คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : พี่รหัสผม คือใคร?
ตอนที่2
พี่รหัสผม คือใคร?
กิจกรรมรับน้องดำเนินต่อไปอย่างราบรื่น กลุ่มของผมสี่คนก็ดูจะสนิทสนมกันได้อย่างรวดเร็ว และลักษณะนิสัยใจคอถ่องแท้ของแต่ละคนก็เริ่มปรากฏออกมาให้เห็น ไอ้ข้าวเห็นน่ารักเป็นไอ้ต้าวตัวกินขนมของกลุ่มใครมีขนมอะไรมันแย่งกินหมด ไอ้การ์ฟิลด์เห็นดูหน้าจืดๆ แต่ความสามารถของมันไม่ได้จืดเหมือนหน้า มันร้องเพลงเพราะเล่นกีตาร์เก่งสมกับที่มันเคยโม้เอาไว้ ส่วนไอ้ฐานทัพคุณชายหน้าหล่อที่ผิวเผินดูมาดนิ่งแต่ความจริงแล้วปากคอเราะร้ายอย่างบอกใคร และฝั่งผมเองก็เริ่มกลายเป็นตัวของตัวเอง ความช่างจอที่ติดตัวมาตั้งแต่เกิดทำให้ผมเริ่มที่จะรู้จักคนนู้นคนนี้ไปทั่วเกือบจะทั้งคณะ ทั้งพวกปีหนึ่งด้วยกันเองและยังรวมไปถึงกลุ่มพี่ปีสองที่เป็นสตาฟคุมกิจกรรมรับน้อง พี่กิ๊บฝ่ายประชาสัมพันธ์ (โทรโข่งของพวกปีสอง) พี่เนยเฮดรับน้องที่ดูเรียบร้อยเกินคาด และพี่นิกกี้ฝ่ายสวัสดิการ และพี่คนอื่น ๆ อีกมากมายเท่าที่ผมจะจำหน้าและชื่อได้
“พี่เนยครับ วันนี้รับน้องจะให้พวกผมทำอะไรเหรอครับ” ผมถามรุ่นพี่สาวสวยผมยาวที่กำลังเดินถือไม้กลองลงมาจากตึกพร้อมกับเพื่อนสาวอีกคน พี่กิ๊บที่ตัดผมสั้นประบ่าที่พอเห็นผมก็ยิ้มกว้างออกมาทันที
“แน่ะมาหลอกถามพวกพี่เหรอ บอกไม่ได้หรอกนะน้องขมิ้น”
“บอกใบ้หน่อยไม่ได้เหรอครับ” ผมทำตาปิ๊งๆ ออดอ้อน
“พี่บอกว่าไง ห้ามทำแบบนี้ เดี๋ยวความลับรั่ว น้องขมิ้นก็รู้ว่าพวกพี่แพ้ทางเด็กหน้าตาน่ารักอย่างเรา” พี่เนยดุเสียงเข้ม แต่ดูไม่น่ากลัวเลยสักนิด
“งั้นก็บอกหน่อยสิครับพี่เนย” ผมทำตาอ้อนพยามเค้นความน่ารักที่มี
“รู้จุดอ่อนก็ได้ทีเลยนะ” พี่เนยบ่นพึมพำพลางกระแอมไอด้วยท่าทีเหมือนจะเขินๆ คือก่อนหน้านี้พี่เขาเคยบอกผมครับว่าเป็นพวกโชตะ ผมก็งงๆ ว่าไอ้โชตะนี่มันคืออะไร แต่พี่เขาก็บอกว่าอย่างรู้เลย ให้รู้แค่ว่าพี่เขาเป็นแฟนคลับผมกับไอ้ข้าวก็พอ
อืม… เหมือนพี่เขาจะชอบผู้ชายน่ารักๆ ไซส์กะทัดรัด (ผมหมายถึงขนาดตัวน่ะนะ)ละมั้งครับ
“ยังไม่เลิกทำตาอ้อนอีก” พี่เนยดุอีกรอบ ผมเลยต้องหยุดการก่อกวนเอาไว้เท่านี้
