ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    (ฟิคหัวขโมยแห่งบารามอส) ภาค ผู้มาเยือนผู้พลิกผันชีวิต

    ลำดับตอนที่ #4 : ควิดดิช

    • อัปเดตล่าสุด 20 ต.ค. 48


      “หวัดดีทุกคน หลังจากที่เรารู้ว่าจะมาทำความรู้จักกันอีกรอบหนึ่ง ฉันจึงเอาของบางอย่างที่ฉันพกมาจากโลกนู่นด้วย”



      หลังจบคำพูดของเด็กชายผมแดงนามรอนัลด์ วีสลีย์ เขาก็ควานหาสิ่งของจากกระเป๋าที่สะพายมา ที่ดูเหมือนว่าจะมีอะไรเด้งชนกระเป๋าเขาให้มันปูดออกมา และแม้จะดูฝุ่นเขรอะไปบ้าง แต่ก็ไม่มีใครสนใจเรื่องนั้น ตอนนี้ทุกคนกำลังสนใจสิ่งที่หนุ่มอารมณ์ดีคนนี้หยิบออกมาได้จากเป้ของเขาต่างหาก (และดูเหมือนมือของเขาก็ช้ำนิดๆด้วยพอล้วงออกมา)



      “แต่น แตน แต้น!! นี่ก็คือ ขนมในโลกของฉัน ขอนำเสนอ ขนมที่มีมายาวนานของโลกพ่อมดแม่มดของเรา เยลลี่เม็ดทุกรสของเบอตี้บอตต์”



      จบคำพูดทุกคนก็ตกตะลึงไปตามๆกัน ว่าขนมของโลกต่างนั้น มันจะมีอะไรแปลกพิศดาลไปกว่าเยลลี่เม็ดทุกรสที่มีวางขายในตลาดกลางเมือง



      “เท่าที่ทุกคนเห็นนี้ ก็คงคิดว่ามันเป็นเยลลี่ปกติธรรมดาทั่วไป แต่นี่ก็ง่ายๆของเรา ลองดูเอง”



      หลังพูดเสร็จ นายหัวแดง(ฉายาที่เฟรินตั้งให้ในใจเขา เพราะว่าเขารู้สึกรำคาญสีผมที่เจิดจ้า และทิ่มตาเขาเหลือเกิน)ก็ยื่นถุงขนมออกมา แต่ไม่มีใครกล้ายื่นมือเข้าไปเลยแม้แต่คนเดียว แต่แล้ว เหตุการณ์ก็กลับตาลปัตรหลังจากที่เขาพูดประโยคนั้นออกมา



      “เฟริน นายลองกินดูสิ ถ้านายกล้าท้าฉัน นายก็คงกล้ากินเยลลี่นี้นะ ไม่เอานา ฉันไม่ใส่ยาพิษลงไปร๊อก”



      ‘เฮือก ไอ้บ้าหัวแดงนี่จงใจทำร้ายเราก่อนแข่งนี่หว่า เอาไงเอากันฟะ เดี๋ยวมันจะหาว่าเราปอด’



      จิตใต้สำนึกเล็กของเธอคิดหวาดกลัวขึ้นมา แต่ไอ้การกลัวเสียหน้าก็เป็นฝ่ายชนะ ก่อนที่เขาจะลุกขึ้นแล้วยื่นมือออกไปหยิบขนมในถึงนั้นออกมาเม็ดหนึ่ง... เธอได้สีเหลือง ที่ดูเหมือนจะมีสีขาวแซมนิดๆ หลังจากนั้นเธอก็หยิบเข้าปากไป โดยที่คิดว่าคงไม่มีอะไรไปมากกว่ารสมะนาว หรืออะไรทำนองนั้น แต่เธอก็ต้องคิดผิด เมื่อรสของมันไม่ใช่มะนาว แต่มัน...



