ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Hey bro! : พี่(รหัส)ครับ 【สนพ.ลาเวนเดอร์】END

    ลำดับตอนที่ #6 : ก่อนวันเปิดสาย

    • อัปเดตล่าสุด 8 ม.ค. 64


     

     

    ตอนที่ 6

    ก่อนวันเปิดสาย 

     

     

     ประโยคที่พี่ปูนพูดเอาไว้ว่า ‘เป็นน้องรหัสกูน่ะมันไม่ง่าย’ เออ! ไม่ง่ายจริงๆ แหละ อะไรวะนึกว่าเจรจาสงบศึกไปแลัวจะรู้สึกสนิทกันมากขึ้น แต่เปล่าเลย! ทุกอย่างเหมือนเดิมเป๊ะ ไม่มีอะไรคืบหน้า ผมกับพี่ปูนก็ไม่ต่างอะไรกับคนที่รู้จักกันแต่ชื่อ

    “มึงจะมานั่งแดกน้ำปั่น วันๆ ไม่ทำอะไรเลยอย่างนี้ไม่ได้” ไอ้การ์ฟิลด์ทุบโต๊ะดังปึง ดูมันจะเป็นเดือดเป็นร้อนมากกว่าผมอีก

    “มึงจะให้กูทำอะไรวะ นี่กูก็รู้แล้วไงว่าพี่ปูนเป็นพี่รหัสกู”

    “แล้วมึงจะไม่คิดญาติดีกับพี่เขาหน่อยเหรอ”

    “กูคิด แต่ฝั่งนั้นเขาไม่คิด”

    “มึงแน่ใจได้ไง”

    “ก็มึงดูหน้าพี่เขาดิเป็นมิตรมากมั้ง”

    “มึงก็ว่าไปนั่น”

    ในตอนนั้นเองคนที่พวกผมกำลังพูดถึงก็เดินลงมาจากตึกพอดี แน่นอนว่าออร่าความหล่อของเดือนคณะทำให้พี่ปูนกลายเป็นที่จับตามอง 

    “เห็นมะ อย่างที่กูบอกเด๊ะ”

    พี่ปูนเดินปั้นหน้าขรึมมาแต่ไกล แถมวันนี้ดูเหมือนว่าจะไม่สบอารมณ์ด้วยเพราะคิ้วขมวดแทบจะผูกกันเป็นโบว์ได้อยู่แล้ว

    “ว่าแต่ไอ้ฐานทัพมันไปไหน วันนี้กูเห็นมันหายหัวไปตั้งแต่บ่าย”

    “อ้อ ไอ้ป๋ามันถูกรุ่นพี่ทาบทามไปเป็นลงประกวดเดือนคณะว่ะ”

    “ฮะ? ทำไมรุ่นพี่เขาไม่มาทาบทามกูบ้างวะ”

    “โอ้โห ไอ้ห่ากล้าพูดเนอะ”

    “อะไรไอ้ฟิลด์ กูก็ออกจะหน้าตาดี ขอแค่เสริมหล่อเซตผมสักนิดสักหน่อยหน่อย รับรองสาวติดตรึม” ผมไม่ได้ยกยอตัวเองนะ ตอนเด็กๆ มีแต่คนชมว่าผมน่ารักโตมาต้องหน้าตาดีแน่นอน และผมว่าคนชมเขามองกันไม่ผิดหรอกครับ ฮ่าๆๆๆ

    “ยิ้มอะไรของมึงอยู่คนเดียว”

    “กูภูมิใจในความหน้าตาดีของตัวเองไงไอ้ข้าว”

    ไอ้ข้าวถอนใจเฮือกใหญ่ ส่วนไอ้การ์ฟิลด์ยกมือกุมขมับ เดี๋ยวนะครับ ความหล่อของผมนี่มันน่าหนักใจขนาดนั้นเลยเหรอครับเนี่ย เสียดายจริง ๆ ที่พวกรุ่นพี่ไม่ได้มาทาบทามผม แหมๆ พลาดโอกาสแล้ว

    “นี่ไม่ใช่เวลามามัวบ้ายอตัวเองนะโว๊ยไอ้ขมิ้น เรื่องพี่ปูนสรุปมึงจะเอาไง”

    “ก็ไม่ไงอ่ะ กูก็ไม่รู้จะทำไงนี่หว่า ถ้าเป็นมึงล่ะไอ้ฟิลด์มึงจะทำไงกูขอถาม”

