เขาทำงานในซุปเปอร์มาร์เก็ตแห่งนี้

    “ครับลุงโทนี่” ชายหนุ่มยิ้มทักทาย

    “วันนี้ช่วงสี่โมงเย็นแผนกเนื้อสัตว์มีลดครึ่งราคา อย่าชักช้าล่ะ เดี๋ยวของดีหมดเสียก่อน” โทนี่กดเสียงเบาคล้ายกระซิบ แต่ก็ยังดังพอให้คนที่ยืนอยู่รอบข้างได้ยิน

    โจฮาลยิ้มขอบคุณ นึกดีใจเขาจะได้เนื้อเพิ่มขึ้นอีกเท่าตัวในราคาปกติ อีกไม่กี่นาทีก็ใกล้เวลาลดราคาแล้วเขาจึงเสนอตัวช่วยลุงโทนี่จัดข้าวของในร้านรอ พอถึงเวลานอกจากจะได้เนื้อมาสองเท่าแล้ว ลุงโทนี่ยังแอบให้ผักทำสลัดมาถุงใหญ่ แม้จะเป็นเศษผักที่ได้จากการคัดสภาพแต่ก็อยู่ในสภาพดี

    ขณะที่โจฮาลอมยิ้มเดินออกจากร้านอย่างเบิกบานใจที่การมาซื้อของครั้งนี้ได้ของมามากมายต้องทำให้แม่หายโกธรตอนช่วงเช้าแน่ ๆ จอโทรทัศน์ภายในร้านที่ปกติจะฉายภาพโฆษณาได้เปลี่ยนเป็นตัวอักษร ‘ข่าวด่วนจากรัฐบาล’ สีขาวพื้นน้ำเงินเต็มจอ พร้อมเสียงเพลงประจำของรัฐสภาดังขึ้นไปทั่วร้าน มันสะกดให้ทุกคนต่างหยุดการกระทำของตัวเองทั้งหมดและให้ความสนใจจอโทรทัศน์ทุกเครื่องที่เดียว

    เมื่อระยะเวลาผ่านไปเพียงครู่ ก็มีภาพฉายของประธานาธิบดีและรัฐมนตรีความมั่นคงกับเจ้าหน้าที่รัฐอีกหลายคน

    “ทางรัฐบาลขอแจ้งให้ประชาชนทุกท่านทราบว่าบัดนี้เมืองปาราและเมืองจอเรสเป็นพื้นที่อันตรายรวมถึงเมืองบริเวณใกล้เคียง ขอให้ประชาชนทุกท่านงดการเดินทางไปยังพื้นที่ดังกล่าวทุกกรณี เนื่องจากพื้นที่ดังกล่าวตกอยู่ในการควบคุมของพวกก่อการร้าย ซึ่งยังไม่สามารถระบุตัวตนได้ว่าเป็นใคร ขอให้ทุกคนอยู่ในความสงบและงดเดินทางชั่วคราวเพื่ออำนวยความสะดวกแก่เจ้าหน้าที่และกองทัพในการเข้าไปเหลือผู้ประสบภัยและตัวประกันในพื้นที่ดังกล่าว”

    “ย้ำอีกครั้ง ขอให้ประชาชนทุกคนอยู่ในความสงบและงดเดินทางชั่วคราว โปรดติดตามข่าวสารจากรัฐบาลและความคืบหน้าในการช่วยเหลือของเจ้าหน้าที่รัฐจากที่บ้านเท่านั้น”

    ข่าวสารนี้ทำให้ทุกคนตื่นตูมและหวาดหวั่น พากันเร่งรีบจับจ่ายซื้อของและกลับบ้านหรือโทรหาญาติใกล้ชิดของตัวเองว่าอยู่ที่ใด เมืองนี้แม้ค่อนข้างอยู่ห่างใกล้จากสองเมืองที่เกิดเหตุแต่ก็ยังอดเป็นกังวลไม่ได้อยู่ดี ส่วนโจฮาลรีบเดินจ้ำอ้าวกลับบ้านอย่างไม่รีรอนับจากได้ยินข่าวว่าเมืองปาราและเมืองจอเรสตกอยู่ในมือผู้ก่อการร้ายแล้ว เขาสังหรณ์ใจไม่ดีเอาเสียเลย

