ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ฝ่าบาทอย่าทำร้ายหม่อมฉันเลย (อีโรติก)

    ลำดับตอนที่ #3 : สมรสไร้รัก

    • อัปเดตล่าสุด 26 พ.ค. 65


    บทที่ 2

    สมรสไร้รัก

    ห้องโถงในตำหนักไท่หยางตำหนักที่พักของฉินหย่งเยี่ยนตอนนี้เป็นช่วงเย็นเสร็จจากราชกิจต่างๆแล้ว ฉินหย่งเยี่ยนเรียกให้แม่ทัพใหญ่ฮุ่ยหมิ่นและองครักษ์ฉางหยวนคนสนิทเข้ามาดื่มสุราสนทนาการงานด้วยกัน

    ถึงแม้ในตอนนี้เขาจะเป็นถึงฮ่องเต้ของใต้หล้า แต่เขามิอาจลืมเลือนมิตรภาพระหว่างสองคนนี้ได้ เขาจำได้ดีว่าได้ร่วมรบกันมาหนักหนาเพียงใด และเขามองทั้งสองเป็นดั่งเพื่อนแท้ เพื่อนสนิทและเพื่อนคู่คิด เขาจึงไม่ถือตัว สั่งให้นั่งดื่มสุราด้วยกันอย่างที่เคย

    ซึ่งบทสนทนาบนโต๊ะสุราของชายหนุ่มคงหนีไม่พ้นเรื่องงานไม่ก็เรื่องนารี และหัวข้อสำคัญในวันนี้ก็คงจะเป็นเรื่องที่ฉินหย่งเยี่ยนประกาศจะแต่งงานกับแม่นางหลินจินเยว่

    "ฝ่าบาท ทรงไตร่ตรองดีแล้วหรือพ่ะย่ะค่ะ นางเป็นคนรักของอดีตฮ่องเต้ฉินมู่หรงนะพ่ะย่ะค่ะ จากที่สืบมาถึงแม้ยังไม่ได้มีสัมพันธ์ลึกซึ้ง แต่นางอาจยึดมั่นรักในอดีตฮ่องเต้ และอาจเป็นภัยร้ายให้กับฝ่าบาทได้นะพ่ะย่ะค่ะ"

    ท่านแม่ทัพเตือนด้วยความเป็นห่วง เขาได้รับหน้าที่ไปสืบประวัติของนางโดยละเอียด นางนับว่าเป็นหญิงงามของแคว้นฉิน หาคนเทียบได้ยาก ทว่านางและอดีตฮ่องเต้ฉินมู่หรงก็เกี้ยวพากันมานานแรมปี ถึงกับเข้ามาอยู่ในวังหลวงเพื่อเตรียมอภิเษกสมรส จะให้ไม่มีใจรักตอบเลยหรือ

    "ข้าไตร่ตรองแล้ว ข้าไม่ได้จะแต่งนางมาเป็นฮองเฮาเสียหน่อย ข้าเพียงแต่จะแต่งนางมาเป็นซูเฟย และเจตนาของข้าก็เพียงที่จะแก้แค้นเท่านั้น" เสียงเคร่งขรึมของฉินหย่งเยี่ยนตอบ พรางยกจอกสุราชั้นดีขึ้นดื่มจนหมดในอึกเดียว

    "ฝ่าบาท แต่กระหม่อมสงสารนาง นางไม่ผิดนะพ่ะย่ะค่ะ"

    องค์รักษ์ฉางหยวนพูดขึ้นหวังเปลี่ยนความคิดของฮ่องเต้ฉินหย่งเยี่ยน ทำเช่นนี้ก็ดูจะทำร้ายนางมากไปจริงๆ นางอาจไร้เดียงสาไม่รับรู้อะไรก็เป็นได้

    "นางผิด! โชคชะตาของนางมันผิด ชายเลวหญิงย่อมเลวตามจึงจะเสมอกัน และนางคือผู้เดียวที่ข้าเก็บไว้ไม่สังหารทิ้ง เพราะข้าจะใช้นางเพื่อล้างแค้น ฉินมู่หรงที่อยู่ในนรกจะต้องเจ็บปวด!"

