ตอนที่ 6 : 六 คดีเมื่อพันปีที่แล้ว
六
‘กิเลศ’ ทำให้คนเป็นได้ทุกอย่าง…คนเลว คนเห็นแก่ตัว คนป่าเถื่อน คนเลือดเย็น
หรือแม้กระทั่ง ‘ฆาตรกร’
I ไอรีนคือคนเลวที่ยอมเป็นคนดีเพื่อใครซักคน I
แสงแดดเป็นสิ่งร้ายกาจในการปลุกคนที่นอนอยู่บนเตียงให้ลืมตาตื่นขึ้นมาด้วยความเจิดจ้าของมัน กระต่ายน้อยที่ร่างจมไปกับที่นอนหนานุ่มงัวเงียครางอื้ออึงเมื่อมุดตัวหลบไปทางไหนก็ไม่พ้นเจ้าแสงแดดแสนแสบนี่ซักที
“จะมุดเตียงให้เป็นรูเลยรึเปล่าคะ-หืม?”
ร่างเล็กโงหัวขึ้นมามองหาต้นเสียงเหมือนกระต่ายกำลังดมกลิ่นหาแครอทก่อนจะต้องตกใจเมื่อพลิกตัวมาอีกด้านก็เจอคนเป็นอานั่งพิงหัวเตียงกดโทรศัพท์อยู่
ข้อที่หนึ่ง-ขอติที่อาเธอยิ้มแบบนั้นออกมา
ข้อที่สอง-ขอติที่ใช้สายตาแบบนั้นกับเธอ
ข้อที่สาม…ขอติที่ใส่ชุดคลุมอาบน้ำแล้วนั่งท่าแบบนี้…
ให้ตายเถอะ,รถอ้อยคว่ำ
“อารีนมาอยู่ในห้องหนูได้ไงอ่ะคะ?” เวนดี้เขยิบตัวทีละนิดเพื่อไม่ให้ระยะห่างมันใกล้จนเกินไป เบี่ยงสายตาหลบพยายามไม่มองผิวเนียนที่โผล่มาให้เห็นวับๆแวบๆ
“ก็เมื่อคืนจู่ๆหนูก็วูบไปในห้องน้ำ อาก็แค่อุ้มกลับมาส่งแล้วก็เช็ดตัวเปลี่ยนเสื้อผ้าให้,ทำไมหรอคะ? หรือว่าอาเข้าห้องเวนดี้ไม่ได้?”
ร่างสวยในชุดคลุมอาบน้ำกึ่งวางกึ่งโยนโทรศัพท์ในมือลงบนที่นอนก่อนจะเอียงคอถามอย่างสงสัยแต่ดูจากรูปประโยคมันมาในแนวน้อยใจซะมากกว่า คนตัวเล็กยีผมเบาๆคิดคำตอบว่าควรจะตอบกลับไปอย่างไรดี
“สลบไปอีกแล้วหรอ?...งั้น ขอบคุณนะคะอารีน”
“…อาเจออะไรบางอย่างในห้องเราด้วย”
ขาทั้งสองที่ก้าวลงจากเตียงต้องหยุดชะงักแล้วหันไปหาคนพูด ไอรีนยิ้มร้ายกาจพร้อมยกสมุดบันทึกเล่มหนึ่งขึ้นมาชูไว้ตรงหน้า พอเด็กน้อยตัวเล็กเห็นก็ตาโตรีบถลาเข้ามาหมายจะคว้ามันไว้ทว่าคนที่นั่งอยู่บนเตียงไม่ยอมให้ง่ายขนาดนั้น
“ทำไมดูตกใจจังเลยล่ะคะ-หรือว่าในนี้มีความลับอะไร?”
