คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : ชีวิตของซูเฟย
บทที่ 3
ชีวิตของซูเฟย
เช้าวันต่อมาในตำหนักเหมยฮวาของหลินซูเฟย มันเป็นวันแรกหลังจากที่นางได้เข้าหอกับฉินหย่งเยี่ยน ฮ่องเต้ผู้หล่อเหลาดุจเทพบุตร ทว่าดุดันดั่งปีศาจ
ค่ำคืนที่ผ่านมาฉินหย่งเยี่ยนเคี่ยวกรำหลินจินเยว่อย่างหนักหน่วง ถึงขนาดที่เช้าวันนี้นางลุกไม่ขึ้นเลยทีเดียว แต่ก็เป็นเรื่องที่เข้าใจได้สำหรับเจ้าสาวในคืนเข้าหอ
ไม่นานนักหลังจากที่หญิงสาวร่างบางค่อยๆพยุงตัวลุกขึ้นมาจากเตียง สามีของนางไม่อยู่แล้ว แต่นางก็ไม่ได้แปลกใจนัก ฮ่องเต้แห่งต้าฉินมีหลายอย่างที่ต้องทำ เขาไม่สามารถมาใส่ใจพระชายาลำดับที่สองอย่างนางได้มากนักหรอก
"หลินซูเฟยพึ่งตื่นบรรทม เดี๋ยวหม่อมฉันพาไปอาบน้ำนะเพคะ"
เจียวมิ่งหนึ่งในนางกำนัลคนสนิทเอ่ยขึ้น นางสังเกตว่าวันนี้เจ้านายของนางดูจะอ่อนเพลียกว่าปกติ นางจึงช่วยพยุงหลินจินเยว่ลุกจากเตียง
"ไม่เป็นไรหรอกเจียวมิ่ง ข้าพอพยุงตัวเองได้" หลินจินเยว่เอ่ยอย่างเกรงใจกับสาวใช้คนสนิท
ถึงแม้นางจะเป็นลูกคุณหนูมาแต่กำเนิด ทว่านางกลับชอบช่วยเหลือตัวเองในเรื่องต่างๆมากกว่า นางมิใคร่ชอบใช้สาวใช้เท่าไหร่นัก ถ้าหากไม่จำเป็นจริงๆ
เช่นเดียวกันกับการอาบน้ำ หญิงสาวโฉมสะคราญผู้นี้ชอบที่จะอาบน้ำคนเดียวเสียมากกว่า นางไม่ชอบให้ใครมาขัดเนื้อถูตัวหรือปรนนิบัติมากนัก นางกำนัลจึงมีหน้าที่แค่เตรียมเครื่องอาบน้ำให้พร้อมเพียงเท่านั้น
ใช้เวลาเพียงสองเค่อหลินซูเฟยก็อาบน้ำสวมอาภรณ์และแต่งเติมใบหน้าเสร็จสิ้นเป็นที่เรียบร้อย ซึ่งก็ได้เวลาอาหารเช้าพอดีทีเดียว หญิงสาวชอบที่จะรับอาหารเช้าเบาๆเช่นข้าวต้มหรือโจ๊กในทุกวัน และสั่งให้นางกำนัลนำสำรับเข้ามาให้ในห้องนอน ซึ่งมีโต๊ะเล็กๆอยู่มุมห้องสำหรับนั่งคนถึงสองคนอยู่แล้ว จะได้ไม่เป็นการเอิกเกริกจนเกินไป
ทว่ามื้อเช้าวันนี้มีสวีกงกงเข้ามาหานาง พร้อมกับถือถาดถ้วยน้ำแกงบางอย่างเข้ามาด้วย คนฉลาดเฉลียวอย่างหลินจินเยว่เห็นเพียงครั้งเดียวก็รับรู้ได้ในทันที
"หลินซูเฟย เอ่อ...ฝ่าบาทประทานน้ำแกง..." พ่อบ้านชราสวีกงกงพูดตะกุกตะกักไม่กล้าบอกตามตรง
"เอาน้ำแกงคุมกำเนิดเข้ามาเถิด ข้าจะดื่มให้หมดประเดี๋ยวนี้" หลินจินเยว่เอ่ยบอกพ่อบ้านวัยชราโดยไม่มีทีท่าเสียใจแต่อย่างใด
