คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : เกาหลี
ไอ้หัวทอง ฮ่าๆ ^o^
1
เกาหลี
“เอ้า แม่จัดกระเป๋าให้เรียบร้อยแล้วนะลูก”แม่พูด ก่อนจะเดินมานั่งบนเตียงฉัน วันนี้ ฉันจะต้องเดินทางไปเกาหลี เพื่อให้ทันในวันเปิดเทอมวันแรก อีกหนึ่งสัปดาห์แต่ก่อนจะเปิดภาคเรียน จะต้องทำความรู้จักกับกฎเกณฑ์ของการเป็นนักเรียนทุนของประเทศไทย ต้องอบรมมารยาทแล้วก็บลาๆ เยอะแยะก่ายกอง คิดแล้วเพลีย _ _
“ขอบคุณค่ะแม่”ฉันยิ้มให้แม่ แล้วนั่งลงกับพื้นและยื่นมือไปกอดมือแทบขาดใจเมื่อไม่เจอท่านตั้งหนึ่งปี คิดถึงอ่ะ
“จ้ะ ตั้งใจเรียนนะ ถึงแล้วโทรหาแม่ด้วย อย่าลืมล่ะ”แม่พูดจบก็ก้มลงหอมแก้มฉันฟอดใหญ่
“หนูไม่ลืมหรอกจ้ะ”ฉันว่า ก่อนจะนอนหนุนตักแม่
“ที่เกาหลี อากาศหนาวไม่เหมือนบ้านเรานะลูก แม่เตรียมเสื้อกันหนาวไว้เยอะมาก ใส่ซะนะลูก จะได้ไม่เป็นหวัด"แม่พูดด้วยความห่วงใย “ อ้อ แล้วโทรบอกพ่อยัง ว่าจะเดินทางวันนี้?”แม่ถาม
“โทรบอกแล้วค่ะ พ่อบอกว่าดูแลตัวเองดีดี พ่อจะส่งเงินเข้าบัญชีให้เดือนล่ะหนึ่งแสนบาทค่ะ”ฉันพูดรายละเอียดที่คุยกับพ่อให้แม่ฟัง
“อืม งั้นแม่ก็หมดห่วง”พูดจบแม่ก็ลูบผม แต่ก็ต้องชะงักเหมือนแม่คิดอะไรได้แล้วพูดออกมาอย่างเตือนๆ
“แล้วที่สำคัญ!”แม่พูดก่อนจะหยุดหายใจแล้วมองฉันด้วยสายตาจริงจัง “ห้าม!มีเรื่องเด็ดขาดนะลูก เดี๋ยวจะใช้ชีวิตลำบาก”
“ค่ะ หนูรับปาก”ฉันพยักหน้างึกๆ
ปี๊ดๆ
เสียงแตรรถดังมาจากหน้าบ้าน
“ปังคงมารับแล้วล่ะค่ะ”ฉันว่าก่อนจะลุกขึ้นแล้วลากกระเป๋าออกจากห้อง
“สวัสดีค่ะ น้าพร”ปังยกมือไหว้คุณแม่ที่เดินตามหลังฉันมาติดๆ
“สวัสดีจ้ะ”คุณแม่รับไหว้
“แม่ งั้นชิโนะไปก่อนนะ”ฉันพูดก่อนจะก้มลงกราบแม่ที่บ่า
“ดูแลตัวเองดีดีนะลูก อย่ามีเรื่องกับใครเค้าล่ะ มีอะไรโทรมาได้เลยนะลูก”แม่ว่า ก่อนจะลูบผมฉัน เฮ้อ ฉันก็ไม่อยากจากบ้านจากเมืองไปไหนหรอก แต่ต้องไปเรียนด้านภาษาเพื่อได้ติดต่อธุรกิจชาวต่างชาติให้คร่องๆ เท่านั้นแหละ
“ค่ะ”ฉันว่า ก่อนจะยกมือขึ้นกอดแม่แน่นๆ
“แน่ใจนะ ว่าไม่ให้บอดี้การ์ดไปด้วย”แม่พูดด้วยความห่วงใยสุดๆ
“หนูไม่ใช่เด็กแล้วนะค่ะ หนูดูแลตัวเองได้ค่ะ”
“ชิโนะ ไปได้แล้ว สามทุ่มแล้วนะ”ปังเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงร้อนใจสุดๆ ง่ะ สามทุ่มแล้วเหรอเนี่ย ฉันยกข้อมือมาดูเวลา ก็พบว่า ขณะนี้เวลาล่วงเลยไปมากพอสมควร เวรแล้ว
“งั้นหนูไปนะแม่ สวัสดีค่ะ”พูดจบ ฉันก็หยิบกระเป๋าลากออกจากบ้านทันที
