คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : G A N G S T E R - 03 | is worried
G A N G S T E R 0 3
ประตูโรงพยาบาลถูกเปิดขึ้นอย่างอัตโนมัติเมื่อเครื่องตรวจรับสัญญาณรับรู้ถึงการมาเยือนของเขา
ลู่หานเร่งฝีเท้าเพื่อไปยังจุดหมายพร้อมกับความกังวลระคนเป็นห่วงที่เผยออกมาอย่างเห็นได้ชัด
คิดเอาล่ะกันว่ารีบขนาดไหน เพราะเขายังอยู่ในชุดนอนสีชมพูลายคิตตี้อยู่เลยด้วยซ้ำ
ในตอนที่กำลังนั่งเคลียร์งานและการบ้านอยู่บนโต๊ะ
คยองซูก็เปิดประตูพรวดพราดเข้ามาคุยกับเขา ตอนแรกก็งงว่าจะรีบร้อนอะไร แต่พอบอกว่าเกิดอะไรขึ้น
ก็เป็นเขานี่แหละที่แทบเหาะมาโรงพยาบาลทันที นี่ถ้าเป็นซุปเปอร์แมนคงได้เหาะมาจริงๆ
ทันทีที่เข้ามาในเขตห้องฉุกเฉิน ก็เห็นชายร่างสูงที่คุ้นตายืนรออยู่ก่อนแล้ว
แต่ก็ไม่ใช่คนที่ลู่หานต้องการจะเจอในเวลานี้
"ซะ เซฮุนล่ะ" ไม่รอช้าร่างบางก็เอ่ยถามโดยที่ยังไม่หายเหนื่อยดี
เท้าแขนกับหัวเข่าพลางหอบแฮกเพราะวิ่งมาตั้งแต่ลงจากรถ
พวกเขารีบมาชนิดที่ขับรถของคุณน้าที่ไม่ได้เอาไปต่างจังหวัดมาด้วย
โชคดีที่คยองซูขับได้และขับเร็วเอามากๆ ยิ่งดึกๆไม่ค่อยมีรถนี่เหยียบเกือบร้อยยี่สิบ
....ตีนผีมากมั้ยล่ะ
แต่ถึงจะขับเร็วมากแค่ไหน เขาก็ยังรู้สึกว่ามันช้าเกินไป
ลู่หานอยากจะวาร์ปมาหาเลยด้วยซ้ำ
"ยังไม่ออกมาเลย" จงอินตอบเสียงหวิว
ยิ่งทำให้ร่างเล็กรู้สึกใจหายเข้าไปใหญ่ ขนาดว่าคนที่ปลอดภัยอย่างร่างสูงตรงหน้ายังเต็มไปด้วยรอยแผลถลอก
แล้วคนโดนแทงแบบเซฮุนล่ะ...
...ไม่เอาแบบนี้สิ
"แล้วมันเกิดอะไรขึ้น เล่าได้มั้ย"
คยองซูที่เห็นว่าเพื่อนตนสีหน้าไม่ค่อยสู้ดีจึงเป็นฝ่ายเอ่ยถามข้อสงสัยแทน
"มีรุ่นน้องในแก๊งมันโดนทำร้าย แล้วพวกนั้นมันก็เลยโทรหาเซฮุนกับฉันหนะ ก็เลยไปช่วยกัน ช่วงที่ตะรุมบอลกันอยู่นี่แหละ ที่มันโดนแทง" ชายผิวเข้มตอบด้วยใบหน้าเคร่งเครียด
"รู้มั้ยว่าใคร"
"เห็นหน้าไม่ชัด แต่พวกโรงเรียนซอนจินแน่ๆ"
ลู่หานขมวดคิ้วฉับทันทีที่ได้ฟัง เพราะเขาจำได้ว่าเป็นพวกเดียวกันที่ดักทำร้ายพวกเขาตอนขากลับจากโรงเรียน
ตอนแรกก็นึกแค่ว่าจะทำร้ายแค่เซฮุน แต่กลายเป็นตั้งใจจะเล่นหมดทั้งแก๊งเลยหรอ? มีความแค้นอะไรกันมา...
