ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    (ฟิคหัวขโมยแห่งบารามอส) ภาค ผู้มาเยือนผู้พลิกผันชีวิต

    ลำดับตอนที่ #6 : ศึกเกียรติยศที่แสนอ้างว้าง...

    • อัปเดตล่าสุด 3 พ.ย. 48


      เยๆ ลงมาแล้วนาตอนนี้ รีบมาลงก่อนที่ใครจะตื้บแมงกระพรุนเละไปเสียก่อน.... แต่ก็เถอะนะ อ่านจบแล้ว *อ่านคำสั่งลา(พักผ่อนหรือเตรียมตัวเพื่อเป็น ซุปเปอร์แมงกระพรุน)ท้ายเรื่องด้วยน้อ*

    ----------------------------------

       ยามเช้าที่แสนจะงงงวยของเฟลิโอน่า เกรเดเวลได้เริ่มต้นขึ้น หลังจากตื่นขึ้นมาพบร่างของตัวเองที่มีเนินหน้าอกนูนขึ้น ไม่ใช่ร่างของเฟรินดังเดิม แล้วเธอก็พบสาเหตุที่เป็นผู้หญิงนี้ เหมือนกับราตรีก่อน ที่เป็นฝันหรืออย่างไรไม่ทราบ คือแหวนของท่านพ่อแห่งเดมอส สวมอยู่ที่นิ้วของเธอ และยังถอดไม่ออกอีกด้วย



      นอกจากร่างสตรีในตอนนี้ของเฟรินแล้ว คราบน้ำตาของความฝันยังคงอยู่ ในห้องอันโดดเดี่ยวและเงียบสงบนี้ ทำให้เธอยิ่งคิดถึงเรื่องที่เธอฝัน เรื่องที่ไม่น่าจะคิด...



      ที่โรงอาหารของป้อมอัศวิน ตอนที่เธอรอดูอยู่ว่าทั้งสองคนจะคุยอะไรกัน แต่ก็ต้องมาพบภาพบาดตาและทำลายหัวใจเธอเอง ทั้งสอง.....



      พอคิดมาถึงตรงนี้ หญิงในทรหดก็ไม่สามารถกลั้นน้ำตาได้อีกแล้ว ความเศร้าทำลายหัวใจของเธออีกครั้ง เสียงที่เจ้าชายที่เธอรักยังดังก้องอยู่ในหัว



      “ฉันรักเธอ เฮอรืไมโอนี่”



      ทำไมไม่เป็นชื่อของเธอ ทำไมเขาไม่บอกประโยคนี้กับเธอ ทำไมต้องไปบอกกับยัยผู้หญิงที่พึ่งพบเจอกันเพียงไม่กี่วัน ถึงเรื่องนั้นจะเป็นความฝันก็เถอะ แต่ภาพนั้นมันฝังลึกเหมือนความจริง มากกว่าความจริง และทำร้ายหัวใจของเธอจนถึงบัดนี้



      ก๊อก ก๊อก ก๊อก



      เสียงเคาะประตูดังขึ้น ห้องที่อ้างว้างของเธอกำลังจะมีคนเข้ามา จะเป็นคนที่คอยตอกย้ำเธอซ้ำ หรือจะปลอบให้เธอหายดี แต่เท่าที่เธอคิดตอนนี้ เธออยากอยู่ตัวคนเดียวมากกว่าสิ่งอื่นใด



      “ไม่ต้องเข้ามานะ ฉันอยากอยู่คนเดียว” เสียงตะโกนบอกของเจ้าหญิงแห่งเดมอส ระหว่างที่เธอเดินไปที่ประตูเพื่อที่จะล๊อกกลอน แต่โดนแรงกระแทกเปิดประตูเข้ามาของแขกที่ไม่ได้รับเชิญ...



