ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    (ฟิคหัวขโมยแห่งบารามอส) ภาค ผู้มาเยือนผู้พลิกผันชีวิต

    ลำดับตอนที่ #8 : จูบ

    • อัปเดตล่าสุด 12 พ.ย. 48


      “ไฟไหม้!!” เสียงวิเวกโหวกเหวกโวยวาย(วี้ดวิ้ว)ดังขึ้นทั่วโรงเรียนพระราชา ตั้งแต่เสียงกรีดร้องของหญิงสาว ไปยันเสียงผู้คนโอดครวญจากการโดนไฟไหม้



      แต่เสียงเหล่านี้ไม่มีผลต่อน้ำตาของเจ้าหญิงแห่งเดมอส หลังจากที่เธอวิ่งออกไปจากห้องที่โดนลุกลามจากไฟไหม้ เธอก็อ้อมไปด้านหลังของอาคาร เพื่อตรงไปยังที่ที่ไฟไหม้ ตรงไปยังที่ที่คาโลของเธอไป



      วันที่แสนสุขของเธอได้จบลงไปแล้ว น้ำตาที่นองหน้าเปลี่ยนเป็นน้ำตาแห่งความโศกเศร้า แต่ก็อบอุ่นจนระเหยแห้งไปกับอากาศ ด้วยเปลวไฟนรกที่ตอนนี้อยู่ตรงหน้าเธอแล้ว น้ำตาบางส่วนยังไม่ได้ไหลออกมาด้วยซ้ำ กลับถูกความร้อนระอุของไฟทำให้สลายเป็นไอในชั่วพริบตา



      “คาโล!!!” เสียงแหกปากตะโกนจากหญิงสาวอันแหบแห้ง ไม่รู้ว่าจะดังไปให้เจ้าชายของเธอได้ยินหรือไม่ แต่เธอก็พยายามจนถึงที่สุด พยายามให้เขาได้ยิน แล้วกลับมาหาเธอ แล้วทำตามสัญญา ที่ว่าจะอยู่กับเธอตลอด... อย่างน้อย ตลอดคินนี้ก็ยังดี แค่ได้กอดเขาอีกครั้งนึง



      “คาโล!!” เสียงโหยหวนดังขึ้นอีกครั้ง แต่ก็มีเพียงกองไฟข้างหน้าเธอ ที่ลุกโชตช่วงอยู่เป็นเพียงคำตอบ เศษไม้ที่ปะทุตัวกระแทกเข้าที่แขนของเธอ ยิ่งทำให้เธอรู้สึกหดหู่มากขึ้นกว่าเดิม



      “คาโล นายอยู่ไหน นายอย่าหลบฉันไปสิ ฉันรู้ว่านายแอบมองฉันอยู่แถวนี้!!” เสียงตะโกนขึ้นอีกครั้ง เธอป้องปากพลางหันหน้าไปทิศต่างๆแล้วมองหาเจ้าชาย หรือใครก็ได้ที่พอจะช่วยเธอในเวลานี้ แต่ดูเหมือนว่า คนที่มีความสามารถพอจะหายไปกันเสียหมด หรือเป็นเพราะคาโนวาล ประชุมลับคาโนวาล เอาคนสำคัญไปอีกหรือไง แม้แต่คาโล ที่คาโนวาลยังพยายามจะพรากไปจากเธอ



      แต่ก็มีเพียงเปลวไฟเช่นเคย ที่ยังเต้นรำส่องสว่าง เหมือนกำลังเยาะเย้ยตัวเธอ ที่ดูเหมือนจะทำสำเร็จเสียด้วย



      ความว่างเปล่ายิ่งหลอกหลอนจิตใจเธอเรื่อยๆ  เปลวไฟที่ยังลามไม่หยุด เหมือนสิ่งกระตุ้นต่อมน้ำตาให้แตกสลาย เธอรู้สึกว่าตัวเองเสียใจมามากพอแล้ว จึงยกแขนขึ้นปาดน้ำตา แล้วสายตาที่มุ่งมั่น ก็พร้อมที่จะก้าวเข้าไปที่เปลวไฟ เส้นทางที่เธอคิดว่า คาโลได้เข้าไปเพื่อดับไฟมรณะนี้



