ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    UPDATE! [EXO] The Warm cozy #ฟิคเพียงเรา [SEHUN X MINSEOK]

    ลำดับตอนที่ #4 : ❤ The Warm cozy [03] 100%

    • อัปเดตล่าสุด 17 พ.ย. 60






      The Warm cozy
    ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ เส้นคั่น
    สาวๆ คนไหนที่กำลังมองหาวอลเปเปอร์สวยๆ ไปตั้งวอลเปเปอร์มือถือ เราก็มีมาฝากกันค่ะ รูปที่ 7

    Chapter 3




                หากเมื่อให้คุณย้อนนึกถึงเรื่องราวความรักครั้งแรกของคุณ คุณเองจะมีความรู้สึกเช่นไร มีผู้คนมากมายสุขสมหวังในรักครั้งแรก แต่บางคนกับผิดหวังโศกเศร้าเสียใจ แน่นอนทุกคนย่อมมีรักครั้งแรก

     

                คุณเองเชื่อในเรื่องของพรหมลิขิต หรือ พวกโชคชะตา รักแรกพบอะไรนั้นหรือไม่ ผมไม่รู้ว่า ทำไมผมเองไม่เคยจะเชื่อมัน ผมไม่ใช่คนกลัวความรัก ผมกับคิดว่ามันเป็นสิ่งที่เป็นรองสุดท้ายของความสำคัญในชีวิตของผม ผมเองยังอายุไม่มาก ประสบการณ์ในเรื่องนี้ยังน้อย แต่ทว่าผมกับคิดว่าสิ่งเหล่านี้มันน่าจะเกิดได้กับทุกคน อยู่ที่ว่าเวลาและจังหวะในของช่วงชีวิต คุณเองอาจเคยคิดแบบผม ไม่...ไม่มีวันที่เราจะลืมเขาได้ ไม่...ไม่มีวันที่เราจะรักใครไม่ได้อีก แน่นอนว่าคนทุกคนไม่เหมือนกัน บางคนยังมั่นคงในความรัก แต่บางคนกับเปลี่ยนแปลงตามกาลเวลา บางครั้งหัวใจและสมองก็ไม่ได้ทำงานสัมพันธ์กัน บางเรื่องเราใช้สมอง บางเรื่องเราใช้หัวใจ แต่ทุกๆอย่างนั้นมันอยู่ที่ตัวเราเอง ที่จะเลือกใช้อะไร ในวัน เวลา และเหตุการณ์ไหน

     

                แสงอรุณยามเช้าสาดส่องเข้ามาภายในห้อง แสงอรุณยามเช้ากระทบเข้ากับผิวขาวนวล ยังคงหลับใหลจากนิทรา ใบหน้าแสนน่ารักและมีความดื้อรันเล็กน้อย ใบหน้านี้เปี่ยมด้วยเสน่ห์ต่อผู้พบ เห็นแค่ได้จดจ้องใบหน้านี้อาจจะตกอยู่ในภวังค์แห่งเสน่หา ผมเองไม่รู้ว่าคนตรงหน้าของผมผ่านเรื่องเลวร้ายในเรื่องความรักอะไรมา จะเหมือนผมหรือเปล่าผมก็ไม่ทราบได้ ผมไม่รู้อะไรจากเขานอกจากชื่อของคนๆนั้น เขา...ตรงหน้าผม ทำให้ผมอยากรู้เรื่องราวของเขามากขึ้นกว่าเดิม ผมเองเป็นคนตื่นเช้าจนเป็นนิสัย บรรยากาศยามเช้ามันชั่งน่าหลงใหล การได้มองเห็นแสงอรุณของวันใหม่ขึ้นจากขอบฟ้า เหมือนมันเป็นการย้ำเตือนของการเริ่มต้นใหม่ อย่างที่ผมเลือก ผมเลือกเริ่มต้นใหม่ ผมไม่รู้ว่าผมนั่งจับจ้องคนที่หลับใหลจากนิทรานานหรือยัง แต่เมื่อคนที่อยู่ในสายตาของผมเริ่มขยับตัว มันเหมือนเป็นการเรียกสติของผม      

                “เห้ย!แล้วกูจะนั่งจ้องยัยคุณหนูนี้ทำไมวะ...”เซฮุนลุกขึ้น เขาส่ายหน้าสลัดความคิดเรื่องราวที่เกิดขึ้นเมื่อคืน จู่ๆใบหน้าก็เห่อร้อนไปทั่ว เซฮุนรู้สึกกระวนกระวายใจไปประหลาด

     

                “ใช่...กูต้องออกไปวิ่ง ออกไปวิ่ง”

     

    ปัก!!