"โรงเรียนซอนจินหรอ??" เจ้าของใบหน้าหวานถามอย่างสนใจ
"เป็นโรงเรียนศัตรูกันมาหลายรุ่นแล้วล่ะ"
จงอินตอบเสียงเชิงเป็นกังวลก่อนจะพูดต่อ "ส่วนใหญ่จะเป็นฝั่งนั้นที่เล่นมาก่อนตลอด"
"แล้วทำ-"
ประตูกระจกทึบถูกเปิดออกก่อนที่ร่างเล็กจะได้เอ่ยถามอะไรต่อ
เป็นคุณหมอมีอายุที่เดินออกมาด้วยใบหน้าเรียบเฉียบแต่ถ้าดูดีๆจะรู้ว่าไม่มีความกังวลอยู่ในนั้น
...แค่นี้ลู่หานก็รู้สึกใจชื้นขึ้นมาแล้วล่ะ
"ใครเป็นญาติคนไข้ครับ"
"เออ...พวกผมเป็นเพื่อนเขาครับ"
"ตอนนี้คนไข้ปลอดภัยดีแล้วครับ แค่มีภาวะเสียเลือดมากเท่านั้น
แล้วก็โชคดีที่ไม่ได้โดนอวัยวะสำคัญอะไรด้วย ...เดี๋ยวพยาบาลจะพาคนไข้ไปที่ห้องพักนะครับ"
คุณหมอเอ่ยไว้แค่นั้นก่อนจะเดินผ่านไป ลู่หานทิ้งตัวลงกับเก้าอี้บริเวณหน้าห้องฉุกเฉินพลางถอนหายใจด้วยความโล่งอก
ไม่นานพยาบาลชุดขาวสะอาดตาก็เข็นเตียงผู้ป่วยไปยังห้องพักที่ทางจงอินติดต่อไว้ก่อนหน้านี้
ร่างบางแยกออกมากับอีกสองคน เนื่องจากคยองซูจะพาชายร่างสูงไปทำแผลและไปดูอาการน้องๆในแก๊งที่เหลือ
ทำให้มีเพียงลู่หานที่ดูแลเซฮุนไปก่อนเล็กน้อยเท่านั้น
ลู่หานเดินมายืนข้างเตียงคนบาดเจ็บด้วยคิ้วที่ขมวดกันแทบจะเป็นเงื่อนตาย
พลางเอื้อมมือไปหวังจะจับที่มือหนาแต่ก็ชักกับมาเพราะความไม่กล้า กลายเป็นว่าเขากลั้นใจเดินออกไปนอกห้องเพื่อขอผ้าห่มและหมอน
หลังจากที่คุยกับเพื่อนสนิทก่อนหน้านี้ ว่าคงไม่พ้นนอนที่โรงพยาบาลเพราะดึกมากแล้ว
ไม่ควรขับรถบ้านดึกๆแบบนี้
เสียงประตูเปิดขึ้นอีกครั้งอย่างเบามือที่สุดเพราะกลัวว่าจะทำให้อีกคนตื่น
ทั้งที่ยังมีฤทธิ์ยานอนหลับอยู่ก็ตาม ร่างเล็กวางเครื่องนอนลงกับโซฟาตัวยาวข้างเตียงก่อนจะไปทำธุระในห้องน้ำ
ในตอนนี้เขายังต้องอยู่คนเดียวไปก่อนเพราะคยองซูบอกว่าจะคอยดูและคนที่ชื่อว่าจงอินนั้นอีกสักพัก
จริงๆลู่หานก็ค่อนข้างสงสัยอยู่เหมือนกันว่าทำไมต้องไปดูและอะไรด้วย
เขาเคยคิดว่าอยู่กันคนละห้องน่าจะไม่รู้จักกันด้วยซ้ำ แต่กลายเป็นว่าสนิทกันมากกว่าที่เขาคิด
และคงมากกว่าที่คิดมากๆเลยล่ะ...
