คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : [RE]บทที่4 : วันซวย
บทที่ 4 วันซวย
มิเลน่ารู้สึกแบบที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน รู้สึกดีใจ แปลกใจ งง ๆ ผสมปนเปกันจนไม่รู้ว่าจะเรียกความรู้สึกนี้ว่าอะไร จากที่ไม่เคยรู้จักคำว่า “เพื่อน” แบบจริง ๆ จัง ๆ ก็ได้รู้จัก จากที่ไม่เคยไปเที่ยวที่ไหนไกล ๆ ก็ได้มาวันนี้...มันประหลาดมาก!! ทุกอย่างมาปะทะกันภายในวันเดียว!!
หลังจากที่ได้รู้จักกับเพื่อนๆ ได้ไม่กี่นาที เด็กสาวก็พอจะรู้นิสัยของเพื่อนอีก 3 คนอย่างง่าย ๆ ทุกคนมีลักษณะเฉพาะตัวที่ง่ายแก่การจดจำและการปฏิบัติอีกด้วย
คนแรก...คาเรีย คารีเน่ ผู้มีเรือนผมเป็นลอนสีน้ำเงิน กับนัยน์ตาสีเขียวน้ำทะเลคู่สวย เธอเป็นคนที่น่าจะมาจากตระกูลที่ดี เพราะเธอไม่ถือตัว เรียบร้อย และดูน่าเชื่อถือ
คนที่สอง...ไนล์รี แกลนีเลีย สาวน้อยผมสีม่วงไลแล็ก คู่กับนัยน์ตาสีอเมทิสต์ที่เปล่งประกายร่าเริงอยู่ตลอดเวลา เป็นคนที่มีมนุษยสัมพันธ์ที่เยี่ยมยอด พูดจาฉะฉาน และเข้ากับผู้ชายได้ดี
คนสุดท้าย...เจ้าของผมสอยสั้นสีส้มแดงแบบผู้ชายและนัยน์ตาสีอำพันคมกริบ...เรน หรือ เรน่า มาโร แค่ปราดตามองแวบเดียว มิเลน่าก็รู้แล้วว่าเรนอยากเป็นผู้ชาย แต่ด้วยเหตุผลอะไรนั้น เธอก็ยังคงไม่ทราบ และก็ยังคงเปลี่ยนชื่อมาได้ไม่นานนัก เพราะไนล์รีที่เป็นเพื่อนกันตั้งแต่ก่อนยังคงเรียกชื่อ เรน่า ติดปาก เรนเป็นคนที่ดูขวางโลกนิด ๆ แต่จริง ๆ แล้วเป็นคนที่คุยสนุก และเธอรู้สึกว่าเข้ากับเรนได้ดีที่สุด
ไม่มีใครสนใจผู้ที่เข้ามาใหม่...ทุกคนยังคงคุยกันอย่างสนุกสนานจนไม่ได้สังเกต...
ดี๊สสส..
เสียงแสบแก้วหูดังขึ้น มิเลน่ายกมือปิดหูทันที แล้วหันไปทางต้นเสียง หญิงสาวผมสีทองในชุดเครื่องแบบที่เคยนั่งอยู่ที่โต๊ะรับสมัคร...คือ ผู้ที่ทำเสียงแสบหูนั่นเอง...