      “ไง เฟริน ฉันเห็นนายไม่สบายก็เลย... อ้าวเฮ้ย!” ท่าทีของคิลเพื่อนคนเดียวที่เธอไว้ใจตอนนี้เปลี่ยนไปทันที เหมือนเห็นใบหน้าของสตรี แทนที่จะเป็นขโมยเจ้าเก่า



      “เออดิ จะเล่าให้ฟัง เข้ามาก่อนก็ได้”



      เธอพูดก่อนที่จะเปิดประตูให้เขาเข้ามา



      “เอาไรมาด้วยวะ”



      “ของฝากเล็กๆน้อยๆ แต่เรื่องนี้ช่างมันเหอะ ไงแกถึงเป็นแบบนี้ได้ฟะ”



      จบคำถาม นัยน์ตาเศร้าศร้อยของหญิงสาวก็ปรากฏให้เห็น แต่เพื่อนซี้ของเธอสายตาไม่ไวเพียงพอที่จะมองเห็นนัยน์ตาอดีตขโมยอย่างเธอได้ เธอจึงจัดแจงทำใบหน้าให้เป็นปกติ แล้วจึงหันหน้ามาเล่าเรื่องราวต่างๆที่เกิดขึ้นให้ฟัง ยกเว้นเรื่องของคาโลและเฮอร์ไมโอนี่



      “แล้วนายคิดว่าเปงไง ว่าฝันหรือเรื่องจริง” คำถามของนักฆ่าทำเอาเจ้าตัวยุ่งอึ้งไปก่อนที่จะตอบแบบไม่แน่ใจ



      “มันเหมือนจริงมากกว่าความฝัน เหมือนตอนที่ฉันโดนแหวนอาถรรพ์ที่หลับไปอย่างไงอย่างงั้นเลย”



      “แล้วตอนนี้นายใส่แหวนนั่นอยู่รึเปล่าหละ”



      หลังได้ฟังคำแนะนำของคิล เฟรินก็ลองสำรวจนิ้วมือของตัวเองดู ปรากฎว่ามีเพียงแหวนของท่านพ่อเอวิเดสเท่านั้นที่ยังคงอยู่ที่นิ้วเธอ



      “งั้นเพราะอะไรหละ” เจ้าตัวขมวดคิ้วหนักเข้าไปอีก มันไม่เหมือนอนาคต แต่มันเหมือนความเป็นจริง เป็นอดีตที่เธอเพิ่งเจอมา พอคิดตรงนี้เธอก็เอะใจขึ้นมาเลย



      “เมื่อวานเกิดอะไรขึ้น เหมือนที่ฉันฝันหรือป่าว นายว่าไงคิล”



      ท่าทีอ้ำอึ้งของคนตรงหน้าทำให้เฟรินต้องคิดหนักเข้าไปอีก เพราะคนที่ตอนถามเหมือนเก็บความลับอะไรบางอย่างอยู่ แต่ก็ต้องตกตะลึงกับเจ้าหญิงแสนสวยตรงหน้าเข้าไปอีก เมื่อเธอถามคำถามนี้ออกมา



      “คาโลได้บอกเฮอร์ไมโอนี่ว่าจะคุยกับเธอต่อที่โรงอาหารใช่รึปล่าว”



      คำถามที่เฟรินเองต้องคิดหนักกว่าจะถามออกมาได้ เรื่องที่เธอไม่อยากจะคิดถึงมันอีกครั้ง แต่เธอก็ต้องถามออกมาเพื่อความแน่ใจว่ามันไม่ใช่ความจริง เป็นเพียงฝันร้ายตื่นหนึ่งเท่านั้น



      “ชะ ใช่”



      คำตอบที่คิลก้มหน้ายอมรับความจริง ทำให้คนรอคำตอบที่หวังผลดีกว่านี้ต้องนิ่งอึ้งไป จิตใจแตกร้าวละเอียดยิ่งกว่าเดิม น้ำตาเริ่มไหลรินออกมาอีกครั้ง แต่คราวนี้ไม่สามารถหลบสายตาเพื่อนของเธอได้อีก



      “เฟริน นายเป็นอะไรไป นายร้องไห้ทำไม”



      งั้นมันคงเป็นความจริง เรื่องที่ทั้งสองคนนั้นจูบกัน ในเมื่อเธอรู้แล้วว่ามันไม่ใช่ฝัน เธอจึงตัดใจเล่าให้นักฆ่าคนเดียวที่ไว้ใจมากที่สุด



      “แล้วนายรู้มั้ย เขาคุยอะไรกัน หลังจากที่นายออกไปแล้วหนะคิล”