      “เป็นรสอะไรกันฟะ เฮ้ย ไอหัวแดง แกให้ฉันกินอะไร”



      “เยลลี่ เท่าที่ฉันดูนะ สีมันเหลืองๆใช่มะ นายรู้สึกว่ามันขมๆนิดๆมั้ยหละ”



      เฟรินไม่เถียงเขา เธอพยักหน้า แล้วเสียงหัวเราะก็เกิดขึ้นจากทั้งสามคน ตั้งแต่เฮอร์ไมโอนี่ ยันเด็กหัวดำใส่แว่นที่ตอนนี้ดูเหมือนจะขำยิ่งกว่าใครเพื่อน



      “แล้วมันรสอะไร ถ้าไม่ใช่มะนาว แล้วไอแว่น นายหยุดหัวเราะได้แล้ว”



      แล้วเธอก็ต้องอับอายยิ่งขึ้น เมื่อรู้คำตอบ ที่เธอต้องสำลัก



      “รสขี้หู ฉันรู้ เพราะฉันเคยเห็นอาจารย์ใหญ่ของฉันกินเมื่อหลายปีก่อน แล้วเขาบอกฉัน”



      คำตอบนี้ออกมาจากแฮร์รี่ ไอหัวดำที่เฟรินมันเรียกนั่นหละ พอพูดจบไม่ทันไร  เขาก็หัวเราะต่อ แต่ก็ถูกถองจากเฮอร์ไมโอนี่ให้หยุดหัวเราะ เธอยังยิ้มอยู่นิดๆ แล้วก็ลุกขึ้นอธิบายเรื่องขนมเยลลี่ที่เฟรินได้กินไป



      “คือว่า... เยลลี่เม็ดทุกรสของเบอตี้บอตต์หน่ะนะ ที่เขาบอกว่า ‘เม็ดทุกรส’ เขาก็หมายความว่าทุกรสจริงๆ ถ้าพวกคุณลองกินดู บางทีคุณก็จะได้รสธรรมดาอย่างเปปเปอร์มิ้นท์ สตรอเบอร์รี่ หรือรสส้ม แต่ก็จะได้รสอื่นๆอย่าง รสขี้หู ที่เธอกินไปเมื่อกี้ จนกระทั่งรสผัดเนื้อหรืออะไรต่างๆด้วย”



      หลังเธออธิบายจบ ทุกคนในห้องก็เฮฮากันทันที แล้วก็รีบแย่งกันลองชิมเยลลี่ จนในเวลาไม่นานขนมในถุงที่ตอนนี้วางอยู่บนโต๊ะที่ประชุม กลายเป็นถุงเปล่าในชั่วพริบตา



      “ขอบคุณทุกท่านที่อุดหนุนขนมของเรา และขอแสดงความเสียใจอย่างยิ่งสำหรับบางท่าน ที่ได้รสขี้สารพัด อย่างที่เฟรินได้ลองมาแล้ว” เสียงพูดของรอนดังขึ้นอีกครั้ง ตามด้วยเสียงหัวเราะอีกครั้ง ตอนนี้เขากำลังยิ้มอย่างอารมณ์ดีเป็นที่สุด เขาพูดพลางเอามือล้วงเข้าไปในเป้อีกครั้ง แล้วเอาอะไรบางอย่างออกมาที่ดูเหมือนกับ... กล่องเล็กๆ



      “ตอนนี้ มันยังใช้การไม่ได้หรอก ถ้ามันยังเล็กอยู่อย่างนี้ เราจะทำให้มันใหญ่ขึ้น พวกท่านคงทำไม่ได้ เพราะเรารู้มาว่า วิชาเวทมนต์ของเรากับท่านต่างกัน ของท่านเป็นเวทมนต์ในการรบ ส่วนของเรา วิชาเวทมนต์จะใช้ในการอำนวยความสะดวก... เฮอร์ไมโอนี่”



      “อืม ได้เลย” แล้วเธอก็ลุกขึ้นยืน เอาสิ่งของที่อยู่ในมือของเพื่อนชายมาวางไว้ตรงหน้าก่อนควักเอาสิ่งของที่เรียกว่า ‘ไม้กายสิทธิ์’ มาสะบัดโบก เฟรนที่อยู่ข้างๆได้ยินเธอพึมพำ “”



      แล้วสิ่งของนั้นก็ใหญ่ขึ้น จนดูเหมือนขนาดปกติ มันเหมือนกับกล่องใส่สมบัติ แต่ก็ได้เห็นสิ่งของที่อยู่ข้างใน เมื่อเธอเปิดล๊อกขึ้นมาอีกที...



