ลำดับตอนที่ #5
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : Is this a dream?
  ก่อนจะเริ่มตอนต่อไป จะขอสารภาพว่า ทึ่ลงตอนนี้ช้า ก็เพราะไปเที่ยวพักผ่อนมา ที่ภูเรือ ภูหินร่องกล้า อากาศดีมากเลย ไงๆก็ขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วย อ่านด้วยความสนุกสนานนะ ตอนหน้าก็...คงแข่งหมากรุกแล้วหละ ถ้าไม่มีไรเปลี่ยนแปลงนะ แหะๆ... *-*
.......................------------------------...........................-----------------------------..............................................----------
  ราตรีอันแสนยาวนานค่อยๆคืบคลานเข้ามาเรื่อยๆ ตะวันชิงพลบดับแสงตนเองลง เคลื่อนคล้อยต่ำลงมา แสงสีส้มสาดส่องไปทั่วสนามหญ้าที่ตอนนี้แปลงสภาพเป็นสนามแข่งกีฬาควิดดิช เสียงเชียร์ดังกึกก้องเนิ่นนานได้หยุดลง เมื่อผู้ชมรอบสนามเห็นผู้คว้าชัยจับลูกสนิชสีทองอร่ามได้ แต่ก็ต้องร้อง โอ้ว! ไปตามๆกันพร้อมปิดหน้าไม่อยากจะแลเห็นภาพน่าสยดสยอง เมื่อลูกบลัดเจอร์ที่วิ่งคู่กับสนิช ย้อนศรกลับมาโดยไม่คาดฝัน ฝาดใส่หน้าผู้เป็นซีกเกอร์เข้าอย่างจัง สลบเหมือดไปแบบไม่ทันตั้งตัว
  ตะวันค่อยๆคล้อยต่ำลงเรื่อยๆ ณ สนามหญ้าแห่งเดิมตอนนี้กลางสนามที่ซีกเกอร์ผู้โชคร้ายได้นอนคว่ำหลังจากโชคร้ายซ้ำสอง ตกลงจากไม้กวาดที่ในขณะนั้นลอยอยู่เหนือพื้นดินเกือบยี่สิบฟุต แต่ก็ได้เบาลงหน่อยเมื่อถูกหญิงสาวจากโลกต่างเสกคาถารองรับไม่ให้กระแทกพื้นอย่างรุนแรง แต่ถึงจะผ่อนแรงไปบ้าง ก็ไม่ช่วยอะไรมากนักเมื่อเธอ(หรือเขาในสายตาของคนจากโลกต่าง ที่ยังไม่รู้อะไร)ดั้งหักไปเสียแล้ว
  จันทรา อันเป็นแสงเดียวในเวลาค่ำคืนที่แสนเยือกเย็น ส่องแสงสว่างจ้าผ่านห้องส่วนตัวของเจ้าหญิงแห่งเดมอส ที่ในขณะนี้ผู้คนต่างรุมดูผู้โชคร้ายในร่างของหัวขโมย กำลังบรรทมอย่างเป็นสุข ในตาหลับพริ้มเต็มไปด้วยจิตใจอันบริสุทธิ์(รึเปล่า) เตียงอันแสนนุ่มสบายยิ่งกว่าที่ไหน ทำให้เสียงอึกทึกต่างๆไม่เป็นผลให้เธอตื่นขึ้นเลย
  พระจันทร์เริ่มดันตัวเองให้สูงขึ้นตามการหมุนตัวของโลก แสงจันทร์สาดสองเหนือหัว ผู้คนต่างหลับสนิทไม่เว้นแม้แต่นกฮูกที่ควรจะออกหากิน ยามค่ำคืนนี่ แสนสงบและเยือกเย็นยิ่งกว่าวันไหนๆ ตามชื่อของวัน ที่แสนจะเป็นที่สุขเหนือคำบรรยายใดๆ บรรยากาศพาหลับเคลิ้มไปตามๆกัน ผู้คนที่ก่อนหน้านี้เคยคุยกันอย่างสนุกสนานเรื่องควิดดิช ที่เพิ่งแข่งขันจบไปเมื่อดวงอาทิตย์ยังมีแรง แต่ในเพลานี้ ผู้คนกลับเข้าสู่ห้วงเวลาอันเป็นนิทรา ที่ยาวนานเหลือเกินสำหรับผู้ที่ตื่น แต่แสนสั้นนักในห้วงนิมิตร ซึ่งเฟลิโอน่า เกรเดเวล เธอก็กำลังอยู่ในห้วงที่แสนสั้นเช่นกัน ด้วยเหตุนี้ ผู้ที่มีเวลาเหลือเฟือเกินผู้ใด ได้ย่างกรายเข้ามาในห้อง ตรงดิ่งเข้ามา ไม่สนใจที่จะหลบผู้คน พร้อมเหยียบเท้าทุกก้าวอย่างใส่ แต่เหตุใดไม่ทราบ คำว่าตื่นไม่มีแก่พวกเขาเสียเลย!
  คนในผ้าคลุมย่างก้าวเข้ามา ดวงหน้าคมกริบ สายตาจ้องมายังชายที่ไม่เกรงกลัวผู้ใด กางแขนขาอ้าซ่า เหมิอนริมฝีปากที่ดูเหมือนว่าถ้ากระทบกันจะต้องมีภัย บุคคลลึกลับจึงย่างก้าวเข้ามาโดยไม่ระแวดระวัง โดยไม่รู้ว่ามีคนๆหนึ่งตื่นอยู่และเห็นกิริยาท่าทางทางของผู้บุกรุกทุกประการ!
  เธอไม่รีรอที่จะจะกระโดดพุ่งตรงเข้าไปหาคนร้าย แต่ก็ต้องหยุดชะงักเมื่อคนๆนั้นกระซิบเบาๆออกมาด้วยเสียงคุ้นหูเป็นที่สุด
  “ชู่ว! อย่าเสียงดังไปสิ เดี๋ยวเขาก็ตื่นพอดีหรอก”
  “เอ่อ คุณมาทำไมคะ” หญิงสาวกระซิบถาม แต่คำตอบที่ได้ก็ไม่ทำให้หายสงสัยเลย
  “ตอนนี้เด็กคนนี้ต้องกินไอนี่ แต่ตอนตื่นมันใช่ไม่ดีเท่าไหร่หรอก เธอไปนอนต่อเถอะ ฉันจัดการเองได้” เธอพูดพลางย่างก้าวเข้าไปใกล้เฟรินขึนเรื่อยๆ แล้วก็เอาสิ่งที่เรียกได้ว่า ‘ยา’ ให้เธอกิน แล้วบุคคลลึกลับก็ดินจากไป โดยที่เฮอร์ไมโอนี่ ไม่คิดที่จะห้าม หรือขัดแย้งสิ่งที่คนๆนั้นทำไปแม้แต่นิดเดียว แต่สิ่งเดียวที่เธอสงสัยก็คือ....