                “เชรด...เจ็บ”

                เซฮุนสะดุดชนโต๊ะผ่านในห้อง เซฮุนรีบออกไปนอกห้อง เขาออกไปวิ่งรอบๆโรงแรมในยามเช้าตรู่ เขาเข้ามาในห้องร่างเล็กก็ยังคงยังไม่ตื่นจากนิทรา

     

                “แล้วทำไมกูมองหน้ายัยคุณซาลาเปานี้กูต้องเขินด้วยวะ....นี้กูเป็นอะไรของกูเนี่ย”

               

    เซฮุนถอดเสื้อผ้าลวกๆ เขาสวมผ้าเช็ดตัวตัวเดียวเตรียมไปอาบน้ำ ร่างเล็กบนเตียงค่อยๆลืมตาปรับแสง เขาค่อยๆบิดร่างกายไปมา เซฮุนหันไปมองเขาทำเอาผมเผลอยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัว

     

                “เซฮุนตื่นแล้วหรอ”

     

                “ตื่นแล้ว”

     

    มือเล็กควานหาโทรศัพท์ยังคงงัวเงียอยู่

     

                “7:30 แล้วหรอ วันนี้มีกิจกรรมรับน้องใช่มั้ยอ่า”

     

                “ใช่...ไปอาบน้ำแต่งตัวได้แล้ว จะได้ไปหาอะไรทาน” เซฮุนยิ้มอย่างอบอุ่นให้มินซอกถ้าจะให้ถามว่าเมื่อคืนเกิดอะไรขึ้นต่อจากที่ผมถามชื่อของคนๆนั้น ต่อจากนั้นขอให้เป็นความลับระหว่างสองเราก็พอ จู่ๆเซฮุนก็ยกยิ้มเจ้าเล่ห์ใส่เขา

     

                “อาบด้วยกันเลยมั้ยจะได้เสร็จเร็วๆ”

     

                “จะบ้าหรอ ไม่เอาอ่า”จู่ๆผมก็เห็นยัยคุณหนูหน้าแดงระเรื่อเหมือนเด็กน้อย

     

                “เขินหรอครับ...ที่เมื่อคืนไม่เห็นเขินเลย”ผมแกล้งคลานไปหาเขาบนเตียง เขารีบเอาหมอนมากั้นกลางระหว่างเรา

     

                “ฉันยังไม่ได้แปรงฟันเลย...นายไปอาบน้ำก่อนเลย เร็วๆด้วย”

     

                “สั่งจังนะเมีย”

     

                “ใครเป็นเมียนาย...จูบกันไม่นับเป็นเมีย”

     

                “งั้น...คืนนี้เราก็...”

     

                “ไปอาบน้ำเดี๋ยวนี้อีตาบ้า”เซฮุนก้าวออกจากเตียง เขาหัวเราะคิกคัก  มินซอกปาหมอนตามหลังมา ไม่ถึง15 นาที เซฮุนก็ออกมามินซอกจัดผ้าปูเตียงเรียบร้อยสวมชุดคลุมอาบน้ำและหมวกคลุมผม เซฮุนยืนมองมินซอกแล้วอดขำไม่ได้

     

                (ให้ตายทำไม เราต้องใจสั่นด้วยเนี่ย ไม่ได้นะ เราจะใจสั่นกับคนที่เพิ่งเจอไม่ได้ จะบ้าตายทำไมต้องใจสั่นกับอีตาบ้าโรคจิต ฉวยโอกาสนี้ด้วย) มินซอกหันไปมอง ร่างสูงยืนเป่าผมลวกๆ เขาสวมเพียงผ้าเช็ดตัวตัวเดียว หยดน้ำจากเส้นผมไหลไปตามซอกมุมของมัดกล้ามแบบชายหนุ่ม เซฮุนมองภายนอกเหมือนจะผอมแห้งแต่ทว่าเขากับมีรูปร่างดี ในแบบชายหนุ่มแข็งแรงร่างกายมีกล้ามเนื้อชัดเจน

