ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ' G A N G S T E R | hunhan ft.chanbaek

    ลำดับตอนที่ #4 : G A N G S T E R - 03 | is worried

    • อัปเดตล่าสุด 17 มี.ค. 59



    G A N G S T E R  0 3





    is worried -
    มันคือการดูแล


    ประตูโรงพยาบาลถูกเปิดขึ้นอย่างอัตโนมัติเมื่อเครื่องตรวจรับสัญญาณรับรู้ถึงการมาเยือนของเขา ลู่หานเร่งฝีเท้าเพื่อไปยังจุดหมายพร้อมกับความกังวลระคนเป็นห่วงที่เผยออกมาอย่างเห็นได้ชัด


    คิดเอาล่ะกันว่ารีบขนาดไหน เพราะเขายังอยู่ในชุดนอนสีชมพูลายคิตตี้อยู่เลยด้วยซ้ำ


    ในตอนที่กำลังนั่งเคลียร์งานและการบ้านอยู่บนโต๊ะ คยองซูก็เปิดประตูพรวดพราดเข้ามาคุยกับเขา ตอนแรกก็งงว่าจะรีบร้อนอะไร แต่พอบอกว่าเกิดอะไรขึ้น ก็เป็นเขานี่แหละที่แทบเหาะมาโรงพยาบาลทันที นี่ถ้าเป็นซุปเปอร์แมนคงได้เหาะมาจริงๆ


    ทันทีที่เข้ามาในเขตห้องฉุกเฉิน ก็เห็นชายร่างสูงที่คุ้นตายืนรออยู่ก่อนแล้ว แต่ก็ไม่ใช่คนที่ลู่หานต้องการจะเจอในเวลานี้


    "ซะ เซฮุนล่ะ" ไม่รอช้าร่างบางก็เอ่ยถามโดยที่ยังไม่หายเหนื่อยดี เท้าแขนกับหัวเข่าพลางหอบแฮกเพราะวิ่งมาตั้งแต่ลงจากรถ


    พวกเขารีบมาชนิดที่ขับรถของคุณน้าที่ไม่ได้เอาไปต่างจังหวัดมาด้วย โชคดีที่คยองซูขับได้และขับเร็วเอามากๆ ยิ่งดึกๆไม่ค่อยมีรถนี่เหยียบเกือบร้อยยี่สิบ ....ตีนผีมากมั้ยล่ะ


    แต่ถึงจะขับเร็วมากแค่ไหน เขาก็ยังรู้สึกว่ามันช้าเกินไป ลู่หานอยากจะวาร์ปมาหาเลยด้วยซ้ำ


    "ยังไม่ออกมาเลย" จงอินตอบเสียงหวิว ยิ่งทำให้ร่างเล็กรู้สึกใจหายเข้าไปใหญ่ ขนาดว่าคนที่ปลอดภัยอย่างร่างสูงตรงหน้ายังเต็มไปด้วยรอยแผลถลอก แล้วคนโดนแทงแบบเซฮุนล่ะ...


    ...ไม่เอาแบบนี้สิ


    "แล้วมันเกิดอะไรขึ้น เล่าได้มั้ย" คยองซูที่เห็นว่าเพื่อนตนสีหน้าไม่ค่อยสู้ดีจึงเป็นฝ่ายเอ่ยถามข้อสงสัยแทน


    "มีรุ่นน้องในแก๊งมันโดนทำร้าย แล้วพวกนั้นมันก็เลยโทรหาเซฮุนกับฉันหนะ ก็เลยไปช่วยกัน ช่วงที่ตะรุมบอลกันอยู่นี่แหละ ที่มันโดนแทง" ชายผิวเข้มตอบด้วยใบหน้าเคร่งเครียด


    "รู้มั้ยว่าใคร"


    "เห็นหน้าไม่ชัด แต่พวกโรงเรียนซอนจินแน่ๆ"


    ลู่หานขมวดคิ้วฉับทันทีที่ได้ฟัง เพราะเขาจำได้ว่าเป็นพวกเดียวกันที่ดักทำร้ายพวกเขาตอนขากลับจากโรงเรียน ตอนแรกก็นึกแค่ว่าจะทำร้ายแค่เซฮุน แต่กลายเป็นตั้งใจจะเล่นหมดทั้งแก๊งเลยหรอ? มีความแค้นอะไรกันมา...