“เดินทางปลอดภัยนะลูก”แม่ยืนโบกมืออยู่หน้าบ้านแล้วจ้องมองรถเก๋งแล่นออกจากบ้านด้วยความห่วงใย จนลับสายตา
ณ สนามบิน สุวรรณภูมิ
ปังช่วยขนสัมพาระฉันมาในสถานที่พักผู้โดยสาร เครื่องจะออกภายในยี่สิบนาที
“แก หิวไหม”ปังถาม ก่อนจะทรุดนั่งลงข้างฉัน
“ไม่ล่ะ ทานมาแล้ว”ฉันตอบก่อนจะมองหน้าปัง นี้เราต้องจากกันแล้วเหรอ คิดแล้วเศร้าอ่ะ เฮ้อ
: ผู้โดยสาร ของสายการบินไทย ขึ้นเครื่องทางประตูเจ็ดได้เลยค่ะ
“เอาล่ะค่ะ สำหรับนักเรียนที่ได้ทุนเรียนต่อที่ประเทศเกาหลี พอไปถึงที่เกาหลี จะมีคนมารับพวกเธอทั้งห้าคน แล้วพาไปที่ห้องพัก หลังจากนั้นก็ทำตามที่พวกเขาบอก ก่อนจะถึงวันเปิดภาคเรียน พวกเธอก็ดูแลเพื่อนๆด้วยล่ะกัน สำหรับวันนี้ ครูของให้ทุกคนโชคดี มีความสุขค่ะ ขอบคุณ”ครูประจำชั้นของฉันเอ่ยลา แล้วอวยพรให้กับการเดินทาง
พอครูเอ่ยจบ พวกนักเรียนทุนคนอื่นๆ ก็ถยอยกันลากกระเป๋าไปที่ประตูเจ็ด
ฉันก้มลงหยิบกระเป๋าแล้วหันไปมองหน้าปัง ที่อุสามาส่งฉัน บนหน้ายัยนั้นมีน้ำตาเปอะเปี้ยนจนทำให้ใบหน้าสวยๆหมดความงามลงถนัด
ฉัน ยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาให้ยัยนั่นเบาๆ แต่หล่อนก็ดึงฉันไปกอด คือ หายใจไม่ออกเลย ฉันไม่ได้ไปตายสักหน่อย แค่ปีเดียว อย่าดราม่าได้ป่ะ เดี๋ยวนางเอกเสียงโฉมหมด
“ฮือๆ”ยัยปังร้องไห้ฟูมฟาย อย่างกับโด้สุนัขลูกรักของหล่อนจะตายนั่นแหละ
“นี่ ปัง ฉันไม่ได้ไปแล้วไม่กลับสักหน่อย เดี๋ยวก็กลับ แค่ปีเดียวเอง”ฉันพยายามพูดปลอบให้ยัยนั่นหยุดร้อง แต่เปล่าเลย ยัยนั่นร้องหนักกว่าเดิมซะอีก
“ก็มันคิดถึงแกนี่หว่า ฮึก”อ่าว ร้องหนักเข้าไปอีก
“นักเรียน ไปได้แล้ว”อาจารย์เอ่ยออกมาอย่างเร่งรีบ
“ฉันต้องไปแล้วนะ”ฉันพูด ก่อนจะดันตัวยัยปังออกจากอก
“ฮือ ๆ อึก อื้ม ดูแลตัวเองดีดีนะ”ยัยปังยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาอย่างลวกๆ เลยยิ้มออกมา ก่อนจะโบกมือหยอยๆ
ฉันโบกมือให้ยัยนั่นตอบ ก่อนจะลากกระเป๋าไปทางประตูเจ็ด
ฉันรู้ เธอฝืนยิ้ม ปังๆ
เฮ้อ คิดแล้วก็เศร้า ไม่ได้เจอแม่ ไม่เจอปังตั้งหนึ่งปีแนะ งือ TOT
ฉันเดินขึ้นเครื่องบิน แล้วก็มีพนักงานแอร์โฮสเตส นั้นแหละ มาให้บริการ โดยการพาไปที่หมายเลขนั่ง ก่อนจะยกกระเป๋าเก็บให้เสร็จสรรพ ที่นั่งของฉันอยู่ติดริมหน้าต่าง โดยมีผู้หญิงที่ได้ทุนเหมือนกันนั่งอยู่ข้างๆ เธอเหลียบมองฉันด้วยสายตากลัวๆ อ้ะ! ยัยนี้ เห็นฉันเป็นนางมารรึไงเนี่ย
