ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    (ฟิคหัวขโมยแห่งบารามอส) ภาค ผู้มาเยือนผู้พลิกผันชีวิต

    ลำดับตอนที่ #2 : เพื่อนใหม่...เป็นเหตุ

    • อัปเดตล่าสุด 18 ต.ค. 48


      ไม่นานหลังจากนั้น...พวกนักเรียนแลกเปลี่ยน ที่รู้จักกันดีในนามนักเรียนของสถาบันเวทมนต์ฮอกวอตส์ ที่มาจากโลกต่าง ก็ได้มาทำความรู้จักภายในห้องรับประทานอาหารของป้อม โดยแนะนำตัวเองที่ละคน ด้วยเหตุใดคาโลเองก็ไม่ทราบ เสียงของแต่ละคนดังก้องเหมือนใช้ไมโครโฟนพร้อมเครื่องขยายเสียง



      “สวัสดี ชาวเอเดนเบิร์กทุกท่าน หรืออีกนัยหนึ่งชาวป้อมอัศวิน ฉันชื่อว่า มิเนอว่า มักกอนนากัล แต่กรุณาเรียกฉันว่า ศาสตราจารย์มักกอนนากัลเถอะ”



      เสียงดังประกาศก้องของหญิงชราวัยปลายชีวิต ไม่อ่อนลงตามสภาพของตนเองเลย แต่ถึงกระนั้นก็เถอะ ดูถ้าเธอจะกล่าวยืดยาวนานเหมือนอายุขัยของเธอเลยทีเดียว



      “ด้วยเหตุที่วันหนึ่ง อาจารย์ใหญ่ของเรา ศาสตราจารย์ดัมเบิลดอร์ได้พบกับผู้วิเศษเลโมธีโดยบังเอิญ ขณะที่ออกเดินทางไปรอบโลก เจอท่านอาจารย์ใหญ่ของพวกเธอ นอนสลบอยู่ จึงช่วยมาแล้วทำความรู้จัก หาที่มา และความเป็นไปของท่าน จากนั้นอาจารย์ใหญ่ของพวกเราก็ส่งท่านเลโมธีกลับมา แล้วก็เริ่มติดต่อแรกข่าวสารกันตั้งแต่นั้นมา - -”

      

      เธอหยุดพัก ถอนหายใจครั้งนึง แล้วเริ่มพูดต่อด้วยน้ำเสียงสดใสขึ้นกว่าเดิม



      “- -ตั้งแต่วันนั้น กระทั่งจนวันนี้ ความสัมพันธ์ของทั้งสองคน ก็พัฒนาจนกลายเป็นความสัมพันธ์ระหว่างโรงเรียน มานานมากกว่ายี่สิบปี แต่ก็ถูกเก็บเป็นความลับ โดยที่ข่าวสารที่รับรู้มาบางอย่าง ก็ได้แทรกซึมมาเล็กน้อย และอาจจะเบาบางจนเราก็ไม่เคยรู้เช่นกัน”



      เธอหยุดพักหายใจอีกครั้ง มองไปรอบๆห้องอันกว้างใหญ่ แล้วเริ่มพูดต่ออีกครั้ง....



      “เท่าที่เราทราบมา วิชาที่บางวิชาที่มีเวทมนต์เข้ามาเกี่ยวข้อง เราก็ได้ให้ความรู้ในเทคนิคบางอย่างมาให้พวกท่านได้เรียนรู้เช่นกัน เราก็ได้ความรู้มาจากพวกท่านด้วย



      “แต่มาในปีนี้ เรามีปัญหาที่ต้องแก้ไข....โรงเรียนของเรามีความบกพร่องในด้านการเรียนรู้ และรวมถึงเพื่อผูกสัมพันธ์ของทั้งสองสถาบันให้มากขึ้น จึงส่งทูตทั้งหมดทั้งสิ้นสิบหกคน เป็นอาจารย์ประจำบ้านสี่ และนักเรียนส่งไปแต่ละบ้านหลังละสามคน ที่มายังป้อมอัศวินแห่งนี้ ก็มีสามคนด้วยกัน ให้พวกเขาแนะนำตัวเองละกัน”