    "โรงเรียนซอนจินหรอ??" เจ้าของใบหน้าหวานถามอย่างสนใจ


    "เป็นโรงเรียนศัตรูกันมาหลายรุ่นแล้วล่ะ" จงอินตอบเสียงเชิงเป็นกังวลก่อนจะพูดต่อ "ส่วนใหญ่จะเป็นฝั่งนั้นที่เล่นมาก่อนตลอด"


    "แล้วทำ-"


    ประตูกระจกทึบถูกเปิดออกก่อนที่ร่างเล็กจะได้เอ่ยถามอะไรต่อ เป็นคุณหมอมีอายุที่เดินออกมาด้วยใบหน้าเรียบเฉียบแต่ถ้าดูดีๆจะรู้ว่าไม่มีความกังวลอยู่ในนั้น ...แค่นี้ลู่หานก็รู้สึกใจชื้นขึ้นมาแล้วล่ะ


    "ใครเป็นญาติคนไข้ครับ"


    "เออ...พวกผมเป็นเพื่อนเขาครับ"


    "ตอนนี้คนไข้ปลอดภัยดีแล้วครับ แค่มีภาวะเสียเลือดมากเท่านั้น แล้วก็โชคดีที่ไม่ได้โดนอวัยวะสำคัญอะไรด้วย ...เดี๋ยวพยาบาลจะพาคนไข้ไปที่ห้องพักนะครับ" คุณหมอเอ่ยไว้แค่นั้นก่อนจะเดินผ่านไป ลู่หานทิ้งตัวลงกับเก้าอี้บริเวณหน้าห้องฉุกเฉินพลางถอนหายใจด้วยความโล่งอก


    ไม่นานพยาบาลชุดขาวสะอาดตาก็เข็นเตียงผู้ป่วยไปยังห้องพักที่ทางจงอินติดต่อไว้ก่อนหน้านี้ ร่างบางแยกออกมากับอีกสองคน เนื่องจากคยองซูจะพาชายร่างสูงไปทำแผลและไปดูอาการน้องๆในแก๊งที่เหลือ ทำให้มีเพียงลู่หานที่ดูแลเซฮุนไปก่อนเล็กน้อยเท่านั้น


    ลู่หานเดินมายืนข้างเตียงคนบาดเจ็บด้วยคิ้วที่ขมวดกันแทบจะเป็นเงื่อนตาย พลางเอื้อมมือไปหวังจะจับที่มือหนาแต่ก็ชักกับมาเพราะความไม่กล้า กลายเป็นว่าเขากลั้นใจเดินออกไปนอกห้องเพื่อขอผ้าห่มและหมอน หลังจากที่คุยกับเพื่อนสนิทก่อนหน้านี้ ว่าคงไม่พ้นนอนที่โรงพยาบาลเพราะดึกมากแล้ว ไม่ควรขับรถบ้านดึกๆแบบนี้


    เสียงประตูเปิดขึ้นอีกครั้งอย่างเบามือที่สุดเพราะกลัวว่าจะทำให้อีกคนตื่น ทั้งที่ยังมีฤทธิ์ยานอนหลับอยู่ก็ตาม ร่างเล็กวางเครื่องนอนลงกับโซฟาตัวยาวข้างเตียงก่อนจะไปทำธุระในห้องน้ำ


    ในตอนนี้เขายังต้องอยู่คนเดียวไปก่อนเพราะคยองซูบอกว่าจะคอยดูและคนที่ชื่อว่าจงอินนั้นอีกสักพัก 


    จริงๆลู่หานก็ค่อนข้างสงสัยอยู่เหมือนกันว่าทำไมต้องไปดูและอะไรด้วย เขาเคยคิดว่าอยู่กันคนละห้องน่าจะไม่รู้จักกันด้วยซ้ำ แต่กลายเป็นว่าสนิทกันมากกว่าที่เขาคิด


    และคงมากกว่าที่คิดมากๆเลยล่ะ...


    ไว้ค่อยถามตอนเจอหน้าแล้วล่ะกัน


    เขาล้มตัวนอนกับโซฟาก่อนจะสะบัดผ้าห่มให้คลุมตัว เตรียมเข้าสู่ช่วงเวลาแห่งการนอนหลับในค่ำคืนนี้ แต่ก็ไม่ลืมเหลือบมองเสี้ยวหน้าของอีกฝ่ายด้วยความเป็นห่วง


    แปลกใจตัวเองเหมือนกันที่รู้สึกห่วงและเป็นกังวลกับเรื่องที่เกิดขึ้นมากมายขนาดนี้ มันเป็นความรู้สึกที่เคยเจอเมื่อนานมาแล้วและไม่คิดว่ามันจะกลับมาอีกครั้ง โดยเฉพาะกับคนที่รู้จักกันไม่เท่าไหร่ เจอหน้ากันก็ไม่กี่ครั้งแบบนี้


    ไม่สามารถข่มตาหลับลงได้เลยถ้าในหัวยังคงคิดแต่เรื่องของเซฮุน มันยากที่จะปัดมันออกไปเหมือนกับเรื่องอื่นๆ แต่เขาก็ต้องทำ ต้องหลับให้ลงเพื่อฆ่าเวลาหลายชั่วโมงที่กำลังเดินอยู่ในตอนนี้