    ร่างท้วมสูงใหญ่รีบเปิดประตูบ้านป้องปากตะโกนทันที

    “แม่ผมกลับมาแล้ว”

    “ว๊าย!” เสียงกรีดร้องตะหนกตกใจ มาพร้อมกับหมอนใบหนึ่งปลิวเข้าปะทะใบหน้าโจฮาลเต็มๆ

    “โอ๊ย!”

    “จะร้องตะโกนทำไมเจ้าลูกคนนี้นี่ จะให้แม่ตกใจตายหรือไงกัน” หน้าอวบกลมไม่ต่างจากลูกชายบิดงอเต็มไปด้วยความโกธร มือลูบอกตัวเองเบาๆ เป่าลมออกจากปากไม่หยุดเพื่อให้ใจที่เต้นแทบหลุดจากอกให้ผ่อนเบาลง

    “แล้วทำไมแม่ถึงต้องตกใจ....” ชายหนุ่มหมายถามต่อ แต่คำถามกลับหายไปในลำคอ เมื่อสายตาตกไปที่จอโทรทัศน์ที่ฉายภาพข่าวหนึ่ง เป็นภาพการจลาจลของผู้คนที่เรียกได้ว่ารุนแรงสุดๆ ถึงขั้นที่ว่าสำนักข่าวต้องรีบตัดภาพเข้าห้องส่งทันที

    “มีการก่อการร้ายเกิดขึ้น คนร้ายยิงขีปนาวุธโจมตีเมืองปารากับจอราส ตอนนี้ทั้งสองเมืองอันตรายมาก ภาพข่าวก่อนหน้านี้เผยภาพผู้คนในเมืองก่อการจลาจลคลุ้มคลั่งฆ่ากันเอง เมื่อกี้ลูกทันเห็นก่อนที่ภาพจะถูกตัดไปไหม? น่ากลัวจริงๆ อย่าได้มาถึงที่นี่เลย”

    โจฮาลเองก็คิดไม่ต่างกัน เขานำของที่ซื้อมาเข้าไปวางไว้ในครัว เรียกให้แม่มาดูว่าเขาได้อะไรบ้าง เขาทำเช่นนี้เพื่อให้ตัวเองลืมภาพที่เห็นในจอทีวีก่อนหน้านี้ มันน่ากลัวจนมือที่เขาจับถุงเนื้อและผักออกมายังสั่นไม่หาย

    “แม่ปิดทีวีเถอะ วันนี้เนื้อลดราคาครึ่งหนึ่งด้วย และวันนี้ผมเจอลุงโทนี่ เลยช่วยแกเก็บของที่ร้านตอนแผ่นดินไหว แกจึงให้ถุงผักสลัดมาห่อใหญ่ แม่ครับ...” โจฮาลทั้งคุยทั้งเรียกแม่อยู่หลายหนก็ยังไม่เห็นแม่เข้าครัวมาเสียทีก็ออกไปตาม จึงพบว่าแม่ยังนั่งอยู่ที่โซฟาอยู่ สายตายังแน่นิ่งที่จอทีวี บนนั้นมีข้อความสีขาวบนพื้นสีฟ้าปรากฎ แต่คราวนี้ไม่ใช่ข้อความสั้นๆ แต่มันยาวเหยียดมากถึงสี่ห้าบรรทัด

    ‘ทางกองทัพเรียกระดมทหารพลเรือนเพื่อเข้าไปช่วยบรรเทาภัยให้กับเมืองที่ได้รับการเสียหายจากการโจมตี ขอให้ชายที่ผ่านการเกณฑ์ทหารแล้วและอายุไม่เกิน 40 ปี เข้าไปรายงานในค่ายทหารประจำท้องที่ที่ตนเองอาศัยอยู่ หากผู้ใดมีปัญหาไม่สามารถเข้าร่วมได้ขอให้นำหลักฐานเข้ามาชี้แจง’

