คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : Shortcake
ตอนที่ 3
Shortcake
การซ้อมบูมคณะเป็นไปอย่างไม่ค่อยจะราบรื่นสักเท่าไหร่ ไอ้ตอนแรกๆ เห็นพี่ๆ เขาท่าทางใจดี ไม่นึกว่าเข้าโหมดคุมซ้อมบูมจะเข้มงวดกันขนาดนี้ พี่กิ๊บนี่สวมบทบาทพี่ว๊ากสุดโหดไปแล้ว ส่วนรุ่นพี่คนอื่น ๆ ก็ทำหน้าตึงจ้องปีหนึ่งเขม็งไม่ต่างกัน
ทำไมเปลี่ยนโหมดกันแบบนี้ล่ะครับ พวกผมใจคอไม่ดี ฮือออออ T O T
โชคยังดีที่พี่เนยไม่ได้เป็นไปกับเขาด้วย อย่างน้อยเหลือร่มโพธิ์ร่มไทรให้น้อง ๆ ได้พึ่งพิงสักคนก็ยังดี
หลังจากซ้อมบูมคณะไปมากกว่าสิบรอบได้ พี่ๆ เขาก็บอกให้พอแค่นี้ก่อน ตอนนั้นผมแทบจะร้องไชโยออกมาเพราะเสียงผมแทบจะหายไปพร้อมคอที่แห้งผากแล้ว
“ไอ้ข้าวขอกินน้ำหน่อย” ผมหันไปขอน้ำไอ้ข้าวดื่มสักอึก แต่เหมือนว่าจะช้าไปหน่อย
“โทษทีแดกหมดแล้วว่ะ” ขวดน้ำว่างเปล่าถูกชูขึ้นมา พอผมหันไปจะถามเพื่อนอีกสามคน พวกมันต่างกันก็เพิ่งจะยกซดน้ำกันไปหมดขวด
“ไม่ทันละมึง” ไอ้ฐานพูดขึ้นมาด้วยสีหน้าทำทีว่าก็มึงมันพูดช้าเอง ไอ้การ์ฟิลด์เลยเป็นคนชี้บอกให้ผมเดินไปขอน้ำจากพี่ๆ สตาฟที่มาดูน้อง
“เห็นว่าฝ่ายสวัสดิมีถังแช่น้ำอยู่ตรงนู้น มึงเดินไปขอดิ”
“เออเค”
“เดี๋ยวไอ้ขมิ้นหยิบเผื่อกูด้วย” ไอ้การ์ฟิลด์รีบโพล่งขึ้นมาก่อนจะตามมาด้วยเสียงของไอ้ฐานทัพและไอ้ข้าวที่บอกให้ผมหยิบน้ำมาเผื่อพวกมันด้วย
“กะใช้กูเลยว่างั้น”
“เขาเรียกไหว้วาน” ไอ้การ์ฟิลด์ฉีกยิ้มแป้นจนน่าถีบ
เออจ้ะ ไหว้วานก็ไหว้วาน แต่อย่าไหว้วานกูบ่อยละกัน ไม่งั้นกูโวย
ผมสาวเท้าเดินตรงไปที่ถังแช่น้ำดื่ม แต่ยังไม่ทันจะอ้าปากขอน้ำจากรุ่นพี่ ผมก็ต้องผงะกับคนที่นั่งเป็นปู่โสมเฝ้าทรัพย์อยู่บนฝาถังแช่น้ำ ไหงพี่ฝ่ายสวัสดิการถึงได้หน้าโหดเหมือนโกรธใครมาแบบนี้วะ
ไม่ดิ ปกติพี่นิกกี้จะทำหน้าที่ฝ่ายสวัสดิการนี่หว่า แล้วพี่นิกกี้ไปไหน? ทำไมเดือนคณะขี้เก็กนี่ถึงได้มานั่งเฝ้าถังน้ำแบบนี้ได้
“มองอะไร”
เอ้าไอ้ห่า! มองก็ไม่ได้ อะไรของพี่เขาวะเนี่ย
“ผมจะมาหยิบน้ำ”
"เหรอ"
แล้วพี่จะยังทำนิ่งอยู่แบบนี้เพื่อ? ใจคอนี่จะไม่ช่วยหยิบน้ำแจกน้องหน่อยรึยังไง
"พี่"
"อะไร"
"ผมจะหยิบน้ำครับ"
"ก็เปิดหยิบเอาดิ"
“งั้นพี่ก็หลบสิครับ นั่งทับฝาถังอยู่ผมจะเปิดได้ไง”
"อ่อ เหรอ"
ยังจะมา 'อ่อ เหรอ' ลีลาเยอะฉิบหาย เหมือนพี่แม่งจงใจกวนประสาทผมอ่ะ
พอคนเกะกะยอมลุกออกให้ ผมก็เดินเข้าไปเปิดฝาถังเพื่อจะหยิบน้ำ แต่มันก็ดันเจออุปสรรคเข้าจนได้ เปิดฝาถังไม่ออก…
“ฮึ้บ!” ผมพยายามเค้นแรงสุดกำลัง แต่ไอ้ฝาถังนี่ก็ไม่มีท่าทีจะขยับ
ไหนลองอีกที เอ้าฮึ้บ!