  “เธอมาได้ยังไงกันนะ” แล้วเธอก็ล้มตัวลงนอนที่เก่า ข้างแองจี้และชิดติดกำแพงของเธอ และหลับปุ๋ยลงไปในพริบตา
......................................................................................................................................................................
  ช่วงเช้าที่แสนขมุกขมัวของเอดินเบิร์กเริ่มต้นขึ้น แต่เฟลิโอน่าผู้ตอนนี้กำลังหลับใหลอยู่ ไม่รู้สึกอะไรเลย ราตรีของเธอยังคงไม่สิ้นสุด...
  ขณะนี้รอบข้างเธอไร้วี่แววของเพื่อนๆ แม้กระทั่งคาโล และคิลเพื่อนเกลอ ความว่างเปล่าในจิตใจพลันเกิดขึ้น เมื่อธิดาแห่งความมืดเกิดกลัวความอ้างว้าง และจิตใจที่เหงาหงอยเป็นที่สุด เธอผุดลุกขึ้นนั่ง นัยน์ตาสีน้ำตาลกวาดมองไปทั่วห้องของตนเองที่ดูเหมือนจะแปลกๆไปบ้างก็เถอะ แต่ที่แปลกไปกว่านั้น....
  เรื่องแรก ดูเหมือนกับว่า ดั้งของเธอจะไม่กระทบกระเทือนเลยจากที่โดนลูกบอลบ้านั่นพุ่งตรงเข้าใส่
  และอย่างที่สอง....
  ..‘แหวนที่เธอทำหายไปแล้ว แหวนที่ท่านพ่อให้มา กลับมาอยู่ในนิ้วของเธอ ตอนนี้ เธอเป็นเฟลิโอน่าอีกแล้ว!’
  “เฮ้ย! อะไรกันฟะ ทีเวลาจะใช้หาไม่เจอ” เธอพูดพลางจะถอดมันออก แต่ทว่า มันติดแน่นกับนิ้วของเธอ จนถอดไม่ออกเสียแล้ว!!!!
  ตะวันค่อยๆส่องแสดผงาดขึ้นอีกครั้ง แต่ก็ยังไม่ชูขึ้นเหนือหัวแต่ก็ใกล้เต็มที ส่องแสงแรงกล้ามายังหน้าต่างห้องของเจ้าหญิงที่คืนรูปร่างที่แท้จริงแล้ว ด้วยความไม่พอใจของเจ้าหญิงแห่งเดมอส เวลาหลายชั่วโมงที่ผ่านมา เธอก็ยังทำได้เพียงนั่งแกะแหวนของเธอออก... แต่ทว่าความพยายามก็แพ้การท้อถอยของเธอ เธอจึงจำเป็นต้องออกจากห้องไปทั้งอย่างนี้ เพื่อไปโรงอาหารตามคำเรียกร้องของกระเพาะ
  ก่อนที่เธอจะก้าวเข้าสู่โรงอาหาร เธอก็ได้ยินเสียงกึกก้องอยู่ด้านใน
  “เฮ้ย วันเสาร์แล้วนี่หว่า ได้นอนอืดแบบสบายๆสักที”
  “เมื่อวานเล่นควิดดิชโครตมันเลยหวะ จำตอนนั้นได้มั้ย ที่ฉันทำประตูนั้นหนะ”
  “ก็เป็นลูกเดียวที่นายทำได้ไม่ใช่หรอ”
  “เออ ฉันยอมรับ แต่ไงๆก็ต้องยอมรับในฝีมือของนายหวะ ครี้ด จับลูกสนิชได้เจ๋งเป็นบ้าเลย”
  พอฟังมาถึงตอนนี้ ความประหลาดใจของเฟรินก็ผุดขึ้นมา เหมือนฟองอากาศมากมายที่ลอยขึ้นหลังจากได้รับความร้อน... เธอไม่ใช่หรือ ที่จับลูกสนิชได้ ไม่ใช่เจ้าบ้าครี้ดนั่นสักหน่อย เธอไม่ใช่หรอที่ต้องมาบาดเจ็บ โดนไอ้บอลบ้านั่นชน แถมยังตกจากไม้กวาด แล้วทำไม ความดีความชอบตอนนี้มันเป็นของไอครี้ดมันหละ
  เธอยืนครุ่นคิดอยู่พักหนึ่งที่หน้าประตูโรงอาหาร แต่ก็ถูกขัดจังหวะ เมื่อมีคนเปิดประตูออกมา แต่ไม่ใช่คนที่เธอรู้จัก เธอเลยใช้โอกาสนี้ เดินเข้าไปในโรงอาหาร โดยไม่ต้งเปิดประตูเอง(555+ อาศัยความขี้เกียจ)
  โรงอาหารยังคงอึกทึกไม่เปลี่ยนเมื่อเธอเดินเข้าไป นัยน์ตาสีน้ำตาลกวาดตามองหาเพื่อนทั้งสองคน คิล และ คาโล... อ่า เธอเจอพกวนั้นแล้ว กำลังนั่งอยู่กับพวกนักเรียนใหม่ทั้งสองคน และเท่าที่เธอมองดูแล้ว เฮอร์ไมโอนี่นั่งอยู่กับสามสาวเจ้าของตำแหน่งผู้คุมกฎ(ยกเว้นเธอที่เพิ่งเข้ามา) อตนนี้เธอกำลังคิดว่า ถ้าในร่างผู้หญิงเข้าไปดูยัยเฮอร์ไมโอนี่คงได้รู้เรื่องอะไรเยอะแยะแน่นอน
  ย่างก้าวสั้นๆของเธอเดินผ่านผู้คนทั้งหลายในห้องอาหาร ในใจคิดโกรธแค้นทุกคนที่ดูเหมือนจะไม่สนใจใยดีเธอเลยที่หายดีแล้ว แต่ต้องมาลำบากในร่างของหญิงสาวอ้อนแอ้นแบบนี้ แต่ก็ช่างเถอะ เธอคิด พลางเดินเข้าไปเบียดแทรกนั่งข้างๆเฮอร์ไมโอนี่
  “ไง”
  เสียงของเฟรินดังชัดเจน เธอก็เห็นเพื่อนนักเรียนใหม่ของเธอหันหน้ามาแวบนึง กระทบเข้ากับนัยน์ตาของเธอเข้าอย่างจัง แต่ทว่า ไม่มีทีท่าสนใจแม้แต่น้อย แล้วก็หันไปสนทนากับสามแม่มดของป้อมต่อ
  ‘เอ๊ะ! ยัยนี่มันแกล้งหรือว่าตาบอดจริงๆวะ’ เธอคิดไปพลางเกาหัวไป แล้วความคิดต่อมาก็คือ ‘ฝัน?’