      “ไม่รู้ดิ เขาบอกจะคุยกันสองคน จะให้สอดแอบฟังได้ไงหละ”



      “งั้นหรอ อืมๆ” เธอตัดใจไม่คิดเรื่องนี้ต่อไป สายตาจ้องมองออกไปที่หน้าต่าง ตะวันโผล่หัวไปจนไม่ให้เห็นแล้ว กำลังส่องอยู่เหนือหัว จะส่องเหนือหัวงั้นหรอ



      “งั้นตอนนี้ก็เที่ยงแล้วสิ ฉันต้องไปแข่งหมากรุกนะ”



      “เออ ใช่”



      จบประโยคตกใจสั้นๆของทั้งคู่ ก็รีบพุ่งพรวดออกจากห้องไปโดยเร็ว โดยลืมไปว่า เฟลิโอน่า เกรเดเวลคือคนที่จะไปแข่ง ไม่ใช่เฟริน เดอเบอโรว์ คนที่ท้า แล้วทั้งสองคนจะแข่งกันได้ไงหละเนี่ย ถ้ายังไม่ได้ทำความรู้จักว่าทั้งสองคือคนเดียวกัน...



    ...................................----------------------------------.........................................----------------------------------........



      และแล้ว... ทั้งสองคนก็วิ่งมาถึงโรงอาหาร มุ่งตรงไปยังโต๊ะตัวเดียวที่มีผู้คนนั่งอยู่ หัวสีแดงของคู่แข่งคนสำคัญเป็นที่สังเกตได้ง่าย เธอและคิลจึงมุ่งตรงไปอย่างรวดเร็วก่อนที่จะกล่าวคำขอโทษออกมา



      “โทษที มาสายไปหน่อย เริ่มกันรึยังหละ”



      ชายหนุ่มคู่แข่งที่มาจากฮอกวอตส์ หันหลังกลับมาตามเสียง แต่เมื่อได้เจอใบหน้าของหญิงสาวก็ต้องตกตะลึงไปพร้อมๆกับเพื่อนทั้งสองคน



      “เอ่อ คุณเป็นใครครับ” ประโยคคำถามสั้นๆของรอน ทำให้เฟรินตกใจไปพักว่าเธอมีอะไรแปลกไป แต่เมื่อได้ก้มลงมอง ก็เห็นเนิหน้าอกนูนขึ้น ซึ่งเธอก็เพิ่งนึกขึ้นได้ ว่าในขณะนี้เธอไม่ได้เป็นชายหนุ่มเฟริน เดอเบอโรว์ แต่เป็นเจ้าหญิงเฟลิโอน่า เกรเดเวล ที่ไอ้หนุ่มหัวแดงตรงหน้าไม่เคยรู้จัก



      “เอ่อ ฉันว่าต้องทำความรู้จักกันใหม่เสียแล้วหละ”



      คำกล่าวสารภาพของหญิงสาวในเวลาต่อมา ทำให้ทั้งสามคนที่นั่งฟังอยู่ต้องตกใจในบางครั้งที่เล่าเรื่องแปลกๆออกมา แต่ก็ต้องพยักหน้ายอมรับความเป็นจริงเมื่อได้ฟังเรื่องราวที่แท้จริงทั้งหมด



      “ก็แปลว่าเป็นคนเดียวกัน จิตใจเดียวกัน แต่เพียงโดนสาปแล้วถ้าใส่แหวนจะเป็นเหมือนเดิม และถอดแหวนจะเป็นเฟริน”



      จำตัวพยักหน้าอย่างไม่พอใจกับหญิงสาวที่ถามขึ้นหลังจากเล่าจบ เพราะเรื่องราวเมื่อวานยังฝังใจอยู่



      “แล้วทำไมเธอถึงไม่ถอดแหวนออก”



      คราวนี้คำถามมาจากแฮร์รี่ ไอคนที่เป็นใบ้ในความคิดของเฟริน ดันโพล่งถามขึ้นมา เจ้าคนถูกถามเลยชูมือข้างที่ใส่แหวนแล้วดึงสุดแรง ปรากฎว่ามันก็ยังติดแน่นอยู่เหมือนเดิม...