      ข้างในเป็นลูกกลมๆที่ดูเหมือนลูกบอกอยู่ ลูกที่อยู่ตรงกลางสีแดงมีขนาดใหญ่ที่สุด ส่วนสองลูกที่ประกบข้างๆ มันกำลังสั่นกระตุกอย่างรุนแรง แต่ดูเหมือนว่ามีโซ่ล่ามอยู่ ทำให้มันไม่สามารถดิ้นหลุดจนกระเด็นออกมาได้ แล้วอีกลูกหนึ่ง เป็นลูกเล็กๆเท่าลูกนัต แต่เป็นสีทอง มันกางปีกออก เมื่อเฮอร์ไมโอนี่หยิบมันออกมา แล้วมันก็บินไปรอบๆห้องด้วยความรวดเร็ว มีเสียงน่ารำคาญเบาๆเมื่อมันบินผ่านหัวไป



      “นี่คืออุปกรณ์กีฬาในโลกของเรา”



      เสียงประกาศก้อง ทำให้ผู้คนทั่วทั้งห้องตกตะลึง ลูกกลมๆมากมายใช้เล่นกีฬาเพียงอย่างเดียว มันจะเวอร์เกินไปหรือเปล่า แต่ก็ต้องยอมรับ เมื่อได้ฟังคำอธิบายเกี่ยวกับกีฬานั้น กีฬาที่เรียกว่า...



      “…ควิดดิช เป็นกีฬาที่พ่อมดแม่มดในโลกของเราฮิตเป็นอย่างมาก ลูกสีแดงๆที่พวกเธอเห็นกันอยู่ ก็คือ ลูกควัฟเฟิล เป็นลูกที่เอาไว้ทำแต้ม”



      เธอพูดค้างไว้ แล้วหันไปคว้ากระเป๋าของรอนมา แล้วล้วงเอาสิ่งที่เหมือนแผนที่สามมิติ แต่มันมีห่วงสามห่วงอยู่แต่ละข้างของสนาม แต่มันเล็กจนเธอต้องเอาไม้กายสิทธิ์ของเธอเสกให้มันใหญ่ขึ้น ต่อจากนั้นเธอก็ชี้ไปที่ห่วงที่ห่วง และเริ่มพูดต่อ



      “ผู้เล่นที่เรียกว่า เชสเซอร์ จะแย่งลูกควัฟเฟิลกัน เพื่อนำไปโยนใส่ห่วงทั้งสามของฝ่ายตรงข้าม จะได้ครั้งละสิบแต้ม แต่ก็จะมีตัวเล่นที่เรียกว่า คีปเปอร์ คอยป้องกันประตูอีกด้วย”



      แล้วเธอก็หยุดพูดลงอีกครั้ง แล้วก็หยิบของในเป้มาอีก มันมีลักษณะเป็นคน ที่นั่งอยู่บนไม้กวาด เธอจับมาวางทั้งหมดสี่ตัว แล้วก็โบกไม้กายสิทธิ์ในมือเธอ แล้วมันก็มีชีวิตขึ้นมา แล้วก็โยนลูกเล็กๆไปๆมาๆตามที่เธอเล่าไว้ แล้วพวกมันก็โยนเข้าห่วงไป



      ต่อจากนั้น เธอก็เรียกทุกคนให้หันไปดูที่หีบใส่ลูกบอลอีกครั้ง แล้วชี้ไปที่ลูกที่สั่นกระตุกแรงๆทั้งสองลูก แล้เริ่มพูดต่อ



      “ลูกบลัดเจอร์ เป็นลูกบอลอันตราย ที่จะคอยวิ่งชนผู้เล่นให้ตกจากไม้กวาด ไม่ว่าจะเป็นผู้เล่นฝ่ายใดก็ตาม แล้วทั้งสองฝ่าย จะมี บีตเตอร์- -” เธอพูดพลางเอาลูกบอลเล็กๆสองลูกที่ดิ้นในมือเธอ (ตอนนี้ก็คงร็แล้วว่า ไอที่ดิ้นในเป้ตอนนั้นคืออะไร) และตุ๊กตาจำลองที่เธอต้องเสกให้มีชีวิต แล้วปล่อยลงในสนามจำลอง “- - คอยตีลูกบลัดเจอร์ไปทางฝ่ายตรงข้าม และปกป้องจากฝ่ายตนเองด้วย”