ไว้ค่อยถามตอนเจอหน้าแล้วล่ะกัน
เขาล้มตัวนอนกับโซฟาก่อนจะสะบัดผ้าห่มให้คลุมตัว
เตรียมเข้าสู่ช่วงเวลาแห่งการนอนหลับในค่ำคืนนี้ แต่ก็ไม่ลืมเหลือบมองเสี้ยวหน้าของอีกฝ่ายด้วยความเป็นห่วง
แปลกใจตัวเองเหมือนกันที่รู้สึกห่วงและเป็นกังวลกับเรื่องที่เกิดขึ้นมากมายขนาดนี้
มันเป็นความรู้สึกที่เคยเจอเมื่อนานมาแล้วและไม่คิดว่ามันจะกลับมาอีกครั้ง โดยเฉพาะกับคนที่รู้จักกันไม่เท่าไหร่
เจอหน้ากันก็ไม่กี่ครั้งแบบนี้
ไม่สามารถข่มตาหลับลงได้เลยถ้าในหัวยังคงคิดแต่เรื่องของเซฮุน
มันยากที่จะปัดมันออกไปเหมือนกับเรื่องอื่นๆ แต่เขาก็ต้องทำ ต้องหลับให้ลงเพื่อฆ่าเวลาหลายชั่วโมงที่กำลังเดินอยู่ในตอนนี้
ใช้เวลาพอสมควรกว่าที่ลู่หานจะเข้าสู่ห้วงนิทรา
และเป็นเวลาเดียวกันกับที่ร่างสูงลืมตาตื่นขึ้นมา
ไม่อยากจะบอกว่าเขาฟื้นมาได้สักพักแล้ว
คงตั้งแต่ที่ลู่หานออกไปทำอะไรสักอย่างที่นอกห้อง แต่ตัวเขาก็เลือกที่จะแกล้งหลับเป็นครั้งที่สองในตอนที่ลู่หานกลับเข้ามา
แผลที่มีไม่ค่อยหนักหนาสาหัสเท่าไหร่
และด้วยฤทธิ์ยาสลบที่มีไม่มากทำให้เขาตื่นขึ้นมาค่อนข้างเร็วพอสมควร อีกอย่างร่างกายของเขาก็ชินกับบาดแผลอยู่แล้วด้วย
ลองมาสังเกตรอบๆตัวเขาสิ จะเห็นเป็นรอยแผลเป็นเยอะอยู่เหมือนกัน
เซฮุนเบือนหน้าไปมองคนตัวเล็กที่นอนขดอยู่ใต้ผ้าห่มผืนบาง
เขาหัวเราะในลำคอเล็กน้อยเมื่อลู่หานพลิกตัวทำให้ผ้าห่มไหลลงสู่พื้น
ด้วยความที่กลัวว่าอีกคนจะหนาว ร่างสูงค่อยๆลุกขึ้นจากเตียงให้เงียบที่สุดและระวังบาดแผลที่หน้าท้องเป็นอย่างดีไม่ให้ฉีกขาด
เพื่อจะเดินไปก้มหยิบผ้าขึ้นมาคลุมร่างบางอีกครั้งอย่างทะนุถนอม
ดวงตาคมจ้องใบหน้าหวานด้วยความหลงใหล
ตานิด จมูกหน่อย แถมด้วยริมฝีปากที่เข้ากันอย่างลงตัว
น่าแปลกที่เขาก็รู้สึกพิเศษกับคนตรงหน้า
แม้ไม่อาจเรียกมันว่าความชอบแต่ก็ไม่น้อยไปกว่าคำว่ารู้สึกดี นานมากแล้วจริงๆที่เขารู้สึกกับใครแบบนี้
นี่อาจจะเป็นครั้งที่สองในชีวิตของเขาด้วยซ้ำ นับจากตอนนั้น
เรือนผมสีสวยพลิ้วไสวไปนามแรงส่ายหัวเล็กน้อย
ร่างสูงยิ้มที่มุมปากพลางเดินกลับมาที่เตียง แต่ไม่รู้ว่าอะไรดลใจให้หันหลังกลับไปก่อนจะ...
กดริมฝีปากลงกับหน้าผากของร่างบางเบาๆเป็นการบอกฝันดีโดยไม่พูด
หลายวันต่อมา
ร่างบางเดินเข้ามาในเขตโรงพยาบาลพร้อมกับเพื่อนตัวเล็กในเวลาหลังเลิกเรียนเพื่อมาเยี่ยมเยือนคนบาดเจ็บที่ยังคงพักฟื้นอยู่
ก่อนที่จะขึ้นไปบนห้องก็ไม่ลืมซื้อขนมอะไรติดมือไปด้วย
ทั้งที่ก็มีถุงผลไม้ในมืออยู่แล้วเช่นกัน
ทั้งคู่เดินมาจนถึงห้อง ลู่หานผลักประตูเข้าไปก่อนจะต้องชะงักนึกว่าตนเข้าห้องผิด
เพราะมีแต่คนที่ไม่คุ้นหน้ายืนคุยกันอยู่ห้าหกคน พลางคุยกันจ่อเสียงดังพอสมควรแต่ก็ไม่รบกวนคนนอกห้องนัก
พวกเขาเกือบจะเดินออกไปแล้วถ้าไม่ได้ยินเสียงของจงอินเสียก่อน
"เข้าห้องถูกแล้วหน่า" ลู่หานยิ้มแหย่
ก่อนที่คยองซูจะลากคนหน้าหวานเข้ามาในห้อง
ดวงตาหวานกวาดมองไปรอบๆ จนกระทั่งไปสบกับสายตาคมที่มองมาอยู่ก่อนแล้ว
ลู่หานหลบตาหนีทันทีด้วยความรู้สึกที่ไม่รู้ว่าควรจะเรียกว่าอะไร ก่อนจะเดินไปวางของเยี่ยมที่โต๊ะข้างเตียงอีกฝั่ง
ทุกการกระทำของร่างบางตกอยู่ในสายตาของเซฮุนทั้งหมด
กว่าจะรู้สึกตัวว่าตัวเองมองตามก็คงเป็นตอนที่รุ่นน้องเอ่ยเเซว
"โถ่ๆๆ พ่อนักเลงใหญ่มองไม่วางตาเลยนะครับ"
"ฮั่นแหน่ ชอบเขารอเฮีย"
"ชอบก็จีบเลยครับบบบ"
ผลัวะ!