    ใช้เวลาพอสมควรกว่าที่ลู่หานจะเข้าสู่ห้วงนิทรา และเป็นเวลาเดียวกันกับที่ร่างสูงลืมตาตื่นขึ้นมา


    ไม่อยากจะบอกว่าเขาฟื้นมาได้สักพักแล้ว คงตั้งแต่ที่ลู่หานออกไปทำอะไรสักอย่างที่นอกห้อง แต่ตัวเขาก็เลือกที่จะแกล้งหลับเป็นครั้งที่สองในตอนที่ลู่หานกลับเข้ามา


    แผลที่มีไม่ค่อยหนักหนาสาหัสเท่าไหร่ และด้วยฤทธิ์ยาสลบที่มีไม่มากทำให้เขาตื่นขึ้นมาค่อนข้างเร็วพอสมควร อีกอย่างร่างกายของเขาก็ชินกับบาดแผลอยู่แล้วด้วย ลองมาสังเกตรอบๆตัวเขาสิ จะเห็นเป็นรอยแผลเป็นเยอะอยู่เหมือนกัน


    เซฮุนเบือนหน้าไปมองคนตัวเล็กที่นอนขดอยู่ใต้ผ้าห่มผืนบาง เขาหัวเราะในลำคอเล็กน้อยเมื่อลู่หานพลิกตัวทำให้ผ้าห่มไหลลงสู่พื้น 


    ด้วยความที่กลัวว่าอีกคนจะหนาว ร่างสูงค่อยๆลุกขึ้นจากเตียงให้เงียบที่สุดและระวังบาดแผลที่หน้าท้องเป็นอย่างดีไม่ให้ฉีกขาด เพื่อจะเดินไปก้มหยิบผ้าขึ้นมาคลุมร่างบางอีกครั้งอย่างทะนุถนอม


    ดวงตาคมจ้องใบหน้าหวานด้วยความหลงใหล ตานิด จมูกหน่อย แถมด้วยริมฝีปากที่เข้ากันอย่างลงตัว 


    น่าแปลกที่เขาก็รู้สึกพิเศษกับคนตรงหน้า แม้ไม่อาจเรียกมันว่าความชอบแต่ก็ไม่น้อยไปกว่าคำว่ารู้สึกดี นานมากแล้วจริงๆที่เขารู้สึกกับใครแบบนี้ นี่อาจจะเป็นครั้งที่สองในชีวิตของเขาด้วยซ้ำ นับจากตอนนั้น


    เรือนผมสีสวยพลิ้วไสวไปนามแรงส่ายหัวเล็กน้อย ร่างสูงยิ้มที่มุมปากพลางเดินกลับมาที่เตียง แต่ไม่รู้ว่าอะไรดลใจให้หันหลังกลับไปก่อนจะ...


    กดริมฝีปากลงกับหน้าผากของร่างบางเบาๆเป็นการบอกฝันดีโดยไม่พูด


     


    หลายวันต่อมา


    ร่างบางเดินเข้ามาในเขตโรงพยาบาลพร้อมกับเพื่อนตัวเล็กในเวลาหลังเลิกเรียนเพื่อมาเยี่ยมเยือนคนบาดเจ็บที่ยังคงพักฟื้นอยู่


    ก่อนที่จะขึ้นไปบนห้องก็ไม่ลืมซื้อขนมอะไรติดมือไปด้วย ทั้งที่ก็มีถุงผลไม้ในมืออยู่แล้วเช่นกัน


    ทั้งคู่เดินมาจนถึงห้อง ลู่หานผลักประตูเข้าไปก่อนจะต้องชะงักนึกว่าตนเข้าห้องผิด เพราะมีแต่คนที่ไม่คุ้นหน้ายืนคุยกันอยู่ห้าหกคน พลางคุยกันจ่อเสียงดังพอสมควรแต่ก็ไม่รบกวนคนนอกห้องนัก พวกเขาเกือบจะเดินออกไปแล้วถ้าไม่ได้ยินเสียงของจงอินเสียก่อน


    "เข้าห้องถูกแล้วหน่า" ลู่หานยิ้มแหย่ ก่อนที่คยองซูจะลากคนหน้าหวานเข้ามาในห้อง


    ดวงตาหวานกวาดมองไปรอบๆ จนกระทั่งไปสบกับสายตาคมที่มองมาอยู่ก่อนแล้ว ลู่หานหลบตาหนีทันทีด้วยความรู้สึกที่ไม่รู้ว่าควรจะเรียกว่าอะไร ก่อนจะเดินไปวางของเยี่ยมที่โต๊ะข้างเตียงอีกฝั่ง


    ทุกการกระทำของร่างบางตกอยู่ในสายตาของเซฮุนทั้งหมด กว่าจะรู้สึกตัวว่าตัวเองมองตามก็คงเป็นตอนที่รุ่นน้องเอ่ยเเซว


    "โถ่ๆๆ พ่อนักเลงใหญ่มองไม่วางตาเลยนะครับ"


    "ฮั่นแหน่ ชอบเขารอเฮีย"


    "ชอบก็จีบเลยครับบบบ"


    ผลัวะ!