"พ่ะย่ะค่ะหลินซูเฟย"
สวีกงกงเมื่อได้ยินคำสั่งก็นำน้ำแกงคุมกำเนิดไปให้หลินจิน เยว่ดื่มในทันที ถึงแม้จะไม่อยากให้นางดื่มก็ตาม แต่เมื่อนายเหนือหัวสั่งอย่างหนักแน่นเขาจึงต้องทำตาม
หลินจินเยว่ยกน้ำแกงคุมกำเนิดสีเข้มขึ้นดื่มอย่างไม่รีรอ ถึงแม้จะรู้ถึงผลกระทบของน้ำแกงเจ้าปัญหาถ้าหากดื่มเข้าไปเยอะๆ แต่แล้วอย่างไรล่ะ ในตอนนี้นางเป็นคนของฮ่องเต้แล้ว ชีวิตนางจะเป็นอย่างไรก็แล้วแต่สวรรค์จะบัญชาเถิด
พ่อบ้านวัยชรายืนนิ่งค้างกับการกระทำของหลินซูเฟย นางช่างเด็ดเดี่ยวเหลือเกิน เขานับถือในใจนางนัก ไม่นานหญิงสาวก็วางถ้วยน้ำแกงที่ดื่มหมดแล้วลงบนถาดดังเดิมเขาจึงขอตัวลาออกไป เนื่องจากฮ่องเต้ให้คนมากำชับกับเขาเมื่อเช้าว่าถ้าหากหลินซูเฟยดื่มน้ำแกงแล้ว ให้สวีกงกงไปรายงานท่าทางของนางกับฝ่าบาทด้วยตัวเอง
เมื่อสวีกงกงออกไปแล้ว บทสนทนาในห้องนอนของหลินจินเยว่ก็เงียบสงัดดังเดิม หญิงสาวผู้เป็นซูเฟยนั่งทานข้าวต้มกับอาหารเครื่องเคียงสองสามอย่าง นางทานเพียงคนเดียวเท่านี้ก็มากมายแล้ว
โดยปกติหลินจินเยว่เป็นคนไม่ค่อยพูดอะไร นางมักจะเก็บทุกอย่างไว้ในจิตใจ มารดาของนางเคยสอนไว้ว่าการไม่พูดคือสิ่งที่ดีที่สุด อีกอย่างนางเป็นคนที่เข้าสังคมไม่เก่งนัก เช่นเดียวกันกับบ่าวไพร่ นางก็ไม่รู้จะคุยเรื่องอะไรเช่นกัน จะมีก็แต่การเรียกใช้เท่านั้น นอกนั้นนางให้อิสระกับคนใต้บัญชาเต็มที่
"เจียวจิ้น ตอนเที่ยงนี้ข้าอยากทำเกี๊ยวกินเองเสียหน่อย เจ้าช่วยไปเบิกวัตถุดิบจากห้องเครื่องมาทีนะ เอาตามครั้งที่แล้วนั่นแหละ"
วันนี้หญิงสาวนึกเบื่อสำรับของพ่อครัวขึ้นมา นางจึงเอ่ยสั่งนางกำนัลคนสนิทอีกคนนามเจียวจิ้นให้ไปเอาวัตถุดิบจากห้องเครื่องมาทำเกี๊ยวทานเองเสียหน่อย ซึ่งนางมักจะทำแบบนี้บ่อยครั้งในวันที่นางรู้สึกไม่ดี การทำอาหารคือสิ่งที่นางชอบ และเป็นสิ่งที่ช่วยทำให้นางผ่อนคลาย
"ได้เลยเพคะ หม่อมฉันจะรีบไปนำมาให้นะเพคะ"
ครั้นสาวใช้ได้ยินคำสั่งก็ยิ้มแย้มรับคำในทันที เหตุที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะว่าเวลาที่หลินจินเยว่ทำอาหารเอง ก็มักจะทำเผื่อบ่าวไพร่เสมอ และอาหารของหลินซูเฟยรสเลิศอย่าบอกใครเชียวหล่ะ!