      “แล้วไอลูกสีทองๆที่บินหนวกหูอยู่นี่มันอะไรหละ” เฟรินบ่นอย่างน่ารำคาญ โดยไม่ใส่ใจจะลดระดับเสียงลงเลย ก็เลยโดนตวัดแวดจากเฮอร์ไมโอนี่



      “นี่เฟริน นายรอก่อนจะได้มั้ย เรื่องนี่ฉันจะให้ซีกเกอร์คนเก่งของเราเล่าเอง”



      เธอพูดจบ แล้วนั่งลง คนที่ยืนขึ้นแทนคือไอแว่นผมดำที่นั่งยิ้มเล็กยิ้มน้อยอยู่ตั้งนานแล้ว แล้วก็พูดขึ้น



      “หวัดดีครับ ผมชื่อ แฮร์รี่... แฮร์รี่ พอตเตอร์ครับ คือผมเป็นซีกเกอร์ของทีมประจำบ้าน ซีกเกอร์จะคอยจับลูกสีทองๆนี่ ที่เรียกว่า โกลเด้นสนิช เมื่อฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งจับลูกสนิชได้ จะได้แต้มหนึ่งร้อยหาสิบ แล้วเกมจะจบลงทันที ฝ่ายใดมีแต้มมากกว่า ก็จะชนะ”



      จบคำอธิบายอันยาวนานของทั้งสองคนลง ไม่มีใครหลับลงเหมือนตอนเรียนกับอาจารย์เจ้าชายชามัลเลย แต่เป็นอาการนิ่งอึ้งแทน เกิดอาการกระตือรือร้นอยากเล่นขึ้นมาทันที



      “แล้วพวกเราจะได้เล่นมั้ย”



      คำถามนี้มากจากเจ้าหญิงมาทิลด้า แห่งอมเซอน เธอลุกขึ้นจ้องหน้าคนทั้งสามคน ด้วยอาการอยากเล่นถึงที่สุด สายตาที่จ้องมาบอกกับพวกเขาว่า ถ้าฉันไม่ได้เล่น ฉันจะเอามีดปาดคอเธอทีละคนๆ



      “ดะ ได้แน่นอนจ๊ะ” เสียงตอบรับของหญิงสาวจากฮอกวอตส์ตอบมาทันที แล้วก็ลุกขึ้นพูด “กีฬานี้ยังต้องใช้อุปกรณ์อีกอย่างคือ ไม้กวาด ที่จะเอาไว้ขี่บินกัน เรานำมาแล้ว ถ้าพวกเธออย่างเล่นกันตอนนี้ พาพวกเราไปที่สนามหน่อยจะได้มั้ย พวกเขาจะได้สอนพวกเธอขี่ไม้กวาดก่อน” เธอว่า แล้วชี้นิ้วไปที่เพื่อนชายทั้งสองคน “พวกเขาเป็นนักกีฬาของบ้านเราน่ะ”



      แล้วโร หัวหน้าป้อมก็ลุกขึ้น พลางบอกให้พวกเขาเดินตามกันมา เฮอร์ไมโอนี่จัดแจงกับอุปกรณ์สาธิตของเธอ ก่อนเดินตามพวกเขาไป



    ...............................................................................................................................................................................