      แต่ดูเหมือนมีบางสิ่งที่ทำให้เธอต้องหยุดชะงักลง หลังจากที่เตรียมตัวเตรียมใจเรียบร้อยแล้ว เพราะสิ่งที่อยู่ตรงหน้าเธอ ทำให้เธอไม่ต้องก้าวเดินไป... เพียงคนเดียว



      “คิล” เสียงพึมพำเบาๆอันสั่นเครือของหญิงสาว ก่อนที่จะวิ่งเข้าไปหาเพื่อนซี้ที่กว่าจะมาได้ “ทำไมนายเพิ่งมา ประสาทรับรู้ช้ามากหรือไง”



      “......” คิลไม่พูดอะไรออกมาทั้งสิ้น เขาส่ายหน้าเบาๆแทนคำตอบ แล้วกจึงเดินเข้าไปในกองไฟ โดยไม่แม้แต่หันหลังมามอง



      “คิล!!” เธอพยายามวิ่งเข้าไปหาแล้วฉุดรั้งเอาไว้ แต่ก็ไร้ผล คิลสะบัดให้เธอกระเด็นออกไปนอนอยู่กับพื้น แล้วสิ่งต่อมาที่เกิดขึ้นกับเธอก็คือ หญิงสาวไม่สามารถลุกขึ้นมาได้ ขาของเธอแนบชิดติดกัน เหมือนแข็งเป็นหินไปเสียแล้ว



      “คิล!!!” เธอตะโกนเรียกไว้อีกครั้ง แต่ดูเหมือนจะไร้ผล เพื่อนของเธอวิ่งเข้าไปในกองไฟแล้วก็หายลับตาไปจากเธอ



      “ม่ายยยยย!!!” เธอโหยหวน น้ำตาพรั่งพรูออกมาอีกครั้ง แต่ทรมาณกว่าเดิมหลายเท่า เพื่อนของเธอที่ดูเหมือนความสามารถด้านเวทมนตร์พอๆกับเธอ บุกวิ่งเข้าไปในกองไฟเหมือนกับว่าจะฆ่าตัวตาย ยิ่งทำให้เธอเศร้าเสียใจหนักยิ่งกว่าเดิม



      ตอนนี้หัวใจของเธอไม่เหลืออะไรอีกต่อไปแล้ว... ทั้งคนที่เธอรัก เพื่อนที่ร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมา ถูกไฟมรณะทลายไปจนหมดสิ้น คนหนึ่งเข้าไปเพื่อดับไฟ แต่ก็หายตัวไปไม่กลับมา อีกคนเพิ่งเดินดุ่มๆตัวเปล่าเข้าไปเมื่อกี้ โดยไม่มีที่ท่าว่าจะมีสิ่งป้องกันตัวอะไรเลย ผลออกมาอย่างเดียวคือ ตาย....

      จบความคิดนั้น ด้วยความเหนื่อยอ่อน และล้ามาทั้งวัน เฟลิโอน่า เจ้าหญิงผู้สูงศักดิ์ก็ผล็อยหลับไป ท่ามกลางความร้อนระอุ โดยไม่รู้แม้แต่น้อยว่า คนที่เธอรอ ได้ก้าวเข้ามาหาเธอพร้อมกับอุ้มตัวเธอไป ด้านหลังมีบุคคลผู้เชี่ยวชาญด้านเวทมนตร์กำลังดับไฟที่ลุกลามอย่างรวดเร็ว ด้วยท่อมไม้เรียวบางเพียงท่อนเดียวที่ถืออยู่ในมือ.........

    -------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

      แสงตะวันสาดส่องเข้ามาที่ห้องเดิม ห้องที่หน้าต่างเพิ่งแตกไปจากเหตุการณ์ไฟไหม้เมื่อคืน ข้าวของในห้องสูญเสียไปเกือบหมด... ทั้งเสื้อผ้า เตียงนอน และทุกอย่างเสียหายไปจนหมดสิ้น คนที่ดับไฟได้จากที่ทราบมา คืออาจารย์ทั้งหลายของฮอกวอตส์ที่เพิ่งรู้ว่าไฟไหม้ หลังจากที่ไฟลามไปถึงห้องของตัวเอง เหมือนกับว่าจงใจให้เสียงกรีดร้องและตะโกนโหวกเหวกของนักเรียนเป็นเพียงเสียงนกการ้องเสียงดังไป กว่าจะเข้ามาช่วยก็จนกว่าจะมีคนมาเรียกยังไงยังงั้น...



