ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เราเริ่มที่จุดจบ

    ลำดับตอนที่ #2 : ตอน 2

    • อัปเดตล่าสุด 18 มี.ค. 49


    วันนั้นผมจำได้ว่าตาไม่ได้ฝาด
    แต่เหมือนได้เห็นผู้หญิงอีกคนที่ไม่รู้จักและไม่เคยเห็นมาก่อน เธอดูสง่างาม
    สวยในชุดไทยสีครีม คุณแม่เธอจูงมือลงบันไดมา และส่งมือเธอให้ผม พาเธอไปนั่ง
    ตรงพิธี

    คำแรกที่เธอทักทายผมคือ

    “มองไรลุง ไม่เคยเห็นนางเอกลิเกรึไง”

    แค่นั้นล่ะครับ ทำผมหัวเราะพรืดออกมาต่อหน้าผู้ใหญ่ อาการสำรวมหายหม้ด
    คนอุตส่าห์เก็ก...

    หลังจากผู้ใหญ่ทำพิธีกันเสร็จแล้ว ถึงเวลาที่ผมต้องสวมแหวนหมั้นให้เธอ
    แหวนเพชรน้ำงามถูกเลื่อนลงไป
    อยู่ในนิ้วนางข้างขวาของเธอ แต่...ก่อนที่มันจะถูกสวมนั้นสิ

    “ลุง เปลี่ยนวงได้ม่ะ กลัวทำหายอ่ะ นะลุงนะ หายมาแล้วยุ่งนา”
    เธอกระซิบกับผมเบา

    ผมอมยิ้ม กับท่าทางของเธอ แล้วจับมือเธอมาสวมอย่างสบาย
    ท่ามกลางการดึงมือกลับเป็นระยะ
    เสร็จแล้ว ก็ถ่ายรูปกัน ซึ่ง

    “เดี๋ยวๆ ช่างถาพ ไม่เอารูปปึกๆนะ เอ้า ทุกคนคะ ไม่ต้องยืดตัวตรง นั่งเกร็งค่ะ
    เอาแบบสบายๆ รูป
    จะได้ออกมาสวยๆ นี่ วัดแสงรึยัง ใช้ได้ล่ะนะ”

    แล้วก็รีบวิ่งกลับมานั่ง ฉีกยิ้มแก้มป่อง ดูเค้าทำสิ
    ผมเพิ่งมารู้หลังแต่งงานเดือนแรกว่า เธอเป็นนักถ่าย
    รูปสมัครเล่น มิน่า...


    ระหว่างงานฉลองเธอเดินมาถามผมว่าจะหมั้นกันสัก 3 ปีได้ไหม
    ผมเลิกคิ้วเล็กน้อย และถามว่า
    ทำไม

    เธอบอกว่า ปีแรกรับปริญญา ปีที่สองขอเวลาค้นหาตัวเอง
    ปีที่สามชีวิตคงเข้าร่องเข้ารอยขึ้น

    ผมพยักหน้าเห็นด้วยกับเหตุผลของเธอ แล้วชู สามนิ้ว เธอยิ้มแก้มป่อง
    แทบจะกระโดดกอดผมทีเดียว
    ก่อนที่จะพูดว่า “สามเดือน” นั่นล่ะครับ แม่คุณโวยทันที


    “จะบ้าเหรอ สามเดือน ใครมันจะทำอะไรทัน นี่ลุงจะรีบไปไหน ห๊า
    อยากแต่งงานขนาดนี้ทำไม
    ไม่แต่งไปซะนานแล้ว อายุก็ปูนนี้ อยู่บนคานทำไมนานนัก ห๊า!!!
    ก็บอกว่ายังเรียนไม่จบ เข้าใจไหม”


    “ก็เดือนหน้าจะรับปริญญาไม่ใช่เหรอครับ นักกี้”

    เธอทำเสียง จิปาก

    “ก็ตอนนี้มันยังเรียนไม่จบ นี่เข้าข่ายพรากผู้เยาว์นะบอกให้”

    ฮ่าๆ ผู้เยาว์สิ อายุ 21 น่ะ ผู้เยาว์ หรือ ผู้สาวคร้าบบบบบ ขำกับมุขแกน
    ที่ไหลไปได้

    “แล้วที่ผมยังไม่แต่ง ก็คงเพราะรอมาเจอนักกี้มั้งครับ เจอปุ๊ป ถูกใจ
    แต่งปั๊ปไงครับ”

    “เฮ่อ ตาแก่โรคจิต หัวงู เอาเปรียบผู้หญิง บังคับขืนใจ
    กระทำชำเราหน้าด้านๆ......”