  ความคิดของเธอต้องเป็นที่แน่นอนและแน่แท้แจ่มแจ้งเข้าไปอีก เมื่อเธอลงเดินเข้าไปทักผู้คนหลายๆคน ปรากฎผลออกมาไม่ต่างกันมากนัก คือไม่มีความรู้สึกว่าเธออยู่ที่นั่นด้วยแม้แต่คนเดียว สิ่งเดียวที่น่าจะเป็นไปได้และน่าจะเป็นคือ... ความฝัน
  ความฝันที่ยากนักที่จะตื่น เธอเหมือนโดนกักขังด้วยความแข็งแกร่งจากภายนอกร่างกาย เหมือนโดนแรงดึงดูดกดทับ ความอ่อนล้าย่างกรายเข้ามาเรื่อยๆ เธอจึงลองทำให้ตัวเองตื่นตามหลักทั่วๆไป คือ หยิกแก้มตัวเอง
  “โอ้ย!” เสียงร้องเบาๆออกมา แต่คนรอบข้างไม่มีทีท่าว่าจะได้ยินตามเคย หลังจากที่เธอลองหยิกแก้มของตัวเอง วิธีโบราณเหลือเกิน แต่มันก็ไม่ได้ผล... เธอคิดหนักเรื่องนี้นานเหลือเกิน ก่อนที่จะรู้ว่าเวลาผ่านไปนานมากแล้ว จนกระทั่ง เวลาเที่ยง... เวลาที่เธอควรจะไปประลองกับเจ้าหัวแดง
  หลังจากผู้คนที่ไม่ทราบข่าวเรื่องการแข่งขันหมากกระดานแห่งเกียรติยศ(ที่เป็นการต้อสู้เพื่อไม่ให้เสียหน้าของเจ้าตัวยุ่งเอง)ออกไปจากโรงอาหารที่หนาแน่นกันจนหมดแล้ว เท่าที่เธอเห็นคนที่มุงอยู่ที่โต๊ะ ท่าว่าจะมีแต่ สองเพื่อนร่วมห้องในอดีต สามสาวผู้คุม และไอ้คนจากโลกต่างทั้งสามตัว(คำลงท้ายแสดงความดูถูกของเธอ)
  จากนั้น เธอก็ลองเข้าไปนั่งตรงที่เว้นว่างเอาไว้เพื่อจะแข่งกับรอน แต่ทว่าทุกคนยังแสดงอาการเหมือนเดิมคือ ไม่สามารถมองเห็นตัวเธอได้ เธอก็ไม่สามารถใช้มือสัมผัสกับสิ่งใดได้เลยเช่นกัน...
  เวลาผ่านไปครึ่งชั่วโมง... รอนัลด์ผู้ถูกท้าการแข่งขัน(หรือไงแน่)นั่งรอจนเสียอารมณ์ จึงถามนักฆ่าที่นั่งรอด้วยอารมณ์เช่นเดียวกัน
  “เฮ้! คิลนายรู้มั้ยว่าเฟรินอยู่ไหน นายเป็นคนบอกฉันเองไม่ใช่หรอ ว่านายเป็นคนเอาจดหมายนั่นไปให้กับมือ”
  ผู้ส่งสาส์นจำเป็นของเพื่อนใหม่(หรือเรียกว่านกฮูกจำเป็นดี)พยักหน้าด้วยความมั่นใจก่อนที่จะลุกขึ้นพลางตอบคำถามและอาสาตัวเองว่า...
  “ใช่ ฉันส่งให้มันเองกับมือ แต่เมื่อวานแค่ดั้งหักสลบไป ไม่นึกว่าอาการจะหนักขนาดนี้ เลยไม่ออกมากห้องเลย อาจจะนอนอยู่ก็ได้มั้ง ฉันจะลองไปตามดู”
  ว่าแล้วเจ้าตัวเองก็รีบวิ่งตรงไปยังห้องของเฟริน....
  ดวงอาทิตย์คล้อยขยับเรื่อยๆ แต่ก็เพียงนิดหน่อย เพียงไม่เท่าไหร่นัก เวลาบ่ายก็ย่างกรายเข้ามา พร้อมกับนักฆ่าแห่งซาเรสที่วิ่งเข้ามาที่โรงอาหารอย่างหืดขึ้นคอ
  “แฮ่กๆ คะ คือว่า ฉันไปหามันแล้ว มันนอนอยู่ ฉันก็เลยลอง ปลุกมันอยู่นานพอดู แต่ดูท่าว่าจะไม่ตื่นซะแล้ว หลับเป็น ตายเลยหวะ”
  “งั้นช่างเถอะ เขาอาจะอยากพักผ่อน งั้นพรุ่งนี้เวลาเดิมฉันจะรอที่นี่ นายช่วยบอกเขาด้วยนะ คิล”
  จบคำพูด รอนก็ลุกขึ้นเดินออกไปพร้อมๆกับเพื่อนทั้งสองคน(ที่คนนึงเป็นใบ้ แล้อีกคนนึงก็ฉีดยาสเน่ห์ใส่ตัวเองเหมือนกับไม่รู้) แล้วก็ตามด้วยเด็กปีหกทั้งหมดของป้อมอัศวิน แต่แล้วเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น คาโลลุกพรวดขึ้นมาอย่างรวดเร็วก่อนที่จะกระชากมือของเฮอร์ไมโอนี่ เจ้าของความรู้ท่วมหัวที่ต้องหันหน้ามามองด้วยความโกรธ
  “อะไรหละเนี่ย นาย... เอ่อ คาโล ฉันเจ็บนะ”
  เธอสะบัดมือทิ้งก่อนที่จะหันหน้ามาจ้องนัยน์ตาสีฟ้าอย่างเต็มตา โดยไม่มีท่าทีเกรงกลัวแม้แต่น้อย
  “ฉันขอเวลาซักนิด คุยกับเธอจะได้มั้ย เฮอร์ไมโอนี่”
  เกิดอาการกระอักกระอ่วนเล็กน้อยของหญิงสาว ก่อนหันไปมองเพื่อนทั้งสองคนที่รออยู่ที่ประตูทางออก คนใบ้ที่เพิ่งจะพูดเป็นก็เอ่ยปากก่อนที่จะถูกแย่งบทสำคัญไป
  “เฮอร์ไมโอนี่ เราจะรออยู่ที่... สนามที่เก่านะ ไม่ต้องห่วงพวกเราหรอก ที่นี่ไม่หลงง่ายเหมือนฮอกวอตส์หรอกหน่า”
  “อืม แฮร์รี่ ต้องขอบใจเธอด้วยนะ ฝากบอกศาสตราจารย์มักกอนนากัลป์ด้วยว่า... ฉันมีเรื่องการเรียนจะปรึกษากับเสนาธิการของป้อมอัศวิน”
  แล้วเธอก็โบกมือบ๊ายบายเพื่อนของเธอก่อนที่โรงอาหารจะเหลือผู้คนอยู่เพียงสองคนเท่านั้น(ถ้าไม่นับร่างที่ไม่มีใครเห็นในตอนนี้ของเฟริน)
  “มีอะไร”
  หญิงสาวชิงพูดขึ้นก่อนที่จะเดินช้าๆไปพิงผนังข้างๆประตูที่เพิ่งปิดไป
  “ฉันพึ่งรู้ว่าคนอย่างเธอจะโกหกเป็นกับเขาด้วย”
  เจ้าชายโต้ด้วยน้ำเสียงขรึมๆถึงเรื่องที่เธอฝากเพื่อนของเธอไปบอกกับอาจารย์ของเธอ ซึ่งเธอก็รู้ดีว่าเขาพูดเรื่องอะไรอยู่
  “นี่หรือ คือเรื่องที่เธอจะมาพูดกับฉัน”
  “แล้วถ้าไม่ใช่หละ”
  “....”