ไม่รอให้เอ่ยเสียงระรื่นกันมากกว่านี้
คนโดนเเซวก็คว้าหมอนจับขว้างไปโดนหัวรุ่นน้องคนหนึ่งเข้าจนเกือบหงาย เสียงหัวเราะดังลั่นไปทั่วจนคยองซูต้องตะโกนขึ้นห้าม
ลู่หานส่ายหัวขำๆทั้งที่บนแก้มกลมก็ขึ้นสีระเรื่ออย่างเขินอาย
ก่อนหน้านี้สักสองสามวัน ด้วยความสงสัยเรื่องความสัมพันธ์ของจงอินและคยองซู
นักเรียนแลกเปลี่ยนก็ได้เอ่ยถามไปเรียบร้อย
ตอนแรกมันก็เล่ามาไม่หมดหรอก จนต้องซักไซ้
กว่าจะได้ความจริงทั้งหมดก็ยากเอาการอยู่เหมือนกัน
สรุปได้ว่าทั้งสองคนคบกันแบบลับๆ มีแค่ไม่กี่คนที่รู้
เพราะจงอินให้เหตุผลว่าคยองซูอาจเป็นอันตรายได้ ถ้าพวกโรงเรียนศัตรูรู้เข้า เหมือนกับอาทิตย์ที่แล้วที่โดนพวกซอนจินดักทำร้าย
แต่ป่านนี้พวกนั้นคงคิดว่าเขากับเซฮุนเป็นแฟนกันแล้วแน่ๆ
ร่างสูงบอกกับเขาแค่ว่า คงต้องรอฝ่ายนั้นเล่นมาแล้วค่อยจัดการ
แลดูโหดกันจริงๆเลย
"อยากออกไปเดินเล่นข้างนอกมั้ย" ลู่หานเอ่ยถามพลางจับมีดปอกผลไม้ในมืออย่างทุลักทุเลเพราะไม่ค่อยได้ใช้
หลังจากที่ทุกคนกลับไปแล้วเพราะเสียงดังจนโดนคยองซูไล่ให้กลับบ้านช่อง
ก็เหลือแต่เขาที่ถูกอนุญาตให้เฝ้าไข้ต่อ แต่ดูเหมือนจะถูกสั่งให้นอนเฝ้าด้วยซ้ำเนื่องจากเพื่อนตาโตกลับไปเอาชุดที่บ้านมาให้...
นี่มันปกครองแบบระบอบเผด็จการชัดๆ
"มึงจะพาไป?"
"แล้วนายเห็นว่ามีใครมั้ยล่ะ"
"ก็มีแค่มึงคนเดียว"
ลู่หานนิ่งไป เมื่อสัมผัสได้ว่ารูปประโยคมันแปลกๆ
ทั้งที่กวนตีนไปแท้ๆแต่ทำไมใจมันกลายเป็นแรงได้ขนาดนี้นะ
...คิดเยอะเกินไปแล้วลู่หาน
มีแค่คนเดียวก็ถูกแล้ว...ในห้องนี่นอกจากร่างสูงก็มีแค่เขาไง
คิดไรเนี่ย
"งะ งั้นเดี๋ยวไปเอารถเข็นก่อนนะ"
ร่างเล็กรีบเดินออกจากห้องโดยไม่ทันได้สังเกตุรอยยิ้มที่มุมปากของคนตัวสูงกว่า
และถ้าลู่หานคอยสังเกตุสักนิดล่ะก็ จะเห็นได้ว่าเซฮุนยิ้มออกมามากขึ้นทุกวัน
ร่างบางกลับเข้ามาอีกครั้งพร้อมกับสิ่งของที่ต้องการ
เขาช่วยพยุงคนไข้เพื่อย้ายให้มานั่งที่รถเข็นแทน โดยที่เซฮุนก็ไม่ได้อิดออดอะไร
ภายในโรงพยาบาลเต็มไปด้วยผู้ที่ต้องการการรักษาที่ถูกวิธีจากนายแพทย์
ดวงตาหวานมองสำรวจไปเรื่อยๆ ก็เห็นทั้งเด็กเอย ผู้สูงอายุเอย ส่วนคนบาดเจ็บก็ไม่มองไปที่อื่นเลยนอกเสียจากการเงยหน้าขึ้นมองพยาบาลจำเป็น
ลู่หานก้มหน้าลงมาก็สบเข้ากับดวงตาคมอย่างจัง
ไม่วายหยุดเดินเอาดื้อๆอยู่กลางโรงพยาบาล จนร่างสูงเอื้อมมือไปบีบแก้มเพื่อเรียกสติ
"นี่!"