    ฉินหย่งเยี่ยนเอ่ยออกมาด้วยความแค้น แค้นนี้เขาจะต้องชำระมัน ดวงตาที่รุกเป็นเปลวไฟของเขา ทำให้ไม่มีใครสามารถหยุดยั้งความคิดของเขาได้อีกแล้ว

    "และจงสั่งการออกไปด้วย ว่าการแต่งงานครั้งนี้ไม่ต้องมีพิธีอะไรมากมาย เพียงแค่จัดพิธีเข้าหอเท่านั้น ข้าจะหยามหน้าตระกูลหลินของนาง ตระกูลของนางเอาแต่ปกป้องฉินมู่หรงอย่างไร้เหตุผล ข้าก็จะทำให้ตระกูลของนางที่ยังเหลือรอดอยู่เจ็บปวดขายหน้าไปพร้อมกัน แล้วก็ให้นางอยู่ตำหนักเหมยฮวาต่อไปนั่นแหละ เป็นเพียงซูเฟยไม่สมควรได้อยู่ตำหนักที่ใหญ่โต"

    ฮ่องเต้ผู้ดุดันสั่งการไปเพิ่มเติมอีก การกระทำเช่นนี้ก็ไม่ต่างจากสั่งประหาร ตระกูลของนางต้องอับอายไปอีกหลายชั่วโคตร

    "พ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท" องครักษ์ฉางหยวนน้อมรับคำสั่ง เขาจะเป็นคนจัดการเอง

     

    เริ่มเข้าสู่ฤดูไป๋ลู่[1]อากาศเริ่มหนาวลมเย็นโชยเข้ามาในวังหลวงใบไม้พลิ้วไหวเริ่มมีน้ำค้างจับบนยอดไม้หลังจากพระอาทิตย์ตกดิน วันนี้เป็นวันเข้าห้องหอของฮ่องเต้ฉินหย่งเยี่ยนกับหลินจิน เยว่หรือหลินซูเฟย

    จากคำสั่งของฉินหย่งเยี่ยนที่ไม่ให้มีการจัดงานอะไรมากมาย ในวังจึงไร้ซึ่งการตกแต่ง จะมีก็แต่เพียงที่ตำหนักเหมยฮวาซึ่งเป็นห้องหอในค่ำคืนนี้เท่านั้นที่ตกแต่งด้วยผ้าแพรสีแดงเต็มตำหนัก ขันทีนางกำนัลมารอพร้อมต้อนรับฮ่องเต้อย่างยินดีปรีดาหารู้ไม่ว่าหลินซูเฟยเจ้านายของตนกำลังจะพบเจอกับขุมนรก

    ไม่นานนักร่างสูงแต่งกายด้วยเครื่องแบบสีแดงก็เดินเข้ามาที่ตำหนักพร้อมกับขบวนติดตาม เขาไม่เอ่ยอะไรมากมายก้าวเท้าเข้าไปในตำหนักอย่างรวดเร็วอีกทั้งยังสั่งไม่ให้ใครอยู่รบกวนในตำหนักอีกด้วย

    ครั้นขันทีนางกำนัลและพ่อบ้านประจำตำหนักได้ยินเช่นนั้นก็ต่างรีบก้มหน้ายิ้มแย้มพากันออกไปรอนอกตำหนักโดยเร็ว สงสัยฮ่องเต้คงอยากอยู่กับหลินซูเฟยเพียงสองคนกระมัง ทว่าความจริงกลับไม่ใช่

    เมื่อร่างสูงของฉินหย่งเยี่ยนไล่ทุกคนออกไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เขาก็สาวเท้าไปที่ห้องนอนอย่างรวดเร็วและผลักประตูห้องออกอย่างดุดัน

    โฉมสะคราญที่นั่งถูกผ้าคลุมใบหน้าอยู่บนเตียงรอจ้าวบ่าว เมื่อได้ยินเสียงผลักประตูก็สะดุ้งตัวตกใจเล็กน้อย รู้ได้ในทันทีว่าเขาคงมาแล้ว

    "วางสุราเอาไว้แล้วก็ออกไปเสีย"

    คำสั่งหนักแน่นของผู้เป็นฮ่องเต้สั่งให้พ่อบ้านสวีกงกงซึ่งเป็นพ่อบ้านประจำตัวของเขาที่ถือสุรามงคลเข้ามาเพื่อจะทำพิธีให้แก่คู่บ่าวสาววางสุราไว้แล้วออกไป ซึ่งพ่อบ้านแม้อยากจะคัดค้านแต่สายตาดุดันของฮ่องเต้ก็ไม่อาจผิดคำสั่งได้ สวีกงกงจึงนำสุรามงคลไปวางไว้ที่โต๊ะข้างเตียงนอนก่อนจะรีบวิ่งออกไปพร้อมปิดประตูห้องให้เสร็จสรรพ