      สนามหญ้าลานกว้างของป้อมอัศวิน ที่ส่วนใหญ่เอาไว้นั่งเล่นนอนเล่นหลังเลิกเรียน ตอนนี้ ก็ถูกนักเรียนปีหกยึดเอาเสียดื้อๆ โดยอ้างเหตุผลที่ว่า จะมีการซ้อมกีฬากระชับมิตรระหว่างเพื่อนใหม่ ทำให้เกิดความไม่พอใจไปตามๆกัน แต่ถึงกระนั้นก็เถอะ ไอ้พวกไม่พอใจก็ต้องมายืนบื้อดูพวกปีหกเล่นอะไรแปลกๆอยู่ดี ทำเอาตาค้างกันเป็นแถบๆ ซึ่งตอนนี้มีเสาที่คล้ายๆที่เป่าลูกโป่งปักอยู่สามอันทั้งสองข้างสนาม แล้วก็กลุ่มนักเรียนปีหกที่กำลังเล่นตลกอยู่กับไม้กวาด



      “ขออภัยสำหรับทุกคนที่เรามีไม้กวาดไม่ได้มาตรฐานมากนัก แต่ก็พอจะใช้ในการแข่งได้ แต่คอมเม็ตสองร้อยหกสิบนี่ก็แพงใช้เล่นนา” ประโยคหลังเฮอร์ไมโอนี่พึมพำเบาๆแต่ก็เหมือนจงใจให้คนอื่นได้ยิน “ก่อนอื่น ทุกคนเดินเข้ามายืนที่ด้านขวาของไม้กวาด แล้วใช้มือซ้ายเรียกมันขึ้นมา ตะโกนคำว่า ‘อัพ’”



      จบประโยค เธอก็ทำให้คนอื่นดู แต่เธอก็ทำได้แค่ให้มันกลิ้งไปกลิ้งมากับพื้นเท่านั้นเอง จนแฮร์รี่ที่ขำกลิ้งอยู่ข้างหลังกับรอนต้องเดินออกมาช่วย ตะโกนคำว่า ‘อัพ’ แล้วไม้กวาดก็พุ่งเข้าใส่มือของเขาทันที ทำเอาเฮอร์ไมโอนี่เสียหน้า แต่เธอก็แก้ตัวได้ทันควัน



      “ช่วยไม่ได้นี่แฮร์รี่ รอน ฉันไม่ได้เป็นนักกีฬาประจำบ้านแบบพวกเธอสักหน่อย” เธอพูดพลางกระแอมไอนิดๆ ก่อนที่จะตะโกนบอกคนอื่นให้ลองทำดูบ้าง... แต่ดูเหมือนมันจะเกิดการผิดพลาดอย่างร้ายแรง เพราะทุกคนทำไม่ได้



      “เอ่อ ฉันก็อธิบายสาเหตุนี้ไม่ได้เหมือนกันนะ แต่ก็ช่างเถอะ ทุกคนหยิบไม้กวาดขึ้นมานะ แล้วยืนคร่อมมัน พอฉันสั่งให้ให้ถีบเท้า พวกก็ทำตามแล้วมันจะลอยมานิดๆนะ พอลอยขึ้นสักพัก ให้พวกเธอเอนตัวมาข้างหน้าแล้วลงสู่พื้นหละ เอ้า ไปเลย!”



      จบคำอธิบายอันยาวเหยียดของเธอีกครั้ง เธอก็สั่งให้ทุกคนลองลอยขึ้น แต่เธอก็ไม่เสียหน้าเหมือนคราวก่อน เธอสามารถบินขึ้นได้อย่างสวยงาม เหมือนแฮร์รี่และรอนเพื่อนของเธอที่อยู่ด้านหลัง



      หลังจากที่เฟรินทุกคนได้ยินคำสั่งให้บินขึ้นไปได้แล้ว เธอก็ทำตาม ลองถีบเท้าขึ้นดู.... แล้วเธอก็ลอยขึ้นมาได้ มันง่ายกว่าที่เธอคิดไว้เสียอีก



      ‘ไงหละ ในเมื่อคนอื่นทำได้ ฉันก็ทำได้ ฮ่าๆๆ’



      แล้วเธอก็เหลือบไปมองคนอื่นๆด้านล่าง เพราะตอนนี้เธอลอยขึ้นมาในระดับเดียวกับเฮอร์ไมโอนี่แล้ว บางคนก็ลอยขึ้นมาได้เหมือนเธอ แต่บางคนถีบเท่าไหร่ก็ไม่ขึ้นมา คนพวกนี้รวมไปถึง คิลด้วย