ไม่ได้ผล…
ในตอนที่คิดว่าจะทำยังไงกับไอ้ฝาถังเวรนี่ดี เสียงห้วนก็ดังขึ้นมาเหนือหัว
“เปิดไม่ออกทำไมไม่บอกวะ”
ผมถูกเบียดให้ออกห่างจากถังแช่น้ำ ก่อนที่ร่างสูงของคนที่เมื่อกี้บอกให้ผมหยิบเองจะช่วยผมง้างไอ้ฝาถังนั่นให้
“ก็แค่นี้ เอ้าเอาไป”
น้ำดื่มแช่เย็นสี่ขวดถูกทยอยหยิบส่งมาให้ผมที่ต้องเอื้อมมือไปรับอย่างงงๆ
อะไรของเขาวะ ตอนแรกบอกให้หยิบเอง ไหงตอนนี้มาหยิบให้ผมซะงั้น เออ พี่เขานี่ก็แปลก
“มองอะไรนักวะ เห็นชอบมองหน้ากูจัง”
“ใครบอกผมมองพี่ พี่คิดไปเองเปล่า”
“กูเจอมึงทีไร มึงก็มองหน้ากูตลอด”
“นั่นมันก็บังเอิญไง”
“เหรอ” พี่ปูนกอดอกหรี่ตามองผมด้วยสีหน้านิ่งๆ อย่างกับคนคิดอะไรอยู่
“ผมไปล่ะ ยังไงก็ขอบคุณครับที่ช่วยหยิบน้ำให้”
ผมตัดบทเดินดุ่ม ๆ กลับมาหาเพื่อนที่นั่งโอดครวญกันเป็นหมา ว่าวานผมไปหยิบน้ำแค่นี้แม่งไปนานอย่างกับไปกลั่นน้ำดื่มจากยอดเขาเอเวอเรตต์มาให้พวกมันแดก
“หยิบมาเผื่อก็ดีเท่าไหร่แล้ว ยังจะมาบ่นกูอีกนะ”
“ก็มึงไปนานเลย” ไอ้การ์ฟิลด์โวย
“พี่นิกกี้ไม่อยู่นี่หว่า”
“แล้ว?” การ์ฟิลด์เลิกคิ้วถามต่อ
“ก็เจอพ่อเดือนคณะคนคูล ไร้มนุษยสัมพันธ์ แถมไร้น้ำใจอะดิแม่ง ให้กูเปิดถังหยิบน้ำเองแต่กูดันเปิดไม่ออก”
“ละมึงเอาน้ำออกมาจากถังได้ไง”
“เอ่อ…ก็…พี่เขาช่วย” ผมตอบไปอย่างโคตรตะกุกตะกัก คือไม่อยากพูดเลยแม่ง ถ้าไอ้ฝาถังนั่นมันไม่ปิดจนแน่น ผมก็ไม่ต้องให้พี่มันช่วยหรอก
“พี่ไหน?” ไอ้การ์ฟิลด์ยังไม่เลิกซักไซ้
“พี่...พี่แถวๆ นั้นแหละ”
“แล้วใครอ่ะ”
“โว้ย มึงจะอยากรู้เพื่อ!”
