คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : Catch Me : Chapter2 => Dejavu
" ชิงชิง วันนี้พี่วันเกิดยัยตัวเล็ก พี่รีบกลับบ้านจะปิดร้านเร็วสักวันนะแล้วกันเนอะ
ชิงชิงจะได้พักผ่อนบ้าง "
เจ้าของผมดัดลอนใหญ่ที่กำลังคิดเงินให้ลูกค้าที่หน้าเคาน์เตอร์อยู่เอ่ยขึ้น
"
ผมอยู่ให้ได้นะครับพี่เจส ไหนๆก็ว่างอยู่แล้ว " อี้ชิงที่กำลังชงกาแฟเอ่ยขึ้นมา
" ไม่ได้จ๊ะ
ยังไงวันนี้พี่ก็จะให้เธอหยุดงาน เธอก็เอาเวลาว่างไปเที่ยวเล่นเหมือนคนอื่นๆบ้างสิ
" เจสสิก้าหันมายิ้มให้อี้ชิงที่กำลังยืนถ้วยกาแฟให้ลูกค้า
"
ครับ งั้นฝากคุ๊กกี้ให้แทรินด้วยนะครับ "
อี้ชิงหยิบคุ๊กกี้ใส่ขวดโหลพร้อมห่ออย่างดียื่นให้เจสสิก้า
"
แทรินคงจะดีใจมากถ้ารู้ว่านายเป็นคนให้มานะ เอาล่ะจ๊ะไปเปลี่ยนชุดแล้วก็กลับไปได้แล้ว
ที่เหลือพี่เก็บเอง "
เจสสิก้าดันหลังอี้ชิงไปหลังร้านก่อนจะกดโทรศัพท์หาใครบางคน
"
จัดการให้แล้วนะ อีกสักสิบนาทีคงจะออกไป
นี่บอกไว้ก่อนเลยนะพี่ช่วยนายแค่ครั้งนี้ครั้งเดียวนะคุณบยอน "
.......
การเดินบนถนนที่เต็มไปด้วยผู้คนพลุกพล่าน
ด้วยบรรยากาศช่วงคริสต์มาสเป็นอะไรที่น่าตื่นตาตื่นใจชวนหลงใหลกับแสงสีและผู้คนที่รายล้อม
แต่ไม่ใช่กับจางอี้ชิงคนนี้ คนที่เกลียดสถานที่รายล้อมไปด้วยผู้คน มันทำเขาให้ดูผิดปกติไปจากคนอื่น
แต่ก็นั่นแหละถ้าเขาเป็นปกติเหมือนคนอื่นเขาคงจะชอบที่ๆคนพลุกพล่านแบบนี้ก็ได้
" พี่ครับ ช่วยเก็บลูกโป่งตรงนั้นให้ผมหน่อยได้ไหมครับ
" อี้ชิงก้มลงมองเด็กชายตัวเล็กที่กระตุกชายเสื้อเขา ก่อนจะมองตามมือของที่ชี้ไปยังลูกโป่ง
ให้ตายเถอะลูกโป่งติดอยู่บนต้นไม้
อี้ชิงมองมือตัวเองที่ใส่ถุงมือไหมพรมซึ่งไม่เหมาะกับการปีนต้นไม้สักเท่าไหร่
ก่อนจะตัดสินใจถอดออกแล้วฝากเด็กชายตัวเล็กเอาไว้
" พี่ฝากไว้ก่อนนะ
เดี๋ยวพี่เก็บลูกโป่งได้พี่จะมาเอาคืน " อี้ชิงวิ่งไปเก็บลูกโป่งที่ติดอยู่กับต้นไม้อยู่สักพัก
แล้วเดินกลับมายังที่ๆให้เด็กคนนั้นรอ
" หายไปไหนแล้วนะ
ให้ตายสิถ้าไม่มีถุงมือฉันก็แย่นะสิ รีบกลับบ้านก่อนดีกว่า " ยังไม่ทันที่อี้ชิงจะก้าวเดินออกจากตรงนั้นก็มีหญิงสาวคนหนึ่งสะดุดล้ม
ทำให้อี้ชิงต้องปล่อยลูกโป่งแล้วเอื้อมมือไปจับหญิงสาวให้ไม่ล้มลงกับพื้น
" ขอบคุณมากนะคะที่ช่วยฉัน "
หญิงสาวคนนั้นรีบขอโทษอี้ชิงก่อนจะรีบก้าวเท้าเดินไป แต่อี้ชิงตามไปจับแขนของหญิงสาวคนนั้นเอาไว้
" อย่าไปทางนั้นนะครับ
ถ้าคุณไปคุณจะไม่ได้กลับมาอีก "
" คุณพูดบ้าอะไร
ปล่อยฉันนะ ฉันจะไปตามนัดไม่ทันอยู่แล้ว " หญิงสาวสะบัดแขนจากอี้ชิงจนหลุด
ก่อนจะตบหน้าอี้ชิงเต็มแรง ทำเอาอี้ชิงยืนค้างอยู่กับที่ก่อนจะหลับตาลง
เอี๊ยดดด...
