ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เรื่องราวตำนานอียิปต์โบราณ

    ลำดับตอนที่ #11 : คำสาปฟาโรห์

    • อัปเดตล่าสุด 28 มิ.ย. 53



           ในคืนวันที่ 5 เมษายน 2532 ชาวนาได้รวมกำลังกัน รวมทั้งเจโลเนคด้วยได้ลักลอบเข้าไปในประสาทน่ากลัวและวังเวง ของฟารอนท่ามกลางความมืดมิดใครบังอาจขุดสุสานต้องมีอันเป็นไปท่ามกลางดึกอันเงียบสงัดที่บ้านในชนบทประเทศอังกฤษ สุนัขตัวหนึ่งได้หอนอย่างโหยหวนเสียงของมันทำให้ทุกคนในบ้านนั้นตื่นขึ้นมาด้วยความเสียวสยองขนลุกไปตาม ๆ กันมันเฝ้าแต่หอน จนเหนื่อยอ่อนล้มฟุบขาดใจตายไปอย่างเวทนา

           เหตุการณ์ประหลาดนี้เกินขึ้นที่บ้านของนักโบราณคดีสมัครเล่น ลอร์ดคาร์นาร์วอนอายุ 57 ปี ที่แฮมไชร์ ในเวลาเดียวกับที่สุนัขส่งเสียงหอนนั้นห่างออกไปหลายพันไมล์ ลอร์ดคาร์นาร์วอน เองกำลังอยู่ในขั้นโคม่าทุรนทุรายใกล้จะตายอยู่ในห้องโรงแรมคอนติเนตอล นครไคโร ประเทศอียิปต์นี่คือที่มาจากอาถรรพ์คำสาปแช่งของฟาโรห์ ยุวกษัตริย์ตุตันคาเมนแห่งอียิปต์โบราณ ได้สำแดงอิทธิฤทธิ์คร่า 2 ชีวิตแรก สุนัขและเจ้าของแล้วติดตามต่อมาด้วยความตายอย่างลึกลับอีกหลายชีวิต ด้วยคำสาปแช่งนี้ลอร์ดคาร์นาร์วอน เป็นผู้เชี่ยวชาญเรื่องอียิปต์โบราณได้ทราบดีมาก่อนแล้วในระหว่างที่เขาวางแผนการที่จะขุดค้นหาขุมสมบัติในสุสานฟาโรห์ขณะที่เขายังอยู่อังกฤษ ได้รับคำเตือนจากเคานต์ฮามอนผู้เชี่ยวชาญเรื่องไอยคุปต์อีกคนหนี่งว่า "

           ท่านลอร์ดไม่ควรที่จะเข้าไปในสุสานฟาโรห์ เพราะจะพบกับความวิบัติถ้าหากยังขัดขืนไม่เชื่อฟังจะได้รับความทุกข์ทรมานจากความเจ็บไข้และไม่อาจรักษาได้ ความตายจะมาหาท่านเองใน อียิปต์" ลอร์ดคาร์นาร์วอนก็มีความวิตกกังวลในเรื่องนี้อย่างยิ่ง เขาได้ไปหารือกับโหรที่มีชื่อเสียงถึง2 ครั้ง ซึ่งแต่ละครั้งเขาก็ได้รับคำทำนายว่า จะพบกับความตายอย่างลึกลับแม้ว่าจะมีความวิตกกังวล
    ในเพียงใด ลอร์ดคาร์นาร์วอนได้เดินหน้าที่จะขุดปิระมิดของฟาโรห์ต่อไปเพราะเขาใฝ่ฝันและได้รับแรงดลใจมาหลายปีแล้ว เมื่อเขาเดินทางไปถึงอียิปต์คำสาปแช่งของฟาโรห์เริ่มปรากฎแววให้เห็นนับตั้งแต่คนงานพื้นเมืองที่จ้างให้มาขุดสุสานใต้ปิระมิดที่ลูซอร์ตื่นตระหนกล้มเจ็บและหนีหายไป อาร์ธอร์ ไวกัลล์ เพื่อนร่วมทีมที่ใกล้ชิดของเขาคนหนึ่งได้เกิดหวาดหวั่นขึ้นมาถึงกับกล่าวว่า