    ไม่รอให้เอ่ยเสียงระรื่นกันมากกว่านี้ คนโดนเเซวก็คว้าหมอนจับขว้างไปโดนหัวรุ่นน้องคนหนึ่งเข้าจนเกือบหงาย เสียงหัวเราะดังลั่นไปทั่วจนคยองซูต้องตะโกนขึ้นห้าม ลู่หานส่ายหัวขำๆทั้งที่บนแก้มกลมก็ขึ้นสีระเรื่ออย่างเขินอาย


    ก่อนหน้านี้สักสองสามวัน ด้วยความสงสัยเรื่องความสัมพันธ์ของจงอินและคยองซู นักเรียนแลกเปลี่ยนก็ได้เอ่ยถามไปเรียบร้อย 


    ตอนแรกมันก็เล่ามาไม่หมดหรอก จนต้องซักไซ้ กว่าจะได้ความจริงทั้งหมดก็ยากเอาการอยู่เหมือนกัน


    สรุปได้ว่าทั้งสองคนคบกันแบบลับๆ มีแค่ไม่กี่คนที่รู้ เพราะจงอินให้เหตุผลว่าคยองซูอาจเป็นอันตรายได้ ถ้าพวกโรงเรียนศัตรูรู้เข้า เหมือนกับอาทิตย์ที่แล้วที่โดนพวกซอนจินดักทำร้าย


    แต่ป่านนี้พวกนั้นคงคิดว่าเขากับเซฮุนเป็นแฟนกันแล้วแน่ๆ ร่างสูงบอกกับเขาแค่ว่า คงต้องรอฝ่ายนั้นเล่นมาแล้วค่อยจัดการ


    แลดูโหดกันจริงๆเลย


    "อยากออกไปเดินเล่นข้างนอกมั้ย" ลู่หานเอ่ยถามพลางจับมีดปอกผลไม้ในมืออย่างทุลักทุเลเพราะไม่ค่อยได้ใช้


    หลังจากที่ทุกคนกลับไปแล้วเพราะเสียงดังจนโดนคยองซูไล่ให้กลับบ้านช่อง ก็เหลือแต่เขาที่ถูกอนุญาตให้เฝ้าไข้ต่อ แต่ดูเหมือนจะถูกสั่งให้นอนเฝ้าด้วยซ้ำเนื่องจากเพื่อนตาโตกลับไปเอาชุดที่บ้านมาให้...


    นี่มันปกครองแบบระบอบเผด็จการชัดๆ


    "มึงจะพาไป?"


    "แล้วนายเห็นว่ามีใครมั้ยล่ะ"


    "ก็มีแค่มึงคนเดียว"


    ลู่หานนิ่งไป เมื่อสัมผัสได้ว่ารูปประโยคมันแปลกๆ ทั้งที่กวนตีนไปแท้ๆแต่ทำไมใจมันกลายเป็นแรงได้ขนาดนี้นะ 


    ...คิดเยอะเกินไปแล้วลู่หาน


    มีแค่คนเดียวก็ถูกแล้ว...ในห้องนี่นอกจากร่างสูงก็มีแค่เขาไง คิดไรเนี่ย


    "งะ งั้นเดี๋ยวไปเอารถเข็นก่อนนะ" ร่างเล็กรีบเดินออกจากห้องโดยไม่ทันได้สังเกตุรอยยิ้มที่มุมปากของคนตัวสูงกว่า


    และถ้าลู่หานคอยสังเกตุสักนิดล่ะก็ จะเห็นได้ว่าเซฮุนยิ้มออกมามากขึ้นทุกวัน


    ร่างบางกลับเข้ามาอีกครั้งพร้อมกับสิ่งของที่ต้องการ เขาช่วยพยุงคนไข้เพื่อย้ายให้มานั่งที่รถเข็นแทน โดยที่เซฮุนก็ไม่ได้อิดออดอะไร


    ภายในโรงพยาบาลเต็มไปด้วยผู้ที่ต้องการการรักษาที่ถูกวิธีจากนายแพทย์ ดวงตาหวานมองสำรวจไปเรื่อยๆ ก็เห็นทั้งเด็กเอย ผู้สูงอายุเอย ส่วนคนบาดเจ็บก็ไม่มองไปที่อื่นเลยนอกเสียจากการเงยหน้าขึ้นมองพยาบาลจำเป็น


    ลู่หานก้มหน้าลงมาก็สบเข้ากับดวงตาคมอย่างจัง ไม่วายหยุดเดินเอาดื้อๆอยู่กลางโรงพยาบาล จนร่างสูงเอื้อมมือไปบีบแก้มเพื่อเรียกสติ


    "นี่!"