      ส่วนเฟริน หลังจากที่เป็นลมสลบเหมือดไป ตัวเองก็มารู้สึคัวอีกทีก็ตอนที่นอนอยู่ที่ห้องพยาบาล ที่ดูเหมือนว่าไม่ได้รับความเสียหายแต่อย่างใด มีเพียงด้านนอกเท่านั้นที่มีรอยไหม้บ้างแต่ก็ดูเหมือนจะมีคนดับให้ทัน



      แต่สภาพของโรงเรียนโดยรวมแล้ว เป็นที่น่าหดหู่มากขึ้นเข้าไปอีก ห้องพักส่วนใหญ่โดนไฟไหม้ไม่ต่างไปจากห้องของเธอ เท่าที่เธอเดินเล่นแล้วสำรวจทั่วแล้ว หองพยาบาลดูเหมือนว่าจะปลอดภัยที่สุด ส่วนอาคารที่พักของนักเรียนทั้งสี่แห่ง ไหม้เกรียมจนเหลือแต่เขม่าดำๆ และโครงสร้างเท่านั้น นักเรียนทุกคนที่ยืนดูสภาพ หรือนอนหลับใต้ต้นไม้ ต่างใส่ชุดนอนของเมื่อวานกันหมด เพราะเวลาไฟไหม้ คงไม่มีใครตั้งใจหอบอะไรมาเปลี่ยนกันเป็นเรื่องเป็นราว มีแต่นักเรียนบางคน อย่างเช่นครี้ดหรือมาทิลด้า ที่จะตั้งสติอะไรได้ เอาของสำคัญออกมาได้ทัน ตั้งแต่ตอนที่ได้ยินเสียงกรีดร้องของผู้คน หรือที่ให้ถูก เสียงตะโกนของเธอ...



      “คาโล!!” มาทิลด้าตะโกนเลียนเสียงของเธอที่ห้องพยาบาล เธอเองก็เป็นคนนึงหละที่ไม่สะบักสบอมแบบตัวเธอ



      “แล้วไปยังไงหละ ตัวถึงได้ไหม้แบบนี้” คราวนี้ถึงคราวของรอน ที่ดูเหมือนว่าตัวเขาก็สะอาดสดใสไม่เป็นอะไรเช่นกัน แถมเสื้อผ้าที่ใส่ก็เป็นชุดนักเรียนธรรมดาที่พร้อมจะเรียนวันนี้ (ถึงจะเก่าๆบ้างก็เถอะ) เขานั่งข้างๆเตียงพร้อมกับเพื่อนทั้งสองคน ที่ดูเหมือนจะไม่เป็นอะไรเช่นเดียวกัน



      เธอส่ายหน้า เล่าสิ่งที่ไม่เป็นความจริงออกไปแทน ว่าตัวเองพยายามออกไปดับไฟด้วยตัวคนเดียว ส่วนคาโลก็วิ่งตามมา แล้วก็หายไปในกองไฟ แล้วเธอก็ตะโกนเรียกคาโล (จนมาทิลด้าได้ยินนั่นแหละ) แต่เขาก็ไม่ออกมา เธอจึงไปเรียกคิลมาแล้วเขาก็หายไปอีกคน แต่พอมาถึงตอนนี้.. เสียงคัดค้านก็ดังขึ้นมากจากข้างหลังเธอ



      “ฉันไม่ได้ไปช่วยใครเขาดับไฟซักหน่อย”



      ชายที่พูดออกมาด้านหลังเธอคือ คิลมัส ฟิลมัส คนที่เธอก็นึกว่าตายไปแล้วจากกองไฟ สำเนียงเสียงพูดก็ปกติ แต่คนเมื่อวานรู้สึกว่า...