  ความเงียบเป็นเพียงคำตอบของเธอ หญิงสาวจ้องหน้าเด็กหนุ่มหน้าตาหล่อเหลา ก่อนที่จะหมดความอดทน เธอเกิดอายขึ้นมาหลบสายตาอันแหลมคมของเขาไป ก่อนที่เจ้าของดวงตาสีฟ้าจะพูดขึ้นต่อ
  “เรื่องที่ฉันจะพูดนี้สำคัญมากเลยนะ เธอตั้งใจฟังดีๆ หันมา แล้วมองตาฉัน”
  หญิงสาวทำตามอย่างว่าง่าย หันมาสบตาของเจ้าชายแห่งคาโนวาลด้วยใบหน้าอันร้อนผ่าว
  “ฉันชอบเธอ”
  นัยน์ตาสีน้ำตาลเบิกกว้าง สิ่งที่เธอกำลังมองอยู่ สิ่งที่เธอกำลังได้ยิน มันเหมือนความจริง เหมือนตอนนี้เธอถอดร่างออกมา เพียงแต่ร่างกายไม่สามารถสัมผัสสิ่งใดได้ แต่เท่าที่เธอรู้สึกและสัมผัสได้ในตอนนี้ ไม่พ้นความรู้สึกของหัวใจที่ปวดร้าว... มันคือความรู้สึกของความเสียใจ ที่แสดงออกมาโดยน้ำตา
  แต่ดวงตาสีน้ำตาลยังต้องมาพบภาพที่มันร้ายแรงกว่านั้น หญิงสาวร่างอ้อนแอ่งข้างหน้าเธอ ถูกชายหนุ่มใช้มือทั้งสองข้างจับกระชับไปที่ต้นแขน ดันหญิงสาวไปติดกำแพงอีกครั้งก่อนจะหลับตาพริ้มพร้อมจะ...จุมพิต
  เพี๊ยะ!! เสียงการสัมผัสระหว่างเนื้อตัวของทั้งสองดังลั่น แต่เป็นการสัมผัสที่รุนแรงระหว่างฝ่ามือของหญิงสาว และใบหน้าของเจ้าชาย(หื่นกาม?)
  “คาโล วาเนบลี! เธอจะทำอะไรฉันหนะ” เธอถามทั้งๆที่รู้อยู่แล้วว่าจะถูกจูบ
  “ฉันรักเธอ เฮอร์ไมโอนี่” คำกล่าวยืนยันของเจ้าชายแห่งคาโนวาล ทำให้หญิงสาวอึ้งก่อนที่จะต่อว่าเขาต่ออีกครั้ง
“นั่นไม่ได้หมายความว่า เธอต้องแสดงความรักที่มีให้ฉันด้วยการจูบนี่นา เธอก็รู้เป็นเป็นผู้หญิงแล้ว - -”
  คำพูดต่อว่าที่ดูเหมือนจะยาวเหยียด โดนริมฝีปากที่อ่อนนุ่มหยุดไว้ด้วยความรู้สึกแผ่วเบา นัยน์ตาของผู้ถูกรุกรานเบิกกว้าง พยายามขัดขืนแต่ก็โดนความแข็งแรงของมือทั้งสองข้างจับเอาไว้อย่างแน่นหนา  ทำให้เธอไม่สามารถดิ้นได้ จนในที่สุด แรงกายของเธอก็ไม่สามารถต่อต้านแรงรักของชายหนุ่มตรงหน้าได้แม้แต่น้อย...
  “ม่ายยยยยยยยยย!!!!!” เจ้าหญิงแห่งเดมอส กรีดร้องออกมาด้วยความรู้สึกปวดร้าว เธออยากให้เสียงแห่งความเจ็บปวดของเธอดังให้ทุกคนได้ยิน ให้เจ้าชายที่เธอรัก รับรู้ว่าเธออยู่ตรงนี้ รับรู้ว่าเธอไม่ต้องการให้มันเป็นแบบนี้
  ความอยากรู้อยากเห็นหมดไป จิตใจที่ถูกฉีกกระชากไปซึ่งหน้าทำหน้าที่กลั่นน้ำตาแห่งความโกรธและเสียใจออกมา ก่อนที่เธอจะรับรู้ถึงตัวเอง ขาของเธอก็ออกวิ่งออกจากห้องอาหาร ทิ้งรอยน้ำตาเอาไว้เบื้องหลัง มุ่งสู้ห้องของเธอ...
  เธอวิ่งมาถึงห้อง ทะลุผ่านผู้คนมากมายที่เดินกันทั่วอย่างมีความสุขทั่วโรงเรียน เห็นร่างที่นอนสงบนิ่ง ใบหน้าของร่างผู้ชายที่ดูเหมือนว่า จมูกจะหายดีแล้ว... ร่างของเธอ เฟริน เดอเบอโรว์
  เธอก้าวเข้ามาใกล้เตียง จ้องมองหน้าของตนเองที่หลับใหลโดยไม่มีที่ท่าว่าจะฟื้น ร่างที่เธออยากกลับไป แล้วลืมความเจ็บปวดที่เพิ่งเกิดขึ้น เธอรู้ว่ามันเป็นความฝัน แต่ทำไมความเจ็บปวดมันสาหัสเหมือนความจริงเสียเหลือเกิน และบางที มันมากกว่าด้วยซ้ำ
  ความคิดๆต่างนานาทับถมมาในสมองเธอ แต่ความอ่อนเพลียก็เข้ามาแทรกแซง ก่อนที่เจ้าหญิงจะหลับไปพร้อมกับคราบน้ำตาแห่งความเศร้าและเสียใจ
.....................................................-------------------------------------------------.......................................................
  แสงตะวันสาดส่องเต็มที่ ในวันที่ชื่อของมันได้ผงาดขึ้น พระอาทิตย์ไม่เกรงกลัวสิ่งใด ปลุกให้ผู้คนตื่นขึ้นในช่วงเช้าที่สดใส... รวมทั้งหญิงสาวที่ตื่นขึ้นพร้อมกับคราบน้ำตาและอาการตกใจ
  เธอลืมตาตื่นขึ้น สำรวจมองร่างของตนเอง กลับพบตัวเองยังเป็นร่างของเฟลิโอน่าอยู่ แหวนที่ถอดไม่ออกเหมือนในความฝัน และคราบน้ำตา
  แล้วเรื่องที่เธอเพิ่งพบเจอมานี่ มันใช่ความฝันแน่หรือ!!!???