"หึๆ"
เสียงหัวเราในลำคอดังขึ้น ทำให้ลู่หานที่แก้มขึ้นสีต้องสะบัดหน้าหนีแล้วออกแรงเข็นเจ้าคนตัวหนักไปยังสวนพักผ่อนที่อยู่ในชั้นนี้ทันที
"เอาไป" ลู่หานพูดเสียงห้วนพลางยื่นไอศกรีมแท่งที่แวะซื้อก่อนมาที่นี้ไปให้ร่างสูง
เซฮุนรับมาอย่างว่าง่ายก่อนจะกัดเข้าที่เนื้อไอศกรีมทั้งที่ริมฝีปากก็ระบายยิ้มออกมา
สายลมเย็นๆในเวลาพลบค่ำพัดผ่านร่างทั้งสองไปเรื่อยๆ
ทำให้รู้สึกถึงความผ่อนคลายจากเรื่องราวชวนปวดหัวหลายๆอย่าง และชวนใจเต้นแรงก็เช่นกัน
ลู่หานไม่ได้ซื้อของหวานมาสำหรับตัวเอง เขาซื้อมาให้แค่เซฮุนคนเดียว ไม่รู้สิ...แค่ได้มองใบหน้าด้านข้างที่กำลังมีความสุขเพราะรสชาติหวานละมุนลิ้นก็พอแล้ว
ลู่หานกลายเป็นคนขี้เพ้อตั้งแต่เมื่อไหร่นะ
"มึงไม่ได้ซื้ออะไรมากินด้วยหรอ"
"ไม่อ่ะ อ้วน"
"มึงหนะผอมจะตายอยู่แล้ว"
ร่างบางไม่ได้ตอบอะไร เพียงแค่ยิ้มขำๆกับคำพูดของอีกฝ่ายเท่านั้น
ก่อนจะเบือนหน้าไปมองท้องฟ้ายามค่ำคืนที่เห็นดาวเพียงน้อยนิดเนื่องจากอยู่ในตัวเมืองแทน
"อยากไปเที่ยวภูเขาจัง ท้องฟ้าคงสวยหน้าดูเลยเนอะ"
"ไปกับกูสิ เดี๋ยวพาไป" แม้ว่าเซฮุนจะพูดเรียบๆแบบปกติ
แต่อนุภาพของมันกับรุนแรงพอๆกับแผ่นดินไหวที่ทำให้เกิดสึนามิตามมาได้ ลู่หานเม้มปากอย่างประหม่าก่อนจะเอ่ยขึ้น
"ไปสิ"
หลังจากนั้นประมาณอาทิตย์กว่าๆเซฮุนก็สามารถออกจากโรงพยาบาลได้เพราะแผลค่อนข้างจะหายไวพอสมควร
และก็เหมือนเดิมที่ลู่หานต้องมาเป็นพยาบาลจำเป็น แม้ว่าจะไม่มีใครเอ่ยสั่ง แต่ร่างเล็กก็เป็นคนเลือกจะทำเอง
โชคดีที่วันนี้เป็นวันหยุดพอดีทำให้เขาสามารถมาดูแลร่างสูงได้อย่างเต็มที่
ตั้งแต่เมื่อคืนจนถึงตอนนี้เขาก็ยังไม่ห่างจากเซฮุนเลยด้วยซ้ำ
ยอมรับว่ามันรู้สึกดีที่ได้อยู่ใกล้มากขึ้นทุกวัน
ถึงแม้บางครั้งต้องเขินม้วนเพราะคำแซวจากพวกรุ่นพี่รุ่นน้องในแก๊งของเซฮุนก็ตาม
จะว่าไปเรื่องแก๊งของเซฮุน เขาเองก็พึ่งได้รู้จริงจังก็ไม่กี่วันมานี้
เขานึกมาตลอดว่าเซฮุนเป็นหัวหน้าเเก๊ง...แต่เปล่า อารมณ์เป็นเหมือนผู้สืบทอดอะไรเทือกนั้นมากกว่า
ส่วนหัวหน้าจริงๆจะเป็นรุ่นพี่ที่อยู่ปีสามอีกคนแทน แล้วจริงๆพวกเขาก็ไม่ใช่นักเลงหัวไม้แบบที่ไล่กระทืบใครก่อน
ถ้าเรียกให้ถูกต้องคงเป็นผู้พิทักษ์ของโรงเรียนอะไรประมาณนั้น เพราะถ้าโรงเรียนไหนล้ำเส้นเล่นใหญ่ก่อนถึงจะเอาคืน
