ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    รามณาสูร:The King of Titan

    ลำดับตอนที่ #1 : การบุกครั้งแรก

    • อัปเดตล่าสุด 31 ส.ค. 49


    การบุกครั้งแรก

              "ไอ้หนุ่มชีวิตเจ้าน่ะ..มันจะสิ้นสุดลงตรงนี้แหละ" ชายหัวล้านกล่าวพลางหยิบกระบอกไม้บางอย่างไว้ในมือก่อนจะส่งเสียงหัวเราะคำรามออกมาหวังขู่คนข้างหน้า


              "ถ้าอย่างนั้นท่านลุงจะรีรออยู่ไยเล่า..เรามาเริ่มกันเลยดีกว่า..!!" ว่าแล้วเจ้าหนุ่มผมดำก็ทุบโต๊ะดังปังไม่รอช้าชายหัวล้านเขย่ากระบอกไม้ไปมาเสียงสิ่งของบางอย่างดังกระทบทั่วด้านในกระบอก ก่อนชายหัวล้านจะโยนมันขึ้นไปบนอากาศและถูกตบลงบนโต๊ะอย่างรุนแรง


             "ไอ้หนู..ชีวิตแกจบแล้ว.." ว่าแล้วเขาก็หัวเราะแต่ก่อนที่จะเปิดกระบอกไม้ออกมาเด็กหนุ่มก็จับมือยั้งชายหัวล้านไว้ "อยากเลิกแล้วหรอไอ้หนุ่ม หึหึ.."


              " ลุง..ขอเวลาสักครู่" ว่าแล้วเจ้าเด็กหนุ่มก็ขยับกระบอกไม้ไปมาสองครั้งก่อนจะปล่อยมือออกจากกระบอก พลางพยักหน้าส่งสัญญาณบอกว่าให้เปิดได้


              "หก หก หก หก หก หก...หกแต้มหกลูก แบบนี้สูงชัวร์..!! เจ้ามือท่านเสียแล้ว..!!" ว่าแล้วเสียงตะโกนเฮฮาดังขึ้นทั้งร้าน ชายแก่หัวล้านนั่งกุมหัว พลางมองเด็กแปลกประหลาดที่ไว้ผมยาวหยักโศกยาวยุ่งๆราวรังนกนั้นถึงบ่าปิดดวงตาสีดำของตนราวกับไม่อยากให้ใครเห็น ซึ่งเมื่อเทียบดูกับคนรอบข้างก็ถือว่าประหลาดยิ่งเพราะทั้งเขา และคนอื่นๆในเมืองต่างมีสีผม หรือนัยน์ตาจะเป็นสีทอง สีน้ำตาล สีแดง เป็นต้น แต่ไม่เคยมีสีดำ เขายังไม่เคยเห็นผู้ใดที่มีผมและสีนัยน์ตา สีดำมาก่อนเลยในชีวิตนี้หากแต่จะไม่มีใครสนใจเพราะเจาเด็กเวรข้างหน้ามันชนะพนันเขา เป็นครั้งแรกที่เขาแพ้แบบหมดตัวแบบนี้


             "อย่ามองฉันแบบนี้สิลุง..ฉันไม่เอาไปหมดหรอก..ในถุงนี้มีเหรียญทองหนึ่งร้อยเหรียญแต่ฉันขอแค่สามสิบก็พอ ... แล้วก็ทีหลังอย่าพนันด้วยเงินก้อนโตๆแบบนี้อีกนะลุงมันไม่ดีหมดตัวง่าย "
              ว่าแล้วเจ้าเด็กประหลาดก็นับเหรียญทอง ก่อนเก็บเข้ากระเป๋าคาดเอวหนังสีดำของตน พลางโยนถุงเงินคืนให้กับชายแก่ เด็กชายยิ้มเกริ่นและหันหลังไปขบคิดอะไรบางอย่าง ขณะเดินไปทางประตูร้านเหล้าเสียงหนึ่งก็ร้องเรียกทัก

              "เดียว เจ้าหนุ่ม..เจ้าชื่ออะไร..!!" ชายหัวล้านตะโกน ขณะที่เด็กหนุ่มกำลังจะเดินออกจากร้าน ที่อัดแน่นไปด้วยผู้คนที่ต่างมาสังสรรค์เพื่อปลดความเหนื่อยยากจากการทำงานมาทั้งวัน


    "..หวังว่าเราคงจะพบกันอีก.."