    "หึๆ"


    เสียงหัวเราในลำคอดังขึ้น ทำให้ลู่หานที่แก้มขึ้นสีต้องสะบัดหน้าหนีแล้วออกแรงเข็นเจ้าคนตัวหนักไปยังสวนพักผ่อนที่อยู่ในชั้นนี้ทันที


    "เอาไป" ลู่หานพูดเสียงห้วนพลางยื่นไอศกรีมแท่งที่แวะซื้อก่อนมาที่นี้ไปให้ร่างสูง เซฮุนรับมาอย่างว่าง่ายก่อนจะกัดเข้าที่เนื้อไอศกรีมทั้งที่ริมฝีปากก็ระบายยิ้มออกมา


    สายลมเย็นๆในเวลาพลบค่ำพัดผ่านร่างทั้งสองไปเรื่อยๆ ทำให้รู้สึกถึงความผ่อนคลายจากเรื่องราวชวนปวดหัวหลายๆอย่าง และชวนใจเต้นแรงก็เช่นกัน ลู่หานไม่ได้ซื้อของหวานมาสำหรับตัวเอง เขาซื้อมาให้แค่เซฮุนคนเดียว ไม่รู้สิ...แค่ได้มองใบหน้าด้านข้างที่กำลังมีความสุขเพราะรสชาติหวานละมุนลิ้นก็พอแล้ว


    ลู่หานกลายเป็นคนขี้เพ้อตั้งแต่เมื่อไหร่นะ


    "มึงไม่ได้ซื้ออะไรมากินด้วยหรอ"


    "ไม่อ่ะ อ้วน"


    "มึงหนะผอมจะตายอยู่แล้ว" 


    ร่างบางไม่ได้ตอบอะไร เพียงแค่ยิ้มขำๆกับคำพูดของอีกฝ่ายเท่านั้น ก่อนจะเบือนหน้าไปมองท้องฟ้ายามค่ำคืนที่เห็นดาวเพียงน้อยนิดเนื่องจากอยู่ในตัวเมืองแทน


    "อยากไปเที่ยวภูเขาจัง ท้องฟ้าคงสวยหน้าดูเลยเนอะ"


    "ไปกับกูสิ เดี๋ยวพาไป" แม้ว่าเซฮุนจะพูดเรียบๆแบบปกติ แต่อนุภาพของมันกับรุนแรงพอๆกับแผ่นดินไหวที่ทำให้เกิดสึนามิตามมาได้ ลู่หานเม้มปากอย่างประหม่าก่อนจะเอ่ยขึ้น


    "ไปสิ"

     



    หลังจากนั้นประมาณอาทิตย์กว่าๆเซฮุนก็สามารถออกจากโรงพยาบาลได้เพราะแผลค่อนข้างจะหายไวพอสมควร และก็เหมือนเดิมที่ลู่หานต้องมาเป็นพยาบาลจำเป็น แม้ว่าจะไม่มีใครเอ่ยสั่ง แต่ร่างเล็กก็เป็นคนเลือกจะทำเอง


    โชคดีที่วันนี้เป็นวันหยุดพอดีทำให้เขาสามารถมาดูแลร่างสูงได้อย่างเต็มที่ ตั้งแต่เมื่อคืนจนถึงตอนนี้เขาก็ยังไม่ห่างจากเซฮุนเลยด้วยซ้ำ


    ยอมรับว่ามันรู้สึกดีที่ได้อยู่ใกล้มากขึ้นทุกวัน


    ถึงแม้บางครั้งต้องเขินม้วนเพราะคำแซวจากพวกรุ่นพี่รุ่นน้องในแก๊งของเซฮุนก็ตาม


    จะว่าไปเรื่องแก๊งของเซฮุน เขาเองก็พึ่งได้รู้จริงจังก็ไม่กี่วันมานี้ เขานึกมาตลอดว่าเซฮุนเป็นหัวหน้าเเก๊ง...แต่เปล่า อารมณ์เป็นเหมือนผู้สืบทอดอะไรเทือกนั้นมากกว่า ส่วนหัวหน้าจริงๆจะเป็นรุ่นพี่ที่อยู่ปีสามอีกคนแทน แล้วจริงๆพวกเขาก็ไม่ใช่นักเลงหัวไม้แบบที่ไล่กระทืบใครก่อน ถ้าเรียกให้ถูกต้องคงเป็นผู้พิทักษ์ของโรงเรียนอะไรประมาณนั้น เพราะถ้าโรงเรียนไหนล้ำเส้นเล่นใหญ่ก่อนถึงจะเอาคืน ถ้าไม่จำเป็นก็จะไม่ยกพวกตีก่อนเด็ดขาด 


