ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Hey bro! : พี่(รหัส)ครับ 【สนพ.ลาเวนเดอร์】END

    ลำดับตอนที่ #9 : สายรหัสของผม

    • อัปเดตล่าสุด 17 ม.ค. 64


     

     

    ตอนที่ 9

    สายรหัสของผม

     

     

    พี่ปูนลากผมมาหาพี่ๆ สายรหัสอีกสองคน คือพี่จีจี้ปีสามและพี่ฝนปีสี่ที่เป็นผู้หญิงคนเดียวในสาย โดยรวมสายผมนั้นน่ารักและดูช่างคุยกันเกือบทุกคน เว้นจะมีอยู่คนหนึ่งละมั้งครับเนี่ยที่เป็นแกะดำ ไม่ต้องบอกคงรู้นะว่าใคร...

    หลังจากพูดคุยกันไปเล็กน้อยพอหอมปากหอมคอ พี่ๆ ก็ให้ผมนั่งลงเพื่อทำพิธีผูกข้อมือรับขวัญ ซึ่งจะทำการปิดไฟให้บรรยายมืดสลัวอยู่ภายใต้แสงเทียนที่สว่างไสว สายรหัสผมพี่ฝนเป็นคนแรกที่อวยพรและผูกข้อมือให้ ต่อมาเป็นพี่จีจี้และไล่ลงมาตามลำดับ คนสุดท้ายนั่นก็คือพี่ปูน

    “ยื่นมือมา” 

    “พี่จะไม่อวยพรให้ผมก่อนเหรอ”

    “ยื่นมือมึงมาก่อน” เสียงเข้มดุผม ผมจึงต้องยื่นมือส่งให้อย่างไม่คิดอะไร คนอย่างพี่ปูนคงอยากจะรีบๆ ผูกให้มันจบๆ ไปมั้งครับ แต่ใครว่า...นั่นเป็นสิ่งที่ผมคิดผิด

    “ต่อจากนี้อีกสี่ปี ขอให้มึงตั้งใจเรียน มีความสุขกับชิวิตในรั้วมหาวิทยาลัย สมหวังในสิ่งที่ปรารถนา”

    ผมเงยหน้าขึ้นมามองอย่างประหลาดใจ พี่ปูนกำลังบรรจงผูกสายสิญจน์พร้อมกับพูดอวยพรผมไปด้วย ในตอนนั้นผมรู้สึกว่าถึงพี่ปูนจะดูนิ่งๆ ไม่ได้ต่างไปจากปกติ แต่ทั้งสีหน้าและน้ำเสียงกลับอ่อนโยนราวกลับเป็นคนละคน

    “จะจ้องกูอีกนานไหม กูผูกเสร็จละเนี่ย”

    อุย ลืมตัว ผมสาบานได้ว่าไม่ได้ตั้งใจจ้องหน้าพี่ปูนนะ ก็แต่แบบว่า บรรยากาศมันพาไปมั้งคนตรงหน้าผมเลยดูหล่อขึ้นมากว่าเดิมสิบเท่า แต่ถึงงั้นก็เถอะ พี่ปูนก็คือพี่ปูนอยู่วันยังค่ำ

    ผ่านไปสักพัก สายรหัสกลุ่มอื่นๆ ก็เหมือนจะผูกข้อมือรับขวัญน้องใหม่กันครบหมดแล้ว ไฟจึงถูกเปิดขึ้นให้แสงสว่างอีกครั้ง พร้อมกับการโถมตัวเข้ามากอดผมของพี่จีจี้

    “ยินดีต้อนรับเข้าสู่สายรหัสนะจ๊ะ! หลานรหัสฉันทำไมน่ารักอย่างนี้”

    ผมถูกพี่จีจี้ที่เป็นชายร่างบึกโผเข้ากอดหมับเข้าให้ ก่อนจะตามด้วยการจับแก้มหยีผมทำเหมือนผมเป็นน้องหมาน้องแมวไปได้