      “เฮ้ย! ทำไมฉันทำไม่ได้ฟะ” เสียงเอะอะโวยวายของนักฆ่าแห่งซาเรสดังขึ้น พลางกระโดดโหยงๆ แต่ไม่ว่าจะทำยังไง เขาก็ลอยขึ้นมาไม่ได้  “มันไม่ยุติธรรมนี่หว่า”



      “สมน้ำหน้าหวะ ไอนักฆ่ากิ๊กก๊อก” เสียงเย้ยหยันของเพื่อนซี้ ที่ดันมาหักหลังตอนอับจน ทำเอาคิลเสียหน้าไปทันที ตอนนี้ เธอสามารถบินได้คล่องแล้ว เธอก็บินไปยอดปราสาทและสามารถวนกลับมาได้อย่างง่ายดาย ซึ่งบางคนอย่างแองจี้ หรือคาโล(ที่บินแซงเธอไปได้ทุกที) ก็บินเก่งไม่แพ้กัน



      “นี่ พวกเราลงมากันได้แล้วนะ อยากเล่นกันแบบเป็นทีมมั้ยหละ” เสียงของเฮอร์ไมโอนี่ดังขึ้นอีกครั้ง เธอตะโกนมาจากบนไม้กวาดของเธอ ทุกคนที่ได้ยินคำถาม ก็พยักหน้ากันทุกคน “งั้น จับเป็นทีมนะ ทีมละเจ็ดคน แล้วให้พวกเธอแบ่งตำแหน่งที่ฉันเคยอธิบายไปนะ แต่สำหรับคนที่บินไม่ได้ ก็ขอแสดงความเสียใจด้วยละกัน”



      เวลาผ่านไปประมาณสิบนาที เฟรินก็จับทีมได้แล้ว เท่าที่เธอดู คนที่บินไม่ได้ก็มี สองสามคน รวมทั้งคิลด้วย ทีมของเธอจึงมี เธอ คาโล เรนอน มาทิลด้า แองจี้ กัส และครี้ด แล้วเธอก็ได้เป็นตำแหน่งที่เธอต้องการ คือ ซีกเกอร์ แล้วอีกทีม จำนวนคนไม่ครบ จึงต้องใส แฮร์รี่ และรอนเข้าไปด้วย ส่วนเฮอร์ไมโอนี่ เธอบอกว่า จะเป็นกรรมการให้



      หลังจากที่ตกลงกติกา และอธิบายเรื่องต่างๆโดยแฮร์รี่เรียบร้อยแล้ว จึงมีการวางแผนภายในทีมเล็กน้อย คาโล มันเป็นคีปเปอร์ ส่วน สามสาวก็เป็นเชสเซอร์ ส่วนครี้ด และ กัสก็เป็นบีตเตอร์ แล้วก็พูดเรื่องคร่าวๆ เพราะฝ่ายเราเสียเปรียบอย่างเห็นได้ชัด เพราะว่าคนเคยเล่นมาก่อนไม่มีเลย



      “ไม่ปัญหาอะไรกันใช่มั้ย งั้นเริ่มเกมได้” กรรมการจำเป็นเป่านกหวีดแล้วโยนลูกควัฟเฟิลออกมา แสงสลัวๆของตอนเย็นๆทำให้มองเห็นลุกไม่ชัดนัก แต่ด้วยความอยากเล่นของทุกคน ทำให้จำเป็นต้องเล่นไปก่อน ต่อจากลูกควัฟเฟิล ลูกบลัดเจอร์ก็พุ่งออกมาทั้งสองลูก พยายามวิ่งเข้าชนผู้เล่นทุกคนอย่างบ้าคลั่งตามที่เฮอร์ไมโอนี่เคยบอกไว้ไม่ผิด



