ตอนที่ 18 : SP 1: ปาร์ตี้วันเกิด
SP 1: ปาร์ตี้วันเกิด
29 มีนาคม,บ้านตระกูลเบ
ปาร์ตี้วันเกิดที่ไม่ใหญ่โตมากนักกลับทำให้บ้านของศัลยแพทย์คนสวยอย่างเบไอรีนคึกคักด้วยแขกที่มาเยือน เสียงพูดคุยและเสียงหัวเราะผสมปนเปกับเสียงเพลงบรรเลงไม่ได้ดังอึกทึกจนน่าปวดหัวแต่กลับทำให้ใบหน้าเปี่ยมไปด้วยรอยยิ้ม
ไอรีนย่างเข้าสู่ปีที่สามสิบแม้หน้าตาอันอ่อนเยาว์นั้นจะขัดแย้งกันก็ตาม งานวันเกิดครั้งนี้เหมือนเป็นการต้อนรับครั้งยิ่งใหญ่ที่เธอได้กลับมาอีกครั้ง ภายในงานมีเรื่องน่าแปลกใจหลายเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นการแต่งงานของแทยอน-เจ้าของร้านเบเกอร์รี่ชื่อดังหรือจะเป็นการแต่งงานที่ตามมาติดๆของคุณหมอซอที่คอยช่วยเหลือครอบครัวของเธอเสมอมา ไอรีนรู้สึกเสียดายนิดๆที่ไม่ได้ไปร่วมงานของทั้งสอง
สุดท้ายก็โดนคำถามว่า ‘แล้วเธอล่ะ,เมื่อไหร่จะแต่ง?’ มาจนได้
เฮ้อออ,ตอบยากจริงๆเลย
“สามสิบแล้วนะคะ”
น้ำเสียงหวานฟังรื่นหูดังขึ้นจากข้างหลังเป็นผลให้ไอรีนละสายตาจากภาพตรงหน้าแล้วหันมามองร่างเล็กในชุดเดรสสีขาวอมชมพูที่ค่อยๆเดินมาหา บอกเลยว่าเวนดี้โตเป็นสาวขึ้นมากจากเมื่อห้าปีก่อน ใจเย็นขึ้น มีเหตุผลและอ่อนหวาน แค่เห็นหน้าก็ทำให้คุณหมอคนสวยคลี่ยิ้มออกมาแบบไม่รู้ตัวแล้ว
“ทำไมคะ? เบื่อที่ต้องอยู่กับคนแก่แล้วหรอ” ไอรีนแกล้งทำหน้างอแต่พอเจอแขนเล็กนั้นโอบเข้าที่เอวก็ต้องกอดตอบ คนตัวเล็กทำแก้มป่องพรางส่ายหน้าน้อยๆ แล้วซบศีรษะบนไหล่ของอีกคน
“ถ้าเบื่อแล้วจะเดินตามหาหรอคะ หรือว่าแอบมามองสาวที่ไหน,หืมม?”
เวนดี้จิ้มปลายจมูกอีกคนพร้อมทำหน้าดุ แต่เจ้าตัวจะรู้มั้ยนะว่าการกระทำแบบนี้มันน่ารักที่สุดเลยในสายตาคนที่มองอยู่ตอนนี้ คนที่ตัวสูงกว่าอมยิ้มกรอกตาไปมาแสร้งทำเป็นไม่ตอบเพื่อแกล้งอีกคนซึ่งมันก็ได้ผล สาวน้อยเริ่มหน้ามุ่ยเมื่อเห็นสายตาแวววาวของอีกฝ่าย ไอรีนเลยก้มลงไปขโมยจูบบนแก้มใสนั้นแล้วกลับมายืดตัวตรงเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เรียกเสียงแซวจากเพื่อนๆรอบข้างได้เป็นอย่างดี แต่ดูเหมือนไอรีนจะไม่สะทกสะท้านอะไรเลย กลายเป็นว่าคนตัวเล็กที่ถูกแกล้งหน้าแดงเถือกจนต้องเอื้อมมือไปตีแขนคนอายุมากกว่าเชิงดุ
“วันเกิดปีนี้ หนูยังไม่ได้ให้ของขวัญเลยนะคะ” ไอรีนพูดขึ้นทำให้สาวน้อยทำหน้างุนงง เห็นอย่างนั้นคนพูดก็ยิ้มออกมาแล้วจ้องลึกเข้าไปในดวงตาของคนฟัง
“ไม่ใช่สิ่งของ…ไม่ใช่อะไรที่ราคาแพงมากมาย แต่เป็นสิ่งที่พี่…อยากได้มากที่สุด แล้วหนูก็ให้พี่ได้แค่คนเดียวเท่านั้น”
“..น-หนู?...”