“ยินดีต้อนรับ เหล่าคนรับใช้ใต้อำนาจแห่งกษัตริย์ธารีเลส เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา ดิฉัน เชลล่า วองเซฟ เสนาธิการฝ่ายซ้ายแห่งธารีเลส ขอประกาศว่า ทุกคนในที่นี้สอบผ่านในข้อสอบในขั้นแรกแล้ว การทดสอบ คือ การเดินผ่านทางอิฐสีขาวที่สามารถวัดระดับพลังเวทและความสามารถในการใช้ศิลปะป้องกันตัว ถ้าใครไม่ถึงเกณฑ์ที่กำหนดไว้ ผู้ชายก็จะไปโผล่ที่ค่ายทหาร และผู้หญิงก็จะไปโผล่ที่ค่ายกุลสตรี เอาล่ะ...วันนี้ทุกคนคงเหนื่อยกันมาก..”....ถึงตรงนี้มิเลน่าแอบค้านในใจ นอกจากเธอ และเพื่อนสาวทั้งสาม กับตาบึ้กนั่นแล้ว ทุกคนก็ดูสบาย ๆ กันทั้งนั้น ไม่เห็นเหนื่อยสักนิด เด็กสาวผ่อนลมหายใจออกอย่างเบื่อหน่าย ก่อนฟังเชลล่าพูดต่อไป
“รอหมอกเดินทางสักครู่ แล้วทุกคนจะได้ไปยังที่พัก วันพรุ่งนี้จะเป็นวันให้พักผ่อน จากนั้นอีกวัน ขอให้ทุกคนมารวมกันที่โดมนี้เพื่อไปยังสถานที่จัดค่ายก่อนหกโมงเช้า และอีกอย่าง...หากใครหนีอกจากค่าย เราถือว่าไม่จงรักภักดีต่อกษัตริย์ และจะถูกมนตราโบราณของธารีเลส ถ้าเข้าใจกันแล้ว ก็เข้าถาวรอหมอกได้เลยค่ะ”สิ้นคำพูด ร่างของเชลล่าก็เลือนรางไป มิเลน่าเบิกตากว้าง แล้วรีบเอามือขยี้ตา...ให้ตายเถอะ ฉันไม่ได้ตาฝาดใช่ไหมเนี่ย...เธอสะบัดหัว แล้วเดินไปต่อแถวที่ผู้คนเริ่มแย่งกันต่อ จนกลายเป็นหางว่าว...เฮ้อ..อย่างน้อยก็มีที่พักให้ จะได้ไม่ต้องลำบากไปหาเอง แถมเงินก็ไม่มีสักเซรีส...ซวยจริง ๆ
เสียงฝีเท้าเบาๆเดินย่ำขึ้นบันไดวนด้านนอกหอคอยสูงแห่งปราสาทดาก์คเร ซึ่งถูกจัดให้เป็นที่พักของหนุ่มสาวผู้มาสมัครเป็นคนรับใช้ของผู้เป็นเจ้าของปราสาท...ยามวิกาลเช่นนี้ นอกจากจะเงียบงันและเปล่าเปลี่ยวแล้ว ยังน่ากลัวเสียยิ่งกว่าสิ่งใด ทำเอาร่างบางที่เดินดุ่ม ๆ กำลังจะเข้าไปในหอคอยอดที่จะเหลียวมองหลังอย่างไม่ไว้ใจ
มิเลน่า เด็กสาวผู้แสนจะเป็นโรคขี้ลืมในเวลาสั้น ๆ เดินดุ่ม ๆ เข้าไปไขกุญแจห้องแต่ละห้องอย่างเป็นกังวลปนสังเวช เพราะเธอจำเลขที่ห้องพักยาวเหยียดที่เจ้าหน้าที่ดูแลหอคอยบอกไม่ได้แม้แต่ตัวเดียว ทำให้เธอต้องเสียเวลาในการพักผ่อนมาไล่ไขประตูที่ละห้องตั้งแต่ชั้นแรกจนมาถึงชั้นที่48แล้ว
และในตอนนั้นเอง.....
