ตอนที่ 2 : ข้างบ้านวันที่สอง ( 100% )
ข้างบ้านวันที่สอง
-
“ฟอง โทรศัพท์มึงสั่นไม่หยุดเลยว่ะ”
เพื่อนที่นั่งโต๊ะเรียนข้างกันอย่างใจเย็น, เพื่อนสนิทผู้หญิงคนแรกและคนเดียวในชีวิตมัธยมของฉันกระซิบขึ้นมาเบาๆ ในขณะที่เรากำลังเรียนวิชาเคมีที่ขึ้นชื่อเรื่องความน่าเบื่อ ความยาก และครูโหดสุดๆ สำหรับฉัน
และใช่ โทรศัพท์ลูกรักตัวดีของฉันสั่นครืดๆ ไม่หยุด ดีนะที่มันอยู่บนกองหนังสือเรียนที่ยัดเอาไว้ใต้โต๊ะ ที่มันสั่นกับพื้นไม้ของโต๊ะเรียนจริงๆ คงได้ยินกันไปทั้งห้องแล้ว
ฉันไหลมือลงไปใต้โต๊ะแล้วกดปุ่มใดซักปุ่มข้างๆ โทรศัพท์ให้มันเลิกสั่นแล้วก็แกล้งทำเป็นสนใจเรียนต่อ
แต่ซักพักนึงมันก็สั่นขึ้นมาอีก
“ใครโทรนักหนาวะ”
ฉันบ่นกับตัวเองแล้วก็ไหลมือไปใต้โต๊ะเพื่อปิดการสั่นของมันอีกรอบหนึ่ง
แล้วมันก็สั่นมาอีกรอบในเวลาต่อมา
ชักจะรำคาญแล้วจริงๆ นะเว้ย
ฉันตัดสินใจกำโทรศัพท์ไว้ในมือ จ้องหน้าครูและรอจังหวะให้ครูหันหลังไปเขียนกระดานก่อนจะรีบหมุนตัวโยนโทรศัพท์ลงกระเป๋านักเรียนที่แขวนอยู่กับพนักพิงเก้าอี้อย่างรวดเร็ว ต่อให้มันสั่นก็จะไม่รู้เรื่องเท่าไหร่แล้ว
“ใครโทรมา แอบซุกผู้ไว้ป่ะ”
ฉันส่ายหน้าปฏิเสธใจเย็นที่ทำเหมือนจะแซวทันที – ผู้บ้าผู้บออะไรกันล่ะ นอกจากไอ้ผู้ชายรวมแก๊งสองคนอย่างไอ้โยโย่กับไอ้ก้องเกียรติจะมีใครที่เป็นผู้ชายมาวนเวียนในชีวิตฉันด้วยอีกหรือไงกัน
อ้อ ลืมไป อิพี่ข้างบ้านที่สุดแสนจะกวนประสาทแถมรีดเสื้อฉันไหม้เมื่อเช้าด้วยอีกคนสินะ
#พี่ฮั่นที่อยู่ข้างบ้านอ่ะ
ฉันกดปลดล็อกห้าจอโทรศัพท์ก็เห็นว่ามีมิสคอลจากเบอร์ที่ไม่ได้บันทึกเอาไว้เก้าสาย
นอกจากจะไม่รู้ว่าเบอร์ใครแล้วยังจะโทรมาเหมือนที่บ้านไฟไหม้อีกต่างหาก
ฉันเขี่ยข้าวในจานเล่นระหว่างที่กำลังพยายามนึกถึงเบอร์ใครซักคนที่ขึ้นต้นด้วยเบอร์นั้นมั้ยแต่ก็ไม่มี
“มึงก็โทรกลับดิฟอง”
ใจเย็นพูดขึ้นมาพลางแย่งลูกชิ้นในก๋วยเตี๋ยวของไอ้ก้อง
“ใครโทรมาวะ”
“ไม่รู้ดิ พวกมึงรู้จักเบอร์นี้กันป่ะ”
ฉันหันหน้าจอโทรศัพท์ไปให้พวกมันสามคนดู แต่ทุกคนก็ส่ายหน้ากันหมด และฉันเป็นประเภทที่ถ้าไม่ได้เมมเบอร์ใครไว้ก็จะไม่รับสายหรือจะไม่โทรกลับ ซึ่งมักจะโดนแม่ด่าประจำ แต่ก็นะ ฉันไม่ชอบคุยกับคนแปลกหน้า