 
.......................------------------------...........................-----------------------------..............................................----------
  ราตรีอันแสนยาวนานค่อยๆคืบคลานเข้ามาเรื่อยๆ ตะวันชิงพลบดับแสงตนเองลง เคลื่อนคล้อยต่ำลงมา แสงสีส้มสาดส่องไปทั่วสนามหญ้าที่ตอนนี้แปลงสภาพเป็นสนามแข่งกีฬาควิดดิช เสียงเชียร์ดังกึกก้องเนิ่นนานได้หยุดลง เมื่อผู้ชมรอบสนามเห็นผู้คว้าชัยจับลูกสนิชสีทองอร่ามได้ แต่ก็ต้องร้อง โอ้ว! ไปตามๆกันพร้อมปิดหน้าไม่อยากจะแลเห็นภาพน่าสยดสยอง เมื่อลูกบลัดเจอร์ที่วิ่งคู่กับสนิช ย้อนศรกลับมาโดยไม่คาดฝัน ฝาดใส่หน้าผู้เป็นซีกเกอร์เข้าอย่างจัง สลบเหมือดไปแบบไม่ทันตั้งตัว
  ตะวันค่อยๆคล้อยต่ำลงเรื่อยๆ ณ สนามหญ้าแห่งเดิมตอนนี้กลางสนามที่ซีกเกอร์ผู้โชคร้ายได้นอนคว่ำหลังจากโชคร้ายซ้ำสอง ตกลงจากไม้กวาดที่ในขณะนั้นลอยอยู่เหนือพื้นดินเกือบยี่สิบฟุต แต่ก็ได้เบาลงหน่อยเมื่อถูกหญิงสาวจากโลกต่างเสกคาถารองรับไม่ให้กระแทกพื้นอย่างรุนแรง แต่ถึงจะผ่อนแรงไปบ้าง ก็ไม่ช่วยอะไรมากนักเมื่อเธอ(หรือเขาในสายตาของคนจากโลกต่าง ที่ยังไม่รู้อะไร)ดั้งหักไปเสียแล้ว
  จันทรา อันเป็นแสงเดียวในเวลาค่ำคืนที่แสนเยือกเย็น ส่องแสงสว่างจ้าผ่านห้องส่วนตัวของเจ้าหญิงแห่งเดมอส ที่ในขณะนี้ผู้คนต่างรุมดูผู้โชคร้ายในร่างของหัวขโมย กำลังบรรทมอย่างเป็นสุข ในตาหลับพริ้มเต็มไปด้วยจิตใจอันบริสุทธิ์(รึเปล่า) เตียงอันแสนนุ่มสบายยิ่งกว่าที่ไหน ทำให้เสียงอึกทึกต่างๆไม่เป็นผลให้เธอตื่นขึ้นเลย
  พระจันทร์เริ่มดันตัวเองให้สูงขึ้นตามการหมุนตัวของโลก แสงจันทร์สาดสองเหนือหัว ผู้คนต่างหลับสนิทไม่เว้นแม้แต่นกฮูกที่ควรจะออกหากิน ยามค่ำคืนนี่ แสนสงบและเยือกเย็นยิ่งกว่าวันไหนๆ ตามชื่อของวัน ที่แสนจะเป็นที่สุขเหนือคำบรรยายใดๆ บรรยากาศพาหลับเคลิ้มไปตามๆกัน ผู้คนที่ก่อนหน้านี้เคยคุยกันอย่างสนุกสนานเรื่องควิดดิช ที่เพิ่งแข่งขันจบไปเมื่อดวงอาทิตย์ยังมีแรง แต่ในเพลานี้ ผู้คนกลับเข้าสู่ห้วงเวลาอันเป็นนิทรา ที่ยาวนานเหลือเกินสำหรับผู้ที่ตื่น แต่แสนสั้นนักในห้วงนิมิตร ซึ่งเฟลิโอน่า เกรเดเวล เธอก็กำลังอยู่ในห้วงที่แสนสั้นเช่นกัน ด้วยเหตุนี้ ผู้ที่มีเวลาเหลือเฟือเกินผู้ใด ได้ย่างกรายเข้ามาในห้อง ตรงดิ่งเข้ามา ไม่สนใจที่จะหลบผู้คน พร้อมเหยียบเท้าทุกก้าวอย่างใส่ แต่เหตุใดไม่ทราบ คำว่าตื่นไม่มีแก่พวกเขาเสียเลย!
  คนในผ้าคลุมย่างก้าวเข้ามา ดวงหน้าคมกริบ สายตาจ้องมายังชายที่ไม่เกรงกลัวผู้ใด กางแขนขาอ้าซ่า เหมิอนริมฝีปากที่ดูเหมือนว่าถ้ากระทบกันจะต้องมีภัย บุคคลลึกลับจึงย่างก้าวเข้ามาโดยไม่ระแวดระวัง โดยไม่รู้ว่ามีคนๆหนึ่งตื่นอยู่และเห็นกิริยาท่าทางทางของผู้บุกรุกทุกประการ!
  เธอไม่รีรอที่จะจะกระโดดพุ่งตรงเข้าไปหาคนร้าย แต่ก็ต้องหยุดชะงักเมื่อคนๆนั้นกระซิบเบาๆออกมาด้วยเสียงคุ้นหูเป็นที่สุด
  “ชู่ว! อย่าเสียงดังไปสิ เดี๋ยวเขาก็ตื่นพอดีหรอก”
  “เอ่อ คุณมาทำไมคะ” หญิงสาวกระซิบถาม แต่คำตอบที่ได้ก็ไม่ทำให้หายสงสัยเลย
  “ตอนนี้เด็กคนนี้ต้องกินไอนี่ แต่ตอนตื่นมันใช่ไม่ดีเท่าไหร่หรอก เธอไปนอนต่อเถอะ ฉันจัดการเองได้” เธอพูดพลางย่างก้าวเข้าไปใกล้เฟรินขึนเรื่อยๆ แล้วก็เอาสิ่งที่เรียกได้ว่า ‘ยา’ ให้เธอกิน แล้วบุคคลลึกลับก็ดินจากไป โดยที่เฮอร์ไมโอนี่ ไม่คิดที่จะห้าม หรือขัดแย้งสิ่งที่คนๆนั้นทำไปแม้แต่นิดเดียว แต่สิ่งเดียวที่เธอสงสัยก็คือ....
  “เธอมาได้ยังไงกันนะ” แล้วเธอก็ล้มตัวลงนอนที่เก่า ข้างแองจี้และชิดติดกำแพงของเธอ และหลับปุ๋ยลงไปในพริบตา
......................................................................................................................................................................