“งั้นช่วยใบ้ให้ผมสักนิดไม่ได้เหรอครับ”
“อะๆ บอกได้แค่ว่ามีเซอร์ไพรส์ สนุกแน่จ้าวันนี้” และเป็นพี่กิ๊บที่ชิงตอบแทนพี่เนย ผมว่าวันหลังหลอกถามพี่กิ๊บน่าจะเข้าท่าสุด รายนี้เม้าส์เก่งเหมือนผมและมีนิสัยชอบหลุดปากเหมือนกันครับ555
“นิกกี้ขนกลองลงมาเร็วๆ หน่อย” พี่กิ๊บหันไปตะโกนบอกเพื่อนด้านหลังให้รีบขนกลองออกมาเพราะใกล้จะเริ่มกิจกรรมรับน้องตามกำหนดการแล้ว
“ก็มาช่วยกันหน่อยสิครับ กูกับไอ้ปูนแบกกันจนกล้ามขึ้นแล้วเนี่ย”
“กูเห็นมึงบ่นอยู่คนเดียว ปูนมันไม่เห็นบ่นอะไรเลย”
ในตอนนั้นเองที่ตาผมเผลอไปมองร่างสูงที่กำลังแบกกลองมากับพี่นิกกี้ ผู้ครองตำแหน่งเดือนคณะนิติศาสตร์ รูปหล่อมาดเท่ ที่มีข้อเสียอย่างเดียวคือใบหน้าที่บอกบุญไม่รับนั่น
“หลีกดิไอ้เตี้ย อย่ายืนขว้าง”
“อะ ขอโทษครับ” ผมรีบเบี่ยงตัวหลบ มันก็ไม่ได้อะไรหรอกนะครับ แต่ผมโคตรไม่ชอบวิธีการพูด น้ำเสียงห้วน ๆ กับสายตาเย็นชานั้นเลย รู้สึกหมั่นไส้นิดๆ ถึงปานกลาง คนอะไรวะมนุษย์สัมพันธ์โคตรแย่
“ปูนพูดกับน้องดี ๆ” พี่เนยหันมาดุทันควัน ซึ่งผมโคตรสะใจเลย มีพรรคพวก อิอิ
“กูพูดไม่ดีตรงไหนเนย”
“ก็ปูนเรียกน้องว่าไอ้เตี้ย อย่าเอาปมด้อยน้องมาล้อกันแบบนี้สิ”
เอ่อ พี่เนยครับ อันที่จริงผมสูงร้อยเจ็ดสิบกว่าๆ ก็ไม่จัดว่าเตี้ยนะครับT ^ T
“สำหรับกู ยังไงมันก็เตี้ย เรียกไอ้เตี้ยก็ถูกแล้วไง” พี่ปูนยังคงพูดด้วยน้ำเสียงเนิบนาบ สีหน้าแข็งกระด้างไม่เปลี่ยน
จ้ะพ่อจำเจริญ ใครใช้ให้พี่สูงชะลูดเกินหน้าเกินตามาตรฐานชายไทยกันล่ะครับ
“โทษนะน้องขมิ้น เพื่อนพี่มันปฏิสัมพันธ์ค่อนข้างแย่น่ะ”
“ผมก็ว่างั้นแหละครับ” ผมช้อนตาขึ้นไปมอง ถึงจะเป็นมุมเงยจากคนที่ความสูงต่างกันแล้วยังไง ผมก็ไม่กลัวท่าทีวางก้ามแบบนั้นหรอก ฝ่ายนั้นก็คงเห็นผมมองหน้าเลยหรี่ตาขว้างสวนกลับมา คนอะไรชอบทำหน้าดุจังวะ
“อ่า ปูนเนยว่าอย่ามาเสียเวลากันอยู่เลย กิจกรรมรับน้องใกล้จะเริ่มแล้วนะ ไปๆ รีบไปเตรียมตัวกันดีกว่า” พี่เนยรีบแย้งขึ้นมาขัดบรรยากาศมาคุ ก่อนจะรีบไล่ให้พี่ปูนช่วยยกกลองไปตั้งที่ลาน เมื่อตัวการเดินห่างออกไปไกลแล้ว ผมก็อดไม่ได้ที่จะต้องพูดคำนี้!