    และที่น่าประหลาดใจกว่าคือแต่ละคนที่อยู่ในแก๊งคือตัวท๊อปของโรงเรียนทั้งนั้น อย่างเซฮุนนี่คือบุคคลที่มีคะแนนสอบสูงติดหนึ่งในสามของโรงเรียน ส่วนจงอินก็กัปตันชมรมบาสที่เลื่องลื่อด้านความเก่งกาจในสนาม ไหนจะรุ่นน้องคนอื่นๆอีก ทั้งโปรแกมเมอร์มือฉมัง นักว่ายน้ำทีมชาติ บลาๆๆ เยอะแยะไปหมด


    ที่น่ากลัวสุดคงไม่พ้นคุณหัวหน้าที่เป็นถึงประธานนักเรียนคนปัจจุบัน....


    อลังการงานสร้างกว่านี้มีอีกมั้ย


    เรื่องนั้นช่างมันเถอะ มันก็ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับตัวลู่หานอยู่แล้วด้วย แต่ตอนนี้กำลังเป็นปัญหาเมื่อเซฮุนจ้องเขาไม่วางตาเลย


    "เลิกมองได้แล้วหน่า" ร่างบางบ่นอุ๊บอิ๊บไปตามภาษาคนขี้เขิน ก้มหน้างุดข้างแทบชิดอกพลางใช้มือเขี่ยๆข้าวในจานไปมาอย่างไม่นึกสนุกเลยสักนิด


    "เงยหน้ามา" 


    "...."


    "ลู่หาน"


    "อะไรเล่า! อ๊ะ!!"


    ทันทีที่เงยหน้าขึ้นก็สัมผัสได้ถึงอะไรอุ่นๆที่มุมปาก กว่าสมองจะประมวลผลได้ก็ตอนที่ร่างสูงเลื่อนมือกลับไป...และเลียที่นิ้วของตัวเองพลางมองมาที่เขา


    ลู่หานแทบระเบิดตัวเเตกพร้อมๆกับเสียงหัวเราะของจงอินและคยองซูที่ดังขึ้น ร่างเล็กละอยากจะถามเหลือเกินว่า นายไม่อายคนอื่นเขาหรือไง แต่ก็ต้องเงียบก้มหน้าเขินต่อไปทั้งอย่างนั้น


    "โอ๊ยยย มดขึ้นเต็มโต๊ะแล้วววว" เสียงร่าเริงของคยองซูดังขึ้นก่อนจะใช้ศอกกระทุ้งเบาๆที่สีข้างของลู่หานเป็นการเเซว


    "คยองซูอ่าา" ลู่หานยู่ปากก่อนจะสะบัดหน้าหนีเป็นเชิงงอน แต่พอหันหน้ามองตรงก็เจอโจทย์เก่าที่ชวนให้เขาอยากจะมุดดินหนีไปเลย


    มืออาหารจบลงไปแล้วแต่ก็ยังคงนั่งในร้านอาหารกันต่อเพื่อเป็นการพูดคุยนู้นนี้นั้นกันไป แต่จริงๆคงเป็นการพูดคุยของอีกสองคนที่นั่งฝั่งซ้ายเขามากกว่า 


    เป็นมนุษย์ที่พูดมากกันทั้งคู่เลยสินะ


    ทำให้ทั้งเขาและเซฮุนเอาแต่เงียบจนตอนขึ้นรถเตรียมไปส่งร่างสูงที่คอนโดฯก็ยังเงียบ ด้วยความที่ไม่มีใครกล้าเปิดประเด็นขึ้นมา มันจึงกลายเป็นสงครามที่แข่งกันเงียบ ใครเงียบได้นานกว่าจะเป็นฝ่ายชนะ ....อะไรประมาณนั้น


    เอาตามตรง ...ลู่หานคงจะเป็นอาการเขินต่อเนื่องจากเมื่อกี้มากกว่า แต่กลับเซฮุนคงเป็นเพราะนิสัยของเจ้าตัวนั้นแหละ


    แต่เขาก็ยอมรับมันด้วยดี เพราะถ้าเขาไม่ชอบการที่ร่างสูงเงียบใส่เป็นประจำ เขาคงไม่ใจเต้นแรงหรือหน้าขึ้นสีเเบบที่ชอบเป็นบ่อยๆหรอกนะ 