      “อ๋อ ถอดไม่ออก” เสียงใสแจ๋วโพล่งมาอีกครั้งเหมือนเด็กปัญญาอ่อน ดวงตาสีเขียวด้านหลังแว่นจ้องมองมาที่ เฟริน เหมือนเพิ่งเข้าใจเรื่องราวทั้งหมด



      “ก็เออดิ เรื่องนั้นช่างมันเหอะ แล้วรอน กระดานหมากรุกหละ”



      เฟรินหันไปทวงตามสัญญา แต่ก็หากระดานที่จะเล่นไม่เจอ จึงถามขึ้นมา แต่รอนเหมือนรออยู่แล้วจึงควักกระดานออกมาจากกระเป๋าสะพายใบเดิม มันเหมือนกระดานหมากรุกปกติ แต่ตอนที่มันส่งสาส์นท้ามามันต้องเป็นกระดานพิเศษนี่นา เจ้าคนขี้สงสัยเลยถามพร้อมแววตากวนโอ้ย



      “ไหนหละ กระดานพิเศษที่นายว่า”



      “งั้นลองดูตัวหมากเองละกัน แล้วฉันจะบอกวิธีเล่นให้ ง่ายกว่าของนายอยู่แล้ว”



      ขณะที่พูด รอนก็เปิดกระดานเผยให้เห็นตัวหมากที่เหมือนคนจริงๆ แต่แบ่งออกเป็นสองสี คือสีขาว และ สีดำ



      “แค่ตัวเล่นเหมือนจริงหรอ”



      “จุ๊ๆ เฟลิโอน่า รอดูให้ดีตอนเล่นจะดีกว่านะ” เสียงของเฮอร์ไมโอนี่ทำท่าล้อเลียนเธอ ยิ่งทำให้เธอไม่พอใจเข้าไปใหญ่



      หลังจากนั้นทั้งสองก็ช่วยกันเรียงตัวหมากรุก เฟรินเป็นฝ่ายสีดำ ส่วนรอนเป็นฝ่ายสีขาวพอตั้งเสร็จ ตัวหมากก็เริ่มพูดออกมา



      “เฮ้ย ฉันไม่ไว้ใจนายเลยนะ อย่าให้ฉันโดนกินหละ” เสียงนี้ดังมาจากคิงสีดำ



      “เอ๋ นี่มันหมายความว่ายังไง” คิ้วของหัวขโมยขมวดขึ้นแบบที่ไม่เคยเห็นมาก่อน จ้องหน้าคู่แข่ง



      “หมากมีชีวิตหนะ แต่เวลานายสั่งพวกเขา นายสั่งดีๆนะ ระวังจะโดนทุบแหลก ฮ่าๆๆ”



      เสียงหัวเราะกวนประสาทของพ่อมดนักเล่นหมากรุกเผยออกมา ตอนนี้เฟรินมีทีท่าหวาดกลัวคนตรงหน้าขึ้นมาเล็กน้อย แต่ก็ไม่สามารถแสดงออกมาให้เห็นได้ เพราะเธอจะแพ้ไม่ได้



      “เริ่มกันรึยังหละ”



      คำเปรยนิดๆของหัวขโมยที่นั่งรอคนตรงหน้าให้หัวร่อเสร็จ ทำเอารอนชะงักไปนิดก่อนเปลี่ยนสีหน้าเคร่งขรึม กลายเป็นคนละคน



      “ฉันพร้อมตั้งแต่เมื่อวานแล้วหละ เบี้ยสาม ซีสาม” จบคำพูดตัวเบี้ยสีขาวฝั่งตรงข้ามก็เริ่มเดินขึ้น พร้อมเสียงเบาๆของตัวหมาก แล้วก็มาหยุดนิ่งที่ช่องซีสาม



      นัยน์ตาครุ่นคิดของเฟรินเกิดขึ้น หมากตัวแรกมันใช้แผนอะไรของมัน ก่อนจะตัดระแวงไม่คิดมากเดินตาหมากของตัวเองบ้าง



      “เบี้ยสอง จีห้า” คำสั่งแรกจากเจ้าหญิง เบี้ยตัวที่สองของฝั่งเธอก็ลากเสียงเดินหน้าไปสองช่องก่อนจะหยุดลง