      “ไม่พูดเลย แถมท่าทางยังแปลกๆอีกด้วย” เสียงพึมพำของเฟริน ก่อนที่จะหันไปถามคิลอีกที



      “เมื่อวานนายไม่ได้เข้าไปดับไฟจริงหรอ แต่มันเหมือนตัวนามากเลยนะ ทั้งหน้าตา แล้วก็อื่นๆอีก”



      “ม่ายยยอะ ฉันสาบานได้ว่าฉันไม่ได้ไป” นักฆ่าติ๊งต๊องคนเดิมก็พูดอย่างเบื่อๆก่อนที่จะนั่งลงข้างๆเตียง “แล้วจะเป็นใครหละ หน้าตาเหมือนฉันจะมีใครหละ หน้าฉันไม่โหลสักหน่อย”



      “......” สีหน้าอันแปลกประหลาดของเจ้าหญิงเฟลิโอน่าปรากฏออกมา ท่าทางครุ่นคิดของเธอไม่เหมือนสมัยก่อนที่เอาแต่ทีเล่นทีจริง คิลก็คนนึงละที่ยังไม่ตาย แต่เธอก็ยังคงสงสัยเรื่องคิดคนเมื่อวานอยู่ ว่าใครกันนะที่จะปลอมตัวได้เหมือนขนาดนั้น... ใครนะที่คิดร้ายจะทำร้ายิตใจเธอเพื่อเล่นสนุก... ใครกันหละ



      ส่วนเรื่องของคาโล... หายเข้าไปแล้วก็ไม่ออกมาอีกเลย คนอื่นๆที่เธอลองถามดูแล้วก็ไม่ทราบข่าวหรือเจอซากศพใดๆทั้งสิ้น ยกเว้นแต่จะโดนไฟไหม้จนเป็นผงขี้เถ้าไปเสียแล้ว... แต่เธอก็ไม่คิดในแง่ร้าย เหตุผลเดียวนอกจากนั้นก็มีเพียงว่า... หายไปเพียงไม่อยากพบหน้าเธอ



      “จะว่าไปวันนี้ไม่เห็นหน้าโรมันเลยนี่หว่า ประชุมหรือไง” เธอถามขึ้นน้ำเสียงแสดงความสงสัยอีกครั้ง



      “ประชุมหนะถูกแล้ว เรียกประชุมเฉพาะหัวหน้าป้อมกับเสนาธิการฝ่ายซ้ายซะด้วย” คิลบ่นพึมพำนิดๆก่อนจะทิ้งท้าย “เสนาธิการฝ่ายขวาดูเหมือนจะไม่ได้ทำอะไรเลยจริงๆนะ”



      เสียงหัวเราะเบาๆนิดเกิดขึ้น แต่ก็เงียบลง ด้วยคำถามที่เธอยังไม่ได้ลองถาม



      “แล้วคาโลหละ ได้ไปประชุมมั้ย”



      “ก็ต้องได้ไปสิ แต่ดูท่าทางจะมอมแมมพอๆกับนายเลย ประชุมด่วนซะแล้วมั้ง” คิลตอบ ก่อนจะทำหน้าเลียนแบบเฟรินก่อนหน้านี้ ที่ทำหน้าครุ่นคิดแปลกประหลาดไม่เหมือนปกติ จนมาทิลด้าที่สังเกตอยู่ขำออกมานิดๆก่อนจะพูดขึ้นมาบ้าง



      “ไม่พ้นเรื่องโรงเรียนหรอก... คงต้องสร้างใหม่ละมั้ง”



      “เดี๋ยวคาโลมาก็ลองถามดูก็สิ้นเรื่อง คิดให้เปลืองสมองอยู่ทำไม รอน นายเอาหมากรุกมารึเปล่า”



      เสียงแทรกจากนักฆ่าแห่งซาเรส เปลี่ยนเรื่องหันมาถามเพื่อนหัวแดง ที่ตอนนี้ดูเหมือนจะสนิทกันใช้ได้ทีเดียว



      “ไม่ได้เอามา แต่ไม้ต้องห่วง ให้แฮร์รี่เรียกมาก็ได้ นายไม่รู้หรอกว่าเขาชำนาญเรื่องคาถาเรียกของขนาดไหน”