      แล้วเธอก็พูดจบ (“จบซักที” เสียงหนึ่งดังมาจากฝูงชนที่นั่งเรียงรายกันอยู่ “ฉันเกือบจะหลับปะ- -”.............โป้ก! ปรากฎเสียงๆหนึ่งคล้ายกับเอาไม้ตะบองที่ไหนฟาดกับหัวของคน แล้วจากนั้นเสียงต่างๆก็เงียบไป) แล้วเธอก็เดินไปด้านหลังนักเรียนโรงเรียนฮอกวอตส์ทั้งสามคน เด็กผู้หญิงผมสีน้ำตาลพึมพำโดยใช้ไม้บางอย่างชี้ไปที่ลำคอของเด็กผู้ชายผมดำอีกคนหนึ่ง จากนั้นเขาก็ก้าวออกมาข้างหน้าพร้อมพูดออกมา เสียงดังกึกก้องไม่ต่างไปจากหญิงชราผู้เป็นอาจารย์



      “เอ่อ...สวัสดีครับ ผมแฮร์รี่ เจมส์ พอตเตอร์ เรียกสั้นๆว่าแฮร์รี่ก็ได้ครับ....”



      จากนั้นเขาก็ทำท่าจะก้าวถอยหลังไป แต่ถูกเด็กผู้หญิงคนนั้นห้ามไว้ แล้วพึมพำอะไรบางอย่างกับเขา แล้วดันเขาไปข้างหน้าอีกครั้ง



      “เอ่อ...ตอนนี้ผมเรียนรู้ชั้นปีที่หกของโรงเรียนฮอกวอตส์ครับ วิชาที่ผมชอบที่นั่นคือ วิชาป้องกันตัวจากศาสตร์มืด ซึ่งเป็นวิชาที่สอนวิชาการต่อสู้โดยคาถาเพื่อป้องกันอันตรายจากพวกชั่วร้ายครับ ที่พวกเราเรียกว่า ‘ผู้เสพความตาย’ ซึ่งเราจะใช้คาถานั้นกับพวกนี้ และพวกสัตว์วิเศษต่างๆ และรวมไปถึง โวลเดอมอร์ - -”



      ชื่อของคนๆนี้ที่ในโลกของพวกเขาอาจจะทำให้ชาวพ่อมดแม่มดหลายๆคนที่ได้ยินตกใจ หวาดผวา หรือส่งเสียงอุทานดังลั่นออกมาได้ แต่ดูท่าว่าที่แห่งนี้จะมีเพียงแค่สองคนเท่านั้นที่แสดงอาการประมาณนั้น คือ เด็กผู้ชายผมสีแดง และหญิงชราผู้เป็นอาจารย์ของพวกเขา แต่ก็สังเกตอาการพวกนั้นได้น้อยเต็มที อาจจะชินแล้วก็ได้มั้ง



      “- - แต่ถึงอย่างไร เราก็สามารถปัดเป่าปัญหาเรื่องของจอมมารผู้ชั่วร้ายได้แล้ว ด้วยความช่วยเหลือของปราญช์เลโมธีของพวกท่านนั่นเอง ผมขอเป็นตัวแทนขอบคุณท่านปราชญ์ และเพื่อนๆพี่ๆที่ไปให้ความช่วยเหลือด้วยครับ”



      แล้วเขาก็ก้มหัวอย่างนอบน้อม พอเงยหน้าขึ้นมาผมที่เคยยาวจนบังหน้าผากก็พลิกกลับไปด้านหลัง จนเผยให้เห็นแผลเป็นรูปสายฟ้า เหนือแว่นตาของเขา แต่ก็แว๊บเดียวเท่านั้น ก่อนที่หลังจากนั้นผมสีดำมันวาวที่ถึงแม้จะยุ่งเหยิงไปบ้างก็ปิดลงไปตามเดิม



      แล้วเด็กผู้ชายนามว่าแฮร์รี่ พอตเตอร์ก็ได้ขยับเท่าก้าวถอยหลังไปหนึ่งก้าว แล้วเด็กผู้หญิงที่น่าจะชื่อเฮอรืไมโอนี่ก็พึมพำอะไรบางอย่างพร้อมชี้ไม้ไปที่ลำคอของเขา แล้วก็ชี้มาที่ตนเอง ต่อจากนั้นเธอก็หลับตาเหมือนกับทำสมาธิ และคิดอะไรบางอย่าง แล้วก็ย่างเท้าก้าวออกมา



