คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : G A N G S T E R - 02 | is guarding
ร่างสูงสมส่วนกว่าร้อยแปดสิบเซนติเมตรกำลังเดินขึ้นบันไดภายในตึกเรียนทีละขั้นด้วยสีหน้านิ่งตามแบบฉบับของเจ้าตัว
เรือนผมสีเทาควันบุหรี่ปลิวไสวตามแรงลมที่พัดผ่านมาจนทำให้ดูไม่เป็นทรงนัก
ในเวลาตอนนี้ก็คงเรียกได้ว่าเลิกเรียนแล้ว และนักเรียนส่วนใหญ่ก็กลับบ้านกันไปบ้าง
ส่วนอีกเล็กน้อยก็คงอยู่ตามห้องชมรม ส่วนตัวเขาก็เบื่อๆที่จะต้องกลับไปไม่มีอะไรทำที่คอนโดฯ
เพราะงั้นเป็นประจำที่เซฮุนมักจะมานอนเล่นตากลมที่ดาดฟ้าของโรงเรียน เนื่องจากมันค่อนข้างสงบและไม่ค่อยมีขึ้นมาเท่าไหร่
เรียกอีกอย่างว่าเป็นเขตต้องห้ามของโรงเรียนด้วยก็ได้มั้ง
เพราะมันสูงและอันตราย
เซฮุนทอดตัวยาวไปกับพื้นเมื่อมาถึงจุดหมายได้สำเร็จดวงตาคมเหม่อมองท้องฟ้าสีครามที่เต็มไปด้วยก้อนเมฆปุกปุยหลากหลายรูปร่าง
พร้อมกับสายลมเย็นที่ทำให้จิตใจของเขาสงบลง
วันนี้เขาก็ไม่ได้เขาเรียนอีกแล้ว แม้ว่าเขาจะมาโรงเรียนทุกวันแต่ช่วงนี้ไม่เคยเหยียบเข้าไปในห้องอีกเลยตั้งแต่วันนั้น
ส่วนหนึ่งก็เพราะไม่อยากเข้าไป มันน่าเบื่อและมีแต่เรื่องเดิมๆที่เรียนไปหมดแล้ว อีกอย่างคือเขาไม่อยากเห็นหน้าผู้ชายตัวเล็กคนนั้นเท่าไหร่
ไม่รู้ว่าควรจะเรียกความรู้สึกนี้ว่าอะไร มันแปลกไปจากคนอื่นๆ
ในใจมันต้องการเข้าหาแต่ไม่กล้าพอและกลัวว่าจะทำให้อีกฝ่ายเป็นอันตราย...
เพราะเขาได้ชื่อว่าเป็นนักเลง
ไม่นานนักหลังจากที่คิดอะไรเรื่อยเปื่อย เปลือกตาก็ค่อยปรือปิดลงไปช้าๆ
ด้วยสภาพอากาศที่เริ่มเย็นบวกกับความง่วงงุนเลยทำให้เขาเผลอหลับไปในที่สุด
ภาพในความฝันของเขาถึงจะไม่เด่นชัดมากแต่ก็พอดูออกว่าเจ้าของใบหน้าจิ้มลิ้มนั้นคือใคร
รอยยิ้มกว้างคล้ายรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าถูกส่งมาให้ พร้อมกับคำพูดอะไรอีกเล็กน้อยที่เพิ่มความโหยหาได้อีกเท่าตัว
แต่แล้วภาพในหัวก็หายไป ...มันถูกทับซ้อนด้วยดวงตาหวานของใครอีกคน
แล้วไม่นานหลังจากนั้นภาพทุกอย่างก็หายไปอย่างกะทันหันด้วยเสียงรบกวนจากภายนอก ทำให้เปลือกตาของเขาค่อยๆลืมขึ้นและตื่นจากความฝันในที่สุด
สิ่งที่ปรากฏอยู่ตรงหน้าก็ยังเป็นท้องฟ้าสีสวยที่เริ่มอมส้มและสีแห่งรัตติกาล
เขาได้ยินเสียงกุกกักดังมาจากด้านล่างจึงยันตัวขึ้นหวังจะชะโงกหน้าไปดูว่าใครเป็นคนมารบกวนเขาในเวลานี้
เรือนผมสีน้ำตาลเข้มกระทบกับแสงแดดอ่อนๆ ใบหน้าหวานราวกับหญิงสาว
และร่างกายเล็กบอบบางน่าถะนุถนอม สิ่งเหล่านี้ทำให้เซฮุนรู้ได้ทันทีว่าร่างบางตรงนั้นเป็นใคร
คนที่พยายามจะไม่พบเจอมาหลายวัน