“ขี้เก๊กฉิบหาย”
“มึงว่าใครวะ?” ไอ้ฐานทัพที่เพิ่งมาถึงเดินเข้ามาทักผมที่กำลังยืนปั้นหน้าหงิก
“จะใครอีกล่ะ ในคณะก็มีอยู่คนเดียวแหละที่น่าหมั่นไส้”
“หมั่นไส้ใคร?”
ไอ้ฐานนี้ช่างไม่รู้อะไรซะบ้างเลยจริง ๆ
“นู่นไง จะใครอีกล่ะ” ผมบุ้ยปากไปทางพ่อเดือนคณะสุดหล่อที่กำลังตั้งกลองเตรียมจัดกิจกรรมรับน้อง ท่ามกลางเสียงวี๊ดว๊ายของบรรดาสาวๆ ที่แอบมองกันอยู่ห่างๆ
“ทำไมมึงอิจฉาความหล่อของพี่เขา?”
“ใครอิจฉาวะ กูแค่รู้สึกหมั่นไส้ นึกว่าหล่อมากรึไงวะ”
“ก็หล่อนะ”
“มึงหล่อกว่าตั้งเยอะ”
“ไม่อะ พี่เขาหล่อกว่า”
“ไม่มึงหล่อกว่า”
“พี่เขาหล่อกว่า กูเห็นครั้งแรกยังนึกว่าไอดอลเกาหลีเลย”
“อย่าเอาไอดอลเขามาแปดเปื้อนเลย”
“มึงดูไม่ชอบขี้หน้าพี่เขาเนอะ”
“ก็ใช้อ่ะดิ ดูทำหน้าเข้า ใครมันจะไปชอบลงวะ หน้ากวนโอ๊ยฉิบหาย”
“เหรอ กูว่าไม่น่าใช่อย่างนั้นนะ” แล้วไอ้ฐานก็ชี้ให้ผมดูเหล่าผู้หญิงที่ยืนเกาะกลุ่มแอบส่งเสียงกรี๊ดกร๊าดให้ตอนพี่ปูนเดินผ่านไปแฟนคลับคงจะมีไม่น้อยแน่ ๆ เชอะ คนหล่อแต่อัธยาศัยไม่ดี ชอบเข้าไปได้ยังไงวะ :(
“มึงต้องขึ้นไปชิงตำแหน่งดาวเด่นของคณะเรามาให้ได้นะเว้ย”
“อะไรของมึงเนี่ย? ทำไมกูต้องทำงั้นวะ”
“มึงอ่ะหล่ออยู่แล้ว ขอแค่ยิ้มเยอะๆ อัธยาศัยดี ๆ กูรับประกันสาวติดมึงตรึมแน่นอน”
“กูไม่ได้อยากให้ใครมาตามชอบกูสักหน่อย”
“เอาน่า มีคนรักก็ดีกว่ามีคนเกลียดล่ะวะ ยังไงมึงก็สู้ๆ กูเป็นกำลังใจให้มึงนะเว้ย” ผมตบบ่าไอ้ฐานทัพด้วยท่าทีขึงขัง นี่ผมตั้งใจเชียร์มันให้ขึ้นเป็นดาวเด่นเต็มที่เลยนะครับ ก็ไม่ได้หมั่นไส้ใครเป็นการส่วนตัวหรอกนะ แต่ถ้าเขี่ยใครบางคนแถวนี้ให้ตกกระป๋องได้ก็น่าจะรู้สึกสะใจใช่ย่อยเลยล่ะ
***
“เอาล่ะจ๊ะ น้อง ๆ เขยิบเข้ามารวมตัวกันเลยจ้า ต่อไปนี้ พี่ๆ จะมอบภารกิจสำคัญให้น้องทุกคนๆ อยากรู้ไหมเอ่ยว่าคืออะไร” เสียงส่วนใหญ่ก็พูดงึมงำออกมาว่าอยากรู้ครับ อยากรู้ค่ะ แต่ไอ้คนข้างผมนี่สิแม่งดันพูดซะชัดถ้อยชัดคำเชียวว่าไม่อยากรู้ ไอ้เวรฐานทัพปากหนอปาก วันนี้มันดูเซ็งกว่าวันแรกๆ นะครับ สงสัยมันจะเบื่อการรับน้องแล้ว นี่ก็เพิ่งจะวันที่สามเอง ยังมีอะไรอีกเยอะรอพวกเราเด็กปีหนึ่งอยู่อีกเชื่อผมสิ
“วันนี้พวกพี่ๆ จะมอบภารกิจให้น้องปีหนึ่งทุกคนตามหาพี่รหัสของตัวเองจ้า!”