      .............กลับเข้ามาในหมู่ผู้ฟัง เจ้าหัวขโมยแห่งบารามอส เฟริน เดอเบอโรว์... กำลังใช้สมองคิดอย่างหนัก ถึงเรื่องราวโดยบังเอิญที่เกิดขึ้น และพรั่งพรูเข้ามาในหัวของเธอมากมายในขณะนี้



      ‘เอาไงดีวะ ดีนะที่เรื่องพวกนี้ไอ้คาโลมันไม่รู้ ถ้ามันรู้มาก่อนแล้วไม่บอกฉันน่ะ หึ ไม่ปล่อยแกไว้แน่... แต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะ ไอ้คนที่ฉันอุตส่าห์เล็งไว้แล้วแต่แรก มันดันมาคิดแบบเดียวกันน่ะสิ น่าอัดมันนัก มันคิดยังไงน่ะ แต่ก่อนไม่เคยคิดพิศวาสผู้หญิง แล้วเกิดคิดไรขึ้นมาหล่ะ ไม่อยากให้ฉันเป็นสะใภ้ของคาโนวาลแล้วหรือไงฟะ’



      หลังจากที่เฟลิโอน่า เกรเดเวลในคราบหัวขโมยในตอนนี้ นึกคิดวิตกกังวลอยู่ เธอก็ไม่สามารถบังคับตัวเองได้ ที่จะไม่หันไปมองไอ้เจ้าของนัยน์ตาสีฟ้าข้างๆ และหลังจากที่หันไปพร้อมกับความไม่ตั้งใจ...ก็พบกับ - -



      คาโล วาเนบลี เจ้าชายคนสำคัญแห่งคาโนวาล กำลังยิ้มเล็กยิ้มน้อยอยู่เหมือนครั้งที่แล้ว แต่มาครั้งนี้ ดูเหมือนกับว่า มันจะเป็นยิ้มใหญยิ้มมากกว่าเดิมเสียอีก! ที่มากไปกว่านั้น มันกำลังทำท่าเคลิ้มอย่างหนัก ที่ถึงแม้ช้างทั้งโขลงของเจ้าชายแอเรียสบุกทำลายกำแพงเข้ามา มันก็ยังจะนั่งอยู่อย่างนั้น!



      ‘วะ คราวนี้ก็อยู่ที่ใครดีใครได้หล่ะฟะ’



      แล้วไอ้ตัวยุ่งอย่างเจ้าเฟริน ก็หันกลับมาพอดีกับที่ หญิงสาวในฝันของเขา(และไอ้คาโลด้วย)กำลังจะแนะนำตัวหน้าโรงอาหารมังกรไฟของป้อมอัศวิน ด้วยเสียงไพเราะยิ่งทำให้เขาและไอ้คนข้างๆเข้าสู่ห้วงแห่งความฝัน



      “สวัสดีคะทุกท่าน หนูชื่อว่าเฮอร์ไมโอนี่ เกรนเจอร์ตอนนี้เป็นนักเรียนปีที่หกของสถาบันเวทมนต์ฮอกวอตส์คะ วิชาที่ชอบ คือทุกวิชาคะ...เหะๆ”



      ‘นอกจากน่ารัก แล้วยังไม่รังเกียจการเรียนด้วย งั้นเราก็คงต้องสอนให้เขาเรียนดีๆแบบเราบ้างดีกว่าน่ะ สอนด้วยใจ...’ เป็นเสียงนึกคิดของใครที่ไหนเป็นไม่ได้ นอกจากเจ้าของนัยน์ตาสีน้ำตาล แต่มีพระเจ้าเท่าน้นที่รู้ ว่าไอ้คนดวงตาสีฟ้าก็คิดแบบเดียวกันไม่ผิดเพี้ยน....