เซฮุนดีดตัวกลับไปนอนเหมือนเดิมเมื่อนักเรียนแลกเปลี่ยนหันมาทางเขา
และเสียงทุกอย่างก็เงียบลงไปจนกระทั่งได้ยินเสียงรองเท้ากระทบราวบันไดลิงที่ทำจากเหล็ก
ทำให้เขาหลับตาพริ้มลงไปอีกครั้ง
ที่ข้างหูมีเสียงฝีเท้าเบาๆดังขึ้นมาเล็กน้อย เป็นเครื่องบอกได้อย่างดีว่าอีกคนพยายามย่องเข้ามาใกล้กับเขา
เซฮุนละอยากจะลืมตาขึ้นมาดูจริงๆ ว่าตอนนี้ลู่หานกำลังทำสีหน้าแบบไหนอยู่
แชะ
แสงเฟลชสว่างขึ้นต่อจากนั้น ร่างสูงจึงตัดสินใจลืมขึ้นทีละนิดพร้อมกับคิ้วที่ขมวดกันเล็กน้อยเพราะเเสงไฟ
ภาพตรงหน้าเขาคือลู่หานที่กำลังแสดงสีหน้าเหวอเลิกลั่กก่อนเจ้าตัวจะรีบเก็บข้าวของเตรียมลุกออกไป
แต่ความไวกว่าของเซฮุนทำให้ร่างบางหยุดชะงัก เมื่อมือหนากำลังรั้งข้อมือเล็กเอาไว้อยู่
ร่างสูงยันตัวให้ลุกขึ้นนั่งอีกครา ดึงลู่หานให้นั่งลงที่เดิม ก่อนจะตีหน้าเรียบและสายตานิ่งๆเหมือนทุกครั้ง
ซึ่งดูเหมือนว่าคนหน้าหวานจะกลัวเขาไม่น้อยเลย
มันยิ่งดูน่าแกล้ง และ...น่ารัก
เขาได้แต่แอบขำท่าทีของอีกคนอยู่ในใจ พยายามไม่แสดงออก
เพราะต้องการจะแกล้งให้ลู่หานทำหน้าตื่นกลัว อย่างที่เป็นอยู่ในตอนนี้
"เออ... ฉัน ..ขอโทษนะที่รบกวน"
ร่างบางพยายามดึงมือออกเพื่อจะลุกเดินหนี เนื่องจากในใจยังคงรู้สึกแย่ติดต่อกันมาจากวันนั้น
แต่ก็ไม่เป็นผลเมื่อเซฮุนไม่ยอมปล่อย
ลู่หานได้แต่คิดในใจว่าอยากให้ร่างกายอันตฐานหายไปกับสายลมมันเสียตรงนี้
"จะไปไหน" เป็นครั้งที่สองที่เขาได้ยินเซฮุนพูดออกมา
และมันยาวกว่าครั้งแรก แต่น้ำเสียงก็ยังคงนิ่งเรียบไม่ต่างจากหน้าตาในตอนนี้เลย
"ก็...จะลงไปแล้วไง"
ร่างบางกำลังรู้สึกกลัว ...ไม่ใช่กลัวว่าเซฮุนจะกระโดดขย้ำคอเป็นเสือล่าเหยื่อแบบในสารคดี
แต่กลัวจะไปทำอะไรไม่ถูกใจแล้วถูกทำให้เสียงความรู้สึกอีกเปล่าๆ
"ใครบอกให้ลงไป"
"อะ ...เออ" ลู่หานอึกอักทำอะไรไม่ถูก
รู้สึกมือไม้เกะกะไปหมด ถึงแม้จะรู้สึกใจชื้นที่อีกฝ่ายพูดกับเขาบ้างก็เถอะ
แต่มันก็ยังกลัวอยู่ดีนี่
"มันมืดแล้ว ไม่กลัวรึไง"
เขาเริ่มเปลี่ยนวิธีการพูดให้ดูนุ่มนวลมากขึ้น แม้จะไม่มากนักแต่ก็ไม่เคยพูดแบบนี้กับใคร
"ฉัน... กลับพร้อมเพื่อนหนะ"
เสียงตอบเบาหวิวดังมาจากคนตัวเล็กที่ตอนนี้รู้สึกว่าตัวเองจะมีขนาดเล็กลงกว่าเดิม คงเหลือสักสองนิ้วอะไรแบบนี้
แต่ยังไม่ทันที่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งจะพูดต่อ เสียงสั่นเครือจากเครื่องมือสื่อสารในกระเป๋ากางเกงของลู่หานก็ดังขึ้น
Rrrrrrrr
มือบางกดรับอย่างชำนาญ ก่อนจะกรอกเสียงลงถึงปลายสาย
"ว่าไงคยองซู"
[นายอยู่ไหนอ่ะ ยังอยู่โรงเรียนรึเปล่า]
"อยู่ๆ ทำไมหรอ"