    รถยนต์กระป๋องของสารถีจำเป็นนามว่าคิม จงอิน เทียบจอดลงที่บริเวณลานจอดรถใต้คอนโดมีเนียม ซึ่งถือว่าเป็นที่พักอาศัยในปัจจุบันของผู้บาดเจ็บ ทั้งสี่คนเดินลงมาจากลง โดยที่มีจงอินคนเดิม เพิ่มเติมคือมาช่วยพยุงร่างสูงเล็กน้อย


    ทั้งคู่กระซิบอะไรกันนิดหน่อยก่อนที่แฟนเพื่อนสนิทจะเอ่ยขึ้น


    "ลู่หาน มาช่วยหน่อยสิ พอดีฉันลืมของไว้ในรถนะ ...ดีโอมากับไคหน่อย" 


    ยังไม่ทันที่ลู่หานจะเอ่ยตอบ คนผิวสีเข้มก็ลากเจ้าคนตาโตเดินหาบกลับไปทางเดิมเสียแล้ว ร่างเล็กเลยต้องจำเป็นมาช่วยพยุงแทน


    "จะให้ขึ้นไปส่งมั้ย"


    "แล้วแต่มึง"


    เป็นคำตอบที่รู้สึกชิบหายเบาๆ เพราะถ้าเลือกขึ้นไปส่งถึงห้อง ไม่วายจะต้องมีเหตุการณ์ให้เขินแน่ๆ เพราะเขาสัมผัสได้(?) แต่ถ้าไม่ขึ้นไปส่งก็ดูเหมือนสายตาเว้าวอนในตอนนี้จะเป็นปัญหาพอสมควร


    ช่วยเอาเซฮุนคนเย็นชาที่เคยปัดมือเขากลับมาเถอะ...


    "เออ...ขึ้นไปส่งก็ได้" ลู่หานตอบเสียงเบา ผิดกลับร่างสูงที่ถึงจะทำหน้าเรียบตึงแต่ในเเววตานี่มีเเต่คำว่า yes


    กลายเป็นตอนนี้ลู่หานก็ไม่ได้ช่วยพยุงแล้วเพราะเซฮุนบอกว่าไม่ต้อง เขาก็ไม่ได้งอแงจะช่วยให้ได้ก็เลยปล่อยให้เดินเอง และเดินนำหน้าเขาอยู่หลายก้าว


    เป็นอีกครั้งที่ลู่หานได้สักเกตุแผ่นหลังกว้างชัดๆ ไหล่ของเซฮุนกว้างกว่าเขาพอสมควรทำให้สรีระส่วนอื่นๆมีมากกว่าเขา ทั้งที่เขาเคยมั่นใจว่าตัวเองไม่ใช่หนุ่มร่างน้อยผอมบาง พอมาตอนนี้เขาต้องคิดใหม่อีกครั้ง


    ร่างสูงเปิดประตูเขาไปในห้อง ตามด้วยคนตัวเล็กกว่าที่เดินเข้าไป ลู่หานค่อนข้างตื่นตาเล็กน้อยถึงปานกลาง เพราะนี่ถือว่าเป็นครั้งแรกที่เขาได้เหยียบคอนโดฯใครสักคน และยิ่งน่าตื่นเต้นมากขึ้นไปอีก เพราะว่าตอนนี้เขาอยู่ในห้องของเซฮุน 


    เป็นห้องขนาดปานกลางที่เหมาะกับการอาศัยอยู่คนเดียว ถูกตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์ที่ดูมีราคา และโทนสีขาว เทา ก็เข้ากันอย่างหลงตัว


    ลู่หานล่ะชอบห้องแบบนี้เหลือเกิน


     "ทานไรมั้ย" ร่างสูงเอ่ยขัดขึ้นทำให้เขาที่มัวแต่สนใจสิ่งรอบข้างต้องหันไปมอง


    "ห๊ะ...อ๋อ ไม่ล่ะ เดี๋ยวก็ไปล่ะ"


    "รีบหรอ"


    "ก็...กลัวว่าเดี๋ยวคยองซูจะรอนาน" 


    "แล้วไม่กลัวว่ากูจะเหงาหรอ"


    "....."


    "...ถ้าไม่มีมึง"



     

    ในห้องสีขาวสะอาดตา ที่ตกแต่งแบบเรียบๆ ถ้าลองสังเกตดีๆจะเห็นก้อนกลมๆดิ้นดุกดิกอยู่บนเตียงนอนขนาดสามฟุตครึ่ง


    ลู่หานโผล่หัวพ้นผ้าห่มออกมาเพื่อรับออกซิเจนและอากาศเย็นๆจากเครื่องปรับอากาศ เขาถอดหายใจออกมาอีกครั้ง เพื่อหยุดอาการใจเต้นแรงเสียที