พรึ่บ!
งานดำเนินมาเรื่อยๆจนกระทั่งจู่ๆไฟรอบข้างก็ดับสนิท เสียงอุทานด้วยความแปลกใจดังขึ้นมาแทนที่เสียงดนตรีที่ดับหาย ก่อนที่ไฟสลัวๆจะค่อยๆฉายขึ้นเป็นตัวการที่กลบเสียงพูดคุยได้เป็นอย่างดี
แสงรอบข้างที่คนทั้งสองเริ่มสว่างขึ้น ภาพที่ถูกแสงมืดปกคลุมค่อยๆเด่นชัด ลูกโป่งสีชมพูนับสิบที่อยู่ในมือของเด็กๆในงานปรากฏขึ้นรอบข้าง แต่กลับไม่น่าสนใจเท่าหนึ่งลูกที่ถูกถือด้วยคนที่อยู่ข้างหน้าเธอ ดวงตากลมกระพริบถี่ๆอย่างไม่อยากเชื่อสายตาเมื่อได้อ่านข้อความที่เขียนไว้บนลูกโป่งลูกใหญ่สีขาวนั้น
‘Will you marry me?’
รอยยิ้มจริงใจผุดขึ้นบนใบหน้าของเบไอรีนเมื่อเห็นว่าสาวน้อยตรงหน้าได้อ่านข้อความที่ตนเองเป็นคนเขียนเองกับมือ เสียงกรี๊ดกร๊าดเริ่มดังขึ้นจากเพื่อนของเธอที่ยืนอยู่ไม่ไกลเป็นผลให้คนในชุดเดรสยกมือขึ้นมาปิดปากตัวเองเมื่อรู้สึกว่าขอบตาทั้งสองข้างมันร้อนผ่าวจนจะกลั่นหยดน้ำใสๆออกมา
“ปีนี้พี่ก็อายุสามสิบแล้ว ถ้าหนูไม่ใจร้ายจนเกินไป…”
“แต่งงานกับพี่นะคะ”
จบประโยคเสียงเสียงโห่ร้องก็ดังขึ้นไปทั้งงาน ปะปนกับเสียงเชียร์ให้สาวน้อยตัวเล็กตอบรับคำขอนั้น ใบหน้าขาวสะอาดเริ่มขึ้นสีทั้งจากอาการเขินและความร้อนผ่าว รู้สึกเหมือนกับว่าเสียงที่อยากจะเปล่งตอบออกมามันช่างยากเย็นเหลือเกินที่จะเอ่ยผ่านลำคอแห้งผาก เวนดี้ทำได้เพียงพยักหน้าเป็นคำตอบในขณะที่พยายามกลัดกลั้นน้ำตาที่คลอเต็มเบ้า เมื่อได้คำตอบจากเจ้าตัวไอรีนก็โผเข้ากอดคนตรงหน้าพร้อมกับเสียงโห่ร้องด้วยความดีใจแทนคนขอ มืออุ่นยกขึ้นลูบหลังคนตัวเล็กเป็นการปลอบประโลมแล้วกดปลายจมูกลงเบาๆลงบนเรือนผมนุ่มน่าสัมผัส
“ไม่ร้องสิคะ ขี้แยจังนะเรา” ริมฝีปากสวยกระซิบแผ่วข้างใบหูเล็ก ยังไม่คลายอ้อมกอดออกจากร่างนุ่มนิ่มตรงหน้า ไอรีนสูดลมหายใจลึกแย้มยิ้มซึมซับความรู้สึกนี้
ความรู้สึก…ที่หัวใจสูบฉีดเลือดและเต้นเป็นจังหวะเดียวกับมนุษย์ทั่วไป
ความรู้สึก…ที่ได้รับรู้ว่า การเป็นมนุษย์ธรรมดานั้นมีความสุขมากแค่ไหน..