  ช่วงเช้าที่แสนขมุกขมัวของเอดินเบิร์กเริ่มต้นขึ้น แต่เฟลิโอน่าผู้ตอนนี้กำลังหลับใหลอยู่ ไม่รู้สึกอะไรเลย ราตรีของเธอยังคงไม่สิ้นสุด...
  ขณะนี้รอบข้างเธอไร้วี่แววของเพื่อนๆ แม้กระทั่งคาโล และคิลเพื่อนเกลอ ความว่างเปล่าในจิตใจพลันเกิดขึ้น เมื่อธิดาแห่งความมืดเกิดกลัวความอ้างว้าง และจิตใจที่เหงาหงอยเป็นที่สุด เธอผุดลุกขึ้นนั่ง นัยน์ตาสีน้ำตาลกวาดมองไปทั่วห้องของตนเองที่ดูเหมือนจะแปลกๆไปบ้างก็เถอะ แต่ที่แปลกไปกว่านั้น....
  เรื่องแรก ดูเหมือนกับว่า ดั้งของเธอจะไม่กระทบกระเทือนเลยจากที่โดนลูกบอลบ้านั่นพุ่งตรงเข้าใส่
  และอย่างที่สอง....
  ..‘แหวนที่เธอทำหายไปแล้ว แหวนที่ท่านพ่อให้มา กลับมาอยู่ในนิ้วของเธอ ตอนนี้ เธอเป็นเฟลิโอน่าอีกแล้ว!’
  “เฮ้ย! อะไรกันฟะ ทีเวลาจะใช้หาไม่เจอ” เธอพูดพลางจะถอดมันออก แต่ทว่า มันติดแน่นกับนิ้วของเธอ จนถอดไม่ออกเสียแล้ว!!!!
  ตะวันค่อยๆส่องแสดผงาดขึ้นอีกครั้ง แต่ก็ยังไม่ชูขึ้นเหนือหัวแต่ก็ใกล้เต็มที ส่องแสงแรงกล้ามายังหน้าต่างห้องของเจ้าหญิงที่คืนรูปร่างที่แท้จริงแล้ว ด้วยความไม่พอใจของเจ้าหญิงแห่งเดมอส เวลาหลายชั่วโมงที่ผ่านมา เธอก็ยังทำได้เพียงนั่งแกะแหวนของเธอออก... แต่ทว่าความพยายามก็แพ้การท้อถอยของเธอ เธอจึงจำเป็นต้องออกจากห้องไปทั้งอย่างนี้ เพื่อไปโรงอาหารตามคำเรียกร้องของกระเพาะ
  ก่อนที่เธอจะก้าวเข้าสู่โรงอาหาร เธอก็ได้ยินเสียงกึกก้องอยู่ด้านใน
  “เฮ้ย วันเสาร์แล้วนี่หว่า ได้นอนอืดแบบสบายๆสักที”
  “เมื่อวานเล่นควิดดิชโครตมันเลยหวะ จำตอนนั้นได้มั้ย ที่ฉันทำประตูนั้นหนะ”
  “ก็เป็นลูกเดียวที่นายทำได้ไม่ใช่หรอ”
  “เออ ฉันยอมรับ แต่ไงๆก็ต้องยอมรับในฝีมือของนายหวะ ครี้ด จับลูกสนิชได้เจ๋งเป็นบ้าเลย”
  พอฟังมาถึงตอนนี้ ความประหลาดใจของเฟรินก็ผุดขึ้นมา เหมือนฟองอากาศมากมายที่ลอยขึ้นหลังจากได้รับความร้อน... เธอไม่ใช่หรือ ที่จับลูกสนิชได้ ไม่ใช่เจ้าบ้าครี้ดนั่นสักหน่อย เธอไม่ใช่หรอที่ต้องมาบาดเจ็บ โดนไอ้บอลบ้านั่นชน แถมยังตกจากไม้กวาด แล้วทำไม ความดีความชอบตอนนี้มันเป็นของไอครี้ดมันหละ
  เธอยืนครุ่นคิดอยู่พักหนึ่งที่หน้าประตูโรงอาหาร แต่ก็ถูกขัดจังหวะ เมื่อมีคนเปิดประตูออกมา แต่ไม่ใช่คนที่เธอรู้จัก เธอเลยใช้โอกาสนี้ เดินเข้าไปในโรงอาหาร โดยไม่ต้งเปิดประตูเอง(555+ อาศัยความขี้เกียจ)
  โรงอาหารยังคงอึกทึกไม่เปลี่ยนเมื่อเธอเดินเข้าไป นัยน์ตาสีน้ำตาลกวาดตามองหาเพื่อนทั้งสองคน คิล และ คาโล... อ่า เธอเจอพกวนั้นแล้ว กำลังนั่งอยู่กับพวกนักเรียนใหม่ทั้งสองคน และเท่าที่เธอมองดูแล้ว เฮอร์ไมโอนี่นั่งอยู่กับสามสาวเจ้าของตำแหน่งผู้คุมกฎ(ยกเว้นเธอที่เพิ่งเข้ามา) อตนนี้เธอกำลังคิดว่า ถ้าในร่างผู้หญิงเข้าไปดูยัยเฮอร์ไมโอนี่คงได้รู้เรื่องอะไรเยอะแยะแน่นอน
  ย่างก้าวสั้นๆของเธอเดินผ่านผู้คนทั้งหลายในห้องอาหาร ในใจคิดโกรธแค้นทุกคนที่ดูเหมือนจะไม่สนใจใยดีเธอเลยที่หายดีแล้ว แต่ต้องมาลำบากในร่างของหญิงสาวอ้อนแอ้นแบบนี้ แต่ก็ช่างเถอะ เธอคิด พลางเดินเข้าไปเบียดแทรกนั่งข้างๆเฮอร์ไมโอนี่
  “ไง”
  เสียงของเฟรินดังชัดเจน เธอก็เห็นเพื่อนนักเรียนใหม่ของเธอหันหน้ามาแวบนึง กระทบเข้ากับนัยน์ตาของเธอเข้าอย่างจัง แต่ทว่า ไม่มีทีท่าสนใจแม้แต่น้อย แล้วก็หันไปสนทนากับสามแม่มดของป้อมต่อ
  ‘เอ๊ะ! ยัยนี่มันแกล้งหรือว่าตาบอดจริงๆวะ’ เธอคิดไปพลางเกาหัวไป แล้วความคิดต่อมาก็คือ ‘ฝัน?’