    “จีจี้พอก่อน น้องขมิ้นช้ำหมดแล้ว”

    “อุ๊ย หนูลืมตัว เวลาเจอผู้ชายน่ารักมันเป็นต้องอดใจไม่ไหวทุกที”

    “เบาได้ก็เบาหน่อยนะจีจี้” พี่ฝนเอ่ยปราม 

    “ค่ะได้ค่ะ จีจี้จะพยายาม”

    อ่าครับ แต่ก่อนหน้าที่พี่จะพยายามช่วยลดแรงกอดผมลงสักนิดเถอะครับ ร่างผมจะแหลกเหลวอยู่แล้วครับพี่!

    ผมปล่อยให้พี่จีจี้กอดรัดฟัดเหวี่ยงอยู่สักพัก พี่ฝนก็แบกตระกร้าผ้าที่บรรจุขนมและของใช้ในชีวิตประจำวันต่างไว้จนล้นปรี่เข้ามาให้

    “นี่จ้าของขวัญต้อนรับวันเปิดสายจากพี่” 

    “ขอบคุณครับพี่ฝน”

    “ส่วนนี่ผ้าห่มนาโนนุ่มนิ่ม พี่จีจี้ให้เอาไว้ห่มช่วงหน้าหนาวจ้ะ” ผ้าห่มนุ่มฟูลายเป็ดสีเหลืองน่ารักถูกคลุมลงมาบนไหล่ผมพร้อมด้วยการกอดหมับของพี่จีจี้ 

    “ขอบคุณครับพี่จีจี้ ลายน่ารักจังเลย” 

    “ใช่มะ พี่ว่าแล้วน้องต้องชอบ”

    “ขอบคุณพวกพี่ๆ มากเลยนะครับ”

    ผมรู้สึกดีใจแล้วปลื้มใจมาก ๆ เลยที่มีพี่รหัสน่ารักอย่างที่เคยหวังเอาไว้ เว้นก็แต่ว่า…มีบางคนเนี่ยสิไม่ค่อยจะน่ารักเหมือนอย่างคนอื่นเขาเลย  ผมเหล่มองไปยังคนที่เอาแต่ยืนเงียบไม่ค่อยพูดค่อยจา 

    “แล้วพี่ไม่มีอะไรจะให้ผมบ้างเหรอ” 

    พี่ปูนปรายตามองผมแว๊บหนึ่งก่อนจะเดินไปหยิบถุงกระดาษถุงใหญ่มายื่นให้ผม

    “เอาไป แล้วใช้ด้วย”

    ผมรับถุงนั่นมาแล้วก้มมองของที่อยู่ข้างใน มันเป็นสมุดโน้ตและอุปกรณ์เครื่องเขียนมากมายใส่เอาไว้เกือบเต็มถุง

    “นี่พี่เหมาร้านเครื่องเขียนมาเหรอ”

    “งั้นมั้ง”

    เกลียดวามกวนประสาทของพี่แม่งจริง ๆ เลยให้ตายสิ ว่าแต่นี่ขนซื้ออะไรมาเยอะแยะเนี่ย ทัั้งสมุด ปากกา ดินสอ ไฮไลท์ ผมรับประกันเลยว่าเรียนจบสี่ปีก็ยังใช้ไม่หมดแน่ ๆ  ผมก็พอจะรู้มาบ้างว่าพี่ปูนน่ะมีฐานนะทางบ้านค่อนข้างดี แต่ไม่นึกว่าจะเปย์ให้ผมเยอะขนาดนี้ไง เอาจริง ผมแอบคิดว่าพี่ปูนจะไม่ให้อะไรผมด้วยซ้ำ

    “ทำไม มีปัญหาอะไรกับของที่กูให้”

    “ผมยังไม่ได้พูดอะไรเลย”

    “ก็หน้ามึงมันฟ้อง”

