ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Milena สายเลือดต้องคำสาป

    ลำดับตอนที่ #11 : บทที่9 :

    • อัปเดตล่าสุด 5 มี.ค. 51


    รอ RE ค่ะ

    บทที่9 เรื่องวุ่นๆในหอพัก

             

              เสียงฝีเท้าเบาๆเดินย่ำขึ้นบันไดวนด้านนอกหอคอยสูงแห่งปราสาทดาก์คเร ซึ่งในสองคืนนี้ถูกจัดให้เป็นที่พักของหนุ่มสาวผู้มาสมัครเป็นคนใช้ของผู้เป็นเจ้าของปราสาท ยามวิกาลเช่นนี้ นอกจากจะเงียบงันและเปล่าเปลี่ยวแล้ว ยังน่ากลัวเสียยิ่งกว่าสิ่งใด ทำเอาร่างบางที่เดินดุ่มๆกำลังจะเข้าไปในหอคอยอดที่จะเหลียวมองหลังอย่างไม่ไว้ใจ

              มิเลน่า เด็กสาวผู้แสนจะเป็นโรคขี้ลืมในเวลาสั้นๆเดินดุ่มๆเข้าไปไขกุญแจห้องแต่ละห้องอย่างเป็นกังวลปนสังเวช เพราะเธอจำเลขที่ห้องพักยาวเหยียดที่หญิงสาวบอกไม่ได้แม้แต่ตัวเดียว ทำให้เธอต้องเสียเวลาในการพักผ่อนมาไล่ไขที่ละห้องตั้งแต่ชั้นแรกจนมาถึงชั้นที่48แล้ว

                    และในตอนนั้นเอง

             

    นัยน์ตาสีแดงสดเบิกกว้างด้วยความปิติเมื่อในที่สุดกลอนประตูของห้องหมายเลข4966371ลั่นกริ๊ก

              "บิงโก ในที่สุดก็ไขได้ซะที แต่แหมดันอยู่ชั้นสูงสุดซะนี่ รู้ตั้งแต่แรกคงขึ้นหมอกมาได้สบายๆแน่เชียว"เธอรำพึงกับตัวเองเบาๆ แต่ก่อนที่จะเปิดประตูก้าวเข้าห้องไป เธอรู้สึกถึงไอมนตร์คุ้มครองกั้นอยู่จึงไม่สามารถเปิดเข้าไปอย่างที่ตนคิด

              อะไรเนี่ย ขนาดตอนจะเข้าห้องเราก็ต้องมาเหนื่อยอีกเหรอเนี่ย

    "รหัสผ่าน"เสียงต่ำๆเสียงหนึ่งเอ่ยจากลำโพงเล็กที่ติดอยู่ข้างประตู มิเลน่าทำหน้างงๆ

    "รหัส?? รหัสผ่านเหรอ"

    "กรุณาบอกรหัสผ่านมา"เสียงนั้นกล่าวซ้ำ เธอจำได้ว่าหญิงสาวพนักงานก็เคยบอกรหัสผ่านพร้อมกับทวานหลายทีเพื่อให้จำได้ แต่เธอกลับลืมสนิท เด็กสาวเอะใจว่ารหัสนั้นน่าจะอยู่ที่ลูกกุญแจจึงดึงออกมา พร้อมกับประจุไฟฟ้าที่ลั่นเปรี๊ยะ

    "ไม่มีกุญแจ ไม่มีกุญแจ นับแต่นี้อีก3วันห้องนี้จะ ปิดตาย"

    "อ้าว" มิเลน่าอุทานเสียงหลง แทบจะอยากเอาหัวเขกผนังเพื่อสังเวยให้แก่ความงี่เง่าของตัวเอง ไม่มีที่ซุกหัวนอนแล้วเธอจะไปอยู่ที่ไหนละเนี่ย ไม่คิดเปล่าเธอพยายามลองแทงลูกกุญแจเข้าไปในรูอีกครั้ง แต่ก็ปรากฏว่ารูมันดันตันซะนี่

    ซวย ซวยสนิท

    และแล้วเสียงสวรรค์ก็ดังขึ้น...

    "ใครอยู่ข้างนอกน่ะ"เสียงหวานๆดังจากห้องข้างๆ แล้วเจ้าของเสียงผู้มีนัยน์ตาหวานสีท้องทะเลก็ค่อยๆแง้มประตูมาดูอย่างไม่ไว้ใจ ก่อนจะเบิกโพลงเมื่อเห็นสภาพเพื่อนใหม่ที่กำลังจะเอาหัวโขกผนัง

    "อ้าว มิเล"

    "คาเรีย!"มิเลนาร้องกึ่งตกใจกึ่งดีใจ เมื่อเห็นเพื่อนสาวที่เพิ่งรู้จักกันได้ไม่นานนี้ คาเรียเอียงคออย่างสงสัยว่ามิเลน่ากำลังทำอะไรอยู่ แต่เมื่อเห็นลูกบิดประตูที่มีโซ่มนตราล่ามก็เข้าใจในทันที

    "ห้องฉันมันล็อกน่ะ แย่จัง"มิเลน่ายักไหล่

    "เหรอ ถ้าทางคืนนี้เธอจะไม่มีที่พัก มาที่ห้องฉันมั้ย" ดวงตาใสซื่อประกายระริก ไม่รอช้ามิเลน่ารีบโผเข้ากอดร่างบางที่ได้แต่ยิ้มแห้งๆให้