    ...เขายิ้ม...


    เสียงดังตะโกนโวยวายดังออกมาจากร้านเหล้าไม่ขาดสาย ท่ามกลางยามค่ำคืนอันเงียบสงบที่อบอ้าวของฤดูร้อนบ้านเรือนที่ทำมาจากอิฐสีขาว แดง เรียงรายยาวไปจนสุดสายตา  เด็กชายมองหันซ้ายขวา เพื่อหาจุดมุ่งหมายของตนต่อไปก่อนจะเลือกเดินทางขวามุ่งสู่โกดังเรือเพื่อหาที่ซุกหัวนอน มันเป็นเวลากี่ปีแล้วนะที่เขาต้องออกมาเร่ร่อนแบบนี้ เสื้อที่เก็บมาจากถึงขยะเมื่อปีก่อนก็เต็มไปด้วยรอยเย็บมากมายและคับเกินไปสำหรับตัวเขาเองในตอนนี้ เสื้อคลุมสีเขียวที่แอบหยิบจากโกดังของท่าเรือก็หมองคล้ำเปรอะเปื้อนไปด้วยโคลน รองเท้าหนังที่เคยขโมยมาจากพวกพ่อค้าบัดนี้ก็ดูหมองไม่เงางามเช่นเดิม สิ่งเดียวที่ยังคงดูดีอยู่ในตอนนี้คงจะเป็นกระเป๋าหนังคาดเอวสีดำที่ยังพอจะเป็นเงาอยู่บ้างแต่จะว่าไปแล้วมันก็เป็นสิ่งเดียวที่เขาไม่ได้ขโมยมาจากใครแต่เป็นสิ่งที่เขานำติดตัวตั้งแต่วัยเยาว์จนถึงบัดนี้


    เมื่อเด็กหนุ่มเดินออกห่างจากร้านเหล้าแสงไฟจากหน้าต่างในแต่ละบ้านนั้นก็ค่อยๆหายไปทีละบานๆไม่ช้าก็เหลือเพียงแต่ความมืดบ่งบอกว่าทุกครัวเรือนในเมืองนั้นต่างเริ่มกำลังหลับนอนอย่างมีความสุขบนเตียงอุ่นๆของตนพร้อมๆกับคนที่ตนรัก แต่สำหรับเขาสิ่งที่เขามีคือถนนหินสีเทาอันไร้จุดหมายที่เย็นเฉียบและเสาโคมที่ตั้งอยู่ทางซ้ายยาวขนานไปกับถนนเส้นนี้


    "โลกนี้ชั่งไม่ยุติธรรม"

    เขาคิดขณะที่ตนเดินมาถึงท่าเรือ

    ท่าเรือยาวยื่นออกไปสู่ทะเลเรือสำเภาขนาดใหญ่

    ของเหล่าพ่อค้านับร้อยจอดนิ่งเทียบท่าสร้างความคิดที่ว่า

    ถ้าเปรียบนี่เป็นกองเรือรบแล้วคงน่าเกรงขามยิ่ง


    พลางความคิดนั้นต้องชะงักเมื่อบนท้องฟ้าเกิดมีเหตุแปลกประหลาดเรียกสายตาของผู้ที่หลับใหล และยังไม่หลับใหล ... ให้เปิดหน้าต่างแหงนดูปรากฏการบนท้องฟ้ายามราตรี


    ท้องฟ้ายามราตรีที่มืดไร้แสงดาวกำลังถูกตัดออกเป็นสอง ด้วยหินยักษ์ที่ปล่อยไฟสีเขียวลุกท่วมเป็นทางยาวจากสุดขอบฟ้า มันพุ่งผ่านตัวเมืองไปอย่างช้าๆราวกับต้องการจะให้ผู้คนตราตรึงภาพนี้ไว้ในสมองก่อนจะเลือนหายไปที่ปลายสุดขอบฟ้าทางทิศตะวันตก ก่อนสิ่งแปลกประหลาดที่สุดในชีวิตเขาจะบังเกิดขึ้น