    “ผมแค่ตกใจที่พี่ซื้อของอย่างอื่นนอกจากเค้กให้ผมต่างหาก” 

    “เค้กกูไม่ดีตรงไหน อร่อยจะตาย”

    “มันก็ดี แต่มันทำให้ผมอ้วน” นี่เรื่องจริงเลยนะ ช่วงที่ได้เค้กมาถี่ๆ ผมนี่กินจนน้ำหนักขึ้นเลย

    “เรื่องของมึง”

    “เรื่องของผมที่ไหน เรื่องของพี่นั้นแหละ นี่ผมถามจริงๆ เหอะ ทำไมพี่ต้องซื้อเค้กให้ผมด้วย”

    “ก็กูชอบ”

    หะ?

    “มันควรจะเป็นของที่น้องรหัสอย่างผมชอบไม่ใช่เหรอ”

    “ก็กูไม่รู้ว่ามึงชอบอะไร มึงไม่เคยบอกกูนี่”

    “อ้าว แล้วทำไมพี่ไม่ถาม”

    “แล้วทำไมมึงไม่บอก”

    เอ๊ะ นี่ชักจะกวนประสาทกันแล้วนะ ไอ้พี่ปูน!

    ในระหว่างที่ผมกับพี่ปูนกำลังทำสงครามประสาทกันอยู่นั้นเอง เสียงประกาศผ่านโทรโข่งก็ดังขึ้นเพื่อเตือนให้น้องๆ ปีหนึ่งที่อยู่หอในรีบกลับเข้าหอก่อนหอจะปิด

    “น้องขมิ้นพักอยู่หอในหรือห้องนอกเอ่ย” พี่ฝนถามผม

    “ผมอยู่หอนอกครับ”

    “ไกลมากไหม ให้พวกพี่ไม่ส่งรึเปล่า” พี่จีจี้รีบอาสาทันที

    “ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวผมให้เพื่อนไปส่ง มันมีรถยนต์”

    “โอเคจ้ะ งั้นไว้คราวหน้าพี่จะพาไปเลี้ยงของอร่อยๆนะ วันนี้ต้องขอโทษด้วยจริงๆ ที่ไม่ได้ซื้อของกินมาให้ ที่จริงพวกพี่คุยกันว่าจะซื้อพิซซ่ามาให้แต่คิวมันยาวมากเลยน่ะ” พี่ฝนขอโทษขอโพยผมเป็นการใหญ่ แต่ผมไม่ใช่คนคิดเล็กคิดน้อยเรื่องพวกนี้หรอกครับ แค่พวกพี่เขาต้อนรับผมเข้าสาย ผูกข้อมือรับขวัญให้ ก็ดีใจแล้วล่ะครับ นอกจากนี้ยังซื้อของมาให้อีกตั้งเยอะผมจะไปโกรธพวกพี่เขาลงได้ยังไงละจริงไหม :)

    “ไม่เป็นไรครับพี่ฝน ไว้โอกาสหน้าก็ได้ครับ”

    “งั้นคราวหน้าไว้พี่พาไปเลี้ยงสายนะ”

    “ครับ”

    “อุย ป่านนี้แล้วเหรอเนี่ย เดี๋ยวพี่คงต้องขอตัวกลับก่อน จีจี้กับปูนฝากดูแลน้องด้วยนะ”

    “ไม่ต้องห่วงค่ะพี่ฝน จีจี้จะดูแลน้องขมิ้นเอง” พี่จีจี้ลากผมเข้าไปกอดหมับอีกครั้ง

    “โอเคงั้นพี่ไปก่อนนะ บายจ้าจีจี้ บายจ้าปูน” พี่ฝนส่งยิ้มหวานให้ก่อนจะรีบวิ่งออกไป ทิ้งไว้เพียงผมที่ติดแหงกอยู่ในวงแขนของพี่จีจี้ผมบอกได้เลยว่าพี่จีจี้นอกจากร่างบึกบึนแล้วยังแรงเยอะมากด้วย ผมกลายเป็นไอ้กุ้งแห้งไร้ทางสู้ไปเลย T-T