[นายกลับก่อนเลยก็ได้นะ ฉันไม่รู้ว่างานมันจะเสร็จเมื่อไหร่อ่ะ]
"อ่า แล้วนายจะกลับยังไง"
[เดี๋ยวเพื่อนไปส่ง แค่นี้ก่อนนะ] พอพูดจบคยองซูก็ตัดสายทิ้งไปทันทีด้วยความรีบร้อน
ลู่หานได้แต่ถอนหายใจพลางเหลือบมองคนตัวสูงอย่างชั่งใจ
ในเวลานี้มันก็เริ่มมืดอย่างที่อีกคนเคยว่าไว้ และพอมืดความน่ากลัวและความไม่ปลอดภัยก็เพิ่มขึ้นไปเท่าตัว
ยิ่งทางกลับบ้านเขาก็เปลี่ยวพอสมควรด้วยสิ จะเกิดอันตราอะไรขึ้นรึเปล่าก็ไม่รู้ ...แต่ก็ไม่อยากรบกวน
"ฉันว่าจะกลับแล้ว" เป็นอีกครั้งที่ลู่หานพยายามแกะมือหนาออก
แต่ก็ไม่ทันการเมื่อร่างสูงเอ่ยขึ้นด้วยประโยคที่พาให้ใจสั่นพร้อมกับฉุดให้ลุกขึ้นเพื่อลงจากดาดฟ้าตึก
"เดี๋ยวไปส่ง"
ลู่หานลืมไปเสียสนิทว่าตนมาทำอะไรที่นี้
------------
เวลาผ่านไปสักพักพร้อมกับพวกผมที่เดินพ้นออกมาจากเขตของโรงเรียน
ซึ่งเป็นเวลาเดียวกันที่ตะวันลาลับขอบฟ้าเป็นที่เรียบร้อย
ไม่มีใครพูดอะไรเลยตั้งแต่ลงมาจากตึก อย่างมากเซฮุนก็ถามแค่กระเป๋าอยู่ไหนและพาเดินไปเอาที่ห้องเรียน
และเขาก็ถามขึ้นอีกครั้งว่าบ้านผมไปทางไหน
ตอนแรกผมก็คิดว่าเขาจะไปส่งผมด้วยยานพาหนะของเขาที่เคยเห็นเมื่อครั้งก่อน
แต่สุดท้ายก็กลายเป็นว่าเราต้องนั่งรถไฟฟ้า ผมก็อยากจะเอ่ยถามเขาเหมือนกันแต่มันคงเป็นการระราบระล้วงมากเกินไป
อีกอย่างผมก็ไม่มีความจำเป็นอะไรต้องถาม มันไม่ใช่สิ่งที่ผมควรรู้เสียหน่อย
โครกกกกกก
จู่ๆเสียงกระเพาะก็ร้องประท้วงขึ้นอย่างหน้าอายจนผมอยากจะแทรกแผ่นดินดี
โชคดีที่ตอนนี้คนเริ่มน้อยลงบ้างและคนส่วนใหญ่ก็คงสนใจแต่เรื่องของตัวเอง
ยกเว้นไว้คนหนึ่งแล้วกัน...
"หิวหรอ" น้ำเสียงราบเรียบไม่บ่งบอกถึงอารมณ์เอ่ยถามขึ้น
แต่สิ่งที่ทำให้ผมรู้สึกแปลกใจคือรอยยิ้มที่มุมปากของเขา
อยากจะบอกเซฮุนเหลือเกินว่าควรยิ้มให้มันบ่อยๆ
เพราะมันดูดีเอามากๆเลย
ผมพยักหน้าตอบกลับอย่างเขินอาย ไม่ใช่เขินเพราะความหล่อเรี่ยราดของบุคคลตรงหน้าหรอกนะ
แต่มันเขินเสียงกระเพาะตัวเองมากกว่าเนี่ย
ไอ้กระเพาะบ้าาาา
หลังจากนั้นเขาก็ไม่ได้ถามอะไรต่อ แล้วก็เบือนหน้าไปเฉยๆพร้อมกับรอยยิ้มที่ยังคงประดับไว้อยู่ที่เดิม
ไม่นานก็ถึงสถานีปลายทางในที่สุด พวกเราเดินลงมาอย่างไม่รีบร้อนเท่าไหร่
ปกติผมก็ชอบโคฟเป็นสล๊อตอยู่แล้ว ทำให้บางครั้งก็ทำตัวสโลว์ไลฟ์ไปบ้าง และดูเหมือนเซฮุนก็เช่นกัน
เขาไม่ได้ดูเร่งรีบอย่างที่ผมเคยคิดเอาไว้เลย
ผมตั้งใจจะเดินไปที่ป้ายรถเมล์ แต่ว่าร่างสูงก็จับข้อมือผมเอาไว้แล้วลากไปอีกทาง
ไม่รู้ว่าเป็นครั้งที่เท่าไหร่ ที่เซฮุนทำแบบนี้ แต่ทุกๆครั้งหัวใจผมจะเต้นแรงเสมอ
ผมรู้สาเหตุของอาการใจเต้นแรงแบบนี้ดี....