วางโทรศัพท์ลงบนโต๊ะแล้วหันไปสนใจกินข้าวมื้อเที่ยงต่อ และหลังจากที่วางมือถือลงไปได้ซักพักหนึ่งมันก็สั่นและปรากฎเบอร์เดิมที่ฉันไม่ได้รับสายก่อนหน้านี้มาอีกครั้ง
ไอ้ก้องพยักหน้าให้ฉันรับสาย และสุดท้ายฉันก็กดสไลด์จอไปทางขวาเพื่อรับสายจนได้
“ฮัลโหล”
( ฟองดาวใข่ป่ะ? )
“ใช่ ใครอ่ะ”
พวกมันอีกสามคนก็กินข้าวไปจ้องหน้าฉันไปด้วย นี่ไม่รู้เลยนะว่าเป็นห่วงเพื่อนกลัวคุยกับคนไม่รู้จักหรือเพราะอยากเสือกกันแน่
( คนที่หล่อๆ หน่อยอ่ะ )
อ่ะ กูว่ากวนตีนแบบนี้มันมีอยู่คนเดียว
“พี่ฮั่น”
( เฮ้ย รู้ได้ไงเนี่ย แสดงว่าพี่หล่อจริงๆ สินะ )
ไอ้ใจเย็นพึมพำถามว่าพี่ฮั่นเป็นใครวะ และก็เป็นโยที่ตอบไปว่าคนที่เป็นนักร้องเดอะสตาร์ไง
สมควรที่จะได้โบกกบาลจริงๆ นั่นแหละ
“พี่เอาเบอร์หนูมาจากไหน เราไม่เคยแลกเบอร์กันนะ”
( แม่หนูไงคะ )
โอ๊ย ฉันล่ะเกลียดจริงๆ เวลาที่พี่ฮั่นมันทำเสียงอ่อนเสียงหวานแล้วพูดคะขาเนี่ย
“แล้วพี่มีอะไร โทรรัวทำไมนักหนา ไม่รู้หรือไงหนูเรียนอยู่”
ฉันวางช้อนในมือแล้วเปลี่ยนเป็นกำหมดไปเท้าเอวไว้แทน รู้ตัวว่ากำลังทำคิ้วขมวดอยู่แน่ๆ และถึงแม้ว่าไอ้คนปลายสายมันจะไม่ได้เห็นท่าทางของฉันในตอนนี้แต่ก็ทำไปก่อนเป็นอินเนอร์
( รู้ แต่จะโทร มันเรื่องใหญ่มาก )
“เรื่องอะไรล่ะคะ”
( เที่ยงแล้วพี่ควรจะกินข้าวกับอะไรดี )
“...”
คือขอโทษนะคะ แต่คุณพี่ข้างบ้านโทรมาหาหนูเกือบสิบสายเพื่อการถามว่าเที่ยงนี้กินข้าวกับอะไรเนี่ยน่ะเหรอคะ
อิพี่ฮั่น หนูถามจริง
( เร็วน้องฟาวดอง ช่วยคิดหน่อย ตอนนี้ที่มอมีร้านตามสั่ง ราดหน้า ก๋วยเตี๋ยวไก่มะระ มีข้าวแกงกะ-- )
“อยากกินอะไรก็กิน”
( ก็พี่อยากกินทุกอย่างพี่เลือกไม่ได้ พี่เลยโทรมาถามหนูไง )
แล้วมันใช่ธุระอะไรของกูมั้ยเนี่ย!
ฉันถอนหายใจแรงๆ ใส่โทรศัพท์จนพวกมันอีกสามคนต้องหันมามองง มือที่กำหมัดเท้าเอวอยู่ยกขึ้นมากำแน่นจนเส้นเลือดที่ข้อมือปูด แล้วถอนหายใจอีกรอบหนึ่ง
“เพื่อนพี่ไม่คบเหรอต้องโทรมาถามหนูอ่ะ”
( ก็พี่อยากถามหนูไม่ได้เหรอคะ )
ไปถามแม่พี่นู้นไป๊!
( เอางี้ หนูกินไรอยู่ )
“ข้าวมันไก่”
( ที่นี่ไม่มีอ่ะ อย่างอื่นได้มั้ย )
โว้ย!
มันใช่ธุระอะไรของไอ้ฟองดาวคนนี้มั้ยวะเนี่ย!