      “หมากรุกพ่อมดมันก็คล้ายๆกับหมากกระดานเกียรติยศของนายนั่นแหละ แต่เพียงไม่มีประฝีมือกันเท่านั่น แต่ทำลายอีกฝ่ายหนึ่งเหมือนกัน... เบี้ยหก เอฟสี่”



      ตัวทหารสีขาวก็เริ่มเดินอีกครั้ง คราวนี้มาอยู่ในแท่นที่ทหารดำพร้อมจะกิน เฟรินไม่รอช้าสั่งเบี้ยของตัวเองทันที



      “เบี้ยสอง เอฟสี่ กินเบี้ย!”



      สิ้นคำสั่งสุดท้าย เบี้ยสีดำเดินไปในตารางก่อนจะยกดาบสีดำทมิฬขึ้น แล้วก็ฟาดลงกลางหน้าของอีกฝ่าย จนตัวเล่นแตกละเอียด ทำเอาคนสั่งทำลายฝ่ายตรงข้ามนิ่งอึ้งไปทันที



      “โห โหดขนาดนี้เลยหรอฟะ” เสียงสตรีตรงหน้าดังขึ้น ทำเอาคนกำลังจะสั่งตัวหมากเดินบ้างอึ้งไปทันที



      “เอ่อ เฟริน ตอนนี้นายเป็นผู้หญิงนะ มันขัดๆก็รู้อยู่”



      “เจื๊อกไรเล่า”



      เสียงตวาดดังลั่นจากฝ่ายหญิง ทำเอาไอ้หนุ่มผมแดงอึ้งไปอีก ก่อนจะตั้งหน้าตั้งตาเดินหมาก ที่ต่างฝ่ายต่างรุกต่างรับจะข้างๆกระดานมีเศษของตัวหมากแตกละเอียดเต็มไปหมด ทั้งสีขาว และสีดำปนๆกันอย่างไม่รู้ว่าฝ่ายไหนโดนทำลายทิ้งไปแล้วมากกว่ากัน เท่าที่รู้ตอนนี้เกมส์กำลังเริ่มเข้าสู่จุดพลิกผัน เมื่อรอนประกาศคำนี้ออกมาเป็นคนแรก



      “ควีน เอฟห้า กำจัดเบี้ย แล้วรุกคิง”



      สิ้นเสียงทำเอาเฟรินกวาดสายตาไปทั่วกระดาน หมากที่เธอคิดว่าจะไม่ให้มันพูดคำนี้ออกมาได้ กลับโดนพลิกสถานการณ์ จากที่เธอกินม้าไปแล้วตัวนึง(แต่รอนกินของเธอไปสองตัว) มันยังทำแบบนี้ได้ ถือว่าฝีมือเฉียบขาด ถึงแม้เธอจะพยายามไม่ยอมรับก็เถอะ



      “บิชอพ เอฟสอง” เธอสั่งอย่างจนใจ หมากในกระดานเธอเหลือตัวเดินน้อยเต็มที นอกจากควีนที่มารุกแล้ว เรือยังล่อเผาก้นคิงเธออยู่อีก แต่เพื่อความอยู่รอด เธอจึงจำใจต้องเสียบิชอพอีกตัวไป แต่ก็ยืดอายุคิงของเธอได้เพียงไม่กี่ตาเท่านั้น ตอนนี้คิงสีดำกำลังจะตกเป็นลูกไก่ในกำมือของเชส มาสเตอร์ ออฟ ฮอกวอตส์ เสียแล้ว



      “บิชอฟซ้าย เอฟสอง กำจัดบิชอพ”



      เสียงประกาศเบาๆแต่มีอำนาจกระแทกใจเฟรินอีกครั้ง ตัวเล่นของเธอตอนนี้มีเพียงเบี้ยตัวน้อยๆไม่กี่ตัว กับเรืออีกตัวที่ขยับยากเสียเหลือเกิน แถมตาเดินของคิงเธอเริ่มจนตรอกเต็มที



      “คิง เอฟสาม”



      เธอพูดอย่างหมดอาลัยตามอยาก ตาเดินของเธอจนเสียแล้ว ไม่ว่ารอนจะขยับเรือหรือควีน คิงของเธอจะโดน - -



      “บิชอพดีห้า เปิดตาเรือ รุกจนแต้ม!”