สุดท้ายคนตัวสูงก็ลากผมมาที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งซึ่งอยู่ในละเเวกนั่น
เป็นร้านที่ผมเดินผ่านเป็นประจำแต่ไม่เคยมีโอกาสได้เข้ามาอุดหนุน ซึ่งนี่เป็นครั้งแรกในการมาเยือนของผม
ที่นี้เป็นร้านอาหารเกาหลีที่ไม่ได้ดูหรูหราแต่ก็ไม่ใช่ร้านกิ๊กก๊อกเปิดเพิงตามถนนทั่วไป
แต่สิ่งที่ทำให้ผมต้องแปลกใจ คือคนส่วนใหญ่ที่มาใช้บริการ...มีแต่คู่รัก ผมชะงักฝีเท้าไปนิดหน่อยแต่ก็พยายามไม่คิดอะไรให้มากความ
เพราะจากที่สำรวจด้านนอกร้านมานิดหน่อย ก็มีแต่ร้านนี่ร้านเดียวที่เปิดอยู่
พวกเราเดินเข้ามานั่งด้านในสุดเพราะเป็นที่เดียวที่วาง
ผมรับเมนูมาจากพนักงานก่อนจะเปิดดูอย่าเกรงใจระคนประหม่าชายร่างสูงตรงหน้าที่ยังทำตัวนิ่งเรียบเหมือนเดิมแป๊ะๆ
กลายเป็นว่ามื้ออาหารนี้ก็ครอบคลุมไปด้วยความเงียบเชียบเช่นเคย
ไอตัวผมก็ไม่ได้พูดอะไรออกมาอีกเพราะไม่กล้า กลัวไปขัดใจเขา...
แต่ทุกครั้งที่ได้มองเซฮุนชัดๆ แม้ว่าจะเป็นเพียงแค่เสี้ยววินาทีก็ตาม
มันมักจะมีความคิดหนึ่งขึ้นมาตลอด
เซฮุนไม่ได้เลวร้ายเหมือนที่ใครๆบอก เขาแค่แสดงออกไม่เก่งเท่านั้นเอง
เวลาผ่านไปสักพักพร้อมความอึดอัดอย่างที่เคยเป็น ตอนนี้เซฮุนทานเสร็จไปก่อนเรียบร้อยแล้ว
จะเหลือก็แต่ผมที่ยังละเลียดทานอาหารในจานอยู่ ต้องยอมรับตัวเองเลยครับว่าเป็นมนุษย์กินช้า
แต่ไม่คิดว่าจะช้าขนาดนี้ เพราะคนแสนเย็นชาเขาทานหมดไปเมื่อสิบนาทีก่อนแล้วด้วยซ้ำในขณะที่ผมเหลือตั้งครึ่งจาน...
แต่ถ้าจะพูดให้ถูกต้องบอกว่าเซฮุนทานเร็วต่างหาก มีอย่างที่ไหนทานหมดตั้งแต่สิบนาทีแรกที่อาหารวางตรงหน้า
ก็นั้นแหละครับ...แต่ผมก็ท้วงอะไรไม่ได้
"เออ...เซฮุน" สุดท้ายผมก็เรียกชื่อเขาขึ้นมาหลังจากที่เดินออกนอกร้านเรียบร้อยแล้ว
เขาหันมามองผมเล็กน้อยด้วยสายตาเดิมๆจนผมนึกเบื่อ
"ขอบคุณนะ...สำหรับค่าอาหาร"
ตามนั้นเลยครับ จริงๆผมจะควักเงินจ่ายเองแล้วด้วยซ้ำ
เพราะว่ามันก็ไม่ใช่ถูกๆ แต่ยังไม่ทันจะหยิบกระเป๋าตังขึ้นมา เจ้าคนผมเทาก็วางบัตรเครดิตบนเคาท์เตอร์ไปก่อนแล้ว
ทำให้ผมที่กำลังจะค้านก็ต้องเงียบปากไปเพราะการปรายตามองของอีกฝ่ายซึ่งเป็นเหมือนการห้ามกรายๆ
ส่วนตอนนี้เขาก็ได้แต่พยักหน้าแล้วเดินไปก่อน ทำให้ผมต้องแย้งขึ้นมาอีกครั้ง
"เดี๋ยวก่อนสิ!"
"...." เขาหันหลังกลับมาพร้อมกับมองที่ผม
คิ้วเรียวของเขาเลิกขึ้นเล็กน้อยเป็นเชิงถาม
"คือ...นายไม่ต้องมาส่งฉันแบบนี่ก็ได้นะ"
"...."
"เนี่ย เดินไปอีกหน่อยก็จะถึงบ้านฉันอยู่แล้ว
ส่งแค่-"
"ก็แค่อยากไปส่ง"
"เออ.." ผมแทบเอ๋อกินทันทีตอนที่ประโยดนี้สวนกลับมา
มันทำให้ใจผมเต้นแรงกว่าปกติหลายเท่า และความคิดในหัวก็ตีกันวุ่น
แต่สิ่งหนึ่งที่ชัดเจนคือความคิดที่เข้าข้างตัวเอง
...ผมก็ไม่ได้อยากจะคิดแบบนั้นเท่าไหร่ แต่ว่าสิ่งที่เซฮุนทำมันสื่อออกมาแบบนี้ ว่าเขากำลังเป็นห่วงผมอยู่
อ่าลู่หาน.... นายเลิกดีใจได้แล้ว
"เดินต่อได้แล้ว" อาจจะเป็นเพราะผมที่นิ่งอึ้งไปนานจนผิดสังเกตทำให้เขาเดินกลับมาจับมือผมอีกครั้ง
แล้วดึงมือเป็นเชิงให้ผมเดินต่อ
และครั้งนี่แปลกออกไปจากทุกครั้ง จากการจับแค่ข้อมือกลายเป็นเลื่อนมาจับมือผมแทน
ผมขอพูดใหม่ได้มั้ย...