      “อืม เดี๋ยวจะลองเรียกมา แอ็กซิโอ กระดานหมากรุก!” ประโยคสุดท้ายเขายืนขึ้นแล้วเอาไม้กายสิทธิ์โบกเรียก แต่ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น



      “แฮร์รี่ ไม้นายพังแล้วมั้ง... หรือว่าหมดฤทธิ์ซะแล้ว” รอนถามอย่างเจ้าเล่ห์ แต่ก็โดนเขารู้ทันก่อนจะแก้ตัวที่ดูเหมือนจะฟังขึ้นมากทีเดียว



      “ไฟไหม้พังไปแล้วมั้ง ก็เลยเรียกไม่ดะ - -”



      ขณะที่กำลังพูดแก้ตัวของแฮร์รี่อยู่ ประตูทางเข้าห้องพยาบาลก็โดนสิ่งที่ดูเหมือนกับฝูงผึ้งสีดำกระแทกประตู จนในที่สุดประตูก็พังทลายลงมา ก่อนที่จะตรงมาที่แฮร์รี่แล้วกองลงไปตรงหน้าเขา



      “อืมๆ ถ้าทางจะพังแล้วจริงๆ” เสียงพึมพำทั้งห้องพร้อมกัน แล้วตามด้วยเสียงหัวเราะ พลังเวทมนตร์ของแฮร์รี่ท่าทางจะยังไม่ตก ขี้เถ้าของกระดานหมากรุกที่พังไปแล้วยังดันทุรังบินมากองตรงหนาเขาอีก เฮอร์ไมโอนี่ที่อดดูอยู่ไม่ได้ จึงยกไม้กายสิทธิ์ของตัวเองขึ้นมาบ้าง แล้วพูดภาษาอะไรที่เขาแปลไม่ออก



      “เรปาโร!”



      แล้วขี้ฝุ่นสีดำๆก็ค่อยๆก่อตัวขึ้น รวมกันอยู่นานจนเป็นรูปร่างต่างๆ จนในที่สุดก็กลายเป็นกระดานหมากรุกที่เหมือนกับที่เธอเคยเล่นเมื่อบ่ายวันเสาร์



      “แล้วตัวหมากหละ” คิลแหย่จนเกิดเสียงหัวเราะขึ้นอีกครั้ง ที่เขาพูดก็จริงๆอยู่ ที่แฮร์รี่เรียกมาดูเหมือนจะเป็นแค่เศษขี้เถ้าของกระดานเท่านั้น จนในที่สุด แฮร์รี่ก็ต้องโบกไม้กายสิทธิ์ของตัวเองอีกหกครั้ง เพื่อเรียกตัวหมากทั้งหมดมากองไว้ที่เดียวกัน แล้วเฮอร์ไมโอนี่จึงจัดการซ่อมทั้งหมด จนเหนื่อยไปทั้งคู่



       แล้วคิลกับรอนก็เล่นหมากรุกด้วยกันข้างๆเตียงเพื่อให้เธอเห็นด้วย แต่ดูเหมือนคิลจะเล่นไม่ได้ดีไปกว่าเธอมากนัก เขาแพ้ราบคาบจนน่าดูชม ถึงแม้จะต่อหมากเท่าที่เธอเคยชนะมาก่อนก็ตาม รอนจึงทำหน้าเซ็งๆแล้วเรียกแฮร์รี่มากนั่งแทนที่ แล้วจึงจัดกระดานเล่นกันใหม่อีกครั้ง



      “มาสิ ฉันก็เล่นได้เหมือนกันนะ แต่ถ้านายอยากชนะแบบแน่นอนหละก็... ตัวเลือกที่ดีที่สุดคือ เฮอร์ไมโอนี่นะ”

    แฮร์รี่กระซิบเบาๆแล้วเสียงหัวเราะก็เกิดที่กระดานหมากรุก จนมาทิลด้ารู้สึกสงสัย จึงรีบย้ายที่ไปนั่งข้างๆกระดานเพื่อจะได้ฟังและดูอะไรได้ชัดๆจากที่นั่งอีกข้างหนึ่ง แล้วทุกคนก็ต่างย้ายที่ไปนั่งดูการเล่นหมากของแฮร์รี่และคิล ที่ดูเหมือนจะสูสีกันใช่เล่น แต่เวลาที่ทุกคนไม่สนใจเธอนี่หละ เป็นเวลาที่เธอกำลังต้องการ