ฉันไม่สนใจท่าทางห่างเหินของยัยนั่งข้าง(เรียกๆไปก่อน ไม่รู้จักชื่อ)แล้วมองออกไปนอกหน้าต่าง คิดอะไรเพลินๆ ฮือ คิดถึงแม่แล้วเศร้าแม่ต้องยู่กับคนรับใช้อีกสองคนตั้งหนึ่งปี โดยไม่มีฉัน สงสารแม่อ่ะ
และเมื่อตอนนี้เป็นตอนกลางคืน ทำให้เปลือกตาของฉันเริ่มปิดลง และจะหลับ แต่ทว่า…
“เอ่อ ทะ เธอ”ยัยคนนั่งข้างนั้นเอง เธอใช้นิ้วสะกิดฉันอย่างกล้าๆกลัว
“มีอะไร”ฉันหันไปทำหน้าเหี้ยมใส่จนคนเธอตกใจแทบหลบตา แต่ก็ชี้มาที่ใต้กระโปง งง
“ทะ เธอ ยังไม่คาดเข็มขัด”คุณเธอบอกด้วยน้ำเสียงขาดๆหายๆ อ่อ ขอบใจที่เตือน เหอะ
ฉันลัดเข็มขัด และกะจะหลับโดยไม่สนใจเสียงกัปตันผู้เอ่ยทักทายผู้โดยสาร แต่แล้วแต่เล่า…
“เธอ ชื่ออะไรเหรอ?”นางคนนั่งข้างๆอีกแล้ว นี้ ฉันจะไม่ได้หลับไม่ได้นอนเลยหรือไงย่ะ ฉันหันไปมองหล่อนอย่างรำคาญ จนหล่อสะดุ้งอีกรอบ เฮ้อ แล้วดูสายตาแป๋วนั้นสิ เห็นแล้วอารมณ์หงุดหงิด
“ชิโนะ”ฉันตอบปัดรำคาญ
“อ่อ ฉันชื่อ ฮารุ ยินดีที่ได้รู้จัก”คุณนางที่ชื่อฮารุอะไรนั่น ยื่นมือสั่นมาให้ฉัน เอิ่ม ฉันว่า ฉันควรทำความรู้จักยัยนี้ไว้ดีกว่า เผื่อไม่มีเพื่อน
“ยินดีที่ได้รู้จัก”ฉันยื่นมือไปจับมือยัยฮารุ แล้วยิ้มให้เธอ ก่อนจะหลับตานอนอย่างเหนื่อยล้า
ขอให้ทุกท่านหลับให้สบาย จากสายการบินไทย ราตรีสวัสดิ์ค่ะ
ตอนเช้า ของเกาหลี
“ชิโนะๆ ตื่นได้แล้ว”ฉันได้ยินเสียงแว่วๆ ดังอยู่ข้างๆ ใครสนล่ะ คนกำลังหลับสบาย
“ขออีกห้านาทีค่ะแม่”ฉันโบกมือไปมาแล้วขอเวลานอนต่อ
“ชิโนะ ฉันไม่ใช่แม่เธอนะยัยบ้า!!”เอ้ะ! พอได้ยินเสียงนั้นฉันก็รีบสะดุ้งตื่นแล้วมองสภาพแวดล้อมรอบๆ อ่าว นี้ฉันอยู่บนเครื่องบินนิ แล้วคนอื่นๆหายไปไหนหมด พอมองไปรอบๆแล้วสายตาก็สะดุดกับร่างของยินสาวผมยาวสีดำที่นั่งอยู่ๆข้าง พร้อมทำหน้าโหดใส่
“หือ ฮารุเหรอ?”ฉันถาม พร้อมยกมือขยี้ตาเบาๆ
“ก็ใช่นะสิ ตื่นแล้วก็ลงจากเครื่องได้แล้ว พี่เลี้ยงมารับแล้ว”ฮารุบอก ก่อนจะฉุดแขนฉันให้ลุกขึ้น
ฉันเดินตามยัยฮารุโดยมีสัมพาระกายกอง เสียงกระเป๋าลากฉันขูดกับพื้น จนทำให้คนในสนามบิน หันมามองฉันกับฮารุที่วิ่งอย่างเอาเป็นเอาตายเมื่อรู้ว่า พี่เลี้ยงที่ส่งมาให้ดูแลพวกทุนเรียนต่อมารับแล้ว
“โน้นค่ะ มาแล้วค่ะ”ยัยนักเรียนทุนคนหนึ่งเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงดีใจ พร้อมเดินเข้ามาช่วยถือของให้ฉันกับฮารุ
“งั้นเราไปกันเถอะ วันนี้ไม่ต้องทำอะไรทั้งนั้น ถือเป็นวันพักผ่อนล่ะกัน ไป เดี๋ยวพี่พาไปที่ห้องพักกัน”
ฉันมองไปรอบๆ นี้ ฉันมาถึงเกาหลีแล้วเหรอ อร้ายยยย >w<