  ความคิดของเธอต้องเป็นที่แน่นอนและแน่แท้แจ่มแจ้งเข้าไปอีก เมื่อเธอลงเดินเข้าไปทักผู้คนหลายๆคน ปรากฎผลออกมาไม่ต่างกันมากนัก คือไม่มีความรู้สึกว่าเธออยู่ที่นั่นด้วยแม้แต่คนเดียว สิ่งเดียวที่น่าจะเป็นไปได้และน่าจะเป็นคือ... ความฝัน
  ความฝันที่ยากนักที่จะตื่น เธอเหมือนโดนกักขังด้วยความแข็งแกร่งจากภายนอกร่างกาย เหมือนโดนแรงดึงดูดกดทับ ความอ่อนล้าย่างกรายเข้ามาเรื่อยๆ เธอจึงลองทำให้ตัวเองตื่นตามหลักทั่วๆไป คือ หยิกแก้มตัวเอง
  “โอ้ย!” เสียงร้องเบาๆออกมา แต่คนรอบข้างไม่มีทีท่าว่าจะได้ยินตามเคย หลังจากที่เธอลองหยิกแก้มของตัวเอง วิธีโบราณเหลือเกิน แต่มันก็ไม่ได้ผล... เธอคิดหนักเรื่องนี้นานเหลือเกิน ก่อนที่จะรู้ว่าเวลาผ่านไปนานมากแล้ว จนกระทั่ง เวลาเที่ยง... เวลาที่เธอควรจะไปประลองกับเจ้าหัวแดง
  หลังจากผู้คนที่ไม่ทราบข่าวเรื่องการแข่งขันหมากกระดานแห่งเกียรติยศ(ที่เป็นการต้อสู้เพื่อไม่ให้เสียหน้าของเจ้าตัวยุ่งเอง)ออกไปจากโรงอาหารที่หนาแน่นกันจนหมดแล้ว เท่าที่เธอเห็นคนที่มุงอยู่ที่โต๊ะ ท่าว่าจะมีแต่ สองเพื่อนร่วมห้องในอดีต สามสาวผู้คุม และไอ้คนจากโลกต่างทั้งสามตัว(คำลงท้ายแสดงความดูถูกของเธอ)
  จากนั้น เธอก็ลองเข้าไปนั่งตรงที่เว้นว่างเอาไว้เพื่อจะแข่งกับรอน แต่ทว่าทุกคนยังแสดงอาการเหมือนเดิมคือ ไม่สามารถมองเห็นตัวเธอได้ เธอก็ไม่สามารถใช้มือสัมผัสกับสิ่งใดได้เลยเช่นกัน...
  เวลาผ่านไปครึ่งชั่วโมง... รอนัลด์ผู้ถูกท้าการแข่งขัน(หรือไงแน่)นั่งรอจนเสียอารมณ์ จึงถามนักฆ่าที่นั่งรอด้วยอารมณ์เช่นเดียวกัน
  “เฮ้! คิลนายรู้มั้ยว่าเฟรินอยู่ไหน นายเป็นคนบอกฉันเองไม่ใช่หรอ ว่านายเป็นคนเอาจดหมายนั่นไปให้กับมือ”
  ผู้ส่งสาส์นจำเป็นของเพื่อนใหม่(หรือเรียกว่านกฮูกจำเป็นดี)พยักหน้าด้วยความมั่นใจก่อนที่จะลุกขึ้นพลางตอบคำถามและอาสาตัวเองว่า...
  “ใช่ ฉันส่งให้มันเองกับมือ แต่เมื่อวานแค่ดั้งหักสลบไป ไม่นึกว่าอาการจะหนักขนาดนี้ เลยไม่ออกมากห้องเลย อาจจะนอนอยู่ก็ได้มั้ง ฉันจะลองไปตามดู”
  ว่าแล้วเจ้าตัวเองก็รีบวิ่งตรงไปยังห้องของเฟริน....
  ดวงอาทิตย์คล้อยขยับเรื่อยๆ แต่ก็เพียงนิดหน่อย เพียงไม่เท่าไหร่นัก เวลาบ่ายก็ย่างกรายเข้ามา พร้อมกับนักฆ่าแห่งซาเรสที่วิ่งเข้ามาที่โรงอาหารอย่างหืดขึ้นคอ
  “แฮ่กๆ คะ คือว่า ฉันไปหามันแล้ว มันนอนอยู่ ฉันก็เลยลอง ปลุกมันอยู่นานพอดู แต่ดูท่าว่าจะไม่ตื่นซะแล้ว หลับเป็น ตายเลยหวะ”
  “งั้นช่างเถอะ เขาอาจะอยากพักผ่อน งั้นพรุ่งนี้เวลาเดิมฉันจะรอที่นี่ นายช่วยบอกเขาด้วยนะ คิล”
  จบคำพูด รอนก็ลุกขึ้นเดินออกไปพร้อมๆกับเพื่อนทั้งสองคน(ที่คนนึงเป็นใบ้ แล้อีกคนนึงก็ฉีดยาสเน่ห์ใส่ตัวเองเหมือนกับไม่รู้) แล้วก็ตามด้วยเด็กปีหกทั้งหมดของป้อมอัศวิน แต่แล้วเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น คาโลลุกพรวดขึ้นมาอย่างรวดเร็วก่อนที่จะกระชากมือของเฮอร์ไมโอนี่ เจ้าของความรู้ท่วมหัวที่ต้องหันหน้ามามองด้วยความโกรธ
  “อะไรหละเนี่ย นาย... เอ่อ คาโล ฉันเจ็บนะ”
  เธอสะบัดมือทิ้งก่อนที่จะหันหน้ามาจ้องนัยน์ตาสีฟ้าอย่างเต็มตา โดยไม่มีท่าทีเกรงกลัวแม้แต่น้อย
  “ฉันขอเวลาซักนิด คุยกับเธอจะได้มั้ย เฮอร์ไมโอนี่”
  เกิดอาการกระอักกระอ่วนเล็กน้อยของหญิงสาว ก่อนหันไปมองเพื่อนทั้งสองคนที่รออยู่ที่ประตูทางออก คนใบ้ที่เพิ่งจะพูดเป็นก็เอ่ยปากก่อนที่จะถูกแย่งบทสำคัญไป
  “เฮอร์ไมโอนี่ เราจะรออยู่ที่... สนามที่เก่านะ ไม่ต้องห่วงพวกเราหรอก ที่นี่ไม่หลงง่ายเหมือนฮอกวอตส์หรอกหน่า”
  “อืม แฮร์รี่ ต้องขอบใจเธอด้วยนะ ฝากบอกศาสตราจารย์มักกอนนากัลป์ด้วยว่า... ฉันมีเรื่องการเรียนจะปรึกษากับเสนาธิการของป้อมอัศวิน”
  แล้วเธอก็โบกมือบ๊ายบายเพื่อนของเธอก่อนที่โรงอาหารจะเหลือผู้คนอยู่เพียงสองคนเท่านั้น(ถ้าไม่นับร่างที่ไม่มีใครเห็นในตอนนี้ของเฟริน)
  “มีอะไร”
  หญิงสาวชิงพูดขึ้นก่อนที่จะเดินช้าๆไปพิงผนังข้างๆประตูที่เพิ่งปิดไป
  “ฉันพึ่งรู้ว่าคนอย่างเธอจะโกหกเป็นกับเขาด้วย”
  เจ้าชายโต้ด้วยน้ำเสียงขรึมๆถึงเรื่องที่เธอฝากเพื่อนของเธอไปบอกกับอาจารย์ของเธอ ซึ่งเธอก็รู้ดีว่าเขาพูดเรื่องอะไรอยู่
  “นี่หรือ คือเรื่องที่เธอจะมาพูดกับฉัน”
  “แล้วถ้าไม่ใช่หละ”
  “....”