( หรือพี่จะกินก๋วยเตี๋ยวไก่ดีวะ มันก็คล้ายๆ กับของหนูแหละเนอะ )
อื้อ คล้ายก็คล้าย กินๆ มันเข้าไปเถอะนะ
( ไม่เอาดีกว่า เบื่อแล้วอ่ะ มีอย่างอื่นมั้ย )
อิ-พี่-ฮั่น
นี่มันใช่ธุระอะไรของฉันมั้ยที่จะต้องมาเลือกเมนูอาหารมื้อเที่ยงให้ไอ้พี่ชายข้างบ้านที่ไม่ได้สนิทกันขนาดนั้นแถมยังมากวนประสาทด้วยการรีดเสื้อนักเรียนให้ฟรีแถมรอยไหม้เนี่ย
“คือพี่จะกินอะไรก็เรื่องพี่มั้ย หนูเกี่ยวเหรอ”
( ถ้าพี่อยากให้เกี่ยว หนูก็ต้องเกี่ยวค่ะ )
ขอประทานโทษนะคะ แต่พี่มึงเอาแต่ใจตัวเองมากค่ะ
ฉันถอนหายใจรอบที่ล้านจนไอ้ใจเย็น ไอ้ก้อง ไอ้โยแทบจะเลิกกินข้าวแล้วหันมาจ้องหน้าฉันคุยโทรศัพท์อย่างเดียวแล้วแทน
( เร็วๆ น้องฟาวดอง ช่วยคิดหน่อยพี่กินไรดี พี่คิดไม่ออกจริงๆ นะเนี่ย )
“ราดหน้าหมี่กรอบ”
( เบื่อแล้ว พี่กินบ่อยมากเลยนะ เมื่อวานก็กิน )
“กะเพราไก่”
( พี่ไม่ชอบใบกะเพรา )
“สุกี้น้ำ”
( มันดูเฮลตี้ไปป่ะวะ )
“อิพี่ฮั่น ถ้าเลือกให้แล้วไม่กินก็ไม่ต้องโทรมาถามตั้งแต่แรกนะ เสียเวลาโว้ย!”
ตะโกนด่าพี่มันไปซักทีก่อนจะจิ้มปุ่มแดงกดวางสายแล้วคว่ำหน้าจอโทรศัพท์บนโต๊ะอย่างแรงโดยไม่กลัวว่าหน้าจอมันจะร้าวรานหรือไม่ – ตอนนี้มันไม่มีอะไรน่าหงุดหงิดไปมากกว่าพี่ฮั่นอีกแล้ว
“พี่ฮั่นคือใครวะฟอง”
เป็นไอ้ก้องที่เอ่ยปากถาม ฉันถอนหายใจแรงๆ ก่อนจะตอบ
“พี่ข้างบ้านที่น่ารำคาญที่สุดในโลก น่ารำคาญยิ่งกว่านกพิราบในโรงอาหาร น่ารำคาญยิ่งกว่าสี่จีโหลดไม่ขึ้น น่ารำคาญยิ่งกว่าลุงคนนั้นที่อยู่ในทำเนี—“
“เฮ้ย กูว่าไม่ดีมั้งเพื่อน”
ขอบคุณใจเย็นที่เบรกเอาไว้ก่อน ไม่อย่างนั้นเราอาจจะไม่ได้อ่านตอนจบของฟิคเรื่องนี้
“ใช่คนที่มาส่งมึงเมื่อเช้าป่ะวะ”
“เออ พี่มันนั่นแหละ”
ตอบไอ้โยไปก่อนจะกินข้าวของตัวเองซักทีหลังจากที่เสียเวลาเสวนากับอิพี่ฮั่นนานสองนาน และเมื่อฉันกำลังจะอ้าปากยัดข้าวมันไก่เข้าปาก โทรศัพท์ตัวดีก็สั่นขึ้นมาพร้อมกับเบอร์ๆ เดิม
ฉันวางช้อนกระแทกกับจานเสียงดังอย่างอารมณ์เสียสุดๆ แม้ใจเย็นจะเอามือลูบหลังเชิงบอกให้ใจเย็นๆ แล้วก็ตาม แต่เชื่อเถอะว่าใครๆ คุยกับพี่ฮั่นก็ประสาทเสียและโมโหแบบฉันทุกคน – ฉันสูดหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะกดรับสาย
“ไม่ต้องกินอะไรแล้วค่ะพี่ กลับบ้านไปนอ--!”