    อูยๆ มาเป็นชุด นี่ดีนะ ยืนคุยกันที่สวน
    ไม่ค่อยมีคนผมอดหัวเราะออกมาไม่ได้ ก็คำพูดแต่ละคำที่
    เธอใช้สิ อย่างกับผมไปทำอะไรร้ายแรงงั้นล่ะ ฝ่ายเธอเหรอ
    ทำหน้าหักไปตลอดงานเชียว

    จากนั้นผมชวนเธอเข้าบ้านกัน เพราะแดดเริ่มร้อนแล้ว
    และคงเหมือนโรคติดต่อที่เธอเห็นผมหัวเราะ
    เลยหัวเราะบ้าง

    “ขำไรนักหนา คนแก่เส้นตื้น”

    ฮ่าๆ นั่น ยัยเด็กเส้นตื้นกว่า หัวเราะตาม


    หลังจากวันหมั้นยังไม่ถึงสัปดาห์ เหตุการณ์เป็นตามที่ผมคาดไว้
    นักกี้ใช้ชีวิตโสดจนคุ้มจริงๆ ครับ
    เธอนอน และนอน และนอน โทรไปทีไร นอนทุ้กที แต่เพิ่งมารู้จากว่าที่แม่ว่า
    ไอ้ที่นอนน่ะ นอนนอกบ้าน
    นะ


    “พ่อแจ็คช่วยแม่ด้วยเถอะ ยายหนูไปเชียงรายมาสามวันแล้วยังไม่กลับเลย
    แม่เป็นห่วง”

    แม่เธอพูดเสียงเศร้าๆ ตีบทแตกตามเคย

    “ตามไปดูน้องให้แม่หน่อยนะลูก”


    ไอ้กระผมก็จำใจต้องตามไปดูแลคู่หมั้น...ด้วยความเต็มใจ เยี่ยม!!
    ได้โอกาสโดดงาน หนีเที่ยว
    หลังจากสั่งงานเลขา และเคลียร์งานแล้ว คืนนั้นผมโทรหาเธอ ถามว่าอยู่ไหน
    และไปนั่งเครื่องหาถึงที่
    พอไปถึง แม่คนนั้นอึ้งครับ ตกใจเหมือนเห็นผีกระหัง

    “เฮ่ย ลุง มาทำไม เที่ยวเหรอ”

    “มาตามเรากลับบ้านเราไง”

    “ไม่!!! ยังไม่ถึงเวลา นี่กี้จองตั๋วไปเมืองกาญฯต่อแล้ว จะไปหลงป่า
    บอกมัมกะแด้ดด้วย ยังไงก็ไม่กลับ

    “น่าสนใจ ไปด้วยสิ”

    เธอมองหน้าผมแบบสยองๆ ท่าทางเห็นตัวประหลาด แล้วส่ายหน้า หยิกแก้ม
    แคะขี้หูเหมือนไม่เชื่อหูตัว
    เอง

    “ได้ยินไม่ผิดหรอก ไปด้วย”

    “โฮ่ เพิงเคยเห็นคนแก่กระสันอยากเที่ยว เป็นบุญตาจริงจริ๊ง”


    ผมขยี้หัวเธอด้วยความหมั่นไส้ ปากดีนักนะ เดี๋ยวก็เจอดีหรอก…. อารายๆๆๆ
    เค้าเป็นคู่หมั้นกัน
    แล้ว อย่ามาแซวกันน่าคนอ่าน….