           "ถ้าหากคาร์นาร์วอนยังคงดื้อดึงขุดสุสานต่อไป ชีวิตเขาจะไม่ยืนยาว" ในวันที่17 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2466 คาร์นาร์วอนและคณะได้ขุดปิระมิดเข้าไปถึงสุสานห้องที่ไว้พระศพของฟาโรห์ตุตันคาเมนภายในนั้น ลอร์ดคาร์นาร์วอน และ โฮเวิร์ด คาร์เตอร์คู่หูชาวอเมริกันได้พบทรัพย์สมบัติจำนวนมากทั้งเพชรนิลจินดารวมทั้งโลงทองคำที่บรรจุมัมมี่ของพระศพยุวกษัตริย์เหนือสุสานนี้มีข้อความอักษรอียิปต์โบราณซึ่งแปลได้ว่า"มัจจุราชจะมาสู่ผู้ซึ่งรบกวนการบรรทมของฟาโรห์"สองเดือนต่อมาลอร์ดคาร์นาร์วอนซึ่งตอนนั้นมีชื่อเสียงขึ้นมาในการค้นพบขุมทรัพย์ได้ตื่นขึ้นภายในห้องที่โรงแรมคอนติเนตอลและกล่าวว่า "เหมือนกับอยู่ในขุมนรก"ซึ่งเป็นจังหวะที่ลูกชายของเขาเข้ามาในห้องนั้นพอดี หลังจากนั้นลอร์ดคาร์นาร์วอน ก้ไม่ได้สติ คืนนั้นเอง ความตายได้มาคร่าชีวิตเขาไปลูกชายของเขาได้เล่าถึงเหตุการณ์ตอนนั้นว่า"แสงสว่างเหมือนดูเหมือนจะเรื่องรุ่งขึ้นไปทั่วนครไคโร

           "ผมต้องจุดเทียนแล้วสวดมนต์" ความตายของ ลอร์ดคาร์นาร์วอนมาจากถูกยุงกัดทำให้เป็นนิวมอเนียแต่ที่น่าประหลาดอย่างยิ่งที่มัมมี่ของยุวกษัตริย์ฟาโรห์ก็มีรอยยุงกัดที่แก้มซ้ายซึ่งเป็นจุดเดียวกับที่ ลอร์ดคาร์นาร์วอน ถูกยุงกัดเหมือนกันหลังจากนั้นไม่นานนัก ความตายก็มาเยือนที่โรงแรมคอนติเนตอลอีก อาร์เธอร์ แมคนักโบราณคดีอเมริกันซึ่งร่วมทีมกันขุดสุสานครั้งนี้ด้วยได้อุทธรณ์ว่าเขารู้สึกเหนื่อยอ่อนแล้วทันใดนั้นก็เข้าขั้นโคม่าเขาหมดลมก่อนที่หมอจะมาถึงและทางแพทย์ก็ไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่าเขาตายด้วยโรคอะไร