ถ้าไม่จำเป็นก็จะไม่ยกพวกตีก่อนเด็ดขาด
และที่น่าประหลาดใจกว่าคือแต่ละคนที่อยู่ในแก๊งคือตัวท๊อปของโรงเรียนทั้งนั้น
อย่างเซฮุนนี่คือบุคคลที่มีคะแนนสอบสูงติดหนึ่งในสามของโรงเรียน ส่วนจงอินก็กัปตันชมรมบาสที่เลื่องลื่อด้านความเก่งกาจในสนาม
ไหนจะรุ่นน้องคนอื่นๆอีก ทั้งโปรแกมเมอร์มือฉมัง นักว่ายน้ำทีมชาติ บลาๆๆ เยอะแยะไปหมด
ที่น่ากลัวสุดคงไม่พ้นคุณหัวหน้าที่เป็นถึงประธานนักเรียนคนปัจจุบัน....
อลังการงานสร้างกว่านี้มีอีกมั้ย
เรื่องนั้นช่างมันเถอะ มันก็ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับตัวลู่หานอยู่แล้วด้วย
แต่ตอนนี้กำลังเป็นปัญหาเมื่อเซฮุนจ้องเขาไม่วางตาเลย
"เลิกมองได้แล้วหน่า" ร่างบางบ่นอุ๊บอิ๊บไปตามภาษาคนขี้เขิน
ก้มหน้างุดข้างแทบชิดอกพลางใช้มือเขี่ยๆข้าวในจานไปมาอย่างไม่นึกสนุกเลยสักนิด
"เงยหน้ามา"
"...."
"ลู่หาน"
"อะไรเล่า! อ๊ะ!!"
ทันทีที่เงยหน้าขึ้นก็สัมผัสได้ถึงอะไรอุ่นๆที่มุมปาก
กว่าสมองจะประมวลผลได้ก็ตอนที่ร่างสูงเลื่อนมือกลับไป...และเลียที่นิ้วของตัวเองพลางมองมาที่เขา
ลู่หานแทบระเบิดตัวเเตกพร้อมๆกับเสียงหัวเราะของจงอินและคยองซูที่ดังขึ้น
ร่างเล็กละอยากจะถามเหลือเกินว่า ‘นายไม่อายคนอื่นเขาหรือไง’ แต่ก็ต้องเงียบก้มหน้าเขินต่อไปทั้งอย่างนั้น
"โอ๊ยยย มดขึ้นเต็มโต๊ะแล้วววว" เสียงร่าเริงของคยองซูดังขึ้นก่อนจะใช้ศอกกระทุ้งเบาๆที่สีข้างของลู่หานเป็นการเเซว
"คยองซูอ่าา" ลู่หานยู่ปากก่อนจะสะบัดหน้าหนีเป็นเชิงงอน
แต่พอหันหน้ามองตรงก็เจอโจทย์เก่าที่ชวนให้เขาอยากจะมุดดินหนีไปเลย
มืออาหารจบลงไปแล้วแต่ก็ยังคงนั่งในร้านอาหารกันต่อเพื่อเป็นการพูดคุยนู้นนี้นั้นกันไป
แต่จริงๆคงเป็นการพูดคุยของอีกสองคนที่นั่งฝั่งซ้ายเขามากกว่า
เป็นมนุษย์ที่พูดมากกันทั้งคู่เลยสินะ
ทำให้ทั้งเขาและเซฮุนเอาแต่เงียบจนตอนขึ้นรถเตรียมไปส่งร่างสูงที่คอนโดฯก็ยังเงียบ
ด้วยความที่ไม่มีใครกล้าเปิดประเด็นขึ้นมา มันจึงกลายเป็นสงครามที่แข่งกันเงียบ ใครเงียบได้นานกว่าจะเป็นฝ่ายชนะ
....อะไรประมาณนั้น
เอาตามตรง ...ลู่หานคงจะเป็นอาการเขินต่อเนื่องจากเมื่อกี้มากกว่า
แต่กลับเซฮุนคงเป็นเพราะนิสัยของเจ้าตัวนั้นแหละ