    สองสัปดาห์ต่อจากนั้น เราหมายถึงผมกับเธอ เราตะลอนเที่ยวทั่วไทยจริงๆ
    ทั้งขึ้นเขา ลงแพ ล่อง
    แก่ง ลงทะเล ดำน้ำ นอนฟังเสียงคลื่น

    ก็เพิ่งรู้อีกเหมือนกันว่า เธอเป็นนักเที่ยวตัวยงแต่ติดแนวเก็บกด
    เหมือนคนไม่ได้เที่ยวมานาน พอมี
    โอกาส เป็นตะลอนจนลืมเหนื่อย และที่ติดตัวเธอตลอดคือ กล้องถ่ายรูปรุ่นเก่า
    ที่เป็นแบบกึ่งauto เจอ
    อะไร พี่เป็นถ่ายดะ ดูหน้าเธอตอนได้ถือกล้องแล้ว เหมือนเด็กได้อมยิ้ม น่ามอง
    น่ารักจริงๆ

    “เออ อย่างงั้นแหละจ้า นิ่งๆ ท่านั้นเลย (แชะ) ขอบใจมากนะ ลุง ยืมตังค์20
    จะเอาให้เด็ก ”

    “ของตัวเองอ่ะ”

    “ขี้เกียจล้วงอยู่ในถุง เอาของลุงนั่นล่ะ อย่าหนืดน่า เด๋วกินข้าวเอาให้
    เร็วดิ๊ เด็กรอ เห็นไหม”

    คุณครับ นี่เข้าข่ายขู่กรรโชกทรัพย์รึเปล่าครับ ....
    และแล้ววันแต่งงานก็มาถึง

    “เฮียจัก ไม่แต่งไม่ได้เหรอ กี้ขอใช้ชีวิตเหมือนคนกะเค้าอีกหน่อยน๊า
    น๊าเฮียจักคนดี๊คนดี คนน่าร้าก คน
    หล่อที่สู้ดดดเลย”

    เริ่มเปลี่ยนจากลุงเป็นเฮีย และเริ่มแทนตัวเองด้วยชื่อ แหมะ
    ผมชอบจังเวลาเธอเรียกชื่อตัวเองเนี่ย
    ฟังแล้วไพเราะเสนาะหู

    “คิดมากน่า กี้ ถึงจะแต่งงานแล้ว ทุกอย่างยังเหมือนเดิมนี่ครับ
    กี้ก็ใช้ชีวิตเหมือนเดิมล่ะ”

    “จริงดิ!!!!!!! ไม่ต้องทำกับข้าว กวาดบ้านถูบ้าน ซักผ้า
    เปลี่ยนปลอกหมอนผ้าปูที่นอน”

    “บ้านพี่ มีคนทำงานพวกนี้ครับ”

    “เจ๋ง!!!!! งั้นก็นอนกลางวันได้ ออกไปถ่ายรูปได้ ดูหนังได้ ไปค่ายอาสาได้”

    ผมผงกหัว กับกิจกรรมทั้งหลาย

    “แต่ต้องมีพี่ไปด้วย” เธอหน้างิกทันที

    “เรื่องไรปล่อยให้เราไปสนุกคนเดียว”

    ผมพูดยิ้ม แล้วขยี้ผมเธอด้วยความมันเขี้ยว เธอเลยแล่บลิ้น แบร่

    วันแต่งงานของเรา เป็นวันที่เหนื่อยและสนุกที่สุดวันหนึ่งในชีวิตของผม
    นิกกี้แปลงร่างอีก
    แล้วครับ คราวนี้ยิ่งกว่าวันหมั้นอีก เหมือนไม่ใช่นักกี้ที่ผมรู้จัก
    ใครเอายายนักกี้จอมยุ่ง จอมซ่าส์ จอม
    ซุ่มซ่าม ยัยเอ๋อของผมไปไหน แล้วผู้หญิงสวย บาดตาบาดใจ ที่ยืนตรงหน้าผมนี่ใคร

    “คุณแจ็ค ถึงกับตะลึงเลยเหรอค๊า เจ๊แต่งเองก็ยังทึ่งกับฝีมือตัวเองเลยค๊า
    แหมน้องกี้น่าจะแต่งหน้าบ่อยๆ
    นะคะเนี่ย”

    ช่างแต่งหน้าเพื่อนเธอทักกับอาการตะลึงของผม และถ้ามองไม่ผิด ผมเห็นเธออายผมนะ
    อิอิ ดูสิ หน้า
    แดงแข่งกะแก้มเชียว


    ช่วงเช้าเราทำพิธีแบบไทย มีการสู่ขอที่บ้านฝ่ายหญิง
    และตอนเย็นมีงานเลี้ยงที่โรงแรม เจ้าสาวของผม
    วันนี้เธอสวยมากจริงๆครับ ผมไม่เคยเห็นนักกี้ตอนแต่งหน้า
    แต่งตัวแบบเจ้าหญิงมาก่อน