      สิ่งที่เธอกลัวที่สุดเกิดขึ้น เสียงประกาศของไอคนตรงหน้าทำเอาเธอก้มหน้ายอมพ่ายแพ้เสียโดยดี รอยยิ้มผุดขึเนนิดๆที่มุมปากของรอน ก่อนจะพูดเสียงเบาๆขึ้น



      “เฟริน ฉันเคยเล่นหมากรุกมากับคนหลายคน คนที่เล่นได้สูสีที่สุดคือนายรู้มั้ย”



      คำพูดเสียงหวานไพเราะของรอนทำเอาเธอน้ำตาซึม ก่อนที่จะปาดน้ำตาแล้วเงยหน้าขึ้นด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม



      “รอน นายก็ด้วย นายคือคนแรกที่เล่นชนะฉันโดยไม่ต่อหมาก...” ท้ายประโยคเธอค้อนขวับไปที่หัวหน้าป้อมที่ยืนดูอยู่เงียบมาตั้งนาน ก่อนจะว่าต่อ “คราวนี้ฉันขอทำสิ่งที่ไม่เคยทำมาก่อน



      “นายต่อเรือกะม้าให้ฉันอย่างละตัวทีสิ แล้วมาเล่นกันอีกกระดาน”



      เสียงหัวเราะดังขึ้นทั่วโรงอาหาร ก่อนที่คนเล่นอย่างตั้งใจจะหันไปมองรอบๆตัว เพิ่งจะรู้สึกว่าผู้คนในป้อมอัศวินไม่เว้นแม้แต่เลโมธี ยังมายืนดูอยู่ด้วย ก่อนที่เขาจะลุกขึ้นพลางตบมือก่อนเป็นคนแรก ตามด้วยคนอื่นๆตบตามจนเสียงดังก้องยิ่งกว่าเสียงหัวเราะเมื่อกี้ เป็นเสียงแห่งความพอใจ ที่ทั้งคู่เล่นกันอย่างสุดความสามารถและตั้งใจ จนไม่รู้ว่าพวกเขาเข้ามาตั้งแต่เมื่อไหร่



      เฟรินที่ต้องยืนเอ๋อไปชั่วขณะ ก่อนที่จะลุกขึ้นโค้งคำนับผู้คนรอบๆ พร้อมๆกับรอน เป็นหมากระดานเกียรติยศอีกกระดานหนึ่งเลยทีเดียว ที่ต้องสู่กันอย่างสู่สี และใช้ความสามารถ ที่อาจจะต้องจารึกไว้เป็นหมากประวัติศาสตร์ ทีแสดงความสัมพันธ์ระหว่างโลกวิเศษทั้งสองโลก



      “เอ้าๆ! มัวแต่ยินดีปรีดากันอยู่นั่นแหละ ไหนว่าจะเล่นอีกกระดานไง ฉันรอจนเมื่อยแล้วนะ”



      คิลพูดขึ้นดังๆ แกล้งทำให้คนอื่นได้ยินจนต้อหัวเราะออกมา แล้วทั้งคู่ก็นั่งเล่นกันอย่างจดจ่อต่อไป โยที่แฮร์รี่ และเฮอร์ไมโอนี่นั่งขนาบข้างรอนอยู่ ส่วนฝั่งเฟริน คนที่นั่งด้วยก็มีเพียงคิล ส่วนคาโลนั้น... ไม่อยู่เสียแล้ว



      ‘เจ้านั่นจะไม่มาดูเลยหรือไงนะ’



      เสียงรำพึงในใจของเฟรินดังขึ้น ถ้ามีเขามานั่งข้างๆเธออาจะเล่นได้ดีกว่านี้ก็ได้ หรือไม่ก็อาจจะมาบอกความจริงเพื่อบรรเทาหัวใจที่บอบช้ำจนน้ำใบบัวบกก็เหมือนกับน้ำเปล่าที่ทำอะไรไม่ได้ แค่ชำระคราบคราบที่นองอยู่ในจิตใจเท่านั้นเอง



      “เอ้อ! เฟรินฉันขอถามอะไรเธอหน่อยได้มั้ย”