แต่เขาก็ยอมรับมันด้วยดี เพราะถ้าเขาไม่ชอบการที่ร่างสูงเงียบใส่เป็นประจำ
เขาคงไม่ใจเต้นแรงหรือหน้าขึ้นสีเเบบที่ชอบเป็นบ่อยๆหรอกนะ
รถยนต์กระป๋องของสารถีจำเป็นนามว่าคิม
จงอิน เทียบจอดลงที่บริเวณลานจอดรถใต้คอนโดมีเนียม ซึ่งถือว่าเป็นที่พักอาศัยในปัจจุบันของผู้บาดเจ็บ
ทั้งสี่คนเดินลงมาจากลง โดยที่มีจงอินคนเดิม เพิ่มเติมคือมาช่วยพยุงร่างสูงเล็กน้อย
ทั้งคู่กระซิบอะไรกันนิดหน่อยก่อนที่แฟนเพื่อนสนิทจะเอ่ยขึ้น
"ลู่หาน มาช่วยหน่อยสิ พอดีฉันลืมของไว้ในรถนะ
...ดีโอมากับไคหน่อย"
ยังไม่ทันที่ลู่หานจะเอ่ยตอบ คนผิวสีเข้มก็ลากเจ้าคนตาโตเดินหาบกลับไปทางเดิมเสียแล้ว
ร่างเล็กเลยต้องจำเป็นมาช่วยพยุงแทน
"จะให้ขึ้นไปส่งมั้ย"
"แล้วแต่มึง"
เป็นคำตอบที่รู้สึกชิบหายเบาๆ เพราะถ้าเลือกขึ้นไปส่งถึงห้อง
ไม่วายจะต้องมีเหตุการณ์ให้เขินแน่ๆ เพราะเขาสัมผัสได้(?) แต่ถ้าไม่ขึ้นไปส่งก็ดูเหมือนสายตาเว้าวอนในตอนนี้จะเป็นปัญหาพอสมควร
ช่วยเอาเซฮุนคนเย็นชาที่เคยปัดมือเขากลับมาเถอะ...
"เออ...ขึ้นไปส่งก็ได้" ลู่หานตอบเสียงเบา
ผิดกลับร่างสูงที่ถึงจะทำหน้าเรียบตึงแต่ในเเววตานี่มีเเต่คำว่า yes
กลายเป็นตอนนี้ลู่หานก็ไม่ได้ช่วยพยุงแล้วเพราะเซฮุนบอกว่าไม่ต้อง
เขาก็ไม่ได้งอแงจะช่วยให้ได้ก็เลยปล่อยให้เดินเอง และเดินนำหน้าเขาอยู่หลายก้าว
เป็นอีกครั้งที่ลู่หานได้สักเกตุแผ่นหลังกว้างชัดๆ
ไหล่ของเซฮุนกว้างกว่าเขาพอสมควรทำให้สรีระส่วนอื่นๆมีมากกว่าเขา ทั้งที่เขาเคยมั่นใจว่าตัวเองไม่ใช่หนุ่มร่างน้อยผอมบาง
พอมาตอนนี้เขาต้องคิดใหม่อีกครั้ง
ร่างสูงเปิดประตูเขาไปในห้อง ตามด้วยคนตัวเล็กกว่าที่เดินเข้าไป
ลู่หานค่อนข้างตื่นตาเล็กน้อยถึงปานกลาง เพราะนี่ถือว่าเป็นครั้งแรกที่เขาได้เหยียบคอนโดฯใครสักคน
และยิ่งน่าตื่นเต้นมากขึ้นไปอีก เพราะว่าตอนนี้เขาอยู่ในห้องของเซฮุน
เป็นห้องขนาดปานกลางที่เหมาะกับการอาศัยอยู่คนเดียว
ถูกตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์ที่ดูมีราคา และโทนสีขาว เทา ก็เข้ากันอย่างหลงตัว
ลู่หานล่ะชอบห้องแบบนี้เหลือเกิน
"ทานไรมั้ย"
ร่างสูงเอ่ยขัดขึ้นทำให้เขาที่มัวแต่สนใจสิ่งรอบข้างต้องหันไปมอง
"ห๊ะ...อ๋อ ไม่ล่ะ เดี๋ยวก็ไปล่ะ"
"รีบหรอ"
"ก็...กลัวว่าเดี๋ยวคยองซูจะรอนาน"
"แล้วไม่กลัวว่ากูจะเหงาหรอ"
"....."