ตอนนี้รถบัสกำลังมุ่งหน้าไปยังชายเมืองโซล ฉันมองไปรอบๆ หน้าต่าง เกาหลีนี้สวยจริงๆ ดูสิ สภาพแวดล้อมโครตหน้านอนกลิ้งอ่ะ ดอกซากุระก็แข่งกันบาน โฮ เดี๋ยวชวนยัยฮารุมานอนเล่นที่นี้ดีกว่า อร้าน ตื้นเต้นนน
“ฮารุ เดี๋ยวเรามาเดินเล่นแถวนี้กันนะ”ฉันหันไปถามฮารุ ที่กำลังมองหน้าจอโทรศัพท์แล้วเล่นอย่าไม่สนใจสิ่งแวดล้อมอันสวยงามข้างทางนี้เลย
“ได้สิ ที่นี้สวยดีเนอะ”ยัยนั้นเงยหน้ามาองฉันแปปเดี๋ยว ก่อนจะหันไปส่งข้อความไลน์ต่อ หน่อย
“เอาล่ะค่ะ น้องๆ วันนี้ถือว่าเพิ่งเดินทางมาถึงเกาหลี จะไม่มีกิจกรรมอะไรก่อน แล้วเรื่องห้องพัก เลือกเอานะว่าจะนอนกับใคร ส่วนคนที่เหลือ ก็นอนกับนักเรียนทุนจากประเทศอื่นนะ เลือกคู่ได้แล้ว ก็เดินมาเอากุญแจที่เคาน์เตอร์ได้เลยนะ เชิญพักผ่อนได้ตามสบายเลยนะ”พี่เลี้ยงพูดจบก็เดินเข้าโรงแรมไป ตอนนี้ก็เหลือฉัน ฮารุ และนักเรียนทุนที่เป็นหญิงทั้งหมดอีกสามคนยืนมองหน้ากันอยู่
“เอ่อ ฉันพักคู่เธอได้รึเปล่า?”ฮารุมองหน้าฉันพร้อมทำตาแป๋วอย่างอ้อนๆ
“ได้สิ J”ฉันตกลง พร้อมยิ้มแล้วเดินขึ้นบันไดไปที่เคาน์เตอร์เพื่อเอากุญแจ
“เฮ้อ!”พอเข้ามาในห้องพักฉันก็ทิ้งตัวลงที่เตียงอย่างไรเรี่ยวแรง ห้องนี้มีสองเตียงเล็กๆ น่ารักสีชมพู(แต่ที่รู้ๆ ฉันเกลียดสีชมพู)ห้องน้ำหนึ่งห้อง มีเคาน์เตอร์ ห้องครัว และห้องนั่งเลนที่ติดกับกระจกใส มองเห็นทะเลสาบได้อย่างสวยงาม มีระเบียงไว้สูดอากาศ รวมๆแล้ว เพอร์เฟคอ่ะนะ
“ขอนอนพักสักหน่อยนะ แล้วเย็นๆค่อยออกไปเดินเล่นกัน”ฮารุบอก ก่อนจะทิ้งตัวลงนอนราบบนเตียง แต่หล่อนบอกว่าจะพักผ่อน แล้วนั่นอะไร เล่นไลน์พิมพ์กันไม่เข็ดไม่เหนื่อยรึไง ฉันไม่สนใจยัยนั่น ล้มตัวลงนอนแล้วหลับตาลงอย่างเหนื่อยล้า
ตอนเย็น
“ชิโนะ ตื่นได้แล้ว ออกไปเดินเล่นกัน”อืม อะไรเนี่ย ใครบังอาจมาปลุกฉันว่ะเนี่ย
“ชิโนะ จะไปไหม!!”โอ้ย จะตะโกนไปไหนว่ะ แก้วหูฉันจะแตกแล้วโว้ย
“เออๆ ตื่นแล้วโว้ย”ฉันลุกขึ้นนั่ง ผมนี้รกยังกับ เอ่อ รังแมว - -
“ล้างหน้าเร็ว น้ำลายหกหมดแล้วย่ะ”ฮารุว่าก่อนจะหัวเราะลั่น เหอะ
สวนสาธารณะใกล้โรงแรม
อืม บรรยากาศงี้โครตสบายเลยอ่ะ แดดก็ไม่มีแถมอากาศก็หนาวๆ ต่ำม่ถึงกับหนาวมาก ต้นซากุระน้อยใหญ่แข่งกันบาน หญ้าเขียวชอุ่ม มีทะเลสาบที่มองเพลินๆแล้วสวยงามไม่มีที่ติ มีผู้คนไม่ค่อมาก เพราะอยู่แถวชายเมืองโซล ทำให้บรรยากาศในสวยสาธานะแห่งนี้ร่มเย็น เงียบสงบ สบายหู และ…
ตุบ! อึก! อัก! ผัวะ!