      เปรี๊ยะ ! เปรี๊ยะ! เสียงร้าวของหัวใจเฟรินเริ่มอาการหนัก เมื่อคนที่ทำให้เธอต้องเป็นแบบนี้กลับทักจะคุยกับเธอโดยตรง



      “ถามมาสิ ไม่เสียหายอะไรนี่”



      เธอพูดปัดๆก่อนที่จะสั่งหมากของตัวเองเดินต่อ



      “เอ่อ เมื่อคืนเธอฝันอะไรแปลกๆมั้ย แบบฝันร้าย หรือว่า ฝันอะไรที่เหมือนจริงมากๆเลย”



      กาวหัวใจเริ่มผสานขึ้นมาเล็กน้อย แต่ก็อดเอะใจไม่ได้ ยายเนี่ยมีลับลมคมในอะไรกับเธออีกกันแน่ แต่ถ้ามีข้อแก้ตัวที่ดีแบบน้ำหอมนั่นหละก็... เธออาจจะยกโทษให้ได้ แล้วคาโลของเธอจะได้ไม่มีตราบาปติดใจเธอตลอดไป



      “ใช่ อย่างที่เธอว่า ทำไมหรอ”



      “อ่า... ฉันขอไปถามมาดามพรอมฟรีย์ก่อนนะ เมื่อวานเขา....”



      พูดไม่ทันจบประโยค เธอก็ลุกขึ้นพร้อมวิ่งแทรกผ่านผู้คน เปิดประตูโรงอาหารออกไปทันที



      “ยายเนี่ยก็เป็นอย่างนี้แหละ เอะอะอะไรไม่ห้องสมุดก็ถามอาจารย์ เรือ อีห้ารุกจนแต้ม”



      เสียงประกาศคำสุดท้ายทำเอาเฟรินเหวอไปพักใหญ่  ก่อนจะมองดูทั่วตัวขุนว่าจนแล้วจริงหรือเปล่า จนเธอต้องยอมศิโรราบ ก้มหน้ายอมแพ้อีกครั้ง



      “ใหม่ๆ คราวนี้นายต่อบิชอพให้ด้วย”



      คำพูดไม่อายปากออกจากคนแพ้รอบที่สอง ก่อนจะเริ่มซ่อมตัวหมากแล้วตั้งกระดานใหม่อีกครั้ง



    ……………………….------------------------------------………………………..



      เฮอร์ไมโอนี่วิ่งกลับมาเหมือนจรวด เธอหอบแฮกๆก่อนจะพูบแบบติดๆขัดๆขึ้น



      “เฟรินฉันรู้แล้ว เป็นแบบที่ฉันคิดจริงๆด้วย”



      เธอพูดผ่านความเงียบของโรงอาหาร แต่ไม่มีใครสนใจเธอ ต่างใช้สายตาทั้งคู่เบิกออกเหมือนจะให้ทะลุออกมาจากเบ้า จ้องมาที่กระดานตรงหน้าเธอ ที่เธอดูเท่าไหร่ก็ดูไม่ออก



      “รอนๆ อะไรหรอ ทำไมต้องเงียบกันด้วยหละ”



      เธอกระซิบที่หูของรอน ก่อนที่จะแตะเรียกที่ลำตัวเขาเบาๆ แต่ก็ไม่ได้รับคำตอบ เธอจึงถองสีข้างเขาจนต้องร้องออกมา



      “โอ้ย! เฮอร์ไมโอนี่ ถ้าเธอชอบอ่าหนังสือมากนักนะ ก็ลองอ่านวิธีการเล่นหมากรุกบ้างจะเป็นไร”



    “แหม ก็มันเกมป่าเถื่อนนี่นา ใครจะ - -” เสียงของเธอโดนสายตารอบข้างปรามไว้โดยอัตโนมัติ นัยน์ตาที่มองมาเหมือนกับนักฆ่าที่หิวกระหาย อยากฆ่าวัวตัวอ้วนตรงหน้า แต่เห็นว่าวัวตัวนี้เน่าควรที่จะฆ่าแล้วหมกป่าไว้เสียมากกว่าจับมากินให้เสียลิ้น