“มึงรู้จักรุ่นพี่ปีสองแทบทุกคน ปกติแค่ถามมึงก็พูดชื่อปาว ๆ ออกมาแล้ว นี่มึงลีลาตอบฉิบหายกูก็เลยอยากรู้อะดิ”
“ก็…พี่ปูน”
“ไหนทีแรกพี่เขาบอกให้มึงเปิดหยิบเอง”
“ก็กูไม่มีปัญญาไงครับไอ้คุณเพื่อน พี่เขาเวทนากูเลยช่วยมั้ง”
“มึงก็พูดจาดูอคติกับพี่เขาฉิบหาย”
“กูไม่ได้อคติ”
“(-_-) (-_-) (-_-)”
“ทำไมพวกมึงต้องมองกูแบบนั้น”
“ก็มึงอคติ”
“กูเปล่า อย่ามามั่วนิ่มไอ้ฐาน”
“เหรอ พ่อคนไม่อคติกูเห็นมึงชอบมองพี่เขาตาขวางตลอด”
“กูไปมองพี่เขาตอนไหน ไอ้ฟิลด์”
“ก็ทุกตอนที่เจอกัน นี่มึงไม่รู้ตัวเหรอ”
“ไม่รู้ กูไม่ได้อยากมองสักหน่อยก็แค่จังหวะมันเหลือบไปเห็นพอดี”
“คำพูดจากปากมึงทำไมดูไม่น่าเชื่อเลยวะ”
“ไอ้ข้าวมึงอยากโดนกูเขกหัวไหม” ผมหยิบขวดน้ำขึ้นมาขู่ ไอ้ข้าวก็จัดแจงรีบแจ้นไปหลบหลังไอ้ฐานทัพทันที เลือกคนคุ้มกะลาหัวถูกคนจริง ๆ
“อะไรเล่า ทำไมพวกมึงต้องมารุมกูด้วยวะ กูแค่ไม่ชอบขี้หน้าพี่แม่งเฉยๆ เอง”
“ไม่เองเว้ย นั่นรุ่นพี่ มึงจะมาสร้างศัตรูเป็นรุ่นพี่ไม่ได้ อีกอย่างเราเป็นปีหนึ่งยังต้องพึ่งคำแนะนำต่างๆ จากพวกรุ่นพี่เขาอีกเยอะนะเว้ย” ไอ้การ์ฟิลด์ร่ายยาวเป็นตับ มันก็จริงอย่างที่มันว่า การสร้างศัตรูคู่อรินั้นมันไม่ใช่เรื่องที่ดีเลย แต่แล้วไงอะครับ
“รุ่นพี่มีตั้งเยอะแยะ เว้นไว้คนหนึ่งจะเป็นไรไป” คนไม่ชอบขี้หน้าไม่ถูกชะตาจะให้ทำยังไงล่ะครับ
“แล้วมึงไม่คิดกรณีดวงสมพงษ์ได้พี่รหัสเป็นพี่ปูนเหรอ”
“ไม่อ่ะ เปอร์เซ็นต์ต่ำยิ่งกว่าต่ำ”
“มึงดูมั่นใจจังวะ” ไอ้การ์ฟิลด์ขมวดคิ้วสงสัย จนไอ้ข้าวมาเฉยสิ่งที่ผมคิดออกมา
“กูว่าถ้าพี่เขาจับได้ชื่อไอ้ขมิ้น คงขอแลกกับเพื่อนไปแล้วแหละ ถ้ากูเป็นพี่ปูนก็คงทำงั้นแหละ”
“ไอ้ข้าว” ผมเรียกชื่อมันเสียงเย็น
“จ๋า”
“มึงอย่าโดนใช่ไหมฮะ!”
“แว๊กกกก ไอ้ฐาน ไอ้ฟิลด์ช่วยกูด้วย ไอ้ขมิ้นมาจะเตะกู!”
***
กิจกรรมรับน้องวันนี้ผ่านพ้นไปโดยที่ผม ไม่ได้ทั้งของเทคและเบาะแสจากพี่รหัสตัวเองเลยสักนิด วันนี้ผมเลยตั้งหน้าตั้งตารอเป็นพิเศษว่าจะมีของอะไรฝากมาถึงผมไหม และวันนี้มันก็มี มีครับ! ของเทคจากพี่รหัสผม!?