ว่าโอ เซฮุน เป็นผู้ชายที่อันตรายมากๆ
โดยเฉพาะอันตรายต่อหัวใจ
ตอนนี้เราพึ่งลงกันมาจากรถเมล์ครับ เวลาผ่านไปประมาณสิบนาทีจากเหตุการณ์เมื่อครู่
แต่การกระทำต่างๆก็ไม่ได้แปลกไปจากเดิมเลย เขายังจับมือผมเอาไว้และหัวใจของผมก็ยังเต้นแรง
แรงจนเหมือนว่ามันจะหลุดออกมาจากอก
บริเวณรอบข้างทาทับด้วยความมืดมิด ซึ่งซอยเข้าบ้านผมก็เปลี่ยวพอสมควร
แม้ว่าจะมีแสงไฟจากหลอดนีออนก็ตาม และนอกจากจะมืดมันก็เงียบมากๆด้วยเช่นกัน
กึก
และสิ่งไม่คาดฝันกำลังเกิดขึ้นตรงหน้า พวกเราชะงักฝีเท้าทันทีที่มีผู้ชายร่ายใหญ่สามคนเข้ามาเดินขว้าง
ตอนแรกผมก็ไม่ได้คิดอะไรหรอกครับ จนกระทั่งหนึ่งในผู้ชายกลุ่มนั้นยกไม้เบสบอลขึ้นมาพาดไว้ที่ช่วงไหล่
นั้นทำให้ผมรู้ได้ทันทีว่ามันกำลังจะเกิดอะไรขึ้นต่อจากนี่
แต่น่าแปลกที่ผมไม่รู้สึกกลัวอย่างที่ควรจะเป็นเลย
เพราะอะไรกันนะ...
เพราะเซฮุนงั้นหรอ...?
------------
ดวงตาคมเรียวที่เคยนิ่งเฉยแปลเปลี่ยนเป็นความดุและซ่อนแววโทสะเอาไว้ในนั้นอย่างเห็นได้ชัด
จากบุคคลที่ค่อนข้างเฉยเมยต่อทุกอย่างกำลังเผยรังสีแปลกๆออกมาจนร่างบางนึกกลัว
ฝ่ายตรงข้ามแสยะยิ้มที่มุมปากพร้อมกลั้วหัวเราะเล็กน้อยในลำคอ
คนตรงกลางที่ดูจะเป็นหัวโจกควงไม้เบสบอลในมือโดยไม่กลัวว่ามันจะไปโดนตัวใครพลางเดินเข้ามาหาเซฮุนที่ดูเหมือนกำลังระงับอารมณ์ของตัวเองอยู่
"ถ้ากูไม่ได้มาดูด้วยตา ก็คงไม่รู้ว่ามึงมีแฟนแล้ว"
เจ้าของใบหน้าหล่อร้ายเดินเข้ามาเรื่อยๆ เปลี่ยนการควงไม้เบสบอลให้ไปลากพื้นแทน สร้างเสียงน่ารำคาญจนลู่หานต้องเบ้หน้า
แม้ว่าคนตัวเล็กจะรู้สึกอยากจะเอ่ยปฏิเสธออกไป แต่ในเมื่อคนข้างๆเขาไม่พูด
เขาเลยเลือกที่จะเงียบ
"แฟนมึงน่ารักด้วยนี่หว่า"
"...." เซฮุนไม่ได้พูดอะไรตอบ
แต่เขาดึงร่างเล็กให้มายืนซ้อนด้านหลังแทนเป็นเชิงปกป้องเขาจากผู้ไม่หวังดีตรงหน้า
ส่วนลู่หานที่พึ่งเคยเจอสถานการณ์แบบนี้เป็นครั้งแรกก็ได้แต่ทำตามไปอย่างว่าง่าย
"ไว้ค่อยจัดการแฟนมึงหลังจาก-"
ผลัก!!