ตำหนักผิงอานเป็นโถงที่ใช้ประชุมของฮ่องเต้ฉินหย่งเยี่ยน เขาจะมาประชุมตอนเช้ากับขุนนางที่นี่ทุกวัน
"เรื่องการสร้างเขื่อนกั้นแม่น้ำจินเหอไปถึงขั้นตอนไหนแล้ว จะเสร็จทันหน้าฝนปีหน้าหรือไม่" เสียงต่ำของผู้เป็นประมุขแห่งใต้หล้าเอ่ยถามขุนนางผู้ดูแล
"ทูลฝ่าบาท เขื่อนกั้นแม่น้ำสร้างเสร็จไปถึงเจ็ดในแปดส่วนแล้วพ่ะย่ะค่ะ เสร็จทันหน้าฝนปีหน้าแน่นอนพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมกำลังหาฤกษ์ในการเปิดเขื่อนพ่ะย่ะค่ะ" จางหนานขุนนางผู้ดูแลงานรายงานความคืบหน้า
"ดี! หาฤกษ์ให้เร็ว ข้าจะไปร่วมพิธีด้วยตนเอง" ฉินหย่งเยี่ยนเอ่ยขึ้นเมื่อได้ยินความคืบหน้าที่พึงพอใจ
"รับด้วยเกล้าพ่ะย่ะค่ะ"
"เอาล่ะ วันนี้พอเท่านี้"
เมื่อไม่มีเรื่องราวให้หารือกันอีก ฮ่องเต้หนุ่มก็สั่งปิดการประชุม ขุนนางทุกคนล้วนทำความเคารพ ฉินหย่งเยี่ยนรีบสาวเท้าออกมาจากตำหนักผิงอานโดยเร็ว
พ่อบ้านวัยชราสวีกงกงที่รอรายงานเรื่องราวของหลินซูเฟย ยืนรออยู่หน้าที่ประชุมประมาณสามเค่อ นายเหนือหัวก็ปรากฏตัว
"สวีกงกง เรื่องที่ข้าสั่งไปเป็นอย่างไรบ้าง" แน่นอนว่าชายหนุ่มไม่ลืมเรื่องที่สั่งการไป
"ทูลฝ่าบาท หลินซูเฟยยอมดื่มแต่โดยดีพ่ะย่ะค่ะ" สวีกงกงรายงานตามตรง
"อืม…แล้นางมีสีหน้าอย่างไร?" ฉินหย่งเยี่ยนครางต่ำอย่างพึงพอใจ ก่อนจะถามต่อ
"สีหน้าของหลินซูเฟย กระหม่อมมิสามารถอ่านออกได้จริงๆพ่ะย่ะค่ะ นางไร้ทุกไร้สุข ไม่ได้เสียใจหรือดีใจ" พ่อบ้านวัยชราเอ่ยตอบ
"เช่นนั้นรึ!?" เมื่อได้ยินคำตอบ ดูเหมือนชายหนุ่มจะไม่ค่อยพึงพอใจเท่าไหร่นัก
นี่เขาทำเช่นนี้ก็เพื่อจะทรมานให้นางเสียใจที่เขาไม่รักนางและไม่ไยดีนาง จึงประทานน้ำแกงคุมกำเนิดให้ แต่นางกลับเฉยชาไร้ความรู้สึกเช่นนั้นรึ!
"ข้าจะไปตำหนักเหมยฮวา!"
ตำหนักเหมยฮวาในเวลาต่อมา หลินจินเยว่เข้าครัวและเริ่มทำแป้งเพื่อห่อเกี๊ยวแล้ว ที่นี่เป็นครัวเล็กๆหลังตำหนักมีต้นเหมยฮวาเก่าแก่ปลูกอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลนักเมื่อถึงฤดูเสียวหม่าน[1] กลิ่นดอกเหมยฮวาอ่อนๆก็จะโชยเข้ามาในครัวแห่งนี้ และนี่ก็เป็นเหตุผลว่าทำไมตำหนักแห่งนี้ถึงชื่อว่าตำหนักเหมยฮวา
เวลานี้หลินจินเยว่ก็เข้ามาอยู่ในวังหลวงเกือบครบปีแล้ว ก่อนหน้านี้เข้ามาเตรียมตัวเพื่อที่จะได้เป็นฮองเฮา ไม่คิดเลยว่าโชคชะตาจะพลิกผัน เกิดการเปลี่ยนแปลงได้ถึงเพียงนี้
"เจียวมิ่งเจ้ามานวดแป้งแทนข้าทีเถิด ข้าต้องไปเตรียมไส้แล้ว ประเดี๋ยวจะไม่ทันเวลา" เสียงอ่อนหวานของผู้เป็นชายาลำดับที่สองบอกแก่ลูกน้องของตน
"เพคะหลินซูเฟย" เจียวมิ่งรับคำ