      “ทันทีที่หนูทราบว่า จะต้องมาศึกษาที่โรงเรียนแห่งนี้ โรงเรียนพระราชา และได้รับหนังสือทฤษฎีการศึกษาวิชาต่างๆของที่นี่ ก็เห็นว่า มีวิชาการเรียนที่มากมายและแตกต่างไปจากพวกเรามากเลยทีเดียว ที่โรงเรียนของเรา มีการศึกษาแต่วิชาเวทมนต์ การปรุงยา และอะไรมากมายที่เกี่ยวกับโลกของพ่อมดและแม่มดเท่านั้น แต่โรงเรียนพระราชาแห่งนี้ มีไปจนถึงวิชาการประลองดาบ - - พวกเราพยายามเข้ากับพวกคุณให้ได้ และจะพยายามไม่เป็นตัวเกะกะคะ ขอบคุณมากคะ”



      หลังจากจบคำแนะนำตัว ที่ยาวเหยียดเล็กน้อย ไม่เหมือนเด็กผู้ชายที่ชื่อแฮร์รี่ที่เงียบสนิท หรือไม่ก็มีเสียงพึมพำกระซิบกระซาบ แต่เธอคนนี้ หญิงสาวนามเฮอร์ไมโอนี่ มีเสียงปรบมือดังกึกก้อง พร้อมเสียงหวีดร้อง ท่าทางการตอบรับของหญิงสาวก็มีมารยาทเหมือนหน้าตาที่สละสลวย เธอก้มหัวและยิ้มให้อย่างเป็นมิตร แล้วก้าวถอยหลังแล้วทำเหมือนที่เธอทำกับเด็กชายผมสำน้ำตาล คือใช้ไม้ที่ถืออยู่ในมือเสกเข้าที่คอของตนเอง แล้วก็พึมพำกับเด็กชายข้างๆ……



      …….หนึ่งในสี่ผู้คุมกฎอย่างทายาทปีศาจแห่งเดมอส หรืออีกนัยหนึ่งธิดาแห่งความมืด ก็ร่วมปรบมืออย่างร่าเริง แต่ก็ต้องหยุดชะงัก เมื่อเผลอบังเอิญหันไปเห็นที่นั่งว่างเปล่าของว่าที่คิงแห่งคาโนวาล แต่ก็ต้องแปลกใจหนักเข้าไปอีก เมื่อเห็นเจ้าของที่ว่างเปล่ายืนตบมือพร้อมผิวปาก หน้าตาไม่มีเค้าเจ้าชายคนเดิมเลยแม้แต่น้อย



      ‘ไอ้คาโลมันชักจะบ้าไปแล้วแน่เลยหว่ะ จบงานนี้ต้องหายาให้มันกินซะแล้ว’



      คิดจบไม่ทันไร ไอ้เจ้าตัวอยุ่งที่คิดตำหนิเขา ก็ลุกขึ้นทำบ้าง อาจจะคิดว่า ไอ้คาโลผู้เงียบขรึมมันยังทำได้ แล้วอย่างไอ้เฟรินตัวยุ่งมันจะนั่งเฉยๆได้ไง!



      ......ไม่นานหลังจากนั้น เสียงปรบมือก็ค่อยๆซาลง กลายเป็นความเงียบขึ้น แล้วก็นั่งนิ่งรอการแนะนำตัวของเด็กชายผมแดงคนสุดท้าย ที่ตัวสูงมากทีเดียวถ้าเทียบกับคนอื่นๆ รวมทั้งส่วนใหญ่ในป้อมอัศวินด้วย



      “สวัสดีครับ เพื่อนๆพี่ๆน้องๆทุกท่าน ผลรอนัลด์ วีสลีย์ครับ ผมเป็นนักเรียนที่อยู่บ้านกริฟฟินดอร์ บ้านแห่งความกล้าหาญของฮอกวอตส์ครับ นอกจากนี้เรายังมีบ้านอีกสามหลังด้วยกัน คือ เรเวนคลอ สลิธิริน และฮัฟเฟิลพัฟครับ ซึ่งตัวแทนนักเรียนของแต่ละบ้านสามคนก็ได้แยกย้ายไปอยู่แต่ละบ้านของพวกคุณเช่นกัน ซึ่งพวกเราก็เป็นหนึ่งในนั้น ที่ได้มาอยู่ที่ป้อมอัศวินที่ดูเหมือนกับว่าจะเป็นป้อมแห่งความกล้าหาญเหมือนกับเรา ผมก็รู้สึกตื่นเต้นและยินดีมากครับที่ได้เดินทางมาที่แห่งนี้…”