ลู่หานเบิกตากว้างอย่างตกใจหลังจากได้ยินเสียงเหมือนอะไรกระทบกันจนต้องแอบชะโงกหน้ามามองเล็กน้อย
เขาเห็นเซฮุนยกเท้าค้างกลางอากาศในขณะที่อีกฝ่ายก็หงายหลังลงไปกับพื้น กว่าจะตั้งสติได้อีกทีก็ตอนที่เซฮุนพูดกับเขาพลางปล่อยมือเล็กให้เป็นอิสระ
"มึงไปหาที่หลบซะ"
แผ่นหลังของร่างสูงกำลังไกลออกไปเรื่อยๆ พร้อมกับหัวใจของลู่หานที่เต้นผิดจังหวะด้วยความรู้สึกหลายๆอย่าง
เขาไม่ได้ต้องการให้เรื่องทุกอย่างเป็นแบบนี้เลย แต่ตัวเขาจะไปทำอะไรได้นอกจากทำตามที่เซฮุนพูดสั่งเอาไว้
ร่างบางเดินถอยหลังออกมาในจังหวะที่เริ่มเกิดการปะทะขึ้นตรงหน้า ดวงหน้าหวานพยายามหันซ้ายหันขวาเพื่อหาอะไรบางอย่างไปช่วยเหลืออีกคน
ส่วนเซฮุนก็ออกแลกหมัดกับศัตรูโดยไม่เกรงกลัวอาวุธในมือนั้นเลย
ร่างสูงเบี่ยงตัวหลบก่อนจะตะหวัดขาขึ้นถีบอีกฝ่ายจนกระเด็น ทำให้ลูกสมุนอีกสองคนต้องเขามาช่วยเหลือ
คนหนึ่งก็ส่งกำปั้นมาแบบไม่ยั้ง อีกคนก็เช่นกัน ทำให้เขาต้องหลบเป็นพัลวันเพื่อหาโอกาสตอบโต้กลับ
เมื่อได้จังหวะตอนที่หนึ่งในสองคนนั้นสวนหมัดมา เซฮุนก็คว้าแขนเอาไว้ก่อนจะจับให้ไพล่หลังแล้วฟาดเข้าที่ท้ายทอยจนร่วงสลบลงไปกับพื้น
และจัดการถีบอีกคนที่หวังจะเข้ามาทำร้าย
การต่อสู้ยังดำเนินต่อไปเรื่อยๆอย่างไม่มีใครยอมใคร
แม้เซฮุนจะถือได้ว่าฝีมือดีแต่สองรุมหนึ่งในตอนนี้ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย หลายครั้งที่เขาเองก็โดนสวนหมัดใส่แต่ก็ยังสามารถตอบโต้กลับได้ทุกรอบ
ยกเว้นก็แต่ครั้งนี้... ร่างสูงทรุดลงกับพื้นเมื่อโดนเตะขัดเข้าที่ข้อพับขาข้างซ้าย
ทำให้เจ้าของไม้เบสบอลง้างไม้ขึ้นเหนือหัวเตรียมจะฟาดสุดกำลัง
ผลัก! ตุบ
ในจังหวะที่ทุกคนเอาแต่สนใจเซฮุน ร่างบางที่มีท่อนไม้อยู่ในมือก็เข้ามาขัดด้วยการลงเเรงทั้งหมดกับหัวของฝ่ายศัตรูจนเป็นอีกรายที่ล้มลงไป
เซฮุนจึงได้ลุกยืนขึ้นเต็มความสูงแล้วถีบยอดอกของผู้เหลือรอดอีกหนึ่งจนล้ม แม้ว่าจะไม่สลบลงในทันทีแต่ก็ไม่มีแรงจะยืนขึ้นได้
ลู่หานคว้างไม้ในมือทิ้งไปไกลด้วยร่างกายสั่นเทาเพราะความหวาดกลัว
แต่ก็พยายามดึงสติไว้มากที่สุดเพื่อเข้าไปดูอาการของร่างสูงที่ดูไม่สู้เท่าไหร่นัก
"เซฮุน!" ร่างบางแทบจะกระโดดเข้าไปช่วยพยุงร่างสูงที่ทำท่าเหมือนจะล้ม
แต่แรงที่มีก็มากมายนักทำให้ทั้งคู่เซจนเกือบจะหงายหลัง
"ขอบคุณ"
"มะ ไม่เป็นไร แต่ไปทำแผลก่อนเถอะ"
ลู่หานพูดเสียงสั่นเครือ พลางจับท่อนแขนหนาพาดไปกับช่วงไหล่เล็กเพื่อเป็นการช่วยพยุงอีกแรก
แต่นักเรียนแลกเปลี่ยนก็ต้องตกใจอีกครั้ง เมื่อจู่ๆผู้บาดเจ็บข้างกายพลิกตัวหนีก่อนที่หูจะได้ยินกระทบกระทั่งกันอีกครั้ง
เซฮุนที่มีประสาทการรับรู้ไวกว่าคนปกติรีบหมุนตัวกลับมาเมื่อได้ยินเสียงที่ชวนไม่ปลอดภัยก่อนจะเห็นว่าหนึ่งในสามคนนั้นที่ไม่ได้สลบกำลังยกไม้เบสบอลไม้เดิมหวังจะฟาดใส่
ร่างสูงจับแขนอีกฝ่ายไว้ได้ทันพร้อมเตะอัดเข้าที่ช่วงเอวจนกระเด็นร่วงไปกับพื้นปูน
และก่อนที่ศัตรูจะลุกขึ้นมาสวนกลับได้ทัน โอเซฮุนก็คว้าข้อมือเล็กแล้วออกฝีเท้าวิ่งหนีทันที
ทั้งสองหยุดวิ่งลงเมื่อคิดว่าคงออกมาไกลพอสมควร ร่างบางหอบแฮ่กเท้าแขนลงกับเข่า
ผิดกับคนตัวสูงกว่าที่ยืนพ่นลมหายใจแรงกว่าปกติเล็กน้อยเท่านั้น
"แฮ่ก ไปที่บ้านฉันก่อน"
"เกิดอะไรขึ้นอ่ะลู่หาน!!"