พี่กิ๊บเป็นคนถือเอามาให้ผมเองเลย มันเป็นถุงกระดาษสีน้ำตาลที่มีโลโก้เหมือนร้านเบเกอรี่สักอย่าง
“ได้อะไรวะ แหมยิ้มแก้มปริเลยนะมึง” ไอ้เพื่อนสามตัวของผมนี่รีบชะโงกหน้าเข้ามาเสือกทันที
“ต้องอยากรู้ขนาดนี้ไหมวะ นี่ของจากพี่รหัสกูไม่ใช่พี่รหัสพวกมึง”
“ก็กูอยากรู้ว่าพี่คนไหนซวยได้มึงเป็นน้องรหัส”
“เดะไอ้ฟิลด์มึงจะโดนกูเตะ” ผมค้อนใส่มันไปทีหนึ่งก่อนจะมาสนใจของที่อยู่ในมือแทน
ผมค่อยแกะสกอตช์เทปแล้วหยิบของที่ใส่ไว้ออกมา
“เค้ก?”
“ช็อทเค้กสตรอเบอร์รี่” ไอ้ฐานแย้งขึ้นมาทันควัน
“ก็เค้กเหมือนกันแหละ”
“มึงควรหัดรู้ชื่อเค้กด้วย”
ของแบบนั้นไม่จำเป็นมั้ง เค้กก็คือเค้กต่างกันก็แค่รสชาติเท่านั้นแหละมั้ง
“ว่าแต่พี่รหัสมึงซื้อเค้กให้นี่ น่าจะเป็นผู้หญิงปะ”
“มึงคิดงั้นเหรอไอ้ข้าว”
“อืม เพราะปกติผู้หญิงจะชอบของหวาน”
“กูเป็นผู้ชายก็ชอบของหวานนะเว้ย” ไอ้การ์ฟิลด์รีบแย้ง
“อย่างมึงมีอะไรบ้างที่ไม่แดก” ผมเห็นมันกินทุกอย่างที่ขวางหน้า
“ว่าแต่มีแค่เค้กเหรอ”
“ก็มีแค่เค้กนะ” ผมก้มดูก้นถุงก็ไม่เห็นมีอย่างอื่นนอกจากช้อนส้อมพลาสติกที่แถมมา
“แล้วแบบนี้จะรู้ได้ไงว่าใครเป็นพี่รหัสมึง”
“ถามมาได้ไอ้ข้าว ก็พี่เค้กไง”
รุ่นพี่ปีสองมีพี่ผู้หญิงชื่อพี่เค้ก คนที่เป็นพี่รหัสผมต้องเป็นคนนี้แน่ๆ ที่ซื้อเค้กให้คงจะบอกใบ้ชื่อตัวเองแบบอ้อมๆ แน่เลย
“ด่วนสรุปไปเปล่าวะ”
“ไม่หรอกน่า ขนาดพี่รหัสไอ้การ์ฟิลด์ยังไม่ทำอะไรให้ยุ่งยากเลย”
“นี่มึงรู้แล้วเหรอว่าพี่รหัสมึงเป็นใคร!?” ไอ้ข้าวทำหน้าเหวอหันไปหาไอ้การ์ฟิลด์ที่พยักหน้า
“กูรู้ตั้งแต่วันที่พี่เขาแจกของเทควันแรกแล้ว”
“ใคร? แล้วนี่มึงรู้ได้ไงวะ”
“ก็พี่กิ๊บ ที่รู้ก็เพราะพี่เขามองกูบ่อยมาก ไอ้ขมิ้นก็เห็น ทีนี้กูเลยไปถามพี่เขาว่าใช่พี่รหัสผมหรือเปล่า พี่เขาก็บอกว่าใช่พี่รหัสกู”
“ง่ายจังวะ” ไอ้ข้าวถึงกับอุทาน ผมเองก็คิดครับว่าทำไมมันถึงรวดเร็วขนาดนี้ แต่ก็นะพี่กิ๊บก็ดันเป็นคนตรงๆ ถามมาตอบไปประเภทนี้อยู่แล้วด้วย คงไม่เล่นลิ้นแกล้งน้องหรอก
“แล้วของมึงล่ะพอรู้ยังว่าเป็นใคร” ไอ้การ์ฟิลด์ถามไอ้ข้าว มันก็ส่ายหัวบอกว่าพี่เขาส่งขนมมาให้เหมือนเดิม
“กูว่าพี่รหัสมึงก็คงจะสนิทกับพี่กิ๊บพี่รหัสไอ้ฟิลด์แน่ ๆ ของเหมือนกันตลอดเลย อย่างกับไปซื้อพร้อมกัน”
“ใช่มะ กูก็คิดงั้น”
“ทีนี้ก็สุ่มเดาเอา ไม่พี่เนย ก็พี่ผู้หญิงที่สนิทกับพี่กิ๊บชัวร์ๆ” ผมช่วยออกความเห็น
“แต๊งกิ้วว่ะ เดี๋ยวว่างๆ กูจะไล่ถามทีละคนเลย” ไอ้ข้าวทำหน้าตามุ่งมั่นมาก แต่ผมกลับรู้สึกสงสารมันนิดๆ เพราะไม่คิดว่ากรณีมันจะง่ายเหมือนไอ้การ์ฟิลด์ ไอ้ข้าวยิ่งเป็นพวกน่าแกล้งอยู่ด้วย รับรองรุ่นพี่ปั่นหัวมันสนุกแน่
“แล้วมึงล่ะไอ้ฐาน?”