"...ถ้าไม่มีมึง"
ในห้องสีขาวสะอาดตา ที่ตกแต่งแบบเรียบๆ
ถ้าลองสังเกตดีๆจะเห็นก้อนกลมๆดิ้นดุกดิกอยู่บนเตียงนอนขนาดสามฟุตครึ่ง
ลู่หานโผล่หัวพ้นผ้าห่มออกมาเพื่อรับออกซิเจนและอากาศเย็นๆจากเครื่องปรับอากาศ
เขาถอดหายใจออกมาอีกครั้ง เพื่อหยุดอาการใจเต้นแรงเสียที
พอนึกถึงแล้วก็ชวนเขิน หลังจากที่ร่างสูงเอ่ยประโยคนั้นกับเขา
เขาก็รีบสลายตัวออกมาทันทีก่อนที่จะระเบิดตัวออกเพราะอุณหภูมิในร่างกายสูงเกินไป พอบอกว่าจะขอกลับบ้านเดี๋ยวนั้น
เซฮุนก็หัวเราะเขาใหญ่เลย แต่ก็ยอมปล่อยกลับมา
เซฮุนโหมดนี่ไม่ดีต่อใจเลยสักนิด
Rrrrrrr
โทรศัพท์ที่วางอยู่บนโต๊ะเขียนหนังสือกำลังสั่นเครือด้วยระบบของมัน
ลู่หานผงกหัวขึ้นก่อนจะลุกจากเตียงเพื่อไปรับสายที่โทรเข้ามา
มือบางที่กำลังจะเอื้อมไปหยิบเป็นอันต้องชะงักทันทีที่ดวงตาหวานได้เห็นว่าผู้ใดเป็นคนโทรเข้ามา
ลู่หานจับมันคว่ำหน้าจอ ก่อนจะเดินออกจากห้องนอนทันที
เขาเดินลงมาที่ชั้นล่างโดยที่ไม่รู้ว่าจะมาทำอะไร
แต่ก็คงดีกว่าฟังเสียงโทรศัพท์อยู่อย่างนั้น
"อ้าว หนูลู่หาน" เสียงหวานของหญิงสาวดังขึ้นจากด้านหลัง
เรียกความสนใจให้เจ้าของชื่อเป็นอย่างดี
"หวัดดีครับคุณน้า" ลู่หานตอบพลางยิ้มกว้างกลับไป
ตอนนี้เป็นเวลาสามทุ่มกว่าซึ่งคาดว่าเจ้าของบ้านจะพึ่งกลับมาจากการทำงาน
เขาไม่ค่อยรู้แน่ชัดเท่าไหร่ว่าคุณน้าทำงานอะไร รู้แค่ว่าทำงานในบริษัทหนึ่งที่มีชื่อเสียงและตำแหน่งค่อนข้างสูงพอสมควร
"พึ่งกลับมาหรอครับ"
"ใช่จ๊ะ ทำงานมาเหนื๊อยเหนื่อย"
"อ่อ ครับ"
"แล้วเจ้าตัวเเสบล่ะ"
"อยู่บนห้องนะครับ"
"โอเค เดี๋ยวน้าไปหาคยองซูก่อนนะ"
หญิงสาวว่าไว้แค่นั้นก่อนจะเดินแยกขึ้นไปยังห้องนอนของลูกชาย
ลู่หานชอบครอบครัวแบบนี้มากๆ ถึงจะอยู่กันแค่สองคนแม่ลูก
เพราะคุณพ่อของคยองซูท่านทำงานอยู่ต่างประเทศนานๆจะกลับมาที แต่ก็อบอุ่นและเป็นกันเอง
เขาไม่รู้ว่าความอบอุ่นของครอบครัวเขามันหายไปตั้งแต่เมื่อไหร่
รู้ตัวอีกทีก็ตอนนี้คุณป๊าทำแต่งานไม่สนใจกันเลย
มือบางยกแก้วน้ำขึ้นดื่มเป็นอึกสุดท้ายก่อนจะเดินกลับขึ้นมาบนห้องอีกครั้ง
แต่พอเปิดประตูเข้าไปก็ต้องถอดหายใจออกมา เมื่อโทรศัพท์ที่วางคว่ำหน้ากับโต๊ะยังคงสั่นอยู่เหมือนเดิม
เขาตัดสินใจยกมันขึ้นมาดู และพบว่าเป็นคนเดิมที่ไม่อยากรับโทรศัพท์เท่าไหร่นัก
แต่ในเมื่อโทรมาขนาดนี้แล้ว คงไม่เลิกโทรง่ายๆแน่ จะให้ปิดเครื่องหนี้ก็คงจะหาข้อแก้ตัวยากเกินไป
เพราะงั้นจะรับให้ก็ได้แล้วกัน
"เหวย"
[ลู่หาน!]
ความคิดเห็น