( บางทีถ้าเธอยอมใจเย็นๆ และฟังฉันซักหน่อย )
“พี่อินกับรักติดไซเรนหรือไง”
ฉันถอนหายใจจนอายุสั้นลงไปสามสิบปีแล้วแหละวันนี้
( ก็อินอยู่นะ พี่ว่าจะโคฟเวอร์เป็นไอซ์พาริสอยู่ น้องสนใจเป็นแพรวาให้พี่มั้ย )
“พี่ฮั่น”
( ครับ )
“ไปคุยกับต้นไม้นะ”
แล้วอิพี่มันก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมาจนฉันต้องดึงโทรศัพท์ให้ห่างออกจากหู นอกจากจะไม่ได้มีความรู้สึกผิดที่โทรมากวนชีวิตคนอื่นแล้วยังจะมาหัวเราะใส่แบบสะใจอีก
หรือฉันควรจะบล็อกเบอร์พี่มันไปเลยให้มันจบๆ
( เฮ้ยๆๆๆๆ น้องฟาวดอง อย่าเพิ่งวาง! )
“อะไรอีก”
( ตั้งใจเรียนนะคะ ตอนเย็นเจอกันนะ )
พูดจบพี่มันก็ชิงตัดสายไปก่อนฉันอีกรอบนี้
ฉันดึงโทรศัพท์ออกจากหูแล้ววางมันลงบนโต๊ะแบบที่นุ่มนวลกว่าก่อนหน้านี้แล้วพึมพำกับจตัวเองพลางนึกถึงหน้าตากวนประสาทของไอ้พี่ข้างบ้าน
“เป็นบ้าหรือไง”
“เออมึงอ่ะ เป็นบ้าหรือไง ขมวดคิ้วแต่ปากยิ้มคืออะไรวะ”
ฉันรีบยกมือขึ้นจับมุมปากตัวเองทันทีหลังจากที่ไอ้ก้องพูดจบ แล้วก็สัมผัสได้ว่ามันปากฉันมันยกขึ้นสูงกว่าปกติจนต้องรีบหุบยิ้มลงอัตโนมัติทันที
แล้วกูจะยิ้มทำไมวะเนี่ย
#พี่ฮั่นที่อยู่ข้างบ้านอ่ะ
“เย็นนี้ไปกินข้าวกับพวกกูป่ะ”
พอครูเดินออกจากห้องไอ้ใจก็หันมาถามทันที เพราะปกติหลังเลิกเรียนไอ้สามตัว ใจเย็น ก้องเกียรติ และโยมันจะไปกินข้าวก่อนกลับบ้านด้วยกันทุกครั้งโดยให้เหตุผลว่ากินหลังห้าโมงมันจะอ้วน
ก็เป็นเหตุผลที่ฟังดูรักสุขภาพ แต่ก็รักกันไปสามคนพอนะ ฉันจะขอเสียสละกินหลังห้าโมงตลอดไปให้เอง
ฉันส่ายหน้าแทนการเอ่ยปากตอบ พวกมันสามคนเดินลงจากตึกไปก่อน ฉันเก็บของลงกระเป๋านักเรียนแบบไม่รีบร้อนเท่าไหร่เพราะเหลือเวลาอีกตั้งสิบนาทีกว่าจะสี่โมงครึ่งตามที่บอกกับพี่ฮั่นไป
จริงๆ ก็ไม่ได้อยากกลับกับพี่มันหรอกนะ แต่ถ้าไม่กลับด้วยเดี๋ยวก็เอาไปฟ้องแม่ให้ฉันโดนด่าอีก
สะพายกระเป๋า โบกมือลาเพื่อนคนอื่นในห้องพร้อมกับหิ้วรองเท้านักเรียนแคทช่าลงมาจากตึก มืออีกข้างก็กดโทรศัพท์ไถโซเชี่ยลเช็คข่าวว่าแฟนที่เกาหลีทำอะไรอยู่เป็นยังไงบ้างไปเรื่อยเปื่อย
“สังคมก้มหน้ามากค่ะน้องฟาวดอง”
ฉันเงยหน้าทันทีเลยล่ะพอได้ยินน้ำเสียงกวนประสาทอันแสนจะคุ้นเคย
พี่ฮั่นคนเดิมเพิ่มเติมคือชุดนักศึกษาที่สุดแสนจะเรียบร้อยในตอนเช้านั้นเปลี่ยนเป็นลุคผู้ชายรว้ายๆ โดยการปล่อยให้ชายเสื้อหลุดออกนอกกางเกง ปลดกระดุมออกสอง-สามเม็ดโชว์แผงอกสุดเซ็กซี่เบาๆ
โอ๊ย จะโชว์ไปเพื่อใครก่อน
“มองพี่งี้หมายความว่าไงคะ พี่หล่อกระชากใจเลยล่ะสิ”
อื้อ หลงตัวเองดีค่ะพี่
“เดินเข้ามาทำไรถึงหน้าตึกเนี่ย”
“อดใจไม่ไหว คิดถึงอยากเจอเร็วๆ”
แหวะ