“อารีน!..เอามานะ อย่าเปิดเชียว”
“สงสัยจะความลับจริงๆด้วยสินะ”
ไอรีนยืดตัวสูงขึ้นเมื่อเห็นว่าอีกคนใกล้จะคว้าได้ มือเล็กจึงคว้าได้แต่อากาศเย็นๆรอบข้าง จนความอดทนสิ้นสุดลงเวนดี้จึงใช้ความพยายามทั้งหมดที่มียืดตัวสูงจนคว้าสมุดเล่มเล็กในมือเรียวๆนั้นได้แต่ทว่ากลับเสียหลักจนตั้งสติไม่ทัน
รู้ตัวอีกทีก็ล้มลงไปทับคนที่อายุมากกว่า แถมหน้าใกล้กันไม่ถึงเซน!…
ปลายจมูกโด่งเหมือนลูกครึ่งของร่างด้านบนเป่าลมหายใจกระทบแก้มของคนด้านล่างจนสามารถรู้สึกได้ด้วยระยะห่างที่แสนใกล้ ถ้าเวนดี้เอามือค้ำที่นอนนุ่มๆนี้ช้าไปอีกนิดมีหวังคงได้มองหน้าอาไม่ติดอีกแน่…
ก้อนเนื้อในอกเต้นโครมครามยามเมื่อไล่สายตาขึ้นไปพบกับแววตาของอีกคน อารีนไม่ควรมองเธอแบบนั้น…เพราะมันดูอันตรายกับจิตใจเหลือเกิน เวนดี้ยันตัวลุกขึ้นอย่างเก้ๆกังๆแล้วคลานถอยออกจากร่างภายใต้ชุดคลุมอาบน้ำข้างใต้ ใบหน้าร้อนผ่าวก้มหลบสายตาอีกคนแต่ยังคงกำสมุดในมือแน่น
“ข-ขอโทษค่ะ แต่หนูให้อาดูไม่ได้จริงๆ” พูดจบความเงียบก็เข้าปกคลุมจนน่าอึดอัด ใบหน้าหวานที่ขึ้นสีกัดริมฝีปากเบาๆเพื่อลดความรู้สึกสั่นไปทั้งตัวที่เกิดขึ้น แต่หารู้ไม่ว่ามันอยู่ในสายตาของคนตรงหน้าทุกอิริยาบถ
ถ้าไม่ติดที่ว่าเวนดี้ยังมีสติดีอยู่ ไอรีนล่ะอยากจะกดร่างนุ่มนิ่มนั้นฝังลงไปกับที่นอนนุ่มเสียจริงๆ
ดูเรือนผมสีน้ำตาลที่ยุ่งนิดๆจากการตื่นนอนนั่นสิ ดูเรือนร่างภายใต้ชุดนอนตัวบางที่เป็นเพียงเสื้อเชิ้ตตัวยาวสีขาวสะอาด ไหนจะริมฝีปากสีชมพูที่โดนฟันคมขบกัดจนเริ่มเปลี่ยนเป็นสีแดงอ่อนๆ ทุกอย่างมันอยู่ในโหมดที่ ‘น่าฟัด’ ที่สุด
“ถ้าเวนดี้ไม่อยากให้ดูอาก็จะไม่ดูหรอก แต่ถ้าเป็นเรื่องที่มันสำคัญล่ะก็-ห้ามปิดเชียว”
จะพยายามทำละกัน…
อยากจะสารภาพเลยว่ามีหลายเรื่องเลยล่ะที่เธอปิดบังอาแสนดีไว้
สุดท้ายเวนดี้ก็รอดจากการโดนซักถามเรื่องสมุดเล่มนั้นมาได้เพราะอาของเธอต้องไปทำงานตามปกติอย่างเช่นทุกวัน แต่ที่น่าแปลกใจคือมีผู้ชายแปลกหน้ามารับถึงหน้าบ้าน…
เขาเป็นชายหนุ่มรุ่นราวคราวเดียวกับอารีนเพราะเห็นคุณอาของเธอเรียกแค่ชื่อว่า เซฮุน อยู่ในชุดสูทสีดำ เซทผมสีน้ำตาลเข้มเปิดหน้าผากเผยโครงหน้าหล่อเหลาจนหมดจด ดูจากท่าทางคงเป็นนักธุรกิจบ้านมีฐานะแต่ดูเจ้าชู้ยังไงก็ไม่รู้ หรือไม่บางทีเธอก็อาจคิดมากไปเอง
ใช่,เธอนั่นแหล่ะที่คิดมากไปเอง