    “กูก็เข้าไปตีสนิทไง ไหนๆก็เป็นพี่รหัสน้องรหัสกันนี่”

    “โห พูดน่ะมันง่ายแต่มึงลองทำดูสิ ไอ้ฉิบหายตั้งแต่กูเกิดมานะเพิ่งจะเคยเจอคนแบบนี้ หล่อก็จริง แต่หยิ่งก็ไม่ไหวปะวะ”

    “เฮ้ย พูดอะไรหัดเกรงใจพี่รหัสมึงบ้างโว๊ยไอ้ขมิ้น”

    “อะไร ทำไมกูต้องเกรงใจด้วยวะ” ผมพูดอย่างไม่ค่อยใส่ใจ กระทั่งไอ้ข้าวที่นั่งข้างผมมันกระทุ้งศอกใส่ยิกๆ จนผมรำคาญ

    “มึงเป็นอะไรของมึงเนี่ย”

    “เอ่อ...นู่น” ไอ้ข้าวบุ้ยปากไปทางด้านหลังผม ร่างสูงดูภูมิฐานกำลังยืนเอาสองมือล้วงกระเป๋ากางเกงมองมาที่ผมด้วยสายตาเรียบนิ่งจนดูน่ากลัว

    ชะอุย... พี่ปูนมายืนตรงนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่วะ จะได้ยินเรื่องที่ผมนินทาพี่แกไหมวะเนี่ย

    “ทำไมมึงไม่บอกกูว่าพี่ปูนมา” ผมขยับปากกระซิบลอดไรฟันถามไอ้ฟิลด์ที่มันนั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามผม

    “กูพยายามบอกมึงแล้วเพื่อน” มันส่งยิ้มแหะๆ ให้จากนั้น ไอ้ฟิลด์ ไอ้ข้าวก็รีบลุกขึ้นและเผ่นแน่บออกไปพร้อมกันอย่างกับนัดกันไว้

    “เฮ้ย! นั่นพวกมึงจะไปไหน” ผมพยามตะโกนถามแต่พวกมันใส่เกียร์หมากู่ไม่กลับกันสักคน 

    ไอ้พวกเหี้ย! ทำไมทำกันแบบนี้วะ! ทิ้งกันได้ไง! TOT

    “-_-”

    นี่ก็ยืนทำหน้าขรึมกดดันผมฉิบหายเลย

    “พี่ เอ่อ...มาหาผมเหรอ” ผมอ้อมแอ้มถามออกไปอย่างกระอักกระอวน

    “มาหาหมาหน้าคณะมั้ง ถามมาได้”

    เอ้า! คนเขาถามดีๆ กวนตีนกันอีกนะ

    “ถ้าเป็นหมาใต้คณะล่ะก็ ผมเห็นมันวิ่งไปแถวคณะมนุษย์นู่นแล้วครับ” กวนมาก็กวนกลับผมไม่โกงครับ :(

    “โทษทีว่ะ พอดีหมาที่กูตามหาเป็นพันธุ์ชิวาว่าเห่าเก่ง ตอนนี้ก็กำลังนั่งเห่ากวนตีนกูอยู่เนี่ย”

    หน็อยแน่ นี่ด่าผมเป็นหมาชิวาว่าเหรอ ตัวเองก็หมาพันธุ์ร๊อตไวเลอร์แหละวะ ดุฉิบหาย

    “ไม่ต้องมาจ้องหน้ากูมาก กูกลัวหน้ากูแปดเปื้อนมลทินจากสายตามึง”

    “ใครเขาจะอยากจ้องหน้าพี่กัน”

    “ก็เห็นมีออกเยอะแยะ”

    จ้าพ่อคนหน้าตาดี หมั่นไส้จริงๆ เลยโว๊ย จะมีสักกี่คนวะที่รู้ว่าพี่ปูนแม่งโคตรกวนตีน 

    “เอาดีๆ สรุปพี่มากวนตีนผมทำไมครับ”

    “นี่ดีของมึงแล้วเหรอ มาหาว่ากูกวนตีนมึง”

    “ก็พี่กวนตีนผมจริง ๆ นี่”

    “เออกูกวนตีนมึงแล้วไง”

             “ก็ไม่แล้วไงครับ ผมแค่อยากรู้ว่าพี่มาหาผมมีเรื่องอะไรครับ เพราะถ้าไม่มีผมจะได้ไปที่อื่น” ผมตั้งท่าจะลุกขึ้นยืน แต่ก็ถูกกดไหล่ให้นั่งลงไปอย่างเก่า

             “อย่าเพิ่งไป ตอบคำถามกูก่อน”

             “คำถามอะไรครับ?”