ฉันเบ้ปากพร้อมกับกลอกตามองบนอีกซักสองร้อยรอบ พี่ฮั่นหัวเราะเหมือนฝืนใจนิดหน่อย และเมื่อเห็นหน้าไอ้คนต้นเรื่องก็ทำให้คิดได้ว่าฉันมีเรื่องที่จะต้องสะสางกับพี่มัน – กระเป๋านักเรียนบนไหล่ถูกถอดออกแล้ววางมันลงกับพื้น ฉันหันหลังพร้อมกับชี้นิ้วที่ไหล่ด้านซ้าย
“พี่เห็นอะไรนี่มั้ย”
“เห็นค่ะ เล็บยาวแล้วนะเรา ระวังครูหักคะแนนนะ”
ขอร้องล่ะค่ะ พี่ฮั่น พี่ตาบอดเหรอ
ฉันถอนหายใจแล้วจิ้มนิ้วไปตรงที่เดิมที่เดียวกับที่ไอ้โย่จิ้มเมื่อเช้านี้ รอบนี้พี่ฮั่นไม่ได้พูดอะไรแต่สัมผัสหนักๆ ตรงไหล่ซ้ายของฉันทำให้ต้องเอี้ยวคอไปมองแล้วก็เห็นว่าพี่ฮั่นมันพนมมือไหว้ฉันอยู่
เจริญ นอกจากจะถอนหายใจลดอายุแล้ว ยังให้คนแก่กว่าไหว้อีก อายุฉันเหลือเท่าไหร่แล้วล่ะ
“ขอโทษค่ะ มันเป็นอุบัติเหตุแบบไม่ได้ตั้งใจจริงๆ”
“แล้วทำไมพี่ไม่บอกหนูตั้งแต่เมื่อเช้า”
ฉันหันกลับไปเผชิญหน้า พี่ฮั่นทำหน้ารู้สึกผิดแถมยังพนมมือค้างไว้จนฉันต้องปัดมือพี่มันลงก่อนที่จะอายุสั้นไปมากกว่านี้ถึงจะรู้ว่ามันไม่เกี่ยวก็เถอะ
“ก็พี่กลัวหนูด่า”
โธ่ อิพี่ฮั่น มาบอกตอนนี้หนูคงจะฉีกยิ้มให้แล้วบอกว่าไม่เป็นไรค่ะ อิสออลไรต์ คแวนชันนาโย หรอกค่ะ
“แต่พี่ไปทบทวนดูแล้ว จะบอกตอนไหนพี่ก็โดนด่าอยู่ดี”
เออ ก็รู้นี่
“แล้วพี่รู้มั้ยว่าเสื้อนักเรียนของโรงเรียนนี้มันแพงนะพี่ฮั่น ตัวตั้งสองร้อยกว่าบาทอ่ะ แล้วมันซื้อที่ไหนไม่ได้นอกจากที่โรงเรียน แล้วพี่ทำเสื้อหนูไหม้ไปตัวนึงหนูก็ต้องเสียตังสองร้อยกว่าบาทซื้อใหม่เพื่อทดแทนตัวนี้อ่ะ พี่ว่ามันใช่เรื่องมั้ยคะ”
“ไม่ใช่ค่ะ แต่ว่าเดี๋ยวพี่ซื้อให้นะ สองตัวเลย แถมกระโปรงด้วย เข้าเซ็ตเลย”
ถึงจะทำหน้ารู้สึกผิดแบบหงอยๆ แถมยังส่งสายตาอ้อนวอน แต่ก็ยังจะอุตส่าห์เงยหน้ามาต่อรองแถมชูสองนิ้วประกอบคำพูดไปอีก
“ค่ะ มันควรจะเป็นอย่างนั้นอยู่แล้วค่ะพี่ฮั่น”
“ถ้างั้นไม่โกรธพี่แล้วเนอะ”
พี่มันทำหน้าดีใจขึ้นมาหน่อย ถ้ามีหูป่านนี้ก็หูตั้งขึ้นมาแล้วล่ะ
“ยัง”
“อ้าว”
เนี่ย ละตอนนี้ก็กลับไปทำหูลู่หางตกอีกรอบนึง
“วันนี้อากาศร้อนๆ เนอะพี่ฮั่น”
ฉันพูดเปรยๆ พลางยกมือขึ้นโบกหน้าตัวเองไปมา พี่ฮั่นมองหน้าฉันด้วยสีหน้าหงอยๆ ไม่เหมือนพี่ฮั่นคนเดิมที่ชอบกวนประสาทจนนึกขำบวกกับสะใจไม่ได้
สมน้ำหน้า ไม่ออกเลยอ่ะดิ้
“ครับ ร้อนมาก แต่ท่าความร้อนแรงของพี่เลย”
ขอถอนคำพูดนะ ถึงจะทำหน้าหงอยอยู่แต่กวนประสาทได้อยู่ดีว่ะ
“อยากกินไอติมจังพี่ฮั่น”
“อยากไปว่ายน้ำดับร้อนด้วยมั้ยคะ”
“ได้เหรอ ที่ไหนอ่ะ”
“หน้าโรงเรียนอ่ะค่ะ สระว่ายน้ำชาโคลก็น่าลองนะ”
เชิญพี่ฮั่นไปว่ายทดลองเล่นสระว่ายน้ำคลองชาโคลที่เต็มไปด้วยขยะหน้าโรงเรียนก่อนเลยค่ะ เชิญ!