ทันทีที่เข้ามาในตัวบ้านและได้พบกับเพื่อนสนิท เสียงตะโกนก็ดังลั่นออกมาด้วยความตกใจ
คยองซูเดินเข้ามาช่วยพยุงเซฮุนไปไว้ที่ห้องนั่งเล่น
"ลู่หาน เกิดอะไรขึ้น เล่ามา"
คยองซูคาดคั้นด้วยความเป็นห่วงพลางเดินไปหยิบกล่องปฐมพยาบาลในตู้หลังโซฟาเพื่อมาช่วยทำแผลให้กับแขกที่ดูไม่เป็นมิตรสำหรับเขา
"ก็...ตอนเดินกลับบ้านนะ ไปเจอพวกนักเลงเข้า"
"แล้วไปมีเรื่องได้ยังไง"
"คือ..."
"พวกนั้นเป็นศัตรูของแก๊งกู"
เสียงทุ้มเอ่ยแทรกขึ้น จนคยองซูนึกกรอกตาในใจ เพราะงี้ไงเขาถึงบอกว่าเซฮุนอันตราย
"พวกโรงเรียนซอนจิน?"
ลูกเจ้าของบ้านเอ่ยถาม และได้รับการตอบกลับมาเพียงแค่การพยักหน้าเท่านั้น
"พวกนายนี้ก็เหมือนกันหมด... ลู่หานมาทำแผลดิ
เดี๋ยวฉันโทรหาเพื่อนก่อน" คยองซูพูดไว้แค่นั้นก็จะเดินหลบออกไปนอกห้องทำให้ลู่หานที่ถูกสั่งแกมบังคับต้องมาทำแผลให้ร่างสูงอีกครั้ง
และมันก็เหมือนเดิม ความเงียบกับความอึดอัดเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ
แม้ว่าร่างเล็กจะทำแผลให้อย่างเก้ๆกังๆไปหน่อยก็ตาม
โชคดีที่คุณนายโดเจ้าของบ้านไปสัมนาที่ต่างจังหวัด
ทำให้เขาไม่ต้องโดนดุโดนบ่นจากผู้ใหญ่เท่าไหร่นัก และไม่ทำให้เธอเป็นห่วงอีกด้วย จะเหลือก็แต่คยองซูที่เหมือนเป็นแม่คนที่สามไปแล้วที่ดูจะหัวเสียกับเรื่องราวที่เกิดขึ้น
เขาเริ่มเข้าใจเหตุผลที่คยองซูเคยบอกเอาไว้ ว่าเซฮุนคือผู้ชายอันตราย
...เซฮุนไม่ได้อันตรายเพราะนิสัยหรือตัวของเขา แต่เพราะสิ่งรอบข้างเขาต่างหากที่เรียกว่าอันตราย
อย่างเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อกี้ไง
แต่ก็แปลกจริงๆนั้นแหละ ...ถึงเขาจะกลัว มันก็ยังรู้สึกอุ่นใจที่ได้เห็นเเผ่นหลังกว้างตรงหน้า
แถมยังรู้สึกเป็นห่วงเอามากๆ ถ้าเกิดว่าลู่หานคว้าท่อนไม้เข้าไปช่วยไม่ทัน มันจะเกิดอะไรขึ้นบ้างนะ
เขาคงเสียใจไปตลอดชีวิตแน่ๆที่ช่วยอะไรเซฮุนไม่ได้
มือบางกดสำลีที่ชุ่มไปด้วยแอลกอฮอล์ตามรอยแผลที่หางคิ้วและมุมปาก
ในครั้งที่แล้วเซฮุนไม่ได้แสดงสีหน้าว่าเจ็บเลยเเม้น้อย ซึ่งครั้งนี้เองก็เหมือนกัน
ลู่หานนึกสงสัยว่าร่างสูงไม่มีต่อมรับรู้ความเจ็บอะไรแบบนี้เลยหรอ
หรือว่าด้านชา? หรือยังไง?
"ขอบคุณนายด้วยนะ"
"....."
"ถึงไม่ใช่เพื่อช่วยฉันก็เถอะ..."
ร่างบางหลบตามองต่ำเมื่อเซฮุนกำลังจ้องเขาอยู่ แม้ว่าสายตาจะไม่ได้สื่ออารมณ์ไหนเป็นสำคัญ
แต่ก็ไม่รู้ทำไมถึงไม่กล้าจ้องตาอีกฝ่าย
"อื้ม"
ใจของลู่หานกระตุกวาบ มันรู้สึกแปลกๆเหมือนมีใครบีบรั้นก้อนเนื้อในอกของเขาอยู่
เขาควรจะทำใจได้แล้ว เพราะเริ่มรู้จักนิสัยของอีกคนว่าเป็นยังไง
...หน้านิ่ง
...พูดน้อย
...และเฉยชาต่อทุกสิ่ง
"แล้วมึงไม่เป็นไรใช่มั้ย"
"เออ...ฉัน??"