หืม? พี่รหัส?
อ่อ นั่นสินะ ปกติพอเข้ามหาวิทยาลัยมาก็จะมีระบบสายรหัสเชื่อมความสัมพันธ์ระหว่างพี่น้องต่างชั้นปี
“นี่ๆ คิดว่าจะได้พี่คนไหนเป็นพี่รหัสวะ” ไอ้ข้าวดูจะเป็นคนที่ดูตื่นเต้นมากที่สุดในกลุ่ม
“กูขอเป็นพี่ใจดีๆ พาไปเลี้ยงบ่อย ๆ ก็พอ” ไอ้การ์ฟิลด์ว่า ส่วนไอ้ฐานทัพอ้าปากหาวไม่ต้องถามก็รู้ว่ามันไม่ได้สนใจไอ้กิจกรรมตามหาพี่รหัสอะไรนี่เลย
“แล้วมึงอ่ะขมิ้น อยากได้พี่รหัสแบบไหน” ไอ้ข้าวหันมาถามผมบ้าง
อันที่จริงก็ไม่ได้คิดเอาไว้หรอกว่าเสปคพี่รหัสผมต้องเป็นคนแบบไหน ก็อย่างที่ผมเคยบอกผมน่ะตีสนิทคนเก่ง พี่ๆ ปีสองผมก็รู้จักไปทั่ว จะเป็นใครก็ได้ทั้งนั้นแหละมั้ง
“พี่รหัสน่ะจะใครก็ได้ทั้งนั้นแหละ” ผมตอบไอ้ข้าวไป ในระหว่างนั้นสายตาผมก็ดันเหลือบไปเห็นหน้าตาเคร่งขรึมของพ่อหนุ่มยิ้มยากอย่างเดือนคณะเข้าให้ “แต่กูไม่เอาแบบนั้น”
“แบบนั้นนี่แบบไหนวะ?”
“ก็แบบชอบเก๊กหน้าหล่อ ปากไม่ดี ชิ เห็นแล้วหมั่นไส้”
“ระวังเหอะ เขาว่ากันว่าเกลียดอะไรมักได้อย่างนั้นนะเว้ย” ไอ้ฐานจู่ ๆ ก็สอดขึ้นมาอย่างกับมันรู้ว่าผมหมายถึงใคร
“เพ้อเจ้อไร้สาระ”
“กูจะคอยดู”
“ค่อยดูห่าอะไร ถ้าเกิดพี่รหัสกูเป็นคนนั้นจริง กูท้าเลยให้พวกมึงสามคนใช้งานอะไรกูก็ได้คนละอย่าง”
“มึงพูดแล้วนะ” ไอ้การ์ฟิลด์เป็นคนแรกที่ยิ้มย่อง เรื่องแบบนี้ล่ะหูผึ่งเชียวนะไอ้เวร
“ไอ้ขมิ้นนี่มึงพูดจริงดิ”
“กูพูดจริง คำไหนคำนั้นโว้ยไอ้ข้าว” ผมลูกผู้ชายนะ ไม่คืนคำหรอก อีกอย่างเปอร์เซ็นต์ที่ไอ้พี่ขี้เก๊กนั้นจะมาเป็นพี่รหัสผมก็น้อยจะตายไป ผมน่ะรู้มาว่าทุก ๆ ปี คณะเราจะใช่การสุ่มจับสลากสายรหัส เพราะจำนวนเด็กเข้าใหม่ที่เพิ่มขึ้นทุก ๆ ปีทำให้การรันเลขตามรหัสนักศึกษานั้นทำได้ยาก ก็เลยเลือกเสี่ยงดวงจับสลากกันแทน