ความรู้สึก…ที่ตลอดพันปีที่ผ่านมา เธอไม่เคยได้รับรู้ถึงมัน
เบไอรีนไม่ต้องการอีกแล้ว…ชีวิตที่เป็นอมตะ ถ้าจะต้องเห็นคนทั่วเองรักค่อยๆหายไปจนจางหายเหลือเพียงชื่อ
“พี่รักเวนดี้นะคะ”
“ฝากดูแลเด็กขี้แยตลอดไปด้วยนะคะ”
ทั้งสองมองหน้ากันครู่หนึ่งแล้วก็ต้องหลุดหัวเราะออกมาเมื่อเห็นว่าต่างฝ่ายก็ทำหน้าเหมือนจะร่างไห้เหมือนๆกัน ภาพความน่ารักและอบอุ่นปรากฏแก่สายตาของผู้คนรอบข้างจนอดยิ้มตามไม่ได้
ดูเหมือนว่าจะไม่ใช่ปาร์ตี้วันเกิดธรรมดาๆซะแล้วสิ
เยริมยกแก้วเครื่องดื่มขึ้นจิบครั้งหนึ่งก่อนจะหันไปพูดคุยกับเพื่อนๆต่ออย่างสนุกสนานแต่การเดินมาใกล้ๆของใครบางคนก็ต้องทำให้กลุ่มเพื่อนๆถึงกับยิ้มกริ่มแล้วมองหน้ากันจนเจ้าตัวต้องหันหลังไปดู
ไม่ใช่ใครที่ไหน,คู่กัดตลอดกาลอย่างจอยที่เนียนมายืนอยู่ข้างหลังนี่เองที่เป็นจุดสนใจของกลุ่มเพื่อนๆเธอ เยริมเบือนหน้าหนีเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าเป็นใครมา แต่เพื่อนสาวในแก๊งค์กลับยิ้มไม่หยุดเพราะรู้อยู่แก่ใจว่ารุ่นพี่ตัวสูงในแก๊งค์ของเวนดี้คนนี้ตามจีบสาวน้อยตัวเล็กทางอ้อมอยู่
“ขอนั่งด้วยคนนะคะ” จบประโยคคำขอเพื่อนๆของเยริมก็พากันพยักหน้ารัวๆแบบไม่ปรึกษาเพื่อนตัวเล็กที่นั่งหัวโด่เลยซักนิด เยริมจิ๊ปากใส่เพื่อนตัวแสบทั้งหลายก่อนจะขยับตัวหนีเล็กน้อยเมื่อหล่อนดันมานั่งเก้าอี้ข้างๆเธอ
“ที่นั่งตรงนั้นก็มีนะคะ คงเป็นส่วนตัวกว่าตรงนี้เยอะ”
เยริมพูดพรางพยักพเยิดไปทางอีกฟากหนึ่งที่อยู่ตรงข้ามกันด้วยสีหน้าเรียบเฉย ไม่ใช่ว่ารังเกียจอะไรหรอกนะ เยริมก็แค่ไม่อยากโมโหตอนนี้ เจอหน้ากันทีมีอันต้องทะเลาะทุกที
“นั่งพักแค่แปปเดียวคงไม่ทำให้คนแถวนี้เป็นบ้าขึ้นมาหรอกนะคะ”
เยริมดูฉุนขึ้นมาเล็กน้อยเมื่อถูกพาดพิงแต่ยังคงตีหน้านิ่งต่อไปไม่ตอบกลับ และแล้วการปรากฏตัวของคนๆหนึ่งก็ทำให้เธอถึงกับยกยิ้มขึ้นมา เพราะช่างมาถูกเวลาเสียเหลือเกิน
“อ้าว,มานั่งด้วยกันสิคะพี่ซึลกิ” สาวน้อยวัยยี่สิบต้นๆเอ่ยพร้อมรอยยิ้มกับร่างสูงๆที่ยิ้มตอบกลับเช่นกัน พอรุ่นพี่ตัวสูงหย่อนตัวนั่งลงข้างๆเยริมเหล่าเพื่อนๆก็รับรู้ได้ทันทีว่าจะเกิดสงครามเย็นขึ้นแล้ว เพราะอะไรน่ะหรอ…
มันจะอะไรซะอีกถ้าไม่ใช่การที่รุ่นพี่สองคนนี้กำลัง ‘แย่ง’ ยัยตัวเล็กที่นั่งอยู่ตรงกลางเล่า!!