      “…จากที่ผมได้ศึกษาเกี่ยวกับโรงเรียนพระราชาแห่งนี้มาบ้าง ทำให้ผมได้พบกับเรื่องที่บังเอิญผูกพันกับตัวผมอย่างน่าประหลาด คือเรื่องหมากกระดานเกียรติยศ หรือที่ผมและเพื่อนๆเคยเรียกว่า ‘หมากรุกมนุษย์’ แต่ผมก็รู้ว่ามันไม่สมควร และควรที่จะเรียกชื่อตามความจริงที่เรียกของพวกคุณ เรื่องหมากรุกนี้แหละ คือสิ่งที่ผมถนัดมากที่สุด และเท่าที่ผมรู้ ผมเก่งเรื่องนี้มากที่สุดในชั้นปีของผม - -”



      เสียงเงียบเกิดขึ้เนทันทีหลังจากได้ยินประโยคนั้น ที่ว่าเก่งที่สุดในชั้นปี งั้นก็หมายความว่า เล่นหมากรุกเก่งงั้นสิ!หลังจากไม่นานที่เสียงเงียบสงัด เสียงพึมพำกระซิบกระซาบก็เกิด ที่เด็กชายนามรอนัลด์ได้ยินถนัดหู



      “คิดว่าตัวเองเก่งงั้นสิ” เสียงนี้ดูเหมือนจะดังมาจากด้านหน้า



      “กล้าประกาศมาแบบเนี้ย คงคิดว่าตัวเองจะได้เดินหมากแห่งเกียรติยศของป้อมหล่ะสิ” เสียงนี้น่าจะเป็นเสียงของหญิงสาว



      “ถ้าเก่งจริงฉันคงต้องลองเดินด้วยหน่อยซะแล้ว!” เสียงนี้มาจากกลางฝูงชนในห้องอาหารมังกรไฟ ชายคนนั้นมีในตาสีน้ำตาลที่ลุกโชนไหม้เกรียม ในขณะนี้กำลังยืนตั้งท่าท้าทายเป็นที่สุด เป็นใครไปไม่ได้ นอกจากเจ้าหญิงแห่งเดมอส ในคราบเจ้าตัวยุ่งแห่งป้อมอัศวิน!



      “ถ้านายเก่งจริง จบการแนะนำตัว มาแข่งกันเลยมั้ย” เสียงตะโกนดังลั่น เป็นวาจาสัญญาขอท้าสู้รบกับผู้มาใหม่ ที่ประกาศถึงความสามารถของตนเอง ที่ดูเหมือนหัวขโมยแห่งบารามอสจะยอมรับไม่ได้ “ถ้านายเก่งจริง รับคำท้านี้สิ นายจะได้สมควรที่จะ... เอ่อ อยู่บ้านแห่งความกล้าหาญของนาย”



      หลังจบคำท้า ที่มีสักขีพยานรับรู้เป็นชาวป้อมอัศวินทั้งหมด ถ้าไอ้คนท้ามันแพ้ ศักดิ์ศรีของหนึ่งในสี่นางฟ้าผู้คุมกฎที่ตอนนี้อยู่ในร่างนายฟ้าก็เถอะ คงได้ป่นปี้มี่เหลือ! แต่สิ่งแรกที่รู้สึก คงเป็นความอับอายเป็นแน่ แต่ตอนนี้ วาจาศักดิ์สิทธ์ของธิดาแห่งความมืดคงถอนออกมิได้เสียแล้ว สิ่งที่ควรทำตอนนี้ก็คือ ก้าวต่อไป และคิดอย่างเดียวเท่านั้นว่า....



      ฉันจะไม่แพ้!

      

      ไอ้เจ้าคนอวดดีจากโลกต่างต้องพ่ายแพ้ไปอย่างขายขี้หน้า!



      และเขาจะต้องผงาดขึ้นเป็นคนเดินหมากแห่งเกียรติยศนี้อีกครั้งเป็นแน่!



      “ตกลง”



      คำตอบห้วนๆสั้นๆจากนักเรียนต่างแดน แต่สามารถทำให้คนทั้งห้องเงียบกริบ และยังให้คนส่งคำท้านัยน์ตาเบิกกว้างขึ้นอย่างแปลกใจ



      ‘กล้าต่อกรกับคนที่ไม่รู้จักแม้กระทั่งชื่อ มันประมาทฝีมือฉันเกินไป แล้วได้ลองดีแน่’



      “แล้วฉันจะบอกวันเวลาแข่งไป และแข่ง ณ ห้องอาหารแห่งนี้แหละ นายไปเตรียมตัวมาดีๆหล่ะ ฉันไม่อ่อนข้อให้แน่!”