    “มีคนฝากกูให้มาถามมึงว่า มึงชอบอะไรบ้าง”

    “ใครฝากถามครับ?”

    “ไม่ต้องรู้ ตอบๆ มาเหอะน่า”

    “ยายผมสอนไว้ไม่ให้ตอบคำถามจากคนแปลกหน้าครับพี่”

    “กูพี่รหัสมึงนะ”

    “เหรอครับ อ่อ ผมก็ลืมไปซะได้ว่าตัวเองก็มีพี่รหัส ก็นะเล่นเงียบหายเข้ากลีบเมฆ นี่ถ้าไม่ส่งเค้กกับชาเขียวปั่นมาให้บ้างผมคงนึกว่าพี่รหัสผมคงซิ่วไปเรียนที่อื่นแล้วมั้ง”

    “จิกกัดกูพอยัง”

    “ยังครับมีให้พูดอีกเยอะ อยากฟังไหมล่ะครับ” ผมยักคิ้วกวนไปให้หนึ่งที และเหมือนคนหน้านิ่งจะเริ่มมีปฏิกิริยาโมโหขึ้นมานิดหน่อย

    “อย่ามากวนตีนกูนะไอ้ลูกหมา นี่กูมาถามมึงดีๆ” พี่ปูนกระชากคอเสื้อผมเข้าไปใกล้ จนระยะห่างระหว่างหน้าห่างกันแค่ปลายจมูกกั้น ไอ้ฉิบหาย หน้าเนี่ยมันจะใกล้กันเกินไปไหมวะ! 

    ผมเบิกตากว้างด้วยความตกใจผสมความประหม่าในเวลาเดียวกัน นี่เป็นครั้งแรกที่ผมได้เห็นหน้าพี่ปูนใกล้ๆ

    เชี่ยแม่ง คนอะไรเบ้าหน้าดี ตาคม คิ้วเข้ม ปากเป็นกระจับ จมูกโด่ง ผิวยังเนียนกริบยังกับพรีเซ้นเตอร์โลชั่นทาผิว แม่เจ้าโว๊ย แม่พี่เขากินอะไรตอนท้อง ลูกถึงออกมาหน้าตาดีขนาดนี้วะขนาดผมเป็นผู้ชายยังใจสั่น

                   เฮ้ยเดี๋ยวนะ มันใช่เหรอ...

    “อย่าให้กูต้องใช้มาตรการบังคับ เข้าใจไหมไอ้ลูกหมา?” พี่ปูนปล่อยคอเสื้อผม เมื่อกี้เหมือนเป็นแค่การขู่เค้นความจากผมเฉยๆ

    “เอ่อ…ครับ เข้าใจครับ” ผมพยักหน้าหงึกๆ ทั้งที่เริ่มหวั่นใจเล็กๆว่า ไอ้มาตรการบังคับของพี่แกนี่มีอะไรอีกบ้าง แต่เชื่อเถอะครับผมไม่อยากรู้

    “ทีนี้จะตอบกูได้ยัง”

    “ขอคำถามอีกรอบได้ไหมครับ”

    “นี่มึงความจำสั้นเหรอ กูถามว่ามึงชอบอะไร”

    “ก็แค่ทวนไม่เห็นต้องด่าเลยนี่หว่า”

    “บ่นเหี้ยอะไร”

    “ปะ เปล่าครับ!”

    ทำไมต้องทำตาดุด้วยวะ คนแค่ขมุบขมิบปากเองนะเว้ยยยยย

    “เอ้าทีนี้ตอบคำถามกูมาได้ล่ะ มึงทำกูเสียเวลานะ”

    “ครับๆ ผมไม่มีอะไรที่ชอบเป็นพิเศษหรอกครับ”

    “เออ แล้วมีแพ้อาหารอะไรไหม”

    “ไม่มีครับ”

    “กุ้งแดกได้”

    “ได้ครับ”

    “พิซซ่าละแดกไหม”

    “กะ ก็กินได้ครับ”

    “เออก็แค่นี้”

    จากนั้นพี่ปูก็หมุนตัวเดินกลับไปทั้ง ๆ อย่างนั้น สรุปว่านี่แค่จะมาถามว่าผมชอบกินอะไรไม่ใช่เหรอ!? แล้วจะมาแอคท่าโหดทำมะเขืออะไรไม่ทราบครับ!