    ในตอนที่สิ้นหวังไม่รู้ว่าจะทำยังไงดี เสียงคุ้นหูก็พูดขึ้นมาว่า

    “พี่จีจี้ปล่อยได้แล้วมั้ง มันจะขาดอากาศเพราะกล้ามแขนพี่รัดคอมันตาย” 

    “ต๊าย! นังปูนว่าฉันมีกล้ามได้ยังไง”

    “หรืออยากให้ผมเรียกว่าไขมัน นี่อุตส่าห์พูดอ้อมแล้วนะ”

    “อ๊าย! ไอ้น้องรหัสปากหมา นี่แกว่าฉันอ้วนเหรอ!” พี่จีจี้ปล่อยตัวผมให้เป็นอิสระและเปลี่ยนเป้าหมายไปเป็นการเล่นงานน้องรหัสตัวเองแทน เหมือนคู่นี้ดูจะไม่ลงรอยกันนะครับ

    “ผมบอกพี่แล้วว่าให้เพลาๆ เรื่องบุฟเฟ่ต์”

    “บอกตอนไหนยะ อย่ามาตอแหล ไอ้น้องเวร เดือนๆ หนึ่งฉันเจอหน้าแกกี่ครั้งเอง นี่จงใจหลบหน้าฉันใช่ไหม”

    “ไม่บอกก็น่าจะดูรู้นะพี่”

    “นี่ด่าฉันว่าโง่เหรอ แกกล้าด่าพี่รหัสแกเหรอ!”

    “ผมยังไม่ได้พูดอะไรเลยพี่คิดเองนะ แล้วก็ถ้าพี่จีจี้อยากรู้ว่าอ้วนไม่อ้วน ก็ชั่งน้ำหนัก วัดส่วนสูง หาค่าดัชนีมวลกายเอาก็แล้วกันนะครับจะได้รู้ว่าอ้วนไหม”

    “ผ่านมาปีหนึ่ง แกก็ยังกวนตีนฉันเหมือนเดิม นี่ฉันปวดหัวจนไมเกรนจะขึ้นแล้ว”

    “ก็ผมบอกพี่แล้วให้แลกน้องรหัสกับคนอื่น”

    “ไม่มีทางยะ เพราะถ้าแกไม่ใช่น้องรหัสฉัน ใครจะเคี่ยวเข็ญแกให้ลงประกวดเดือนคณะ”

    “นั่นเขาเรียกบังคับกันมากกว่า”

    “อะไร! ฉันเปล่าบังคับแกสักหน่อย นี่อย่ามาใส่ความกันนะ”

    “แล้วที่พี่ส่งคนมาตามตื๊อ ก่อกวนผมทุกวี่ทุกวันนี่คืออะไร”

    “ก็แค่กลยุทธ์หว่านล้อม”

    สายตาพี่จีจี้เลิ่กลั่กมาก ผมว่าคงไม่ใช่แค่หว่านล้อมหรอก ข่มขู่ทางอ้อมซะมากกว่า มิน่าละคนอย่างพี่ปูนเนี่ยนะจะสนใจลงประกวดเดือนคณะทั้งที่นิสัยเป็นคนค่อนข้างเก็บตัว ที่แท้ก็เป็นเพราะถูกพี่รหัสอย่างพี่จีจี้บังคับนี่เอง

    ในระหว่างที่ผมยืนดูพี่ปูนกับพี่จีจี้ประชันฝีปากกันอย่างไม่มีใครยอมใคร พี่กิ๊บที่เร่งให้น้องปีหนึ่งกลับหอก็เดินเข้ามาเตือนให้ผมรีบกลับเพราะนี่มันก็ถือว่าดึกมากแล้ว 