      จบการตกลง และลองดีของเฟลิโอน่า เกรเดเวล เจ้าหญิงคนสำคัญของบารามอสก็นั่งเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่ผู้ชมการท้าทายอยู่รอบข้าง ไม่รู้สึกเช่นนั้น อาการตกตะลึงในท่าทีกระทันหันของเธอ ทำให้พวกคนอื่นๆเงียบสนิทและจ้องเป๋งไปที่เธอแบบไม่กระพริบตา แต่เจ้าตัวยุ่งก็ไม่มีอาการอายและขัดเขินให้สมเป็นหญิงแม้แต่น้อย ถึงตอนนี้ยังอยู่ในร่างของเจ้าหัวขโมยก็เถอะ



      หลังจากที่ผู้คนต่างอึ้งไปชั่วขณะ ไม่มีใครสังเกตเห็นการเดินก้าวถอยหลังของผู้มาเยือนหัวแดงและโดนเสกอะไรสักอย่างให้เสียงกลับเป็นปกติเลย เพราะตอนนี้ทุกคนอยู่ในเวลาที่กำลังกระซิบกระซาบถึงเรื่องราวกะทันหันที่เกิดขึ้นภายในหนึ่งชั่วโมงนี้ แต่ก็ถูกขัดจังหวะด้วยประธานผู้กล่าวเริ่มงาน หรือหัวหน้าป้อมอัศวินคนปัจจุบันนั่นเอง



      “อะแฮ่มๆ หลังจากที่จบการแนะนำตัวสั้นๆของท่านอาจารย์ และเพื่อนนักเรียนใหม่ทั้งสามคนที่จะมาอยู่ศึกษากับเราในชั้นปีที่หก เราจะเชิญให้พวกเขากลับไปพักผ่อนที่ห้องพักเสียก่อน... ก่อนที่ใครบางคนจะท้าอะไรกับเพื่อนใหม่ของเราอีก” ประโยคนี้ดูเหมือน เดอะ เบกการ์หัวหน้าป้อมจะเจาะจง และจ้องเขม็งไปที่เฟริน ไอ้คนที่เพิ่งก่อเรื่องไปเมื่อกี้ แล้วเริ่มกล่างต่อ “พวกเขาจะพักที่เดียวกับชาวป้อมเรา ซึ่งเป็นห้องว่างอยู่ ถ้าใครจะทำอะไร หรือสอบถามเกี่ยวกับเพื่อนใหม่เพิ่มเติม ก็ขอให้เคาะประตูหน้าห้องพวกเขาในภายหลัง แทนที่จะตะโกนคุยกันปาวๆในสถานที่ประชุมชั่วคราวแห่งนี้น่ะครับ”



      จบคำกล่าวของขอทานจอมปลอม หน้าแดงซ่านของคนที่ควรจะอายตั้งนานแล้วเพิ่งผุดขึ้นมา ด้วยเสียงหัวเราะคิกคักของเพื่อนสาวจากโลกต่าง แต่ไม่สร้างความขบขันให้แม้แต่น้อยกับอาจารย์มัดผมมวย นามศาสตราจารย์มัก-กอนนากัล แล้วพวกเขาก็ก้าวหันหลังตามสิบสองผู้คุมกฎ เดินผ่านพ้นประตู เสียงประตูปิดดังปัง!ตามหลัง พร้อมเสียงโหวกเหวกเริ่มขึ้นภายในห้องอาหาร



      “เฟริน นายคิดยังไงถึง... เอ่อ ทำอะไรแบบนั้น” คนแรกที่เริ่มพูด คือเพื่อนซี้ใกล้ตัวข้างๆเขา นัยน์ตาสีม่วงมองมาพร้อมรอฟังคำตอบ



      “วะ จะให้ฉันทนได้ไงหล่ะ มาท้า... เอ่อ ก็ไม่เชิงหรอกน่ะ มันมาพูดเหมือนกับ... เหมือนกับ ลองดีถึงที่หน่ะ หวังว่านายคงเข้าใจ” เสียงตอบจากคนหน้าจ๋อย แต่ก็เปลี่ยนสีหน้าได้ทันทีเมื่อตอนนี้ทุกๆคนค่อยๆทยอยเดินออกจากห้องอาหาร จนตอนนี้ก็เหลือน้อยคนนัก “มันทนไม่ไหวหน่ะ”