    หลินจินเยว่เมื่อได้ยินเสียงดุดันของเขาก็ทำให้ตัวสั่นกลัวยิ่งขึ้น นางยังจำวันที่เขาบุกรุกเข้ามาก่อกบฏได้อยู่เลย เขาผู้นี้ทั้งดุดันและน่ากลัวทั้งยังสังหารอดีตฮ่องเต้ฉินมู่หรงน้องชายของตนเอง นางจะต้องเป็นซูเฟยของเขาจริงๆน่ะหรือ

    ไม่ทันที่หลินจินเยว่จะคิดทบทวนเหตุการณ์ต่างๆ ผ้าคลุมหน้าของนางก็ถูกไม้คันชั่งยกปลิวสะบัดออกไปเสียแล้ว นางตกใจความรุนแรงของเขาจนก้มหน้างุดไม่กล้าสบตาฉินหย่งเยี่ยน

    ฮ่องเต้ร่างสูงหาได้สนใจนาง หันไปรินสุรามงคลใส่จอกและยกดื่มให้แล้วๆไป ก่อนจะยื่นอีกจอกให้นางดื่ม

    "ดื่มซะ ข้าจะได้เริ่มแก้แค้นเจ้าเสียที"

    คำพูดขู่เข็นนี่ช่างโหดร้ายเหลือเกินในความคิดของหลินจิน เยว่ นี่หรือค่ำคืนเข้าหอแสนหวานที่นางวาดฝันเอาไว้ ใยประโยคแรกที่เขาเอ่ยขึ้นก็จะแก้แค้นนางเสียแล้ว นางทำผิดอะไรใยทำร้ายกันเช่นนี้ นางใคร่ครวญคิดอยู่ไม่นานฉินหย่งเยี่ยนก็ยื่นจอกสุรามงคลเข้าใกล้นางให้มากขึ้นอีก ท่าทีเร่งเร้าให้นางรับจอกสุราไป

    ด้วยความกลัวหลินจินเยว่จึงรีบยื่นมือสั่นไปหยิบจอกสุรามงคลมาดื่มอย่างรวดเร็ว แล้วเอาจอกสุรากลับไปวางในถาดเสีย ท่าทีสั่นเทายังไม่หายแต่กลับมากกว่าเดิมจนสังเกตได้

    "หึ กลัวข้าอย่างนั้นหรือ ถ้าหากเปลี่ยนจากเข้าหอกับข้าเป็นฉินมู่หรงแทนล่ะ เจ้าจะกลัวเขาเช่นข้าหรือไม่"

    หลินจินเยว่ไม่ได้ตอบไปในทันที นางไม่รู้ว่าเขาคาดคั้นคำตอบนี้กับนางเพื่ออะไร หากนางตอบว่าไม่กลัว เขาอาจจะไม่พอใจ แต่ถ้าหากนางตอบว่ากลัว ก็ไม่รู้ว่าเขาจะพอใจหรือไม่

    "ว่าอย่างไร ตอบข้ามา!" เสียงเข้มเอ่ยขึ้นอย่างไม่พอใจนัก เหตุใดจึงไม่ตอบเขาเสียที

    "มะ ไม่กลัวเพคะ..."

    หลินจินเยว่ตอบออกไปตามความจริง อย่างน้อยถ้าหากฮ่องเต้โมโหนางขึ้นมา นางก็จะยอมถูกทำโทษแต่โดยดีเพราะนางได้พูดความจริงออกมาแล้ว

    "แล้วเหตุใดพอเป็นข้า เจ้าถึงกลัว!"

    ฉินหย่งเยี่ยนไม่พอใจอย่างมาก เขาจึงนั่งลงบนเตียงและผลักดันหญิงสาวที่เขาไม่พอใจจนนางกระเด็นไปติดหัวเตียง นางกลัวเขามาก มากเสียจนเอาแต่หลับตาก้มหน้าไม่กล้ามองร่างสูงที่คร่อมร่างของนางเอาไว้ แม้เพียงหายใจนางก็ไม่กล้า รังสีอำมหิตของฮ่องเต้ผู้นี้ช่างน่ากลัวเหลือเกิน

    "ตอบสิหลินจินเยว่ ตอบข้า!"