  ความเงียบเป็นเพียงคำตอบของเธอ หญิงสาวจ้องหน้าเด็กหนุ่มหน้าตาหล่อเหลา ก่อนที่จะหมดความอดทน เธอเกิดอายขึ้นมาหลบสายตาอันแหลมคมของเขาไป ก่อนที่เจ้าของดวงตาสีฟ้าจะพูดขึ้นต่อ
  “เรื่องที่ฉันจะพูดนี้สำคัญมากเลยนะ เธอตั้งใจฟังดีๆ หันมา แล้วมองตาฉัน”
  หญิงสาวทำตามอย่างว่าง่าย หันมาสบตาของเจ้าชายแห่งคาโนวาลด้วยใบหน้าอันร้อนผ่าว
  “ฉันชอบเธอ”
  นัยน์ตาสีน้ำตาลเบิกกว้าง สิ่งที่เธอกำลังมองอยู่ สิ่งที่เธอกำลังได้ยิน มันเหมือนความจริง เหมือนตอนนี้เธอถอดร่างออกมา เพียงแต่ร่างกายไม่สามารถสัมผัสสิ่งใดได้ แต่เท่าที่เธอรู้สึกและสัมผัสได้ในตอนนี้ ไม่พ้นความรู้สึกของหัวใจที่ปวดร้าว... มันคือความรู้สึกของความเสียใจ ที่แสดงออกมาโดยน้ำตา
  แต่ดวงตาสีน้ำตาลยังต้องมาพบภาพที่มันร้ายแรงกว่านั้น หญิงสาวร่างอ้อนแอ่งข้างหน้าเธอ ถูกชายหนุ่มใช้มือทั้งสองข้างจับกระชับไปที่ต้นแขน ดันหญิงสาวไปติดกำแพงอีกครั้งก่อนจะหลับตาพริ้มพร้อมจะ...จุมพิต
  เพี๊ยะ!! เสียงการสัมผัสระหว่างเนื้อตัวของทั้งสองดังลั่น แต่เป็นการสัมผัสที่รุนแรงระหว่างฝ่ามือของหญิงสาว และใบหน้าของเจ้าชาย(หื่นกาม?)
  “คาโล วาเนบลี! เธอจะทำอะไรฉันหนะ” เธอถามทั้งๆที่รู้อยู่แล้วว่าจะถูกจูบ
  “ฉันรักเธอ เฮอร์ไมโอนี่” คำกล่าวยืนยันของเจ้าชายแห่งคาโนวาล ทำให้หญิงสาวอึ้งก่อนที่จะต่อว่าเขาต่ออีกครั้ง
“นั่นไม่ได้หมายความว่า เธอต้องแสดงความรักที่มีให้ฉันด้วยการจูบนี่นา เธอก็รู้เป็นเป็นผู้หญิงแล้ว - -”
  คำพูดต่อว่าที่ดูเหมือนจะยาวเหยียด โดนริมฝีปากที่อ่อนนุ่มหยุดไว้ด้วยความรู้สึกแผ่วเบา นัยน์ตาของผู้ถูกรุกรานเบิกกว้าง พยายามขัดขืนแต่ก็โดนความแข็งแรงของมือทั้งสองข้างจับเอาไว้อย่างแน่นหนา  ทำให้เธอไม่สามารถดิ้นได้ จนในที่สุด แรงกายของเธอก็ไม่สามารถต่อต้านแรงรักของชายหนุ่มตรงหน้าได้แม้แต่น้อย...
  “ม่ายยยยยยยยยย!!!!!” เจ้าหญิงแห่งเดมอส กรีดร้องออกมาด้วยความรู้สึกปวดร้าว เธออยากให้เสียงแห่งความเจ็บปวดของเธอดังให้ทุกคนได้ยิน ให้เจ้าชายที่เธอรัก รับรู้ว่าเธออยู่ตรงนี้ รับรู้ว่าเธอไม่ต้องการให้มันเป็นแบบนี้
  ความอยากรู้อยากเห็นหมดไป จิตใจที่ถูกฉีกกระชากไปซึ่งหน้าทำหน้าที่กลั่นน้ำตาแห่งความโกรธและเสียใจออกมา ก่อนที่เธอจะรับรู้ถึงตัวเอง ขาของเธอก็ออกวิ่งออกจากห้องอาหาร ทิ้งรอยน้ำตาเอาไว้เบื้องหลัง มุ่งสู้ห้องของเธอ...
  เธอวิ่งมาถึงห้อง ทะลุผ่านผู้คนมากมายที่เดินกันทั่วอย่างมีความสุขทั่วโรงเรียน เห็นร่างที่นอนสงบนิ่ง ใบหน้าของร่างผู้ชายที่ดูเหมือนว่า จมูกจะหายดีแล้ว... ร่างของเธอ เฟริน เดอเบอโรว์
  เธอก้าวเข้ามาใกล้เตียง จ้องมองหน้าของตนเองที่หลับใหลโดยไม่มีที่ท่าว่าจะฟื้น ร่างที่เธออยากกลับไป แล้วลืมความเจ็บปวดที่เพิ่งเกิดขึ้น เธอรู้ว่ามันเป็นความฝัน แต่ทำไมความเจ็บปวดมันสาหัสเหมือนความจริงเสียเหลือเกิน และบางที มันมากกว่าด้วยซ้ำ
  ความคิดๆต่างนานาทับถมมาในสมองเธอ แต่ความอ่อนเพลียก็เข้ามาแทรกแซง ก่อนที่เจ้าหญิงจะหลับไปพร้อมกับคราบน้ำตาแห่งความเศร้าและเสียใจ
.....................................................-------------------------------------------------.......................................................
  แสงตะวันสาดส่องเต็มที่ ในวันที่ชื่อของมันได้ผงาดขึ้น พระอาทิตย์ไม่เกรงกลัวสิ่งใด ปลุกให้ผู้คนตื่นขึ้นในช่วงเช้าที่สดใส... รวมทั้งหญิงสาวที่ตื่นขึ้นพร้อมกับคราบน้ำตาและอาการตกใจ
  เธอลืมตาตื่นขึ้น สำรวจมองร่างของตนเอง กลับพบตัวเองยังเป็นร่างของเฟลิโอน่าอยู่ แหวนที่ถอดไม่ออกเหมือนในความฝัน และคราบน้ำตา
  แล้วเรื่องที่เธอเพิ่งพบเจอมานี่ มันใช่ความฝันแน่หรือ!!!???
 
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น