      “งั้นฉันก็คงเข้าใจนาย ถ้าฉันเป็นเจ้าหญิงแห่งเมืองปีศาจ”



      “งี่เง่า”



      ประโยคหลัง ไม่ใช่ของทายาทนักฆ่าแห่งซาเรส แต่เป็นของคนที่เงียบมานาน แต่ก็ผิดปกติไปบ้าง เมื่อเจอกับ... เอ่อ... แม่มดสาวจากโลกต่าง ประโยคแรกที่ออกมาจากปากที่เย็นยะเยียบ ดันไม่น่าภิรมย์เอาเสียเลย จนน่าเอาฝ่าเท้าไปประทับใบหน้านัก



    “ไม่ใช่ฉันคนเดียวหรอกที่งี่เง่า นายก็เหมือนกันแหละคาโล ฉันว่า นายเป็นมากกว่าฉันอีก ที่เรียกว่า งี่เง่า”



      เสียงตวาดกลับของไอ้คนที่ทนฟังคนอื่นว่าตัวเองไม่ได้ ก่อนที่จะยื่นค้ำหัวเจ้าชายคนสำคัญแห่งคาโนวาล ตาสีน้ำตาลจ้องเขม็งไปที่ตาสีฟ้าที่ตอนนี้จ้องกลับแบบดุดัน เหมือนกับว่าตัวเองไม่ผิด แล้วก็เริ่มพูดบ้าง



      “ตรงไหน”



      คำพูดนี้ทำเอาเฟรินกระอักกระอ่วนไปบ้าง ไม่ใช่เพราะหาคำพูดเถียงไม่ออก แต่เขากำลังคิดว่า นี่มันไม่รู้สึกตัวบ้างเลยหรือไงกัน!



      “นายไม่รู้ตัวเองเลยหรือไง” เขาถามออกมา แทนที่จะคิดปวดหัวอยู่แค่ในใจ



      “อะไร”



      คำพูดห้วนๆสั้นๆจากทายาทคิงบาโร แห่งคาโนวาล ทำเอาทายาทคนสำคัญของบารามอสยิ่งอยากจะเอาฝ่าพระบาททั้งสองข้างปะหน้ามันมากกว่าเดิมเสียอีก แต่ตอนนี้ ความผิดของทั้งคู่มันเท่ากันจนเขาไม่มีสิทธิ์ที่จะทำแบบนั้น



      ‘ฉันจะทำแบบนั้นทีหลัง’



      คิดจบ ไม่ทันได้พูดอะไรออกจาปากไป เจ้าหญิงแห่งเดมอส ก็ทรงพระงอนไปเสียก่อน คิดอย่าจะตบหน้าด้วยพระบาทหลายทีนัก แต่ถึงกระนั้นก็เถอะ ก็ทรงเก็บพระแค้นไว้ชำระทีหลังกับเจ้าชายที่ตนรักตรงหน้า ตอนนี้เธอก็ได้แต่งอนและเชิดหน้าเดินหนีเขาไปอย่างไม่คิดจะหันกลับมามอง ก่อนที่จะผลักประตูเดินจากไป



      “เดี๋ยวนี้ ไอ้เฟรินมันชักจะเป็นผู้หญิงเข้าทุกวันๆแล้วน่ะ โยเฉพาะเรื่องงอนเนี่ย ที่หนึ่งอย่าบอกใคร” พระสหายของเจ้าหญิงเฟลิโอน่าผู้สูงศักดิ์ ไม่กล้าพูดต่อหน้า แต่พอลับหลังเข้าหน่อยก็พูดจาตำหนิเป็นชุดๆ แต่เขาก็คิดอยู่เหมือนกัน ว่าที่ไอ้คาโลมันทำผิดจนเธอต้องงอนตุ๊บป่องๆเนี่ย มันเรื่องอะไร



      แต่ระหว่างที่เขาคิดอยู่นี่ พอหันซ้ายหันขวาไป ไม่ทันไร ห้องอาหารทั้งห้อง ก็ว่างเปล่า เหลือแต่เขาที่นั่งคิดเรื่องบ้าบอ ที่ไม่เกี่ยวกับตัวเองเลยแม้แต่ขี้เล็บเจ้ากวางโกโดม



    ................................................................................................................................................................................