    อาหารเย็นวันนั้นได้กลายเป็นอาหารสุดแสนอร่อยที่สุดในตลอดชีวิตยี่สิบห้าปีของโจฮาล และเขาก็ได้กินเยอะที่สุดโดยที่แม่ไม่หวงแม้แต่ทัพพีเดียวจนเขาแทบสะกดกลั้นน้ำตาไม่ให้ไหลไม่ได้ พยายามปลอบใจสตรีตรงหน้าที่ตาแดงก่ำคอยตักอาหารและน้ำมาเติมให้ตลอดเวลา

    “แม่ไม่ต้องห่วง เขาเรียกแค่ไปช่วยเหลือผู้ประสบภัยเท่านั้นไม่ได้ไปร่วมรบกับเขาจริง ๆ เสียหน่อย ไม่กี่เดือนผมก็กลับมาแล้ว”

    “เวลากินอย่าได้พูดมากเดี๋ยวจะติดคอ”

    “ผมจะกลับมาจริงๆ ผมไม่ตายง่าย ๆ หรอก” โจฮาลคว้ามือที่ถือไม้คีบสลัดของมารดาไว้ จ้องลึกไปในดวงตาของผู้ให้กำเนิด “ผมจะไม่เป็นเหมือนพ่อเด็ดขาด”

    เคร้ง!

    ไม้คีบสลัดร่วงหลุดตกลงพื้นมาพร้อมกับเสียงร่ำไห้แทบขาดใจ โจฮาลโผโอบกอดมารดาไว้แน่นมองภาพของชายในชุดทหารที่ติดบนผนังด้วยแววตาแน่วแน่ สาบานในใจว่า ‘เขาต้องมีชีวิตกลับมา’

    ค่ำคืนนี้สองแม่ลูกไม่อาจข่มตาหลับลงได้ โจฮาลพับจัดเก็บเสื้อผ้าลงในกระเป๋าอย่างเหม่อลอย กวาดสายตามองโต๊ะคอมพิวเตอร์และทุกอย่างในห้องอย่างอาลัย

    “ติงๆ จ๊ะ ติงๆ จ๊ะ”

    เสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้น เป็นเพื่อนสมัยเรียน

    “คาเตอร์?”

    “โจฮาล ฉันคาเตอร์เอง ดีจริงที่นายยังจำกันได้ ตอนนี้มีประกาศเรียกระดมพลทหาร หวังว่าเราจะได้เจอกันที่ค่ายนะ”

    “คาเตอร์ไม่ใช่ว่านายย้ายบ้านไปเมืองอื่นแล้วไม่ใช่เหรอตั้งแต่เรียนจบ?”

    “ฉันย้ายไปก็จริงแต่ชื่อฉันยังอยู่ที่เดิม โจฮาลฉันต้องวางสายแล้ว ไว้พวกเราค่อยคุยกันที่ค่ายแล้วกัน”

    “เดี๋ยวก่อนคาเตอร์!”

    ตู๊ด ๆ

    สายถูกตัดไปดื้อ  ๆ โจฮาลมองหน้าจอมือถือเขม็ง เพราะคาเตอร์คือเพื่อนสนิทของเขาตอนเรียนที่มหาวิทยาลัยก่อนแยกย้ายห่างหายกันไปไม่ติดต่อจนกระทั่งวันนี้

    เขาค่อนข้างดีใจที่จะได้เจอเพื่อนเก่าอีกครั้งแต่ก็สงสัยว่าทำไมถึงขาดการติดต่อไปเกือบสองปีเต็ม แต่ก็ช่างเถอะ ถึงอย่างไรก็ค่อยไปถามไถ่เอาทีหลังแล้วกัน

    โจฮาลหันไปมองนาฬิกา ตอนนี้เกือบตีหนึ่งแล้วเขาต้องข่มตานอนให้ได้มิเช่นนั้นพรุ่งนี้เขาแย่แน่

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    นักเขียนปิดการแสดงความคิดเห็น
    ×