ไม่ใช่การแสดงออกชัดเจนแบบพวกผู้ชายแต่ก็น่ากลัวใช่ย่อย ชอบสาดคำพูดเย็นๆใส่กันอย่างกับละครหลังข่าว บางทีก็คมกริบบาดจิตขนาดที่ต้องอุทานอุ๊บส์ออกมาเป็นแถบๆ ครั้งนี้ก็ดูจะไม่ต่างกัน…
“อ้าว…สวัสดีค่ะคุณจอย แหม…ไม่ได้ทักตั้งนาน พอดีมองไม่เห็น” เป็นซึลกิที่เปิดศึกครั้งนี้ก่อน มีอย่างที่ไหนสายตาจิกกัดแต่ยิ้มกริ่มให้
“ฮ่ะๆ ไม่เป็นไรค่ะ ปกติก็เห็นเธอเป็นคนมองข้ามหัวคนอื่นอยู่แล้ว”
อือหือ…
กลุ่มเพื่อนสาวของเยริมแทบจะสำลักเครื่องดื่มที่จิบเข้าไปดีที่ยังยั้งไว้ได้ทัน ส่วนเยริมน่ะเหรอ…นั่งเหมือนไม่รู้ร้อนรู้หนาวอะไรเลย!! สองคนนี้ไม่ฆ่ากันตายก็บุญแค่ไหนแล้ว!!!
แต่ผิดคาดไปตรงที่ว่า,แทนที่ซึลกิจะตอบกลับไปกลับยื่นแก้วเครื่องดื่มมาใกล้ๆอีกคนโดยผ่านหน้าเยริมไปก่อนจะชูขึ้นเชิงเชื้อเชิญ เยริมมองดูการกระทำนั้นนิ่งๆ สายตายังคงเรียบเฉยไม่คิดจะขัดอะไร
“ชนแก้วกันหน่อยสิคะ,จอย”
“ถือเป็นการผูกมัดให้มิตรภาพเราแน่นแฟ้นมากขึ้น”
“ด้วยความยินดีค่ะ,คุณซึลกิเพื่อนรัก”
ศึกนี้ยังไม่จบ,อย่าพึ่งนับศพนก
กลับมาแล้วค่าาา หลังจากห่างหายไปเดือนกว่าๆ ตอนสเปเชียลนี้ก็มีคู่เวนรีนแล้วก็คู่…เอ่อ ไม่ใช่คู่สิ 555 สงครามเย็นระหว่างคุณจอยกับคุณหมีนะจ้ะ ไม่ใช่อะไรหรอก ไรท์ไม่รู้ว่าจะให้เยริคู่กับใครดีเพราะบางทีก็เห็นโมเม้นจอยริ บางทีก็โมเม้นซึลริ เอาเป็นว่ามาเป็นศึกชิงนางกันเลยละกัน ถามว่าตอนสุดท้ายจะให้น้องคู่กับใคร? ไรท์ก็ไม่สามารถบอกได้ค่ะ เอาเป็นว่าเม้นๆกันมาละกันเนอะว่าอยากได้คู่ไหน หรือจะปล่อยให้เป็นรักสามเส้าเราสามคนต่อไปก็ได้ 555 เอาเป็นว่าขอบคุณที่ยังรออ่านกันนะคะ เลิฟฟฟฟฟฟ <3
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

ในที่สุดก็อัพแล้ววว ดีใจอ่ะ 5555555
ตัวลอยแทนซึงวานจริงๆเล๊ยยยยย แต่งงานละนะเธอววว อิอิ มีความสุขมากๆด้วยรู้มั้ย
.....อยากเป็นซึงวานแทนจังเลย.....
5555555555
เยริมนี่ก็แหม่ แต่เดี๋ยวสิ ซึลกิกับพี่นุ้งทำไมง่ายๆแบบนี้ล่ะ 555555555
สู้ๆค่ะไรท์ เค้าเป็นกำลังใจให้นะจ๊ะะะ กลับมาอ่านแล้วกระชุ่มกระชวยยย โฮวววว
หูยยย แต่งงานกันแย้ววว
จอยริก็ดี ซึลริก็งาม55555 เราเป็นรีดที่ตามใจไรท์
ละมุนอะไรขนาดนี้อ่ะ ฮือออ
นอนอ่านอยู่บิดไปบิดมาเหมือนโดนน้ำร้อนสาด55555
สุดท้ายหารรอของซึงวานก็โคตรจะคุ้มค่า พี่เบแกอบอุ่นเหลือเกินน ถ้าเรื่องนี้รวมเล่มเราก็ซื้อนะะ รอเรื่องต่อไปนะคะไรท์ ขอพี่เบเมะอีกน้าา /ทำตาปริบๆ/
ปล.คิดถึงไรท์จัง
คิดถึงไรท์ที่สุดเลย
แก้ไขครั้งที่ 1 เมื่อ 7 พฤษภาคม 2560 / 19:01