พวกผมสามคนหันไปถามคนที่ดูจะไม่ค่อยสนใจไอ้กิจกรรมตามหาพี่รหัสสักเท่าไหร่
“วันนี้ให้สลัดผักกูมา”
“โอ้โห รู้ด้วยว่ามึงเป็นสายรักสุขภาพ”
“กูเขียนบอกไปว่าไม่เอาขนม”
อ้าว เป็นงั้นไป ว่าแต่มันบอกพี่รหัสได้ด้วยเหรอว่าเราอยากได้อะไร
“ไอ้ฐานมึงเขียนบอกพี่รหัสมึงตอนไหนวะ”
“ก่อนเลิกซ้อมบูม”
“ทำไมกูไม่เห็นรู้เลย”
“ก็มึงมัวแต่ไล่เตะไอ้ข้าวอยู่ไง พี่เขามาถามว่าใครมีอะไรอยากฝากบอกพี่รหัสไหมให้เขียนแล้วหย่อนใส่กล่อง”
“งั้นรอบนี้กูจะเขียนไปบอกพี่เขาบ้างว่าขอบคุณ แล้วก็คราวหน้าพาไปเลี้ยงชาบูหน่อย”
“มึงนี่จะสูบเลือดสูบเนื้อพี่รหัสเขารึไง”
“ใครว่า ตอนนี้แหละโอกาสของเราน้องปีหนึ่งนะเว้ย อีกอย่างพี่เค้กใจดีจะตายเชื่อได้ว่าไม่ปฏิเสธคำขอกูแน่นอน”
“มึงแน่ใจว่าเป็นพี่เค้ก?”
“แน่ใจมั้ง ไม่รู้ว่ะ ตอนนี้ผู้ต้องสงสัยมีพี่เค้กหนึ่งคน นอกจากนี้กูยังเดาไม่ถูกว่าเป็นใคร”
“เดี๋ยววันเปิดสายก็รู้แหละ” ไอ้ฐานพูดพลางอ้าปากหาว ดูท่าว่ามันจะไม่กระตือรือร้นในการตามหาพี่รหัสมันเลยสักนิดนะครับเนี่ย
“พี่รหัสมึงคงเสียใจแย่ น้องรหัสแม่งไม่แยแสห่าอะไรเลย”
“พี่รหัสมึงก็คงผิดหวังเหมือนกันแหละ มีน้องรหัสโง่”
“เอ๊ะไอ้ฐาน มึงว่ากูโง่ได้ไง :(”
“ไม่รู้โว้ยไปคิดเอาเอง” จากนั้นไอ้ฐานทัพมันก็เดินหนีไปดื้อๆ
“อะไรของมันวะ” ผมหันไปมองอีกสองคนที่เหลือซึ่งก็ยักไหล่ประมาณว่ากูก็ไม่รู้เหมือนมึงนั่นแหละ
***
ตัดภาพมาที่ฐานทัพซึ่งเดินออกมาเข้าห้องน้ำ เขาก็เผอิญไปเจอเข้ากับรุ่นพี่ผู้ครองตำแหน่งเดือนคณะที่มาทำธุระเหมือนกัน
“สวัสดีครับพี่ปูน” ฐานทัพกล่าวทักทายตามมารยาท
“เออ”
…
บทสนทนาไม่มีอะไรตามมา ฐานทัพเองก็ใช่จะเป็นพวกชวนคุยเก่ง ในระหว่างที่คิดว่าคงจะไม่ได้พูดคุยอะไรกันอีก ก็เป็นอีกฝ่ายที่เอ่ยถามเขาขึ้นมาก่อน
“มึงสนใจลงประกวดเดือนไหม”
“หะ? ผมเหรอ?”