    "ขอบคุณๆๆๆ"คาเรียพยักหน้าเป็นเชิงรับรู้ ดันร่างมอมแมมออกจากตัวอย่างมีมารยาท ก่อนจะผายมือน้อยๆเชิญให้เข้าห้องของเธอ มิเลน่าเชง้อมองดูอย่างสนอกสนใจคงจะไม่ต้องบอกรหัสบ้าก่อนเข้าอีกหรอกนะ

    ก้าวแรกที่เหยียบเข้าห้องพัก ที่เป็นรูปสีเหลื่อมจัตุรัสเล็กๆ กลิ่นน้ำทะเลจางๆโชยมาสำผัสใบหน้า มุมห้องมีแสงสลัวๆจากตะเกียงเปลือกหอยเชลล์ใบสวยประกบกัน เตียงที่กลางห้องเป็นสีฟ้าหม่นๆ ประด้วยเปลือกหอยนานา นอกจากนี้ยังมีรูปปั้นสลักละของประดับจากทะเลซึ่งคงไม่น่าจะเป็นรูปแบบปกติของห้องพักแน่ มิเลน่ามองหน้าคาเรียเป็นเชิงถาม เจ้าของห้องห้องหัวเราะน้อยๆในความไม่รู้เรื่องราวของมิเลน่าก่อนตอบ

    "เวทเคลื่อนย้ายสิ่งของน่ะ ฉันเคลื่อนของที่บ้านมาไว้ที่นี่ ไม่มีอะไรมากหรอก"

    มิเลน่าเดินสำรวจไปรอบๆห้อง เธอเหลือบไปเห็นซองจดหมายสีนวล2ซองวางอยู่บนเตียงหลังใหญ่ เธอเลิกคิ้วอย่างแปลกใจ ถามคาเรียซึ่งกำลังเดินไปมาอยู่

    นัยน์ตาสีเขียวน้ำทะเลฉายแววแปลกใจเช่นเดียวกัน มือบางหยิบมาดู ผู้ส่งจ่าหน้าถึงเด็กสาวทั้งสองด้วยลายมือวิจิตรสีเงินขลิบทอง แต่ที่น่าแปลกคือมันมาอยู่ตรงนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน??

    คาเรียมองหน้าลุ้นๆของมิเลน่าชั่วครู่แล้วค่อยๆแกะตรายางที่ประทับบนซองจดหมาย แสงเรืองๆสีนวลส่องผ่านแผ่นเนื้อความ ทั้งสองคลี่กระดาษออกอย่างตื่นเต้น ตัวหนังสือสีทองลอยออกมาจากแผ่นกระดาษบาง เป็นเพียงข้อความสั้นๆ ความว่า 'เตรียมพร้อมสำหรับเข้าค่าย ของทุกอย่างที่ต้องการอยู่ที่ตลาดกลางนคร ลงชื่อ เชลล่า วองเซฟ'มิเลน่า ไล่สายตาไปตามข้อความหลายรอบอย่างงงๆ เนื่องจากเธออ่านออกเขียนได้เพียงไม่กี่คำเท่านั้นเพราะปกติเวลาทำงานในป่าลึกเธอแค่เขียนชื่อพืชพันธุ์ไม้ง่ายๆเท่านั้น นับประสาอะไรกับลายมือหวัดๆอ่านยากใส่ซองเป็นทางการ ทำให้เด็กสาวงงเข้าไปใหญ่

    "ตลาดกลางนคร... เห็นจะต้องไปซะหน่อยแล้ว ฉันยังต้องซื้อของเพิ่มอีกเยอะ เธอล่ะมิเลน่า"คาเรียถามมิเลน่าที่ยังคงมึนตึ้บกับข้อความเพียงหนึ่งบรรทัด มิเลน่าหันมายิ้มแห้งๆให้เป็นคำตอบก่อนสารภาพความจริงออกไป

     "เอ่อ ถ้าจะให้ตอบตรงๆฉันไม่มีอะไรติดตัวมาเลยล่ะ"คาเรียแปลกใจอย่างแรง มาถึงตั้งเมืองท่าใหญ่ใจกลางอาณาจักรโดยไม่มีอะไรติดตัวมาเลยเนี่ยนะ ยิ่งคิดยิ่งพาลจะงง..แต่ก็ไม่ได้ซักไซ้ให้เสียเวลาพักผ่อน

    "ไม่มี?? แต่ก็ไม่เป็นไรหรอกเดี๋ยวพรุ่งนี้เราไปเบิกเงินจากทางสำนักราชวังมาใช้ก็ได้"มิเลน่าพยักหน้าหงึกๆ ไม่ยักรู้ว่าเบิกใช้ได้ฟรี ต่อมคนจนมันต่อต้านยังไงก็ไม่รู้แฮะ

    คาเรียวาดมือไปในอากาศเป็นรูปคลื่น เกิดแสงสีฟ้าสว่างเป็นกลุ่ม ก่อนจะแปลเปลี่ยนเป็นฟูกนอนที่ดูนุ่มฟูน่านอนซะเหลือเกิน "คืนนี้เธอนอนที่ฟูกนี้นะ เอ้า มานอนกันเหอะเดี๋ยวพรุ่งนี้คงต้องเหนื่อยทั้งวันแน่"สิ้นเสียงหวานเด็กสาวทั้งสองก็ล้มตัวลงนอนบนที่นอนของตน คาเรียดีดนิ้วเปาะ แล้วแสงสลัวๆมุมห้องก็ค่อยๆดับลงพร้อมกับสติที่เข้าสู่นิทรากาล...

    *****************************

             

    To be continue………………

    เม้นให้หน่อยนะคะ โหวตๆ

       + +


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×