    “แล้วน้องขมิ้นกลับยังไง ให้พวกพี่ไปส่งไหม” พี่กิ๊บถามผมอย่างเป็นห่วง

    “ผมกลับกับไอ้ฐานครับ ไม่เป็นไรครับพี่”

    “โอเค งั้นฝากบอกพี่รหัสน้องด้วยว่าให้มาช่วยกันเคลียร์สถานที่ได้แล้ว” พี่กิ๊บปรายตามองไปยังสองคนนั้นที่ยังยืนต่อล้อต่อเถียง แขวะกันไป แซะกันมาไม่เลิก แล้วผมควรต้องทำยังไงดีครับเนี่ย สองคนนั้นเถียงกันไปเถียงกันมาไม่เว้นช่องไฟให้แทรกได้เลย ถามจริงนี่ไปโกรธกันมาตั้งแต่ชาติปางไหนครับเนี่ย?

    “พี่สร้างความลำบากให้ผมโคตรๆเลยรู้ตัวไหม”

    “แกก็สร้างปัญหาให้ฉันไว้ไม่น้อยเหมือนกันล่ะย่ะ”

    “ผมบอกพี่แล้วว่าผมไม่ทำ”

    “มาพูดตอนนี้มันก็สายไปแล้วย่ะ อีกอย่างเป็นเดือนคณะมันมีอะไรเสียหาย”

    “มี ความเป็นส่วนตัวของผมไง”

    “มีผู้ชายตั้งหลายคนอย่างได้ตำแหน่งนี้นะยะ"

    “พี่ก็ไปจับพวกนั้นมันลงประกวดดิ”

    “ฉันต้อนมาหมดแล้วแต่แก คือตัวเต็ง ก็นะใครใช้ให้แกเกิดมาหน้าตาดี ดาราเกาหลีเรียกโอปป้าล่ะ”

    “นั่นมันไม่ใช่เหตุผลเลยโว๊ยพี่”

    “ทำไมจะไม่ใช่ ถ้าหน้าตาไม่ใช่จุดขายแกจะหลุดเข้าไปชิงตำแหน่งเดือนมหาวิทยาลัยรอบสุดท้ายได้ยังไง”

    “นั่นเพราะพี่ยัดชื่อผมลงไป ผมไม่ได้อย่างลงประกวดสักหน่อย”

    “แต่แกเป็นเดือนคณะ ไม่ลงประกวดเดือนมหาวิทยาลัยได้ไง”

    “ได้ดิ ก็สละสิทธิ์ไง”

    ดูท่าว่าพี่ปูนนี่จะเป็นพวกหัวรั้นเถียงไม่ชนะไม่ยอมเลิกนะครับเนี่ย

    “โอ๊ย ฉันไม่อยากเถียงกับแกละ ฉันเหนื่อย!” พี่จีจี้สะบัดหน้าเดินหนี ผมเลยได้จังหวะเข้าไปแทรก

    “นี่พี่” ผมเรียก แต่เหมือนอีกฝ่ายจะไม่ได้ยิน ผมเลยดึงชายเสื้อพี่เขาพร้อมเรียกอีกรอบ “พี่ปูน”

    “อะไร”

    “พี่กิ๊บฝากมาบอกพี่ว่า ให้พี่ไปช่วยเคลียร์สถานที่”

    “เออ”

    ...

    ตอบแค่เออ แต่จ้องหน้าผมไม่วางตา นี่ถามจริงไม่มีอะไรจะพูดต่ออีกสักหน่อยเหรอ?