“ใช่ พี่รหัสมึงวานกูให้มาถาม”
“พี่รหัสผม?”
“เออ”
“ผมขอปฏิเสธเลยได้ไหมครับ”
“กูว่าล่ะ ตอบเหมือนกูตอนปีหนึ่งเด๊ะ”
“นี่พี่ไม่ได้อยากลงประกวดเหรอครับ?” ฐานทัพรู้สึกแปลกใจนิดหน่อย หากพี่เขาไม่อยากลงประกวดแล้วไหงถึงได้ตำแหน่งมา
“อยากก็เหี้ยล่ะ โดนหมัดมือชกน่ะสิ” พี่ปูนบ่นออกมาพร้อมถอนหายใจพรืด ดูท่าคงเป็นสิ่งที่พี่เขาคงไม่เคยบอกใคร
“งั้นผมคงเลี่ยงยากแล้วสินะครับ”
“คงงั้น ปีสามหลายคนก็หมายหัวมึงอยู่ ถ้ายอมๆ ลงประกวดไปเรื่องจะได้ง่ายขึ้น”
“งั้นผมลงประกวดก็ได้ครับ”
“ง่ายงี้เลย?”
“ผมยังไงก็ได้ครับ ขอแค่ไม่สร้างปัญหาวุ่นวายให้ผมก็พอ ถ้าผมอิดออดเรื่องมันคงไม่จบง่ายๆ ใช่ไหมล่ะครับ”
ฐานทัพรู้ดีว่าต่อให้บอกปฏิเสธสักเท่าไหร่ พวกรุ่นพี่ต้องมีมาตามตื๊อไม่หยุดไม่หย่อนแน่ ๆ สู้ทำเรื่องให้มันง่าย ยอมๆ ลงไปประกวดไปน่าจะดีกว่า
“งั้นกูจะไปบอกพี่รหัสมึงให้ว่ามึงโอเค”
“ว่าแต่พี่รหัสผมนี่ใครครับ”
“มึงควรไปหาพี่รหัสเองสิ ภารกิจเด็กปีหนึ่งไม่ใช่เหรอ”
“ผมขี้เกียจนี่ ว่าแต่พี่เถอะ ผมก็ไม่ได้อยากเสือกอะไรหรอกนะครับแต่มันดันไปเห็นเข้าพอดี”
“เห็นอะไร?”
“เค้กที่พี่ซื้อมาจากร้านใกล้คอนโดผม”
“…”
เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายเงียบไป ฐานทัพจึงคอยดูท่าทีว่าพี่ปูนจะว่าอะไรไหมที่เขาไปล่วงรู้ความลับนี้เข้าโดยบังเอิญ ก่อนออกจากคอนโดผมแวะซื้อกาแฟที่ร้านเบเกอรี่แถวนั้น แล้วผมก็ดันเหลือบไปเห็นเดือนคณะนิติกำลังสั่งช็อตเค้กพอดิบพอดี ละมันก็เป็นถุงเดียวกับที่ไอ้ขมิ้นได้วันนี้นั่นแหละ
“มึงรู้แล้วจะบอกมันไหม”
“แล้วแต่พี่ครับ ถ้าไม่อยากให้ผมบอกมันผมก็จะไม่บอก”
“งั้นไม่ต้องบอก”
“ครับได้”
…
“ว่าแต่ผมถามอะไรพี่หน่อยสิครับ”
“ว่ามา”
“พี่ไม่ได้เกลียดขี้หน้าอะไรเพื่อนผมใช่เปล่า”
“ก็ไม่ได้เกลียดนี่”
พี่ปูนพูดทิ้งท้ายแล้วเดินออกจากห้องน้ำไป ปล่อยให้ฐานทัพได้แต่คิดว่าไอ้ประโยคที่บอกว่าไม่ได้เกลียดมีความหมายแฝงว่าก็ไม่ได้ชอบด้วยรึเปล่านะ?
ความคิดเห็น