ถ้าพี่แม่งจับได้ผมจริงแม่งก็สวรรค์กลั่นแกล้งผมแล้ว
“กูเตรียมคิดรอเอาไว้เลยดีกว่าว่าให้มึงทำอะไรดี”
“ดูมึงมั่นใจซะเหลือเกินนะ ไอ้คุณฐานทัพ” ผมแซะมันไปทีหนึ่ง ไอ้ฐานมันก็ทำท่ายักไหล่แล้วก็หันไปนั่งเท้าคางฟังรุ่นพี่พูดต่อ
“งั้นพวกพี่ๆ จะแจกของเทคให้น้อง ๆ พี่ๆ รหัสแอบฝากข้อความมาให้ด้วยอย่าลืมเปิดอ่านกันด้วยนะจ๊ะจะได้สืบหาตัวพี่รหัสของตัวเองถูกคน” สิ้นเสียงประกาศ พี่ปีสองที่ยืนล้อมน้อง ๆ ก็เริ่มเดินเข้ามาถามชื่อพร้อมแจกจ่ายถุงขนม ของกิน ข้าวของเครื่องใช้ต่าง ๆ ให้พวกรุ่นน้อง
ไอ้ข้าวก็ได้ถุงขนมถุงใหญ่ คงถูกใจมากยิ้มแก้มปริเลย ไอ้การ์ฟิลด์ก็ได้คล้ายไอ้ข้าว และไอ้ฐานก็ได้น้ำเปล่ามาหนึ่งขวดพร้อมกระดาษแปะรูปหน้ายิ้ม
ในส่วนของผมนั้น… นั้น… นั้น…
ทำไมจนถึงตอนนี้ ผมถึงยังไม่ได้ของอะไรจากพี่รหัสเลยล่ะครับเนี่ย!?
เดี๋ยวๆ พี่ๆ เขาลืมหยิบของผมมาให้รึเปล่า หรือมันหลงติดไปกับของใคร ทำไมในมือผมตอนนี้มันถึงยังว่างเปล่าาาาา!!!
“ไหนของเทคกูวะ?” ผมเริ่มหันไปถามเพื่อนๆ ด้วยความร้อนรน
“อะไร นี่มึงไม่ได้เหรอ” ไอ้การ์ฟิลด์ทำหน้าแปลกใจเพราะเท่าที่ดูคือเพื่อนคนอื่นน่าจะได้ของกันครบทุกคนแล้ว
“พี่เขากำลังเอามาให้มึงเปล่า มึงใจเย็นๆ” ไอ้ข้าวหันมาปลอบผมแต่ในปากเคี้ยวขนมหมุบหมับจนน่าจับบีบแก้ม
“คนอื่นเขาได้กันหมดแล้วนะเว้ย ขนาดไอ้ฐานยังได้เลย ถึงจะแค่น้ำเปล่าขวดเดียวก็เหอะ”
“ไม่ใช่น้ำธรรมดา มันเป็นน้ำแร่” ไอ้ฐานแย้งขึ้นมาทวงความเป็นธรรมให้ขวดน้ำดื่มของตัวเอง
“น้ำก็คือน้ำไอ้สัตว์ ไม่ต้องมาโฆษณาไม่ได้ค่าตัว”
“ก็ดีกว่าคนไม่ได้” ไอ้ฐานได้ทีเยาะเย้ยผม
ดูมัน! ดูมันเกทับผม! หน็อยไอ้เหี้ยฐาน!
โกรธ โมโห ขุ่นเคืองงงงง พี่รหัสแม่งเป็นใครกันวะ อย่าให้เจอนะ ฮึ่ย! จะลงไปชักดิ้นชักงอประท้วงขอความเป็นธรรม!