โครม
เหมือนภาพเดจาวูที่ไหลเข้ามาในหัวสมองของจางอี้ชิง
อี้ชิงค่อยๆปาดน้ำตาที่ไหลออกมาช้าๆ ภาพตรงหน้ามันชัดเจนมากเกินไป
" เพียงแค่นาทีเดียวเท่านั้น
ถ้าผมรั้งคุณไว้ได้คุณก็จะไม่เป็นอะไร "
อี้ชิงรีบก้าวเท้าหนีเหตุการณ์อุบัติเหตุบนท้องถนนที่ตอนนี้มีเสียงไซเรนรถพยาบาลและรถตำรวจดังขึ้นไม่หยุด
เชื่อว่าวันพรุ่งนี้คงขึ้นพาดหัวข่าวหน้าหนึ่งของหนังสือพิมพ์ทุกฉบับอย่างแน่นอน
" คุณจางอี้ชิงใช่ไหมครับ "
อี้ชิงชะงักไปนิดหนึ่งก่อนจะรีบก้าวเท้าหนี
ชายหนุ่มร่างสูงกลับวิ่งตามทันคนตัวเล็กพร้อมออกแรงฉุดกระชากให้คนตัวเล็กมาที่รถของตัวเอง
แล้วดันให้คนตัวเล็กเข้าไปนั่งในรถ ก่อนจะไปนั่งประจำตำแหน่งคนขับรถ
"
ผมช่วยคุณไม่ได้หรอกคุณตำรวจ ปล่อยผมไปเถอะ "
ต่อๆๆ
"
ยังไม่ได้ลองคุณจะเอาอะไรมาตัดสินว่าคุณทำไม่ได้ ไม่ต้องคิดถึงเหตุการณ์เมื่อกี้ด้วย
มันไม่ใช่ความผิดคุณมันเป็นกรรมของผู้หญิงคนนั้นคุณไม่สามารถเปลี่ยนอะไรไปได้หรอก
อ้อ ถือว่าเราเสมอกันนะ คุณอ่านความคิดผมโดยแตะตัวผม ผมก็อ่านใจคุณได้ก็แค่นั้น "
อี้ชิงมองหน้าผู้ชายที่จัดได้ว่าหน้าตาดีระดับนาย สันกรามคมดูดี จมูกโด่งเป็นสัน
ตาเรียวดุ ก่อนจะรู้สึกได้ถึงแรงจิ้มที่ไหล่จากด้านหลัง
" นี่ๆ เอ่อของนายใช่ไหม "
อี้ชิงเบิกตากว้างกับถุงมือที่ถูกยื่นมาให้ก่อนจะรีบรับไปสวมใส่
" นี่พวกคุณวางแผนกันไว้แล้วใช่ไหม
เรื่องวันนี้ที่เกิดขึ้นคงไม่ใช่เรื่องบังเอิญสินะ " อี้ชิงหันไปกวาดสายตามองคนข้างหลังอีกสองคน
ซึ่งพบว่าทั้งสองคนต่างมีเอกลักษณ์ที่โดดเด่นน่าดึงดูดไม่แพ้กับคนที่ขับรถอยู่ในขณะนี้
" ขอโทษด้วยนะครับ
พวกเราจำเป็นที่ต้องทำแบบนี้ เพราะถ้าเราไปหาคุณตรงๆคุณคงจะปฏิเสธ
นี่ก็ให้แบคฮยอนไปตื๊อขอร้องพี่เจสสิก้ามาให้ "
อี้ชิงขมวดคิ้วกับชื่อของเจสสิก้าพี่สาวสุดแสบ มิน่า
ปกติหัวเด็ดตีนขาดยังไงก็จะไม่ยอมหยุดร้าน
" เอาละถึงแล้ว
จะคุยอะไรก็เข้าไปคุยในบ้านเถอะ "
อี้ชิงมองตามผู้ชายที่เป็นคนฉุดกระชากให้เขาขึ้นรถคันนี้มาก่อนจะเดินตามลงไป
บ้านในฝัน
เป็นคำเดียวที่อี้ชิงพูดบรรยายได้
ทางเข้าหน้าบ้านมีซุ้มดอกไม้ขนาดพอดีกับประตูบ้าน