    รู้ไหมครับ ประโยคแรกที่เธอทักผมในงานตอนเช้าคืออะไร

    “มองอยู่ได้เฮียจัก ไม่เคยดูละครช่อง 7 ตอนเช้าวันเสาร์รึไง แน่ะ ยังมองอีก
    วุ้ยยย”

    ฮ่าๆ ประโยคเด็ดละลายอาการขรึมของผมได้เช่นเคย

    และประโยคแรกในตอนเย็น ที่เจ้าหญิงชุดขาวทักผมคือ

    “โรคจิต!! ทำยังกะไม่เคยอ่านซินเดอเรล่า”

    คนพูดหน้ามุ้ย แล้วเดินดุ่มๆ ออกไป ถลกกระโปรงยาวเดินเข้างาน
    คงจะดีถ้าแม่คุณไม่สะดุดขาเก้าอี้
    หรือขาโต๊ะ นั่นๆ ว่ายังทันขาดคำ ล้มโต๊ะไปแล้วหนึ่ง ...


    ในงานนี้ ทั้งเพื่อนของผมและเธอต่างทำหน้าไม่เชื่อ เมื่อได้รับการ์ด
    แม้จะมาอยู่ในงานแล้ว ก็ยัง
    ทำหน้าเอ๋อกันไม่หาย ไอ้ที เพื่อนสนิทผม คบกันมาตั้งแต่เรียนมอปลาย มันยังว่า

    “ไอ้แจ็ค เอาจริงเหรอวะ ข้าว่า รายนี้มันไม่ใช่สเปคเอ็งนา”

    “นั่นสิ พี่แจ็คขา ถ้าถูกพ่อแม่บังคับ หรือขู่จะยึดเงิน บอกแนนนี่ได้นะคะ
    แนนนี่ให้ยืมก่อนก็ได้”

    “แจ็ค นี่คุณเสียสติรึเปล่า คิดไงเอาเด็กกะโปโลแบบนี้มาเป็นเมีย ต้องสวย เริ่ด
    ไฮโซ แบบชั้นสิ คุณ
    ต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ”

    และอีกสารพัดประโยคที่ผมเจอในงาน ต้องอธิบายให้ทุกคนเข้าใจ ว่า
    ผมไม่ได้ถูกพ่อแม่บังคับนะ แต่ง
    งานกับนิกกี้ด้วยความเต็มใจ ตอนแรกก็เพราะแค่อยากแกล้งเธอเท่านั้น
    และว่าจะถอนหมั้นซะในช่วง
    เวลาที่หมั้นกันไว้

    แต่เมื่อได้รู้จักเธอแล้ว ผมกลับเป็นฝ่ายถอนตัวจากเธอไม่ได้

    ผมไม่ได้รักเธอหรอกนะ เราคบกันเหมือนพี่น้อง เหมือนเพื่อนน่ะ

    ไอ้ที น้องแนนนี่ และ แพทตี้ยังทำหน้าไม่เชื่อ กับสิ่งที่ได้ยินนัก
    สักพักที่ผมรู้สึกว่า ที่ตรงข้างกายจะว่าง
    นานไปแล้ว จึงขอตัวไปตามหาเจ้าสาว

    “ดูมันเห่อเมีย วู้ๆ ไอ้ปลาไหลโดนใบข่อยดักโว้ย วู้วววว” ไอ้ทีแซวตามหลัง
    ผมไม่สนใจกับคำพูดของ
    เพื่อน เป้าหมายของผมอยู่นั่นไง


    อ้อ เธออยู่ที่โต๊ะเพื่อนเธอ โต๊ะที่เสียงดังที่สุดในงาน
    เมื่อผมเดินเข้าไปจึงได้ยินเสียง โฮ่ ฮิ้ว มาแต่ไกล
    ทั้งโต๊ะมีสมาชิกทั้งหญิงและชาย และสาวๆในโต๊ะนั้น
    สวย สวยมากๆ ขอย้ำ สวยมากๆ

    นี่ผมคิดผิดใช่ไหมที่ไม่รับข้อเสนอของนักกี้ในวันแรก...

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×