มีเสียงเหมือนอะไรประทะกับอะไรสักอย่างอยู่แถวซอยขยะนั่น บังอาจมาทำให้ฉันเสียบรรยากาศของการพักผ่อนหมด
ฉันเดินไปที่เกิดเหตุเสียงดังนั่นอย่างรวดเร็ว(มาคนเดียวนะ ยัยฮารุไม่รู้หายหัวไปไหน) แต่ก็ต้องหยุดชะงักเมื่อมีใครบางคนมาฉุดข้อมือเอาไว้ พอหันกลับไปมองด้วยสายตาหงุดหงิด กลับสะดุ้งเล็กน้อย เมื่อเห็นสายตาเยือกเย็นของนายรูปหล่อผมทอง เอ่อ ไม่อยากจะบอก เค้างี้โครตหล่ออ่ะ ตัดผมสไตล์เกาหลี ย้อมผมสีทอง ดวงตาสีดำคมกริบจ้องมองมาที่ฉันด้วยสายตาเหมือนจะขยี้ฉันให้จมดิน อูย กลัวแล้วจ้า
“คิดจะทำอะไร?”เขาถามพร้อมกับบีบข้อมือฉันแถบกระดูกจะหักอยู่แล้ว เจ็บเว้ย หน็อย ไอ้หัวทอง!
“นี่นาย ปล่อยนะ เจ็บเหมือนกันนะเว้ย ไอ้หัวทอง!”ฉันตะโกนใส่หน้ามัน หวังจะให้นายหัวทองปล่อยแต่เปล่าเลย หน้าขาวๆของหมอนั่นกลับเปลี่ยนสีกลายเป็นแดงจัด แล้วบีบข้อมือฉันแน่นขึ้น จนเจ็บเข้าไปในเส้นเลือดเลย โอ้ย!
“เธอ ว่าใครหัวทองนะ ยัยหัวหอม”นายนั่นบีบข้อมือฉันแน่ขึ้นอีก มะ เมื่อกี้ว่า หัวหอมงั้นเหรอ อร้าย ไอ้หัวทองนี่ ชักจะไม่เลว
“ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะ!”ฉันพูด ก่อนจะก้มลงกัดมือของไอ้หัวทองที่บีบข้อมือฉันอย่างไม่ลดละ จนนายหัวทองร้องจ๊าก แล้วปล่อยฉันให้เป็นอิสระ
“หน็อย ยัยตัวแสบ กล้ามากนะที่กัดฉัน เธอคงไม่รู้สินะว่า…”นายหัวทองหยุดคำพูดไว้เท่านั้นเพราะมีกลุ่มชายชุดดำวิ่งกรูเข้ามาพร้อมเอ่ยอย่างไม่สงบใจ
“บอสครับ ไอ้ทานมันหนีไปได้ครับบอส”ลูกน้องคนหนึ่งพูด ก่อนจะก้มหน้าก้มตาเหมือนเครพอะไรสักอย่าง
“ว่าไงนะ มันหนีไปทางไหน?!”นายหัวทองเหมือนจะอารมณ์เสียสุดๆ
“ทางนั้นครับบอส”ชายชุดดำชี้ไปทางซอกซอยเล็กๆนั้น ทำให้นายหัวทองสงเสียงอย่างไม่พอใจ แล้วรีบวิ่งเข้าไปในซอยนั้นอย่างรวดเร็ว ชายชุดดำที่เหลือก็มิวายวิ่งตามเข้าไปติดๆ
นี่มันเรื่องบ้าอะไรว่ะเนี่ย!!!
เม้นบ้างนะค่ะ ถ้าผิดอะไรตรงไหนหรือบกพร่อง เม้นมาเลยจ้า ไม่ต้องเกรงใจ คนกันเอง ^o^
ความคิดเห็น