      เธอกำลังคิดถึงคาโล เรื่องที่คิลพูดจะเป็นความจริงรึเปล่านะ ถ้าเขาไปประชุมเธอก็จะโล่งใจขึ้นมามากขึ้นเป็งกอง แต่ถ้าเขาเป็นอย่างที่เธอคิดในแง่ร้ายนั่นหละ ก็หมายความว่าเขาตายไปแล้วนะสิ



      ถ้าเขายังไม่ตายจริงๆ แล้วทำไมไฟเมื่อคืนถึงไม่ดับ หรืออาจจะดับด้วยฝีมือของคนอื่น แล้วคนอื่นที่มีความสามารถมากกว่าคาโลที่พอจะดับไฟได้ ไม่ได้ไปประชุมลับกับคาโนวาลหรือ แต่ก็อาจแค่ประชุมของคาโนวาล คนอื่นไม่เกี่ยว... แต่ยังไงเธอก็อดสงสัยไม่ได้อยู่ดี ว่าใครเป็นคนดับไฟ



      ถ้าเป็นปราชญ์เลโมธี ถ้าตาแก่นั่นรู้ก็น่าจะมาดับได้ตั้งนานแล้ว คงไปประชุมกับคาโนวาลหละมั้ง ถึงได้ปล่อยให้โรงเรียนของตัวเองพังได้ซะขนาดนี้ ยิ่งตอนนี้มีแขกจากโลกต่างอีกไม่ใช่หรือไง ปล่อยไว้จะเสียชื่อเสียงของโรงเรียนปล่าวๆ



      เธอตัดเลโมธีไป ถ้าเป็นคนจากโลกต่างมาดับเองหละ ก็น่าจะใช่ เพราะไม้กายสิทธิ์ของพวกนั้น ดูเหมือนจะทำอะไรได้มากมายพอดูทีเดียว ไม่ต้องมาถือคทาใหญ่เบ้อเริ่มเทิ่มเหมือนของโรงเรียนพระราชา



      แต่ดูเหมือนพวกจากโลกต่างจะโชคร้ายสุดๆ หลังจากมาที่นี่ไม่ถึงอาทิตย์ นอกจากยังไม่ได้เรียนแล้ว ข้าวของต่างๆยังโดนไฟไหม้ไปอีก น่าสงสารเหลือเกินในความคิดของเธอที่มีต่อคนอื่นๆ นอกจากยายเฮอร์ไมโอนี่นั่น



      เด็กผู้หญิงหัวหยิกคนนั้นดูเหมือนว่าจะเป็นโชคร้ายในชีวิตของตัวเธอเหลือเกิน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องน้ำหอม ที่ทำเอาเธอเข้าใจผิดไปจนได้เรื่อง ต่อมาก็กีฬาบ้าบอที่เธอชวนเล่น ‘ควิดดิช’ เกมกีฬาสุดอันตรายของโลกต่าง ที่เธอสัญญากับตัวเองชั่วชีวิต ว่าต่อไปนี้จะไม่เล่นอีกต่อไปแล้ว



      ส่วนเรื่องสุดท้าย ยาที่อาจารย์ของเธอเอามาให้ ทำให้เธอฝันร้ายที่เหมือนจริงเอามากๆกัดกินหัวใจ จนทำให้เธอต้องคิดผิดกับคาโลไปต่างๆนานา เพราะเรื่องราวที่เฮอร์ไมโอนี่จูบกับเขา ภาพนั้นมันยังคงติดตาเธออยู่ ถึงแม้ยายนั่นจะสารภาพแล้วก็เถอะว่าเป็นเพราะฤทธิ์ของยา



      แล้วถ้าไม่ใช่ผลของยาที่ทำให้เธอเป็นแบบนี้หละก็ ตัวเธอก็คงไม่วิ่งแจ้นไปทั่วโรงเรียน เหนื่อยอ่อนเพื่อตามหาคาโล แค่เพื่อให้ดูร่างหญิงสาวของเธอที่ไม่ต้องใส่แหวน แต่เธอก็เหนื่อยเปล่า แล้วในที่สุด... เรื่องทุกเรื่องก็มีต้นตอมาจาก - -