     

    ***

     

    P’Poon’Part

     

    วันมะรืนคือวันเปิดสายรหัสของคณะผม ซึ่งแน่นอนว่ารุ่นพี่ปีสองปีสามปีสี่ต่างวิ่งวุ่นจัดเตรียมของและเซอร์ไพรส์ต้อนรับน้องๆ ปีหนึ่ง สายของผมก็เหมือนกัน พี่จีจี้กับพี่ฝนก็มาถามผมว่าจะซื้ออะไรให้น้องปีหนึ่งดี หรือไม่ก็น้องชอบกินอะไร อยากได้อะไรไหม ผมก็ได้แต่เงียบครับเพราะไม่รู้ห่าเหวอะไรเกี่ยวกับมันเลย

    และด้วยเหตุจำเป็นเร่งด่วนนี้เอง ผมถึงต้องเดินเข้ามาถามมันตรง ๆ ว่ามันชอบอะไร จะได้ไปบอกพวกพี่ฝนกับพี่จีจี้ถูก แต่พอผมเดินมายืนข้างหลังมัน ยังไม่ทันที่จะได้อ้าปากถามผมก็ได้ยินคำนินทาจากมันแล้ว

    หน็อย ไอ้เด็กนี่มันมันแสบใช่ย่อย

    ซึ่งผมก็ใช้เวลาอยู่พอสมควรกว่าจะหาข้อมูลมาได้นิดหน่อย (นิดจริง ๆ ไอ้ห่าเอ๊ย) เพราะงั้นเมื่อถึงเวลาที่ต้องลงความเห็นในกลุ่มแชทสายรหัส ผมเลยออกความเห็นว่าเงินลงขันของสายเราจะเอาไว้ซื้อพิซซ่าเลี้ยงมัน ซึ่งพี่จีจี้กับพี่ฝนก็ไม่ได้ขัดอะไร เหมือนปัญหารายการอาหารของวันเปิดสายจะคลี่คลายแต่มันยังไม่จบครับมันยังมีปัญหาโลกแตกอยู่อีกอย่าง นั่นคือของที่ปีแต่ละชั้นปีจะให้แยกต่างหาก ผมที่เป็นพี่รหัสปีสองจะซื้ออะไรให้ดีวะเนี่ย?

    อันที่จริงผมเลือกที่จะไม่ให้ก็ได้นะครับ แต่พี่ปีสามกับปีสี่เห็นว่าจะซื้อให้กันหมด ถ้าผมไม่ให้มันก็คงจะดูไม่ดีใช่ไหมล่ะ อย่างน้อย ๆ นี่มันก็เป็นน้องรหัสผมที่ผมจับฉลากได้ชื่อมันมากับมือ

    “เฮ้อ” ผมถอนใจยาวขณะนอนเหยียดขาอยู่บนโซฟาที่คอนโด

    “มีเรื่องหนักใจอะไรเหรอ หน้าเครียดเชียว” พี่ชายผมที่อายุห่างกันหนึ่งปีเปิดประตูเข้ามาพร้อมเดินมาทิ้งตัวลงนั่งตรงที่ว่างปลายขาของผม

    “วันนี้ทำไมกลับเร็ว” ผมถามออกไปอย่างสงสัย พี่ชายผมชื่อ ‘ปัน’ เรียนอยู่คณะทันตะปีสาม ปกติพี่ผมเรียนหนักมาก และไปดื่มกับเพื่อนๆ บ่อยมาก ถ้าวันไหนไม่กลับดึกบางทีก็ไม่กลับมานอนก็มีครับ