หลินจินเยว่จึงละมือจากการนวดแป้งมาสนใจการทำไส้แทน วันนี้ทานทั้งเนื้อทั้งผักจึงสั่งให้คนไปเอาวัตถุดิบจากห้องเครื่องมามากหน่อย
"หม่อมฉันหั่นผักและหมูเตรียมไว้ให้แล้วเพคะ" เจียวจิ้นนางกำนัลคนสนิทอีกคนพูดขึ้นเมื่อหลินจินเยว่เดินเข้ามาฝั่งที่เตรียมไส้เกี๊ยว
"ขอบใจมาก เช่นนั้นเราก็ช่วยกันผสมไส้เถิด"
"เพคะหลินซูเฟย"
ทั้งเจ้านายและลูกน้องก็ช่วยกันทำเกี๊ยวอย่าสุขใจ หลินจิน เยว่ไม่ได้ถือตัวอะไร เวลาที่นางกำนัลจะทำอย่างนู้นอย่างนี้จึงไม่ได้รู้สึกเกร็งแต่กลับปลื้มปีติเสียมากกว่า
ใช้เวลาไม่ถึงสามเค่อเกี๊ยวชิ้นสวยก็เรียงรายพร้อมลงทอดด้วยฝีมือการห่อของหลินจินเยว่และคนสนิททั้งสอง วันนี้นางคิดอยากกินอะไรกรอบๆจึงเปลี่ยนจากการต้มมาเป็นทอดแทน
แต่ไม่ทันจะได้ตั้งกระทะหญิงสาวทั้งสามก็ถึงกับหวั่นผวาเมื่อองครักษ์หน้าตำหนักตะโกนอย่างหนักแน่นว่าฮ่องเต้เสด็จ
"หลินจินเยว่ เจ้าอยู่ไหน!" เสียงทรงพลังของผู้ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดตะโกนเรียกนาง พร้อมทั้งสาวเท้าเร็วมาที่ครัวหลังตำหนัก
"ฝ่าบาท...ถวายบังคมเพคะ"
หญิงสาวแม้จะตกใจและแปลกใจอยู่ไม่น้อยที่ฮ่องเต้เสด็จมาหานางในเวลาเช่นนี้ แต่นางก็เก็บสีหน้าได้เป็นอย่างดีรีบย่อกายทำความเคารพ
"ออกไปให้หมด! ข้ามีเรื่องที่จะต้องสะสาง กับนายของพวกเจ้า!"
เสียงของโอรสสวรรค์สั่งอย่างดุดันมีหรือใครจะกล้าอยู่ นางกำนัลคนสนิทของนางรวมถึงผู้ติดตามของฉินหย่งเยี่ยนรีบสาวเท้าออกจากบริเวณนั้นอย่างรวดเร็ว ไม่นานนักครัวเล็กๆที่เต็มไปด้วยความสดใสก็หม่นหมองลงในทันที
ฮ่องเต้หนุ่มคว้าตัวโฉมสะคราญเข้ามาอย่างดุดัน ก่อนจะดันให้นางถอยไปชิดกับโต๊ะไม้ใหญ่กลางครัว
"ฝ่าบาท...ทำไมถึงทำแบบนี้เพคะ" เสียงเล็กประท้วงด้วยความกลัวเมื่อร่างสูงบีบแขนนางแน่นขึ้นทุกที
"เจ้า! เหตุใดเจ้าถึงดื่มน้ำแกงคุมกำเนิดลงไปอย่างเฉยชา!"
เสียงต่ำคำรามด้วยความโมโห ซึ่งเขาก็ไม่รู้เช่นกันว่าเหตุใดจึงโมโหเรื่องเล็กน้อยถึงเพียงนี้ โมโหถึงขั้นต้องเดินจากวังส่วนหน้ามาที่นี่ มาเพื่อคาดคั้นคำตอบ
"เป็นบัญชาจากฝ่าบาท หม่อมฉันย่อมทำตามแต่โดยดีเพคะ" หลินจินเยว่ตอบตามตรง ก็เขาเองมิใช่หรือที่ส่งสวีกงกงมามอบน้ำแกงคุมกำเนิดให้นาง
"เจ้าไม่เสียใจเลยรึ ที่ข้าให้เจ้าดื่มมัน!" เสียงต่ำถามต่อ เขายังไม่ได้รับคำตอบที่พอใจ
"ไม่เพคะ หม่อมฉันไม่มีสิทธิ์ ทุกอย่างล้วนแล้วแต่บัญชาของฝ่าบาทเพคะ" หญิงสาวตอบกลับไปอีกครั้ง ด้วยความจริง
"เช่นนั้น เจ้าก็จำไว้เถิดหลินจินเยว่ ข้าไม่มีวันรักเจ้า ข้าจะไม่มีลูกกับเจ้าและข้าจะทรมานเจ้า ทรมานให้เจ้าเจ็บปวด ให้ฉินมู่หรงเจ็บปวด ให้บ้านเก่าของเจ้าต้องเจ็บปวด ให้ทุกคนที่เคยทำร้ายข้าต้องเจ็บปวด!"