มันจะมีซักครั้งมั้ยที่พี่มันไม่กวนประสาทแล้วหันจริงๆ จังๆ กับคนอื่นบ้างเนี้ย
พี่ฮั่นยิ้มยิงฟันไปสองวินาทีก่อนจะกลับมาทำหน้ารู้สึกผิดเหมือนเดิม กระเป๋านักเรียนฉันที่วางแอ้งแม้งอยู่ที่พื้นตอนนี้มันถูกย้ายไปอยู่บนบ่าของพี่ฮั่นแทน
“พี่ฮั่น เอากระเป๋าหนูมาค่ะ”
“พี่สะพายให้ – ไปค่ะ ไปกินไอติมกัน เดี๋ยวพี่พาไปว่ายน้ำสระชาโคลด้วย”
“ไปว่ายคนเดียวเลยพี่ฮั่น เอากระเป๋าหนูคืนมาด้วย สะพายเองได้”
ฉันพูดไปด้วยขมวดคิ้วไปด้วย มือก็พยายามแกะกระเป๋านักเรียนออกจากไหล่พี่ฮั่นก็มือพี่มันก็ปัดออกแล้วเปลี่ยนเป็นจับไหล่ฉันทั้งสองข้างเอาไว้แล้วดันให้เดินไปข้างหน้าแทน
“พี่สะพายเองค่ะ กระเป๋าหนักเหมือนแบกโลกขนาดนี้ หนูสะพายไปเดี๋ยวเตี้ยกว่าเดิมนะ แค่นี้ก็สูงไม่ถึงหัวเข็มขัดพี่แล้วเนี่ย”
“อิพี่ฮั่น!”
เว่อร์ เว่อร์มาก! สูงไม่ถึงหัวเข็มขัดพี่มันบ้าอะไร นี่สูงพอดีอกพี่ต่างหากเหอะ ไม่ได้เตี้ยขนาดนั้นซักหน่อย!
“เอาน่า พี่สะพายให้เอง เดี๋ยวหนูปวดไหล่ไงคะ เป็นห่วง”
เออได้ อยากสะพายนักก็สะพายไปเลยไอ้กระเป๋านักเรียนหนักๆ นั่นน่ะ
อยากเป็นห่วงกันดีนักก็รับกรรมไปแทนเลย!
#พี่ฮั่นที่อยู่ข้างบ้านอ่ะ
100%
talk ;
ไม่รู้ว่ายังรอกันอยู่มั้ยสำหรับร้อยกว่ายอดเฟบทั้งหมด แต่คืออยากอัพค่ะ ;-;
ฟิคเรื่องนี้ไม่เน้นสาระ ไม่เน้นความฟิน ไม่เน้นอะไรเลยค่ะ เน้นมุกแป้ก เขียนคลายเครียดเฉยๆ
มาอัพดึกๆ ตลอดเพราะไวไฟแรงตอนดึกค่ะ ไม่มีใครแย่งเล่นเขานอนกันหมดแร้ว
( 16/04/2020 ; 02:05 / up 17/04/2020 ; 0:42 )
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

55555555555555555555
หูตกหูตั้งอีกโอ้ยยยย หลงจนไม่รู้จะหลงยังไงแล้วละคุ๊ณณณณณ