    “เหนือกับเมษมันติดธุระทั้งคู่ กะจะชวนพวกมันไปดื่มสักหน่อยวันนี้เลยชวดเลย” ปันทำหน้าเสียดายหน่อยๆ พี่ชายผมคนนี้เห็นเรียนทันตะ บุคลิกภูมิฐานเหมือนคุณชาย ทว่าแท้จริงแล้วเป็นนักดื่มตัวยง แต่ถึงจะชอบดื่มขนาดไหน ปันก็ยังเป็นคนคออ่อนอยู่ดี และพอพี่ผมเมาเมื่อไหร่หายนะก็มาเมื่อนั้น เฮ้อ อย่าให้ผมเล่าเลยมันน่าหนักใจน่ะ

    “แล้วทำไมไม่ไปคนเดียวมันซะเลยล่ะ” 

    “อย่าเลย” ปันโบกือปฏิเสธเป็นพัลวัน ซึ่งผมก็เข้าใจแหละครับ พี่ชายผมได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในสามสมบัติแห่งชาติของคณะ ไปไหนมาไหนโดยไม่มีเพื่อนไปด้วยพี่ปันจะวางตัวลำบากครับ เพราะปฏิเสธคนไม่ค่อยเก่ง อีกอย่างพวกแฟนคลับจะถือโอกาสเข้ามาล้อมหน้าล้อมหลังเนื่องจากไม้กันหมาอย่างพี่เมษไม่อยู่ไงครับ (พี่เมษที่พูดถึงคือเพื่อนที่เรียนทันตะของปัน เป็นหนึ่งในสามสมบัติแห่งชาติของคณะเหมือนกัน)

    “ถ้างั้นโทรชวนปูนก็ได้นี่”

    “ปูนไปมันจะยิ่งแย่กว่าเก่าน่ะสิ รู้ตัวไหมว่าคนตามฟอลไอจีปูนมีตั้งกี่คน”

    “ไม่รู้ ไม่ได้สนใจ” ผมตอบไปตามจริง ผมไม่ใช่คนที่ติดโลกโซเซียลอยู่แล้ว แต่ก็มีเล่นบ้างเพื่อความไม่ตกเทรนด์

    “ก็ชอบเป็นซะอีกแบบเนี่ย ปันยังงงเลยว่าพวกนั้นชอบปูนเข้าไปได้ยังไง น้องพี่คนนี้มันไม่มีส่วนน่ารักเหมือนคนอื่นเขาเลย”

    “คนเราไม่จำเป็นต้องน่ารัก เพราะความน่ารักแดกไม่ได้” ผมพูดจบก็ปิดหนังสือแล้วลุกขึ้นเดินตรงไปเปิดตู้เย็นหยิบเบียร์กระป๋องมาเปิดจิบแก้เซ็งผ่านไปสักพักผมก็เริ่มคิดอะไรได้เลยเดินไปหาปันที่ยังคงนั่งอยู่ตรงโซฟา

    “ปันวันพรุ่งนี้ตอนเย็นว่างไหม”

    “ก็ว่างนะไม่มีแลป ว่าแต่ถามทำไม”

    “ฝากซื้อของหน่อย”

    “ซื้ออะไร?”

    “ปันอยากจะซื้ออะไรก็ซื้อมา”

    “หะ?” ปันทำหน้างง ผมเลยต้องอธิบายเนื้อหาคร่าวๆ ให้ฟัง

    “สมมุติว่าปันจะซื้อของให้น้องรหัส ปันอยากจะซื้ออะไรให้ ก็ซื้อไอ้อันนั้นแหละมาให้ที”

    “เดี๋ยวๆ นี่จะให้ปันซื้อของให้น้องรหัสปูนเหรอ?”

    “ก็ทำนองนั้น”

    “แล้วทำไมไม่ไปเลือกเอง”

    “ก็ไม่รู้จะซื้ออะไรให้นี่”

    “เป็นแบบนี่ตลอด หัดใส่ใจคนรอบข้างเขาซะบ้างไอ้น้องเวร”

    “ด่าปูนทำไมเนี่ยปัน”

    “ก็มันน่าด่าไหมล่ะ งั้นเอาเป็นว่าพรุ่งนี้เราไปซื้อของด้วยกัน เดี๋ยวตอนเย็นปันมารับ”

    “แต่…”

    “ไม่มีแต่ ตอนเย็นเดี๋ยวมารับ”

    ผมเห็นสายตาพิฆาตของปันกำลังจ้องมาที่ผมอย่างจริงจัง ดูท่าว่าผมคงจะอิดออดหนีการไปซื้อของครั้งนี้ไม่ได้ซะแล้วล่ะครับ

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×