‘หวง’ คำๆนี้คงใช่กับเวนดี้ได้ในตอนนี้แต่เจ้าตัวกลับปฏิเสธจิตใต้สำนึก
มือเล็กยกขึ้นลูบลำคอในขณะที่น้ำจากฝักบัวก็ยังไหลไม่หยุด ความรู้สึกเจ็บเริ่มเกิดขึ้นทั่วร่างกายแต่กลับไม่มีร่องรอยอะไรบนผิวเนียนเลยซักนิด เมื่อยล้าไปหมดเหมือนกับว่าถูกใช้งานอย่างหนักเมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมา
‘ต้องหาเวลาไปหาหมออีกทีแล้วล่ะมั้ง’ คนตัวเล็กถอนหายใจลวกๆพร้อมใช้ฟองน้ำถูผิวเนียนไปด้วย เมื่อเสร็จสิ้นธุระก็หยิบผ้าเช็ดตัวลงมาคลุมร่างกายเพียงเล็กน้อยแล้วเดินมายังหน้ากระจกบานใหญ่เพื่อสำรวจตัวเอง โครงหน้าสวยหันซ้ายทีขวาทีตามประสาผู้หญิงที่จะสำรวจความเรียบร้อยทั้งบนใบหน้าและร่างกาย ทว่าสิ่งหนึ่งกลับทำให้คนหน้ากระจกชะงักความเคลื่อนไหวแล้วค่อยๆหันใบหน้าเอียงข้างเพื่อดูสิ่งที่ผิดปกติไป
รอยสีแดงใต้กรามนี่มัน…อะไรกัน
มันเป็นรอยจ้ำไม่ใหญ่มากนักถ้าหากไม่สังเกตดีๆ แล้วมันกำลังทำให้เธอจับต้นชนปลายไม่ถูกว่ามันมาได้อย่างไรและมันเกิดจากอะไร เวนดี้เป็นนักเรียนนอกที่แสนจะใสซื่อบริสุทธิ์ก็จริงแต่รอยแบบนี้มันจะเกิดจากยุงกัดรึไงกันล่ะ? คนที่ยืนอึ้งอยู่หน้ากระจกยกมือขึ้นถูรอยนั้นซ้ำๆราวกับว่าจะทำให้มันหายไปได้
ในวินาทีนั้นเองที่เธอเกิดความสงสัยว่าเมื่อคืนเธอเป็นอะไรกันแน่
ไม่สิ…อารีนทำอะไรกับเธอกันแน่
บ้านตระกูลคิมแสนกว้างใหญ่ทว่ามีสมาชิกเพียงไม่กี่คน แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้ คิม คังอิน ที่นั่งอยู่บนโซฟารู้สึกอ้างว้างแต่อย่างใด ในเมื่อเขามีลูกชายซึ่งเป็นที่พึ่งพาได้อยู่ทั้งคน
พูดถึงก็เดินเข้าบ้านมาเลย- คังอินละสายตาจากหนังสือในมือแล้วมองร่างสูงๆของลูกชายที่เดินเข้าบ้านมาด้วยสีหน้าไม่ดีนัก ทว่าเขาก็ยังส่งรอยยิ้มอบอุ่นไปให้เมื่อลูกชายนั่งลงข้างๆกัน
“เป็นอะไรมาล่ะวันนี้,คนไข้เยอะหรอ?” คังอินเริ่มถามก่อน
“เปล่าหรอกครับพ่อ แค่มีเรื่องน่าหงุดหงิดนิดหน่อย”
“คุณหมอไอรีนคนนั้นอีกล่ะสิ”
ไคถอนหายใจพร้อมพยักหน้ารับ คังอินปิดหนังสือในมือแล้ววางมันไว้ใกล้ๆก่อนจะยกมือขึ้นตบบ่าลูกชายเบาๆเป็นการปลอบ
“ไอรีนปฏิเสธผมทุกครั้งโดยที่บอกว่าไม่อยากให้คนอื่นเข้าใจผิด แต่คราวนี้กลับมีไอบ้าที่ไหนไม่รู้มาส่งถึงโรงพยาบาลแถมยังมารับกลับอีก พ่อว่าผมจะรู้สึกยังไงล่ะครับ?”