"...." ร่างสูงพยักหน้าเล็กน้อย
"ไม่เป็นไรหรอก ไม่มีแผล สบายดี"
ลู่หานตอบอย่างยิ้มๆและหลังจากนั้นก็ไม่มีเสียงพูดคุยอะไรดังขึ้นมาอีก นอกเสียจากเสียงพูดคุยโทรศัพท์ของคยองซูที่ดังออกมาจากด้านนอกห้อง
แต่ก็จับใจความอะไรไม่ค่อยได้
แวบหนึ่งลู่หานรู้สึกแปลกใจกับสรรพนามที่ร่างสูงใช้
แต่ก็นะ...มันก็เหมาะสมกับความเป็นเซฮุนดีนี่ เพราะงั้นก็ไม่ได้ติดใจอะไรอยู่แล้ว
Rrrrrrrr
เสียงโทรศัพท์สั่นเครือดังขึ้นขัดบรรยากาศน่าอึดอัด
ตอนแรกลู่หานก็นึกว่าเป็นของตนแต่ก็ไม่ใช่ กลายเป็นว่ามันคือของเซฮุนที่อยู่ในกระเป๋ากางเกง
"ว่า? อื้ม
...เดี๋ยวกูไป"
ลู่หานนิ่งฟังที่อีกฝ่ายกรอกเสียงลงกับเครื่องมือสื่อสาร
สรุปใจความได้แค่ว่าเขากำลังจะไปแล้วเท่านั้น
"มีอะไรรึเปล่า?"
"เพื่อนกูกำลังมีปัญหา กูต้องไปแล้ว"
"แต่-"
"ฝันดี"
ยังไม่ทันจะเอ่ยค้านเจ้าของสีผมแปลกตาก็ลุกขึ้นแล้วเดินออกไปก่อนเสียแล้ว
จะให้รั้งไว้ก็ไม่รู้จะใช้เหตุผลอะไรที่เหมาะ คงทำได้แค่ปล่อยเขาไปแม้ว่าในใจจะรู้สึกกังวลมากก็ตาม
จะไม่ให้กังวลได้ยังไงในเมื่อจู่ๆสีหน้าเซฮุนก็เปลี่ยนไป
เหมือนกับตอนที่เกิดเรื่องเมื่อครู่ แถมเสียงก็ยังดูเเข็งกว่าเดิม ถึงปกติจะเป็นแบบนั้นก็ตาม
"เซฮุนไปแล้วหรอ?"
เสียงคยองซูเอ่ยถามตอนที่เจ้าตัวเดินกลับเข้ามาในห้องนั่งเล่น ทำให้ลู่หานพยักหน้าตอบกลับไป
คนที่มาจากจีนมองเสี้ยวหน้าเพื่อนตนที่ดูก็รู้ว่าเก็บซ่อนความกังวลเอาไว้
ทั้งสายตาและสีหน้าก็แสดงออกมาอย่างชัดเจน แต่ลู่หานก็เลือกจะไม่ถามเพราะมันอาจจะไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเขา
มันอาจจะเกี่ยวกับปลายสายเมื่อกี้ก็ได้
"ฉันไปอาบน้ำก่อนนะ" ลู่หานเอ่ยพลางเดินขึ้นมาชั้นบนยังห้องของตัวเอง
อย่าว่าแต่คยองซูที่กังวลเลย เขาเองก็รู้สึกใจไม่ดีอย่างที่ควรจะเป็น
ไม่รู้ว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้นอีกหรือเปล่า กลัวว่าจะเป็นอันตราย จะบาดเจ็บอีก แล้วถ้าเกิดว่าเป็นแบบนั้น
ใครจะเป็นคนมาทำแผลให้กันล่ะ
พยาบาลหรอ? ไม่อยากจะยอมให้ทำแบบนั้นเลย
ลู่หานกำลังเอาของออกจากกระเป๋านักเรียนเพื่อมาดูว่ามีการบ้านมั้ย
และเพื่อจัดตารางเรียนในวันถัดไป แต่ก็ต้องชะงักหยิบกล้องถ่ายรูปที่พกไปด้วยขึ้นมาเปิดรูปดู
รอยยิ้มหวานระบายขึ้นบนริมฝีปากสีสวย ทันทีที่เปิดกล้องก็ปรากฏรูปของใครอีกคนที่ทำให้หัวใจเต้นผิดแปลกไป
นิ้วเรียวลูบที่หน้าจออย่างเผลอไผล
ใบหน้าหล่อเหลากำลังหลับตาพริ้มเข้าสู่ห้วงนิทรา เรือนผมสีสว่างสะท้อนกับแสงแดดอ่อนๆ
ยิ่งดูน่าหลงใหล ราวกับเทพบุตรที่จุติลงมาจากสวรรค์อย่างไรอย่างงั้น
พอคิดมาถึงตรงนี้ร่างบางก็แอบขำกับตัวเอง
แปลกแต่จริง...เขาไม่เคยรู้สึกแบบนี้กับใครเลย เซฮุนเป็นคนแรก
และอาจจะเป็นคนสุดท้ายของเขาด้วยก็ได้
กล้องในมือถูกวางลงบนโต๊ะเขียนหนังสือก่อนที่เจ้าของมันจะไปหยิบผ้าเช็ดตัวและชุดนอนเดินเข้าห้องน้ำไปทั้งที่ยังรู้สึกกังวลอยู่เช่นเคย
ขอให้ไม่มีอะไรร้ายแรงเกิดขึ้นทีเถอะ...
...
"ลู่หาน! แย่แล้ว!!"
ความคิดเห็น