           ความตายได้มาเยือนผู้เชี่ยวชาญไอยคุปต์อีกคนหนึ่ง เขาคือ จอร์จ กูล์ดเพื่อนสนิทของคาร์นาร์วอนซึ่งได้รีบเดินทางมาอียิปต์หลังจากได้ทราบข่าวมาณกรรมของคาร์นาร์วอน กูลด์ได้เดินทางไปที่สุสานของฟาโรห์ ในวันต่อมาเขาล้มฟุบลงด้วยเป็นไข้ขึ้นสูง อีก 12 ชั่วโมงต่อมาเขาถึงแก่กรรม อาร์ซิบัลด์ เรียดนักรังสีวิทยาที่ฉายเอ็กซ์เรย์มัมมี่พระศพฟาโรห์ได้ถูกส่งตัวกลับอังกฤษเพราะเกินอ่อนเปลี้ยไร้เรี่ยวแรงขึ้นมาเฉยๆ แล้วก็ถึงแก่ความตายในเวลาต่อมา ริชาร์ด เบธเฮลล์ เลขาส่วนตัว คาร์นาร์วอนในการขุดค้นสุสานครั้งนี้พบว่านอนตายอยู่บนเตียงเนื่องนากหัวใจวาย โจเอล วูลซึ่งเป็นแขกเชิญชุดแรกที่ไปดูสุสาน ตายในเวลาถัดมาไม่นานนักด้วยไข้ลึกลับที่แพทย์ไม่สามารถวินิจฉัยได้ ภายในเวลา 6ปีที่มีการขุดสุสานฟาโรห์ตุตันคาเมน ผุ้ที่ได้ร่วมขุดค้นได้ตายไปถึง 12 คนและภายใน 7 ปีมีเพียง 2 คนเท่านั้นที่ร่วมในการขุดมีชีวิตอยู่นอกจากนี้ยังมีผู้ที่เกี่ยวข้อง หรือใกล้ชิดผู้ที่ขุดสุสานจำนวน เกือบ 22 คนได้ถึงแก่กรรมในเวลาไม่สมควร เช่น เลดี้คาร์นาร์วอน อีกคนหนึ่งทีฆ่าตัวตายด้วย

           เนื่องจากเกิดเป็นบ้าขึ้นมามีผู้เดียวที่ร่วมเป็นหัวหน้าในการขุดสุสานฟาโรห์ที่โชคดีมีชีวิตอยู่คือโฮเวิร์ด คาร์เตอร์ แต่ก็มาตายตามธรรมชาติ เมื่อปี พ.ศ. 2482แต่ถึงกระนั้นคำสาปแช่งของฟาโรห์ก็ยังสำแดงอิทธิฤทธิ์ในปีต่อ ๆ มาอีด ในปีพ.ศ. 2509 โมหะเม็ด อิบราฮัม ผู้อำนวยการพิพิภัณฑ์โบราณของอียิปต์ซึ่งทางรัฐบาลของเขาได้สั่งให้นักทรัพย์สมบัติของฟาโรห์ ตุตันคาเมนไปจัดแสดงที่ ปารีส ฝรั่งเศส เขาได้คัดค้านคำสั่งของรัฐบาลและเขาฝันว่าเขาได้เผชิญกับภยันตรายถ้าหากทรัพย์สมบัติของฟาโรห์ถูกส่งออกนอกอียิปต์ หลังจากหารือกับเจ้าหน้าที่รัฐบาลและคัดค้านไม่สำเร็จแล้วระหว่างที่เขาเดินทางกลับก็ถูกรถชนเสียชีวิต 3 ปีต่อมา ริชาร์ด อดัมสัน วัย 70ปี ซึ่งเคยเป็นองค์รักษ์ให้แก่ ลอร์ดคาร์นาร์วอนในการขุดสุสานฟาโรห์และยังมีชีวิตอยู่รอดเหลืออยู่คนเดียวได้ให้สัมภาษณ์ทีวีอังกฤษถึงอิทธิฤทธิ์คำสาปแช่ง เขากล่าวว่า"ผมไม่เชื่อในคำสาปแช่ง"แต่หลังจากเดินออกจากสถานนีโทรทัศน์นั่งแท็กซี่กลับบ้านก็เกิดอุบัติเหตุเหวี่ยงเขาตกลงจากรถและมีรถบรรทุกคันหนึ่งแล่นเฉียดหัวเขาไปแบบเส้นยาแดงผ่าแปดเท่านั้นครั้งนี้เป็นครั้งที่ 3 ที่อดัมสันได้
    ถูกฤทธิ์ของของคำสาปแช่งครั้งแรกเมื่อเขากล่าวว่าไม่เชื่อคำสาปแช่ง เมียเขาตายภายใน 24 ชั่วโมง ครั้งต่อมาลูกเขาสันหลังหักจากเครื่องบินตก


    -----------------------------------------------------------------------------------------------------------------

    อ่านแล้วก็อย่าลืม Comment ให้กันบ้างนะค่ะ
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×