นัยน์ตาสีแดงสดเบิกกว้างด้วยความปีติเมื่อในที่สุดกลอนประตูของห้องหมายเลข 4966371 ลั่นกริ๊ก
"บิงโก ในที่สุดก็ไขได้ซะที แต่แหมดันอยู่ชั้นสูงสุดซะนี่ รู้ตั้งแต่แรกคงขึ้นหมอกมาได้สบาย ๆ แน่เชียว"เธอรำพึงกับตัวเองเบาๆ แต่ก่อนที่จะเปิดประตูก้าวเข้าห้องไป เธอรู้สึกถึงไอมนตร์คุ้มครองกั้นอยู่จึงไม่สามารถเปิดเข้าไปอย่างที่ตนคิด
อะไรเนี่ย ขนาดตอนจะเข้าห้องเราก็ต้องมาเหนื่อยอีกเหรอเนี่ย
"รหัสผ่าน"เสียงต่ำๆเสียงหนึ่งเอ่ยจากลำโพงเล็กที่ติดอยู่ข้างประตู มิเลน่าทำหน้างงๆ
"รหัส?? รหัสผ่านเหรอ"
"กรุณาบอกรหัสผ่านมา"เสียงนั้นกล่าวซ้ำ เธอจำได้ว่าหญิงสาวพนักงานก็เคยบอกรหัสผ่านพร้อมกับทวนหลายทีเพื่อให้จำได้ แต่เธอกลับลืมสนิท เด็กสาวเอะใจว่ารหัสนั้นน่าจะอยู่ที่ลูกกุญแจจึงดึงออกมา พร้อมกับประจุไฟฟ้าที่ลั่นเปรี๊ยะ
"ไม่มีกุญแจ ไม่มีกุญแจ นับแต่นี้อีก3วันห้องนี้จะ ปิดตาย"
"อ้าว" มิเลน่าอุทานเสียงหลง แทบจะอยากเอาหัวเขกผนังเพื่อสังเวยให้แก่ความงี่เง่าของตัวเอง ไม่มีที่ซุกหัวนอนแล้วเธอจะไปอยู่ที่ไหนละเนี่ย ไม่คิดเปล่าเธอพยายามลองแทงลูกกุญแจเข้าไปในรูอีกครั้ง แต่ก็ปรากฏว่ารูมันดันตันซะนี่
ซวย ซวยสนิท
และแล้วเสียงสวรรค์ก็ดังขึ้น...
"ใครอยู่ข้างนอกน่ะ"เสียงหวานๆดังจากห้องข้างๆ แล้วเจ้าของเสียงผู้มีนัยน์ตาหวานสีเขียวท้องทะเลก็ค่อยๆแง้มประตูมาดูอย่างไม่ไว้ใจ ก่อนจะเบิกโพลงเมื่อเห็นสภาพเพื่อนใหม่ที่กำลังจะเอาหัวโขกผนัง
"อ้าว มิเล"
"คาเรีย!"มิเลนาร้องกึ่งตกใจกึ่งดีใจ เมื่อเห็นเพื่อนสาวที่เพิ่งรู้จักกันได้ไม่นานนี้ คาเรียเอียงคออย่างสงสัยว่ามิเลน่ากำลังทำอะไรอยู่ แต่เมื่อเห็นลูกบิดประตูที่มีโซ่มนตราล่ามก็เข้าใจในทันที
"ห้องฉันมันล็อกน่ะ แย่จัง"มิเลน่ายักไหล่
"เหรอ ถ้าทางคืนนี้เธอจะไม่มีที่พัก มาที่ห้องฉันมั้ย" ดวงตาใสซื่อประกายระริก ไม่รอช้ามิเลน่ารีบโผเข้ากอดร่างบางที่ได้แต่ยิ้มแห้งๆให้
"ขอบคุณๆๆๆ"คาเรียพยักหน้าเป็นเชิงรับรู้ ดันร่างมอมแมมออกจากตัวอย่างมีมารยาท ก่อนจะผายมือน้อยๆเชิญให้เข้าห้องของเธอ มิเลน่าชะเง้อมองดูอย่างสนอกสนใจ...คงจะไม่ต้องบอกรหัสบ้าก่อนเข้าอีกหรอกนะ
ก้าวแรกที่เหยียบเข้าห้องพักที่เป็นรูปสีเหลี่ยมจัตุรัสเล็ก ๆ กลิ่นน้ำทะเลจาง ๆ ก็โชยมาสัมผัสใบหน้า มุมห้องมีแสงสลัวๆจากตะเกียงเปลือกหอยเชลล์ใบสวยประกบกัน เตียงที่กลางห้องเป็นสีฟ้าหม่น ๆ ประด้วยเปลือกหอยนานา นอกจากนี้ยังมีรูปปั้นสลักและของประดับจากทะเลซึ่งคงไม่น่าจะเป็นรูปแบบปกติของห้องพักแน่ มิเลน่ามองหน้าคาเรียเป็นเชิงถาม เจ้าของห้องห้องหัวเราะน้อยๆในความไม่รู้เรื่องราวของมิเลน่าก่อนตอบ
"เวทเคลื่อนย้ายสิ่งของน่ะ ฉันเคลื่อนของที่บ้านมาไว้ที่นี่ ไม่มีอะไรมากหรอก"
มิเลน่าเดินสำรวจไปรอบๆห้อง เธอเหลือบไปเห็นซองจดหมายสีนวล 2 ซองวางอยู่บนเตียงหลังใหญ่ เธอเลิกคิ้วอย่างแปลกใจ ถามคาเรียซึ่งกำลังเดินไปมาอยู่
นัยน์ตาสีเขียวน้ำทะเลฉายแววแปลกใจเช่นเดียวกัน มือบางหยิบมาดู ผู้ส่งจ่าหน้าถึงเด็กสาวทั้งสองด้วยลายมือวิจิตรสีเงินขลิบทอง แต่ที่น่าแปลกคือมันมาอยู่ตรงนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน??