แล้วล้อมด้วยไม้ภายนอกเป็นปลูกพุ่มไม้ล้อมรั้ว ทางเดินปูพื้นด้วยอิฐบล็อกรอบข้างเต็มไปด้วยไม้ดอกไม้ประดับที่แข่งกันอวดสีสัน
นี่เป็นเพียงแค่ฤดูหนาวไม่ต้องคิดถึงฤดูร้อนว่าที่นี่จะสวยขนาดไหน
สไตล์บ้านที่มองจากภายนอกก็ดูรู้แล้วว่าถูกตกแต่งแบบสไตล์วินเทจที่ช่วยให้อารมณ์ความรู้สึกผ่อนคลายสบายใจเมื่อได้พักผ่อนที่นี่
" คุณอี้ชิงเข้ามาสิครับ "
เสียงของเจ้าของนัยน์ตาสุกใสราวกับกวางดังขึ้นดึงเอาอี้ชิงหลุดออกจากภวังค์ความคิดตัวเอง
" ขอโทษนะครับบ้านอาจจะรกไปนิด
ปกติส่วนใหญ่เราจะคุยเรื่องคดีกันที่บ้านกันการถูกสอดแนมนะครับ
แล้วก็มันดูให้อารมณ์ไม่เครียดเหมือนครอบครัวมารวมตัวคุยกันมากกว่า
จะแนะนำตัวให้รู้จักกันนะครับ ผมผู้กองอู๋ลู่หาน ส่วนคนที่นั่งตรงข้ามคุณคือผู้กองบยอนแบคฮยอน
แล้วก็นี่ครับพี่ชายผมสารวัตรอู๋คริส " อี้ชิงหันขวับไปมองแบบไม่เชื่อสายตาว่าคนที่ฉุดกระชากตัวเองจะมียศเป็นถึงสารวัตร
"
ก็พอจะเข้าใจที่คิดว่าผมไม่น่าเป็นถึงสารวัตรนะครับ
แต่คุณลืมไปรึเปล่าว่าผมได้ยินเสียงความคิดคุณนะ เอาละครับคุณไม่จำเป็นต้องแนะนำตัวกับพวกผมก็ได้
เพราะพวกผมรู้จักตัวคุณดีอยู่แล้วคุณจางอี้ชิง เข้าเรื่องเลยแล้วกัน ผมมีเรื่องอยากจะให้คุณช่วยเกี่ยวกับคดีของคุณปาร์คยูรา
" คริสพูดพร้อมเอารูปหลักฐานพร้อมแฟ้มรูปคดีมาวางตรงหน้าอี้ชิง
" มันก็น่าสนใจนะครับ
แต่ผมคงช่วยอะไรพวกคุณไม่ได้ คุณไม่รู้เหรอว่าผมเป็นตัวประหลาด ผมพยายามทำให้ตัวเองเป็นคนปกติแต่ไม่เคยจะทำได้
เพราะอะไรเพราะผมไม่เคยช่วยใครได้ผมนำแต่ปัญหามาให้กับคนที่อยู่รอบๆตัวผม
เป็นแบบนี้ยังอยากให้ผมช่วยอยู่อีกไหม " อี้ชิงลุกขึ้นยืนจะเดินหันหลังกลับ
" เดี๋ยวครับ
ถ้าจะกรุณาฟังเรื่องของผมสักนิด ถ้าคุณบอกว่าคุณเป็นตัวประหลาด
แล้วถ้าผมบอกว่าผมก็เป็นเหมือนคุณล่ะครับ " อี้ชิงนั่งลงฟังแบคฮยอนพูดอย่างช้า
" ผมเป็นChannelling
ผมสามารถมองเห็นหรือติดต่อสื่อสารได้กับวิญญาณทุกตัว พ่อแม่ของผมมองว่าผมเป็นปีศาจ
เลยส่งผมไปอยู่กับคุณยายพอคุณยายเสียท่านก็ไม่เคยมารับผมทำให้ผมต้องไปอยู่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้า