      “เฟรินเขาชนะฉัน นี่แหละที่เขาเงียบกัน”



      เสียงกระซิบจากรอนอีกครั้ง เมื่อเธอได้ยินเธอจึงหันไปมองที่กระดาน คิงสีขาวของรอนถูกรุกจนแต้มแล้วจริงๆ



      “แล้วนายต่อให้เขากี่ตัวกันหละ ไม่ใช่เหลือคิงตัวเดียวนะ” เธอกระซิบถามต่อ



      “ก็ม้าตัว เรือตัว บิชอพตัว เท่านี้เอง” เขาตอบอย่างเสียท่า เท่าที่เขาเคยแข่งมา ไม่เคยแพ้เลย ถึงแม้จะเรือ ควีน เรือและเบี้ยเท่านั้น “ฉันยอมรับ ฉันแพ้นาย”



      คำประกาศที่ไม่กระซิบอีกต่อไป ทำเอาคนในโรงอาหารตะโกนเสียงกึกก้อง พลางตบมือแสดงความยินดีกับผู้ชนะ เฟรินก็ดีใจกับเขา ถึงแม้จะให้คนที่เก่งกว่าจะแพ้โดยต่อหมากให้สามตัว แต่ก็เป็นศักดิ์ศรีที่กู้คืนมาได้ของชาวป้อมอัศวิน จนบางคนถึงกับน้ำตาไหลออกมาด้วยความยินดี



      ........และแล้ว เกมหมากนี้ก็ถูกจารึกไว้แก่ทั้งคู่ ด้วยการแพ้ครั้งแรกของเฟริน และของรอน ทุกคนต่างเดินกลับห้องของตัวเอง ทั้งชาวป้อมและครูอาจารย์ทั้งหลาย จนเหลือแต่เฟริน คิล แฮร์รี่ รอน และเฮอร์ไมโอนี่ ที่อยู่คุยกันเรื่องควิดดิช และฝันของเธอ



      “เฟริน ที่ฉันไปถามมาดามพรอมฟรีย์มานะ เธอบอกว่า ยาที่เอามาจากโลกของฉัน มันมีผลกระทบต่อมักเกิ้ล คือทำให้ฝันร้ายที่เหมือนจริง แต่ผลดีของยาก็คือให้ทุกอย่างกลับคืนสู่สภาพเดิมนะ”



      จบคำสารภาพ(อีกแล้ว)ของเฮอร์ไมโอนี่ ทำเอาเฟรินโล่งอีกรอบ แต่ดวงใจที่ร้าวเล็กๆเรื่องคาโลที่ไม่มาดูเธอแข่งเลยก็ยังคงอยู่



      “อืมๆ ขอบใจเธอมากเลยนะ เฮอร์ไมโอนี่ แต่เอ๊ะ... ทุกอย่างคืนสู่สภาพเดิมหรอ”



      “ใช่ ทำไมหรอ”



      “งั้น... เกี่ยวกับเรื่องที่ฉันกลายเป็นผู้หญิงเหมือนเดิมด้วยรึเปล่าเนี่ย” เฟรินพูดเบาๆแต่ทุกคนได้ยินชัด ไม่พูดว่าอะไร เธอจึงลองถอดแหวนออกอีกครั้ง ปรากฏว่ามันไหลออกมาอย่างง่ายดาย แต่ร่างกายของเธอกลับไม่เป็นผู้ชายเช่นเดิม



      “งั้นก็คงใช่แล้วหละ ฮ่าๆๆ” ทุกคนหัวเราะอย่างสะใจ มีเพียงเฟรินที่ทำหน้าบึ้ง แต่ภายในใจของเธอคิดถึงแต่เพียงเจ้าชายที่เธอรัก และอยากให้เขาเห็นร่างที่เป็นเฟลิโอน่าของเธอ



      ‘คาโล วาเนบลี เจ้าชายสุดที่รักแห่งคาโนวาล’



    -------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

    ติดตามตอนต่อไป....เร็วๆๆๆๆนี้  พอดีว่า....มีเหตุจำเป็นละกัน แล้วๆเร็วๆนี้จะบอกให้รุ้ๆ

              (----) (***) ไอ้แมงกระพรุน

               TTT   TTT
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×