    “งะ งั้นผมกลับแล้วนะ” ผมรู้สึกทำตัวไม่ถูกอย่างบอกไม่ถูก เลยเลือกที่จะเดินหนีออกมาเก็บของ

    หยิบข้าวของต่าง ๆ ที่พวกพี่ๆ ซื้อให้ใส่ตะกร้าผ้าของพี่ฝนจนมันกองสูงขึ้นมาเกือบเลยหัวผมตอนผมยกมันขึ้นมาถือ

    แต่ที่ดูจะลำบากที่สุดคงเป็นถุงกระดาษใส่เครื่องเขียนของพี่ปูนที่ผมไม่รู้จะถือยังไงดีเลยต้องคล้องแขวนไว้ ซึ่งมันทำให้ผมในตอนนี้ดูพะรุงพะรังไปหมด

    “มึงอยากเดินสะดุดล้มหน้าคว่ำรึไงฮะ” เสียงดุๆ ดังขึ้นพร้อมกับน้ำหนักของตะกร้าผ้าบรรจุของที่หายไป

    “ผมถือเองได้” ผมท้วง

    “กูช่วยก็ดีแล้วไง” พี่ปูนดูจะไม่สนคำแย้งของผมเลยสักนิด เล่นเดินดุ่มๆ ไปหาไอ้ฐานทัพทันทีพร้อมพูดคุยอะไรกันคำสองคำซึ่งผมได้ยินไม่ถนัด

    ว่าแต่ว่า สองคนนี้นี่ไปสนิทกันตอนไหนครับเนี่ย?

    “มึงจะให้กูไปส่งใช่ไหม” ไอ้ฐานทัพหันถามผม

    “เออ กูแบกขึ้นมอเตอร์ไซค์ไม่ไหว”

    “เค งั้นมึงยกของตามพี่ปูนไปใส่ไว้ท้ายรถกูเลย กูให้กุญแจพี่เขาไปแล้ว”

    “เอ่อ อืม” ผมอยากถามมันมากเลยว่าไปสนิทสนมกับพี่ปูนตอนไหน แต่จังหวะนี้คงจะไม่ค่อยเหมาะเท่าไหร่ไว้รอทักไปถามหลังไมค์ดีกว่า

    ผมเดินถือถุงกระดาษที่พี่ปูนให้เดินดุ่มๆ ตามตูดพี่เขามาจนถึงลานจอดรถแถวคณะ พี่ปูนเปิดท้ายรถบีเอ็มของได้ฐานแล้ววางตะกร้าใส่ของลงไปก่อนจะหันมองผมพร้อมยื่นมือมา

    “ถุง”

    “ครับ?”

    “จะให้ใส่ไว้ท้ายรถไหม ถุงที่กูให้มึงน่ะ”

    “ไม่เป็นไหร่เดี๋ยวผมถือเอง” ท้ายรถไอ้ฐานยังต้องจุของพวกไอ้ข้าวกับไอ้การ์ฟิลด์อีก อะไรถือได้ก็ถือไปดีกว่า 

    “งั้นก็ตามใจ”

    “พี่รีบกลับเข้าไปช่วยพี่กิ๊บได้แล้วมั้ง”

    “นี่มึงได้ของปุ๊บก็ไล่กูเลยเหรอ”

    “เปล่าไล่ ก็พี่เขาฝากมาบอก” ผมรีบแก้ต่างทันที

    “งั้นกูไปละ ของที่ให้ไปก็ใช้ให้มันดี ๆ ด้วย”

    ทำไมเหมือนแม่ที่กำลังกำชับลูกไม่ให้ทำยางลบหายบ่อย ๆ เลยวะเนี่ย

    “ถ้ามีปัญหาอะไรก็ปรึกษาพี่จีจี้เอาละกันรายนั้นหาตัวได้ไม่ยาก” พี่ปูนเว้นช่วงไปครู่หนึ่งก่อนจะพูดต่อ “หรือถ้ามึงอยากมาปรึกษากูก็ตามใจ”

    หืม?

    “หมายความว่าไง...อะ เดี๋ยวสิ!”

    ยังไม่ทันที่ผมจะได้ถามข้อข้องใจออกไป พี่ปูนแกก็เดินหนีโท่งๆ ไปดื้อๆ เลยครับ อะไรของเขาครับเนี่ย?

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×