      “อ๋อ... งั้นนายสมควรทำ บางทีฉันอาจจะช่วยอีกแรง”



      ไอ้นักฆ่ากิ๊กก๊อกที่มันไม่รู้เรื่องรู้ราว ก็เพิ่งมาถึงบางอ้อ หลังจากที่เฟรินมันเล่าให้ฟัง แต่ก็กว่าจะได้รู้เรื่อง ก็ต้องมานั่งครุ่นคิดมาเกือบทั้งวัน ตั้งแต่บ่าย จนรู้เรื่องก็ตกดึกเสียแล้ว



      “เห็นมะ มันก็สมควร ไม่เคยเห็นแม้แต่ครั้งเดียว ตั้งแต่รู้จักกับมันมา” หลังจากที่เล่าเรื่องน่าประหลาดของคาโลจบ แล้วได้ความเห็นจากเพื่อนนักฆ่า ที่ในขณะนี้อุตส่าห์มานั่งฟังในห้องเดี่ยวของเธอ ที่ดูเหมือนห้องของขอทานทีเดียวเชียว เจ้าของนัยน์ตาสีน้ำตาลแห่งเดมอสก็เอ่ยสนับสนุนต่อ



      “น่าเตะให้หน้าหัก แค่อมยิ้มก็พอที่จะให้อภัย แต่ลุกขึ้นเย้วๆด้วยนี่สิ ที่น่าเอาเท้าประทับหน้านัก”  



      “แต่แกก็เห็นผู้หญิงคนนั้นแล้วนี่นา ก็- -”



      “น่ารักดี” เจ้าคนอยากเอารอยฝ่าเท้าตัวเองเป็นสัญลักษณ์ของเจ้าชายคาโนวาลให้เหมือนกษัตริย์บาโร ที่มีหน้าบากเป็นตราบาป พึกพำต่อท้ายให้ เพราะในใจตัวเองก็คิดเหมือนกัน “แต่ก็คงไม่บ้าเหมือนไอ้คาโล”



      “ฉันก็ว่าน่ารักดี แต่ก็ไม่บ้าเหมือนไอ้คาโลมันน่ะ หรือว่าแม่มดน้อยนั่นจะเอายาสเน่ห์มาลงไอ้คาโลซะแล้ว”



      “ยาต้องห้าม?”



      “คงไม่ต้องห้ามสำหรับที่นู่น”



      “อาจจะจริง ไม่แน่ แม่มดน้อยคนนั้น อาจเล็งไอ้คาโลไว้ตั้งแต่เข้ามาแล้วมั้ง”



      “หรือไม้ที่เธอถือไว้ อาจจะใช้- -”



      “- -โปรยสเน่ห์ อาจเป็นไปได้”



      “แล้วทำไม แกกับฉันไม่โดน” เสียงครุ่นคิด ทำเอาคิ้วขมวดไปทั้งคู่ แต่แล้ว....



      “ฉันว่า เธออาจจะลงกำหนดไว้แค่กษัตริย์”



      “เป็นไปได้ เห็นว่าเก่งน่าดูนี่นา ตอนที่นะนำตัวตอนแรก ถ้าที่แนะนำไว้ตอนแรกไม่โม้หล่ะ”



      “เป็นไปได้สูง ที่ผู้หญิงคนนั้น กำลังลงมนต์สเน่ห์ ใส่เจ้าชายให้หลงรัก”



      “งืมม์ ฉันว่า โรงเรียนนั้น ต้องมีอะไรไม่ชอบมาพากลแล้วหล่ะ ไม่ใช่เฉพาะ ผู้หญิงที่ชื่อเฮอร์ไมโอนี่ เท่านั้นน่ะ แล้วยังส่ง ไอ้หัวแดงมาลองดีกับนายถึงที่”



      “งั้น ฉันว่า ลองปรึกษาไอ้หูตาไวนั่นดีมั้ย”



      “ใคร”



      “หัวหน้าป้อมอัศวินคนใหม่ของเราไง”



    โร เซวาเรส ขอทานจอมปลอม แห่งทริสทอร์ !



    (เอ่อ ต้งขออภัยทุกท่านที่มาอ่านแล้วมันค้างอยู่ ขอโทดไว้ด้วยน่ะครับ แล้วก็ แก้แล้วครับ ขอบคุนน่ะครับที่มาช่วยเตือนไห้ ผมมือไหม่ ก็ขออภัยด้วยครับ)
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×