คาเรียมองหน้าลุ้น ๆ ของมิเลน่าชั่วครู่แล้วค่อย ๆ แกะตรายางที่ประทับบนซองจดหมาย แสงเรืองสีนวลส่องผ่านแผ่นเนื้อความ ทั้งสองคลี่กระดาษออกอย่างตื่นเต้น ตัวหนังสือสีทองลอยออกมาจากแผ่นกระดาษบาง เป็นเพียงข้อความสั้นๆ ความว่า 'เตรียมพร้อมสำหรับเข้าค่าย ของทุกอย่างที่ต้องการอยู่ที่ตลาดกลางนคร ลงชื่อ เชลล่า วองเซฟ' มิเลน่า ไล่สายตาไปตามข้อความหลายรอบอย่างงงๆ เนื่องจากเธออ่านออกเขียนได้เพียงไม่กี่คำเท่านั้นเพราะปกติเวลาทำงานในป่าลึกเธอแค่เขียนชื่อพืชพันธุ์ไม้ง่ายๆเท่านั้น นับประสาอะไรกับลายมือหวัดๆอ่านยากใส่ซองเป็นทางการ ทำให้เด็กสาวงงเข้าไปใหญ่
"ตลาดกลางนคร... เห็นจะต้องไปซะหน่อยแล้ว ฉันยังต้องซื้อของเพิ่มอีกเยอะ เธอล่ะมิเลน่า"คาเรียถามมิเลน่าที่ยังคงมึนตึ้บกับข้อความเพียงหนึ่งบรรทัด มิเลน่าหันมายิ้มแห้งๆให้เป็นคำตอบก่อนสารภาพความจริงออกไป
"เอ่อ ถ้าจะให้ตอบตรงๆฉันไม่มีอะไรติดตัวมาเลยล่ะ"คาเรียแปลกใจอย่างแรง มาถึงตั้งเมืองท่าใหญ่ใจกลางอาณาจักรโดยไม่มีอะไรติดตัวมาเลยเนี่ยนะ ยิ่งคิดยิ่งพาลจะงง..แต่ก็ไม่ได้ซักไซ้ให้เสียเวลาพักผ่อน
"ไม่มี?? แต่ก็ไม่เป็นไรหรอกเดี๋ยวพรุ่งนี้เราไปเบิกเงินจากทางสำนักราชวังมาใช้ก็ได้"มิเลน่าพยักหน้าหงึกๆ ไม่ยักรู้ว่าเบิกใช้ได้ฟรี ต่อมคนจนมันต่อต้านยังไงก็ไม่รู้แฮะ
คาเรียวาดมือไปในอากาศเป็นรูปคลื่น เกิดแสงสีฟ้าสว่างเป็นกลุ่ม ก่อนจะแปลเปลี่ยนเป็นฟูกนอนที่ดูนุ่มฟูน่านอนซะเหลือเกิน
"คืนนี้เธอนอนที่ฟูกนี้นะ เอ้า มานอนกันเหอะเดี๋ยวพรุ่งนี้คงต้องเหนื่อยทั้งวันแน่"สิ้นเสียงหวานเด็กสาวทั้งสองก็ล้มตัวลงนอนบนที่นอนของตน คาเรียดีดนิ้วเปาะ แล้วแสงสลัวๆมุมห้องก็ค่อยๆดับลงพร้อมกับสติที่เข้าสู่นิทรากาล...
______________________________________________________
โปรดติตามตอนต่อไปของสายเลือดต้องสาปนะคะ อย่าลืมเม้นเพื่อให้กำลังใจ และติชมนะคะ^^
ความคิดเห็น