แคว้ก!
"ฝ่าบาท!"
หญิงสาวร้องประท้วงทันทีเมื่อร่างสูงประกาศกร้าว และเขาฉีกชุดนางอย่างไม่ไยดี
"ถ้าเจ้าชอบดื่มน้ำแกงนั่น ข้าก็จะทำให้เจ้าได้ดื่มมันเยอะๆ"
ในส่วนเนื้อหาNC ทั้งหมดสามารถอ่านได้ทาง ReadAwrite เรื่อง ฝ่าบาทอย่าทำร้ายหม่อมฉันเลย หรือ ซื้อ Ebook ได้ทางเว็บไซต์ MEB ค่ะ
หญิงสาวรีบจัดแจงเสื้อผ้าอาภรณ์ของตนเองให้เรียบร้อย ถึงแม้จะมีส่วนที่ฉีกขาดไปบ้างแต่ก็ไม่มากนัก
ฮ่องเต้ผู้เกรี้ยวกราดเมื่อเห็นหญิงสาวรีบดึงอาภรณ์มาปกปิดตนเองก็อารมณ์ขุ่นเครือขึ้นมาอีกรอบหนึ่ง
"ใครบอกให้เจ้าใส่เสื้อผ้า!"
"ขะ ขอประทานอภัยเพคะ...หม่อมฉันนึกว่าฝ่าบาทจะพอใจแล้ว" หลินจินเยว่ตอบตามความจริง นางก็อับอายไม่น้อยที่ต้องเปลือยกายในห้องครัวแห่งนี้
"จำไว้ ข้าไม่เคยพอใจในตัวเจ้า" เสียงต่ำดุเอ่ยขึ้นไม่ถนอมน้ำใจเลย
"ทราบแล้วเพคะ" หญิงสาวได้แต่ก้มหน้ารับคำ
"มาแต่งตัวให้ข้าเดี๋ยวนี้ เป็นสนมภาษาอะไรไม่รู้หน้าที่ของตนเอง" ฉินหย่งเยี่ยนปากร้ายขึ้นมาอีกครั้ง
ครั้นได้รับคำสั่งหลินจินเยว่ก็รีบหยิบอาภรณ์สีทองที่แสดงถึงตำแหน่งอันทรงเกียรติขึ้นมาสวดใส่ให้สามีทันที ในคราแรกที่นางไม่ได้รีบแต่งตัวให้เขา ก็เพราะนางไม่แน่ใจว่าถ้าหากไปยุ่มย่ามเขา เขาจะพอใจหรือไม่
ฮ่องเต้หนุ่มเมื่อได้รับการแต่งตัวเสร็จสิ้น เขาก็ยังไม่ออกจากครัวของนาง ทว่าเปรยตามองไปรอบๆอย่างนึกสงสัยแทน
"เจ้าทำอะไร"
"หม่อมฉันกำลังจะทอดเกี๊ยวเป็นมื้อเที่ยงเพคะ มีทั้งไส้ผักและหมูฝ่าบาทประสงค์จะรับด้วยหรือไม่" หญิงสาวพูดเจื้อยแจ้วทิ้งท้ายด้วยการถามความต้องการของสามี
"ทำเสร็จเจ้าต้องเอาไปให้ข้าที่ตำหนักไท่หยางด้วยตัวเจ้าเอง"
ฮ่องเต้หนุ่มสั่งอย่างเอาแต่ใจ ครั้นสั่งเสร็จก็หันหลังออกจากครัวไป ไม่ทันที่หลินจินเยว่จะได้บอกลา
หลินจินเยว่ต้องรีบพยุงตัวขึ้นมาทอดเกี๊ยวด้วยกังวลว่าจะทำเสร็จไม่ทันเวลาแล้วฉินหย่งเยี่ยนจะโมโหนางอีก สามีของนางช่างเอาใจยากเหลือเกิน
[1] ฤดูเสียวหม่าน เป็นช่วยเดือนพฤษภาของทุกปี เป็นฤดูที่ต้นไม้เริ่มออกดอกแต่ยังไม่ออกผล
ความคิดเห็น