    เสียงเข้มคาดคั้นซ้ำแล้วซ้ำเล่าอย่างโมโห ทว่าหญิงสาวเอาแต่ก้มหน้ากลัวไม่ตอบเขาเสียที จะไม่ให้นางกลัวเขาได้อย่างไร ก็ในเมื่อเขาเป็นกบฏ ภาพที่บ้านเมืองเร่าร้อนเป็นไฟมันยังตราตรึงอยู่ในจิตใจของนางได้อย่างดี

    ท่าทางดุดันของเขา เสียงอันโหดร้ายของเขา จะไม่ให้หญิงสาวอย่างนางกลัวหัวหดได้อย่างไร อีกอย่างนางก็ไม่เคยได้รู้จักเขามาก่อน รู้เพียงแต่ว่าเขาเป็นพี่ชายต่างมารดาของอดีตคู่หมั้นของนาง นิสัยใจคอเป็นอย่างไรนางก็มิอาจรู้ได้

    "ไม่ตอบข้าใช่ไหม ก็ได้! เจ้าจะไม่ได้พูดอีก"

    ฮ่องเต้ผู้ดุดันพูดจบก็ทำการฉีกเสื้อผ้าของนางออกอย่างไม่ใยดี ชุดสีแดงมงคลด้านนอกสามชั้นด้านในสามชั้นถูกปลดออกอย่างรวดเร็ว

    "ฝ่าบาท จะทำอะไรเพคะ" เสียงเล็กเอ่ยถามพร้อมกับเสียงสะอื้น เหตุใดเขาถึงทำกับนางเช่นนี้ นางไปทำอะไรให้เขา

    "ร่วมรัก ถ้าฉินมู่หรงมองอยู่ข้าจะทำให้เขาเจ็บปวดถึงที่สุด อย่างที่ข้าเคยเจ็บปวด"

    ฉินหย่งเยี่ยนเอ่ยตอบเสียงเข้มดุดัน มือก็ทำการฉีกชุดของนางอย่างไม่ใยดี หลินจินเยว่เมื่อได้ยินคำตอบก็สะอื้นร่ำไห้หนักกว่าเดิม แต่ในเวลานี้นางแต่งเป็นสนมของเขาแล้ว นางมิอาจคัดค้านได้ สุดท้ายก็ต้องยอดจำนนมอบร่างกายให้เขาไป 

    ในส่วนเนื้อหาNC ทั้งหมดสามารถอ่านได้ทาง ReadAwrite  เรื่อง ฝ่าบาทอย่าทำร้ายหม่อมฉันเลย หรือ ซื้อ Ebook ได้ทางเว็บไซต์ MEB ค่ะ

     

    เมื่อฉินหย่งเยี่ยนทำการแก้แค้นเสร็จสิ้นเขาก็ไม่ขออยู่ต่อ รีบลุกขึ้นไปแต่งตัวและเดินออกจากห้องหอไป

    "ฝ่าบาท ใยออกจากห้องหอในเวลานี้ล่ะพ่ะย่ะค่ะ" เสียงของสวีกงกงพ่อบ้านประจำตัวของเขาถามขึ้น

    "สวีกงกง พรุ่งนี้เอาน้ำแกงคุมกำเนิดให้นางดื่มด้วย" เสียงเข้มสั่งขึ้นและเดินสบัดออกจากตำหนักไปอย่างไม่ใคร่ใยดีนัก ใบหน้ายิ้มของสวีกงกงก็เลือนหายไปในทันที

    น้ำแกงคุมกำเนิดถ้าให้ดื่มมากๆก็อาจส่งผลเสียต่อหลินซูเฟยได้ อีกทั้งฮ่องเต้ก็ยังไม่ประสงค์ที่จะรับสนมเพิ่ม ไม่แต่งตั้งใครเป็นฮองเฮา แล้วเช่นนี้เมื่อไหร่จะมีทายาทโอรสสวรรค์กันเล่า

     

    [1] ฤดูไป๋ลู่ หรือน้ำค้างขาวเป็น 1 ใน 24 ฤดูของจีน เป็นสัญญาณของการเริ่มต้นเข้าสู่ฤดูใบไม้ร่วง อากาศเย็นควบรวมกันจนเกิดเป็นน้ำค้างจับตัว

    [2] ผลซู่เหมย คือ ผลราสเบอรี่

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×