                    เบื้องหน้าเรือสำเภามากมายที่จอดอยู่กำลังจมลงโดยพร้อมเพรียงกันคล้ายมันถูกของบางอย่างกระแทกอย่างรุนแรงจนสีข้างเรือทะลุ ไม่ช้าสิ่งที่คบเพลิงบนท่าเรือก็ส่องให้เห็นลางๆคือเงามืดประหลาดที่ไร้ความหวั่นเกรงต่อแสง มันเคลื่อนที่จากท่าเรือและเริ่มมุ่งหน้าเข้าใกล้จุดเขายืนขึ้นเรื่อยๆไม่ช้าเงานั้นก็ถึงโกดังสินค้าด้านหน้าเขาไม่ถึงร้อยเมตรและไม่ช้า...

    ตูม!!

                    เสียงพังทลายของสิ่งก่อสร้างดังสนั่นเรียกให้ผู้คนออกมาจากบ้านของตน บ้างก็ถือคบเพลิงออกมาก่อนจะมองไปที่โกดังสินค้า


                    พลันเสียงกรีดร้องของหญิงสาวราวกับเจอผีก็ดังขึ้นเมื่อเงานั้นเข้าใกล้จนมองเห็นได้ว่ามันไม่ใช่เงาที่เคลื่อนที่ได้แต่เป็นตัวบางอย่างที่คล้ายมดมีขนาดเท่าฝ่ามือผู้ใหญ่ แต่สิ่งที่ชวนสยองไม่ได้มีเพียงแค่นั้น กลับจำนวนต่างหากมันมีมิใช่เพียงหนึ่ง หรือสอง แต่มันมากันเป็นแสนๆไม่สิเป็นล้านต่างหาก..!!


                    เด็กหนุ่มยืนปากค้างก่อนจะตั้งสติรีบวิ่งหนีไปทางประตูเมือง ซึ่งระยะทางก็ไม่ต่ำกว่าสิบกิโล ขณะพลางวิ่งก็ต้องหันเหลียวมองไปทางด้านหลังเพราะกลัวว่าพวกมดยักษ์จะตามทัน


                    แต่ก็พบกับสิ่งที่น่าประหลาดใจเมื่อเขาเห็น เด็กหญิงราวสิบขวบคนหนึ่งกำลังร่ายมนต์บางอย่างจนเกิดลูกไฟลูกหนึ่งหมุนล้อมรอบตัวเธอขึ้นมาก่อนจะระเบิดออกกลายเป็นลูกไฟราวแปดลูกเผาพวกมดไปได้ส่วนหนึ่ง แต่สิ่งที่ทำให้แปลกใจคือทุกสิ่งที่โดนลูกไฟนี้จะติดเป็นไฟแม้กระทั่งแอ่งน้ำยังกลายเป็นบ่อเพลิงในพริบตา


                    เมื่อเจ้ามดยักษ์โดนลูกไฟนี้ไฟก็ลามขึ้นท่วมร่างของมันในทันที และเมื่อมีมดอีกตัวมาโดนไฟนั้นก็จะลุกท่วมต่อ แต่จะเป็นเช่นนี้แค่สองถึงสามครั้งเท่านั้นจึงไม่สามารถหยุดกองทัพแมลงที่มีจำนวนมหาศาลนับล้านได้ ไม่ช้าร่างของเด็กหญิงก็ถูกมดตัวหนึ่งพุ่งเกาะเข้าที่ขาก่อนจะฝังเขี้ยวคล้ายกรรไกรของมันเข้าที่ข้อเท้าเลือดสีแดงสดพุ่งไหลออกมาให้เห็น เสียงร้องเจ็บของเด็กหญิงดังขึ้นก่อนจะร่ายไฟออกมาจากปลายไม้คทาเผาเจ้ามดจนกลายเป็นตะโก แต่พอเมื่อเหลือบมองขึ้นไปด้านบนก็เห็น มดอีกตัวกำลังพุ่งกระโดดใส่เธอ


                    เด็กหญิงหลับตาปี๋หากแต่ความรู้สึกนั้นคล้ายมีแค่สายลมผ่านข้างหูก่อนเธอจะลืมตาขึ้นอีกครั้ง  ภาพเบื้องหน้าคือปากและเขี้ยวของเจ้ามดยักษ์ที่หวังจะกินเธอ เด็กสาวร้องกรี๊ด แต่มันถูกของบางอย่างฟาดเข้าจนลอยออกไปไกล ไม่ช้าร่างเล็กถูกอุ้มขึ้นจากพื้นโดยเด็กหนุ่มผมดำ


    เบื้องหน้านั้นคือมดจำนวนมากที่กำลังวิ่งมาทางพวกเขาอย่างรวดเร็ว...