      “เฮอร์ไมโอนี่ จริงๆหรือเรื่องที่เธอเป็นคนดับไฟที่ไหม้เมื่อวาน” เสียงคุ้นหูของรอนดังขึ้น จนเธอได้ยินชัดเจนมาจากกระดานหมากรุก แต่ดูเหมือนว่าเฮอร์ไมโอนี่ที่ตอบออกมาโดยไม่แม้แต่คิดจะลดเสียงของเธอลง



      “อื้ม” เธอพยักหน้าอย่างภาคภูมิใจก่อนจะว่าต่อ “ก็เมื่อต้นปี ศาสตราจารย์ฟลิตวิกสอนอยู่ไม่ใช่หรือไง หรือเธอไม่ได้จำเลย ตอนที่เขาสอนเรื่อง ‘การหยุดหายนะที่เกิดจากธรรมชาติ’ รอนปีที่แล้วเธอไม่น่าได้เป็นพรีเฟ็คเลยนะ ศาสตราจารย์ดัมเบิลดอร์น่จะเลือกคนที่เหมาะกว่านี้ เนวิลล์เป็นฉันยังว่าดีกว่าเลย”



      “ก็มีแต่เธอเท่านั้นแหละเฮอร์ไมโอนี่ที่จำได้ พวกฉันไม่ได้สมองกลแบบเธอสักหน่อย จะได้จำทุกเรื่องที่เคยเรียนมาได้ แล้วที่ฉันเป็นพรีเฟ็คได้ ก็เพราะความสามารถของฉันต่างหาก แล้วก็ไม่ใช่เรื่องเลยนะ ที่เนวิลล์จะมีสิทธิมาแทนที่ฉัน” รอนกัดฟันตอบ ก่อนจะพยักเพยิดหน้าไปที่แฮร์รี่ ที่ดูเหมือนจะหน้าเสียสุดๆตอนที่ควีนของตัวเองถูกบิชอปกินไปโดยไม่ทันรู้ตัว



      “ฉันเห็นด้วยกับรอนนะเฮอร์ไมโอนี่ ฉันไม่ได้มีสมองไว้เรียนกสักหน่อย ถ้าเรื่องควิดดิชฉันชนะเธอแน่ แต่รอน...” เขาออกความเห็นหลังจากเดินตัวหมากของเขากินเบี้ยของคิลไปเรียบร้อยแล้ว “ฉันเห็นด้วยกับเฮอร์ไมโอนี่นะ ว่าเนวิลล์เหมาะกว่านายจริงๆเรื่องพรีเฟ็ค”



      “เฮ้ย นายชักจะหาเรื่องฉันซะแล้วนะ มาแข่งหมากรุกกันมั้ยหละ ถ้านายแพ้นายต้องยอมรับกับการที่ฉันได้เป็น พรีเฟ็คนะ” รอนฉุนขึ้นมา ทำท่าจะยกคิงของแฮร์รี่ขึ้น แต่ก็โดนเบี้ยที่อยู่ข้างๆเอาดาบจิ้มมือ จนรอนร้องออกมา แล้วเสียงหัวเราะก็ตามมาเป็นลำดับต่อไป



      งั้นก็ตัดปัญหาเรื่องที่ใครเป็นคนดับไฟได้แล้ว คงเป็นเฮอร์ไมโอนี่และอาจารย์ของพวกนั้นมาช่วยกันดับหละมั้ง เสกคาถามานิดเดียวก็ทำอะไรได้หลายอย่าง ไม่เหมือนเธอนี่ ช่วยคาโลไว้ก็ไม่ได้ ทำอะไรเพื่อเขาไม่ได้เลย ตอนนั้นเธอก็ได้แต่ยืนมองแล้วก็ตะโกนเรียกคาโลเท่านั้นเอง.....