“น่าๆ มึงอย่าโมโหไปเลย คิดในแง่ดีพี่เขาอาจจะไม่ได้มาก็ได้” ไอ้การ์ดฟิลด์ตบบ่าให้กำลังใจ ส่วนไอ้ข้าวก็ยื่นอมยิ้มมาให้
“กูไม่ใช่เด็กสามขวบนะเว้ย เอาอมยิ้มมาล่อ”
“แล้วแดกเปล่าล่ะ”
“แดก”
“ก็แค่เนี่ย ฟอร์มเยอะอยู่ได้”
ฮึ่ย หมั่นไส้ไอ้ต้าวแก้มยุ้ยนี่จริง ๆ เลยวุ้ย
“โอ๊ย มึงจะยีหัวกูทำไม กูให้อมยิ้มมึงนะ ไอ้เนรคุณ”
“กูจะปล้นมึงไง ส่งอมยิ้มที่เหลือมาให้กูซะดี ๆ”
“ไม่เอา นี่ของเทคกูนะ”
“ขอหน่อย มึงอย่างกกับเพื่อนกับฝูงดิ”
“ก็มึงแกล้งกู สมควรได้หรอก”
“โอเคงั้นกูไม่แกล้งล่ะ ขออมยิ้มหน่อยครับน้องข้าว”
ไอ้ข้าวทำหน้างอปากคว่ำใส่ผม แต่ถึงอย่างนั้นมันก็หยิบอมยิ้มมาให้ผมอีกสามอัน ใจดีจังไอ้ต้าวเอ๊ย
“ค่อยหายหงุดหงิดหน่อย” ผมแกะอมยิ้มยัดเข้าปาก เพื่อให้ความหวานสยบความหัวร้อน ก่อนที่ผมจะลุกขึ้นเดินไปหาพี่กิ๊บที่กำลังยืนตรวจตราความเรียบร้อยอยู่ใกล้ๆ
“พี่กิ๊บครับพี่กิ๊บ”
“อะไรเหรอจ๊ะน้องขมิ้น”
“ผมถามหน่อย ใครเป็นพี่รหัสผม”
พอผมยิงคำถามไปตรง ๆ พี่เขาก็เหมือนจะสตั้นไปแว็บหนึ่ง หรือไม่ผมก็คิดไปเอง
“บอกไม่ได้จ้ะ บอกไม่ได้”
“แต่พี่เขาไม่ให้อะไรผมเลยนะ แล้วผมจะไปสืบหาได้ไงว่าพี่รหัสผมคือใคร”
“อ้าว นี่…เอ่อ พี่เขาไม่ได้ซื้ออะไรให้น้องเลยเหรอ" เมื่อกี้ผมนึกว่าพี่กิ๊บจะหลุดปากพูดชื่อออกมาซะอีก เฮ้อ เสียดายทำไมไหวตัวเก่งจัง
"ก็ใช่น่ะสิครับ มีผมไม่ได้อยู่คนเดียว" ผมก็เลยได้ทีเล่นบทโศกาตีหน้าเศร้าฟ้องพี่กิ๊บสุดฤทธิ์ ให้พี่รหัสผมมันรู้สึกผิดจนจุกอกไปเลย
“โอ๋ๆ อย่าเสียใจไปเลยนะน้องขมิ้น เดี๋ยวพี่จะไปดุมันให้นะ”
“งั้นก็ฝากไปบอกพี่เขาหน่อยนะครับ ว่าน้องรหัสคนนี้รออยู่”
“จ้ะได้เลย พี่จะไปบอกให้นะ ยังไงน้องขมิ้นอย่าเพิ่งงอนนะ ไปๆ เดี๋ยววันนี้เราจะมีการซ้อมบูมกัน ร่าเริงๆ เตรียมพลังเสียงเข้าไว้นะ”
“ครับพี่กิ๊บ” ผมส่งยิ้มให้ทิ้งท้ายก่อนจะเดินกลับเข้าไปร่วมกับกลุ่มเพื่อนที่ลุกขึ้นมาเตรียมตัวซ้อมบูม ในจังหวะนั้นเองผมก็เหลือบไปเห็นร่างสูงของเดือนคณะสุดหล่อที่ยืนเก็กท่าล้วงกระเป๋าอยู่ใต้ต้นไม้ห่างออกไปไม่ไกลมากนะ
พี่ปูนมองมาที่ผมชั่วแว๊บหนึ่งก่อนจะผละสายตาไปทำราวกับว่าเห็นผมเป็นเพียงธาตุอากาศ ส่วนผมก็ไม่รู้ว่าหงุดหงิดอะไร
แต่มันแบบไม่ชอบใจเลยครับ คนอะไรน่าหมั่นไส้เป็นบ้า ถึงจะทำอะไรเลยก็น่าหมั่นไส้อยู่ดี!
ความคิดเห็น