                 "เวทมนต์..!! รีบร่ายมนต์ฆ่ามันสิ..!!" เด็กหนุ่มตะคอกใส่เธอก่อนจะหันไปด้านหลังอีกรอบ  และเพิ่มสปีดความเร็วของตนขึ้นไปอีกเมื่อเห็นว่าพวกมันไล่เขาตามมาติดๆ เด็กหญิงยังคงงุนงงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นพลางความเจ็บปวดที่ข้อเท้าก็เริ่มหนักขึ้น แต่ถ้าเทียบกับการฝึกที่เตรียมรับเหตุการณ์นี้มาตั้งแต่เกิดมันช่างน้อยนิดนัก


               เมื่อเริ่มตั้งสติได้อีกครั้ง เธอก็หยิบไม้คทาขนาดเท่าไม้บรรทัดขึ้นมาอีกครั้งจะว่าไปแล้วมันก็เหมือนกับกิ่งไม้ดีๆนี่เองเพียงแต่มันมีสีดำสนิทก็เพียงเท่านั้น


                "รีเจ็นซี่..!!" สิ้นคำกล่าวหมอกสีขาวค่อยๆลอยออกมาจากตัวคทาก่อนมันจะพุ่งตัวไปที่ข้อเท้าของเธอ ไม่ช้าบาดแผลเมื่อครู่ก็ค่อยๆเลือนหาย จากบาดแผลลึกที่ยังคงเห็นเลือดออกมาไม่ขาดสายตัดกับผิวขาวซีดของเด็กหญิงนั้นกลับเหลือเพียงคราบเลือดที่ข้อเท้าท่านั้น แต่ดูเหมือนผู้ที่อุ้มจะยังไม่เห็นเพราะใบหน้านั้นยังคงมองไปข้างหน้าวิ่งหนีอย่างเดียว


                "เร็วเข้าสิ..!! เป็นพวกชนชั้นสูงไม่ใช่หรอไง ร่ายอะไรก็ได้เร็วเข้า..!!" เด็กหนุ่มตะโกนบอกเมื่อมีมดตัวหนึ่งกระโดดเกาะที่เสื้อคลุมของเขา แต่โชคดีที่มันเคยถูกเย็บมาหลายครั้งจึงขาดออกไปอย่างง่ายดาย


                 "ฮัส!!" เด็กหญิงร่ายมนต์สั้นๆ  ไม่ช้าก็มีขนจำนวนมาก ล่องลอยวนพวกเขาแม้ว่าเขาจะวิ่งสลัดมันออกเท่าใดก็ไม่สามารถสลัดออกได้ ก่อนความรู้สึกหนึ่งพึ่งจะเข้าหัว


    'ตัวเราเบาขึ้นนี่หว่า..!!'


                 เด็กหนุ่มออกตัววิ่งเต็มกำลังบ้านเรือนรอบข้างผ่านตัวเขาไปอย่างรวดเร็วจนมองไม่ทันสิ่งที่เห็นก็มีเพียงภาพเบลอๆเท่านั้น เสียงแหลมลมที่ผ่านหูไปก็เหมือนจะดังเรื่อยๆ อา...  ใช่แล้ว... ไม่ผิดแน่ ... เสียงของมันเหมือนเสียงของสายลมเวลาที่พายุเข้าไงล่ะ..!!

    รอยยิ้มเล็กๆจางขึ้นบนใบหน้าของเด็กชาย...

    -----------********---------

    ขอใช้ตอนสองมาเป็นตอนแรกเลยละกันนะครับเพราะถ้าผมเขียนตอน1ใหม่อาจจะเกิดความเข้าใจผิดได้แต่อาจจะต้องเปลี่ยนโครงเรื่องเล็กน้อย และอาจจะแสดงความเป็นไทยลดลงแต่เพิ่มวัฒธรรมของเอเชียมากขึ้นนะครับ ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×