หนุ่มผิวสีแทนเล่าไปก็โมโหไปแต่ยังคงไม่ลงอารมณ์โกรธไปทางคำพูดมากนัก คนเป็นพ่อก็ไม่รู้จะทำยังไงเพราะคนอย่างไคปลอบไปเจ้าตัวก็คงยังไม่วางอารมณ์โกรธอยู่ดี
“เอาน่า,อย่ายอมแพ้ง่ายนักสิ”
“พ่ออยากเห็นคุณหมอไอรีนที่ลูกเล่าให้ฟังจริงๆเลย ทำไมไม่ชวนเธอมาทานข้าวบ้างล่ะ”
“พ่ออยากทำความรู้จัก”
คังอินหรี่ตามองลูกชายที่นั่งส่ายหัวไปมาแบบหมดอาลัยตายอยาก ไคก็เลยบ่นเรื่องที่ไอรีนทำเหมือนกับว่ารังเกียจเขาขึ้นมาอีกรอบหนึ่ง ทว่าคำพูดเหล่านั้นกลับไม่ได้ไหลเข้าสมองของคนเป็นพ่อที่นั่งอยู่ข้างๆเลยซักนิด…
เขากำลังมุ่งความสนใจไปที่ชื่อ เบ ไอรีน นั่น
ภาพบ้านเรือนถูกไฟที่ลุกโชกเผาไหม้อย่างช้าๆปรากฏขึ้น ผู้คนกระเสือกกระสนคลานหนีทั้งๆที่ยังถูกคลอกจนร่างแทบมอดไหม้ดูจากการแต่งกายคล้ายจะเป็นทหาร เสียงร้องโหยหวนอย่างเจ็บปวดผสมปะปนกับเสียงกรีดร้องอย่างตกใจจากคนรอบข้าง ทว่ามีเพียงร่างๆหนึ่งที่ยังคงนั่งนิ่งกอดบางสิ่งไว้ในอ้อมแขนพร้อมน้ำตาที่ไหลริน…
…แกมันปีศาจ….
เมื่อพันปีที่แล้วคนรักเห็นฉันตายต่อหน้าต่อตา…ทั้งลูกเมีย ทั้งเพื่อน
แถมแกยังทำให้ฉันต้องพิการใส่ขาเทียมมาเกือบยี่สิบปี…
เจ็บกว่าการกรีดมีดคมๆลงบนหัวใจของนังปีศาจ คือการฆ่าเด็กนั่น
ถึงเวลาล้างแค้นแล้ว-เบ จูฮยอน!!!
ไม่มีตัวร้ายแล้วเขาจะเรียกว่านิยายได้อย่างไร ;)
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

แล้วคือ ไม่ใช่มนุษย์หรอ ถ้ารู้จักไอรีน รู้เหตุการณืสมัยก่อน ก็แสดงว่ามีอายุมายาวนานๆพอๆกับที่บ้านไอรีนน่ะซิ
แล้วคือไคไม่รู้ตัวว่าตัวเองไม่ใช่มนุาย์ หรือว่าไคเป้นแค่มนุษย์ ไอรีนถึงได้มองไม่ออก
..
..
.
อารีนคะ เด็กน้อยเขาระแวงแล้วนะคะ ไปกินเขาซะแทบหมดแรงนี่นะ หึ! ....อิจฉาาาาาาาาาาาาา
แล้วยัยหนูจะรู้มั้ยว่าคุณอาทำอะไรลงไปบ้าง กรี๊ด
ส่วนคังอินนั้นก็น่ากลัว คือกลับมาแก้แค้นสินะ