      แต่แล้วความคิดต่อมาก็เข้ามาแทรก ถ้าไม้กายสิทธิ์นั่นทำอะไรได้มากมายจริงๆ แปลว่าคนที่ทำให้เธอต้องขาติดกันจนขยับไม่ได้ก็ต้องเป็นพวกจากโลกต่างสิ



      “เฮอร์ไมโอนี่...” เธอตะโกนเรียกหญิงสาวนักปราชญือย่างไม่เต็มใจนัก แล้วเธอก็หันมาพยักหน้านิดๆเป็นเชิงถามว่ามีอะไร



      “ไม้กายสิทธิ์อะไรนั่นของเธอ ทำให้คาติดกันได้หรือเปล่า คาถาแบบนั้นมีมั้ย”



      “อ๋อ มีสิ ตอนปีหนึ่งเพื่อนของฉันคนหนึ่งก็เคยโดนคาถานั่น เราก็เลยจำไว้เพื่อจะแก้แค้น แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ทำอะไร เพราะพวกนั้นหันไปต่อยกันแทนที่จะใช้ไม้กายสิทธิ์นะสิ” เธอตอบออกมาก่อนจะเหล่เล็กน้อยไปทางรอน ที่ดูเหมือนจะพยายามเต็มที่ที่จะจ้องกระดานหมากรุกไม่ให้คลาดสายตาไปไหน แต่ก็ต้องหยุดจ้อง ก่อนที่จะหันไปกระซิบที่ข้างหูของแฮร์รี่ แล้วสิ่งต่อมาที่เกิดขึ้นคือ…



      “ม้า อีหก รุกจนแต้ม” เสียงประกาศอย่างมีชัยของแฮรืรี่ ก่อนฝ่ายตรง้ามที่ไม่ยอมรับความพ่ายแพ้จะโวยออกมา



      “แฮร์รี่ นายโกงนี่นา ให้รอนช่วย”



      แล้วตัวหมากทั้งหมดที่ยังไม่แหลกเพราะโดนกิน ก็แหลกคามือของนักฆ่าอารมณ์บูดแห่งซาเรส...



    -------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------



    “เฟริน” เสียงกระซิบเย็นๆข้างหูของเธอ ราตรีผ่านมานานแล้วจนเธอหลับไปสนิทเสียแล้ว แต่ก็ถูกชายนัยน์ตาสีฟ้าสะท้อนแสงกระทบเข้าตาเธอ ปลุกขึ้นมาอย่างกระทันหัน จนเธอตั้งตัวไปไม่ทัน เกือบจะแหกปากตะโกนออกมา



      “อาโอ!!” ตาเบิกกว้างแหกปากออกมา แต่ก็ถูกฝ่ามือขาวสะอาดของเจ้าชายตรงหน้าปิดเอาไว้ ถึงแม้บางจุดจะมีรอยไหม้ หรือผ้าสีขาวพันไว้ตาม



      สิ่งที่ตอบรับคำขานชื่อของเธอ มีเพียงนิ้วชี้ที่แตะไปที่ปากของตัวเองแล้วเอามืออีกข้างที่อยู่ที่ปากเธอออก



      “นายไปไหนมา” ทันทีที่ปากเป็นอิสระเธอก็ถามออกมาอย่างห้ามได้ แต่เสียงก็แผ่วเบาเหมือนรู้ว่าไม่ควรรบกวนคนอื่น



      แต่คำตอบของเขาไม่ใช่คำพูด เขาผลักเธอล้มตัวลงไปนอนที่เดิม ก่อนจะใช้ปากหยุดคำพูดของเธอที่กำลังจะออกมาอีกครั้ง แต่ไม่ใช่ปากอย่างเดียวที่เป็นอวัยวะหยุดคำพูดของเธอ



      ความรู้สึกของเธอตอนนี้ กับตอนที่เธอเคยจูบครั้งแรกกับเขามันต่างกันลิบลับ ครั้งก่อนถึงแม้เธอจะอายจนไม่รู้สึกอะไร แต่ครั้งนี้เธอรู้สึกดี ดีมากๆจนเธออย่างอยู่อย่างนี้ไปตลอดกาล...



      อยู่กับ ‘จุมพิตจากคาโนวาล’ ตลอดไป.........



    ....................อย่าลืมไปงานโดเฟส 2 น่ะๆ..............มีออกเป็นเล่มด้วย..........ฝากด้วยเน้อ........++(---)(***)....JCO.G..

                                                                                                     BY   ไอ้แมงกระพรุน
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×