      หลังจากที่ดูทางเกมในเวลาแรกๆแล้ว เฟรินก็หันมาทำหน้าที่ของตนเอง คนที่เธอจะต้องแข่งด้วยก็คือ เจ้าชายอาชูร่า (ที่แฮร์รี่ไม่เป็นซีกเกอร์ เพราะว่า ‘ถ้าเขาเป็น ไม่ทันที่เฟรินจะกระพริบตาด้วยซ้ำ แฮร์รี่ก็จับลูกสนิชได้แล้ว’ นี่เป็นความเห็นของรอน) ตอนนนี้เฟรินรู้สึกว่า ลูกสนิชได้ปล่อยออกมาแล้ว เพราะเสียงน่ารำคาญเริ่มรบกวนโสตประสาทของเธออีกครั้ง ไม่ทันที่เธอจะจ้องมองหาลูกสนิช เสียงประกาศจากเฮอรืไมโอนี่ก็ดังขึ้น



      “ทีมของแฮร์รี่ได้สิบแต้มแล้ว จากการทำต้มของแฮร์รี่”



      เฟรินบ่นอุบอิบนิดๆ ‘ก็มันเคยเล่นมาก่อน จะไม่ให้ทำแต้มได้ไงหละ’ แล้วเธอก็ใช้สายตาค้นหาลูกสนิชอีกครั้ง ในใจก็เริ่มพึมพำต่อ ‘หัวขโมยมือไวอย่างฉัน ถ้าแพ้เจ้าชายอย่างมัน เป็นอันจบ โดนไล่ออกจากการเป็นขโมยพอดี ได้กลับไปเป็นเจ้าหญิงเตี๋ยมเตี้ยมของเดมอสแน่’



      เฟี้ยว! เสียงของลูกบลัดเจอร์โฉบผ่านหัวของเธอไปอย่างหวุดหวิด ในเมื่อมัวแต่คิดอะไรแล้วมองหาลูกสนิชอย่างเดียว เธอก็เลยไม่ได้ทันระวังลูกบลัดเจอร์ แล้วเสียงจากภายนอกก็ดังเข้าหูเธออีกครั้ง



      “ทีมของแฮร์รี่ทำลูกได้อีกแล้วคะ ตอนนี้นำอยู่ สามสิบ ต่อ สิบ คะ”



      แต่เธอไม่สนใจ เพราะถ้าเธอจับลูกสนิชได้ ชัยชนะก็เป็นของเธอ



      เฟี้ยว! ลูกบลัดเจอร์ผ่านหัวของเธอไปอีกครั้ง หลังจากที่มันผ่านไปเธอก็เห็นลูกกลมๆทองๆวิ่งควบคู่ไปกับบลัดเจอร์ เธอเห็นดังนั้นจึงไล่ตามไปทันทีด้วยแววตาสีน้ำตาลกำลังแววโรจน์ เพราะอาชูร่ากำลังมองไปทางอื่นไม่ทันสังเกตเห็นลูกสนิชนี้



      ตอนนี้เธอกำลังไล่ตามมันไปติดๆ อีกประมาณสามถึงสี่ฟุตเท่านั้น เธอก็จะจับมันได้แล้ว แต่ไม้กวาดของเธอบังคับยากยิ่ง ไม่ได้ดั่งใจเลยแม้แต่นิด แต่เธอก็พยายามอยู่ ลูกบลัดเจอร์มันยังไม่หันไปทางอื่น วิ่งควบคู่ไปกับลูกสนิช เหมือนกำลังเล่นซ่อนหา



      “แกหนีฉันไปไม่พ้นหรอกหน่า ไอ้ลูกนัตบินได้” เฟรินพูดออกมาอย่างรำคาญใจ แต่ก็กำลังหันไม้กวาดไปอย่างสุดแรง แล้วเธอก็จับมันได้ มือที่ถือลูกสนิชแห่งชัยชนะชูขึ้นอย่างผงาด ปีกของลูกสนิชกระพือแผ่วๆก่อนจะหยุดไป แต่แล้วเหตุการณ์ณ์ที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น...!



      ลูกบลัดเจอร์เปลี่ยทิศทางอย่างกระทันหัน พุ่งตรงมาที่ไปหน้าของผู้ถือลูกสนิชแห่งชัยชนะ ตอนนี้มันใกล้มากแล้ว เธอหลบไม่ทันแน่ แล้วความรู้สึกสุดท้ายของเธอก่อนที่จะสลบไปก็คือ... มันกระแทกเข้าใส่หน้าเธออย่างจัง!



      





    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×