    พอนึกถึงแล้วก็ชวนเขิน หลังจากที่ร่างสูงเอ่ยประโยคนั้นกับเขา เขาก็รีบสลายตัวออกมาทันทีก่อนที่จะระเบิดตัวออกเพราะอุณหภูมิในร่างกายสูงเกินไป พอบอกว่าจะขอกลับบ้านเดี๋ยวนั้น เซฮุนก็หัวเราะเขาใหญ่เลย แต่ก็ยอมปล่อยกลับมา


    เซฮุนโหมดนี่ไม่ดีต่อใจเลยสักนิด 


    Rrrrrrr


    โทรศัพท์ที่วางอยู่บนโต๊ะเขียนหนังสือกำลังสั่นเครือด้วยระบบของมัน ลู่หานผงกหัวขึ้นก่อนจะลุกจากเตียงเพื่อไปรับสายที่โทรเข้ามา


    มือบางที่กำลังจะเอื้อมไปหยิบเป็นอันต้องชะงักทันทีที่ดวงตาหวานได้เห็นว่าผู้ใดเป็นคนโทรเข้ามา ลู่หานจับมันคว่ำหน้าจอ ก่อนจะเดินออกจากห้องนอนทันที


    เขาเดินลงมาที่ชั้นล่างโดยที่ไม่รู้ว่าจะมาทำอะไร แต่ก็คงดีกว่าฟังเสียงโทรศัพท์อยู่อย่างนั้น 


    "อ้าว หนูลู่หาน" เสียงหวานของหญิงสาวดังขึ้นจากด้านหลัง เรียกความสนใจให้เจ้าของชื่อเป็นอย่างดี


    "หวัดดีครับคุณน้า" ลู่หานตอบพลางยิ้มกว้างกลับไป 


     ตอนนี้เป็นเวลาสามทุ่มกว่าซึ่งคาดว่าเจ้าของบ้านจะพึ่งกลับมาจากการทำงาน เขาไม่ค่อยรู้แน่ชัดเท่าไหร่ว่าคุณน้าทำงานอะไร รู้แค่ว่าทำงานในบริษัทหนึ่งที่มีชื่อเสียงและตำแหน่งค่อนข้างสูงพอสมควร


    "พึ่งกลับมาหรอครับ"


    "ใช่จ๊ะ ทำงานมาเหนื๊อยเหนื่อย" 


    "อ่อ ครับ"


    "แล้วเจ้าตัวเเสบล่ะ"


    "อยู่บนห้องนะครับ"


    "โอเค เดี๋ยวน้าไปหาคยองซูก่อนนะ" หญิงสาวว่าไว้แค่นั้นก่อนจะเดินแยกขึ้นไปยังห้องนอนของลูกชาย 


    ลู่หานชอบครอบครัวแบบนี้มากๆ ถึงจะอยู่กันแค่สองคนแม่ลูก เพราะคุณพ่อของคยองซูท่านทำงานอยู่ต่างประเทศนานๆจะกลับมาที แต่ก็อบอุ่นและเป็นกันเอง 


    เขาไม่รู้ว่าความอบอุ่นของครอบครัวเขามันหายไปตั้งแต่เมื่อไหร่ รู้ตัวอีกทีก็ตอนนี้คุณป๊าทำแต่งานไม่สนใจกันเลย


    มือบางยกแก้วน้ำขึ้นดื่มเป็นอึกสุดท้ายก่อนจะเดินกลับขึ้นมาบนห้องอีกครั้ง แต่พอเปิดประตูเข้าไปก็ต้องถอดหายใจออกมา เมื่อโทรศัพท์ที่วางคว่ำหน้ากับโต๊ะยังคงสั่นอยู่เหมือนเดิม


    เขาตัดสินใจยกมันขึ้นมาดู และพบว่าเป็นคนเดิมที่ไม่อยากรับโทรศัพท์เท่าไหร่นัก แต่ในเมื่อโทรมาขนาดนี้แล้ว คงไม่เลิกโทรง่ายๆแน่ จะให้ปิดเครื่องหนี้ก็คงจะหาข้อแก้ตัวยากเกินไป เพราะงั้นจะรับให้ก็ได้แล้วกัน


    "เหวย"


    [ลู่หาน!] 




    [TBC.]

    หนึ่งอาทิตย์ผ่านพ้นไป...
    กว่าจะได้มาลง คิดถึงกันบ้างมั้ยยยย
    ที่ช้าเพราะเม้นน้อยแท็กน้อยไง
    เลยไม่มีกำลังใจในการอัพ (ล้อเล่น 5555)

    เจอกันตอนหน้าเนอะ จุ๊บบบบ

    เม้น โหวต เฟบ แท็ก = ล้านกำลังใจ
    ช่วยกันสกรีมแท็ก #ฟิคนักเลงเซฮุน ด้วยนะค่ะ
    รออ่านอยู่เน้ออ 

    รีไรท์ 10/03/16





    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×