ถ้าไม่ได้พี่คริสกับเสี่ยวลู่ผมก็ไม่รู้ว่าชีวิตผมจะเป็นยังไง " นัยน์ตาสดใสของแบคฮยอนที่เริ่มคลอไปด้วยน้ำตาถูกอี้ชิงดึงไปกอด
"
มันเป็นเรื่องยากที่จะพูดให้คนอื่นเข้าใจเรานะครับ
โชคดีที่พ่อแม่ของผมและพี่คริสเข้าใจพวกผม " ลู่หานเข้ามานั่งปลอบแบคฮยอนด้วยอีกคน
" ผมเป็นMind Control ผมสามารถควบคุมจิตใจ
รวมทั้งสามารถสร้างภาพลวงตาขึ้นมาหลอกการมองเห็นของผู้อื่นได้ " อี้ชิงมองลู่หานก่อนจะหันไปมองคริสที่นั่งนิ่งเงียบ
" แล้วนายล่ะ "
คริสปรายตาขึ้นมามองอี้ชิงแวบนึงก่อนจะขยับตัวนั่งพิงพนักโซฟาด้วยท่าทีสบายๆ
" Telepathy ฉันเป็นTelepathy สามารถอ่านความคิดคนอื่นได้ และส่งความคิดไปยังคนอื่นได้
" อี้ชิงอ้าปากค้างกับพลังของคริส
" มิน่าละ
ตอนอยู่บนรถคุณถึงพูดแบบนั้น " คริสยักไหล่ขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ "
มันเป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้ อันที่จริงแล้วฉันก็ไม่ได้ตั้งใจแอบฟังเธอ
แต่เธอคิดให้ฉันได้ยินเอง " อี้ชิงเบ้ปากใส่ " นิสัยเสีย "
คำพูดของอี้ชิงทำเองสองหนุ่มน้อยที่นั่งปลอบกันอยู่ถึงกับหัวเราะ "
นานๆทีจะมีคนทำเอาคริสไปไม่ถูกเลยนะเนี่ย " ทำเอาคริสเตรียมจะเอามือเขกใส่หัวทั้งคู่
" คุณมั่นใจได้แค่ไหนว่าผมจะช่วยงานพวกคุณได้
" อี้ชิงจ้องมองหน้าคริสอย่างจริงจัง ในขณะที่คริสมองกลับไม่หลบตา "
ผมมั่นใจ เพราะผมเชื่อมั่นในตัวของคุณ "
คำพูดที่หนักแน่นและมั่นคงของคริสทำให้อี้ชิงต้องหลบสายตาไปทางอื่น
" แล้วผมต้องทำอะไรบ้าง "
พอจบคำพูดของอี้ชิง ทำเอาอีกสองหนุ่มที่นั่งลุ้นอยู่ตีมือกันอย่างดีใจ
" ผมอยากให้คุณสัมผัสสิ่งของของผู้ตาย
เพราะคุณปาร์คยูราไม่ยอมบอกอะไร " คริสยื่นหลักฐานที่เก็บได้ในที่เกิดเหตุไปตรงหน้าของอี้ชิง
" เพราะความทรงจำของสิ่งของไม่สามารถบิดเบือนได้ มันไม่โกหกและมันพูดความจริง
" อี้ชิงดึงถุงมือออกจากมือของตนเองก่อนจะเลื่อนมือไปสัมผัสสิ่งของชิ้นนั้น
ก่อนจะหลับตาทำใจให้สบายเพื่อเปิดให้ความทรงจำของสิ่งของไหลเข้ามา

ความคิดเห็น