     

                “มองอะไร”

     

                “ปะ...เปล่า”

     

    มินซอกเหลือบมองริมฝีปากของเซฮุน จู่ๆใบหน้าหน้าของมินซอกก็เห่อร้อนเขามาดื้อๆ ใบหน้าขึ้นสีแดงระเรื่อ รีบเข้าห้องน้ำ มินซอกรู้สึกร้อนวู่วาบไปหมด สองมือประครองแก้มตัวเองพลางตบมันเบาๆ

                “ทำไม ทำไมใจง่ายแบบนี้นะเรา”

     

                เมื่อย้อนนึกถึงเหตุการณ์เมื่อคืน หลังจากที่มินซอกละเมอร้องไห้ออกมา จากความฝันนานแล้ว...ที่ไม่ได้ฝันรักครั้งแรกของตัวเอง นานเสียจนใจของผมเริ่มจะลืมเลือนเขาไปจากหัวใจ สมอง เขาเป็นความทรงจำรักครั้งแรกที่ไม่ได้ดีมากหนักแต่ใช่ว่าจะไม่มีเรื่องดีๆเลย ผมจำได้ว่า

                ดวงตาของเขาสวยมาก ดวงตาเขาหวานละมุนและน่าหลงใหล เขามีหลายมุมที่น่าค้นหา แต่บางครั้งผมคิดว่าเขาแค่แสดงออกมาเพียงด้านหนึ่งเท่านั้น ผมเองยังรู้สึกว่าตัวของผมเองยังไม่สามารถเข้าไปในตัวตนที่แท้จริงของเขาได้ ก่อนที่เขาจะหายไป เขาไม่เคยบอกลาผม ผมพยายามตามหาเขาแต่ไม่พบ สิ่งที่ผมกลัวอย่างหนึ่งคือเขา...ไม่มีตัวตนบนโลกใบนี้อีกแล้ว นานแล้วที่ผมไม่ได้เห็นรอยยิ้มแบบนั้น น้ำตาของผมมันไหลออกมาโดยที่ผมเองไม่รู้ตัว ผมได้รับไออุ่นจากใครบางคนมันทำให้หัวใจของผมรู้สึกปลอดภัย เขาคนนี้มีใบหน้าคล้ายเขามาก คล้ายเสียจนผมเองยังนึกสับสนในใจ เพียงแต่พวกเขามีแววตาแตกต่างกัน แววตาที่จ้องมองผมเป็นแววตาแห่งความห่วงใยและสงสัย เราเกือบทำเรื่องเลยเถิด

                 ความต้องการตามธรรมชาติของมนุษย์ ซึ่งยากจะหยุดยั้ง เขาคนนั้นค่อยๆประทับจุมพิตแสนหวานและนุ่มนวล หยดน้ำตานองหน้าของผมร่วงหล่นตรงแก้มของเขา รสจูบที่น่าหลงใหลเกินต้านทานความต้องการของหัวใจ กลิ่นหอมของเทียนหอมกลิ่นกุหลาบ มันยิ่งทวีความต้องการของเขาและผมมากขึ้นทวีคูณ เสียงหัวใจของผมและเขาเต้นเป็นเสียงเดียวกัน ผมเผลอสอดมือไปตามไรผมของเขา มืออีกครั้งกระชับคอเขามาใกล้ เขาโอบเอวผมกระชับมาใกล้ร่างเขา ร่างของเราทั้งคู่แทบจะแนบชิดกัน เขาดันร่างผมลงนอนบนเตียงนุ่ม ผมปล่อยมืออีกข้างลงบนเตียง เขาวางมือประสานกับมือของผม ก่อนที่จะเกิดเรื่องราวอันเลยเถิด เขาชะงักและถอนจูบแสนอ่อนโยนนั้น เขาผละริมฝีปากของเขาออกจากริมฝีปากของผม ผมขมวดคิ้วแปลกใจ เขาลุกขึ้นนั่งข้างเตียง

                “พี่ขอโทษ”

     

                “เซฮุน...”

     

                “ขอโทษ...พี่ไม่ได้เจตนาล่วงเกินเรา เราไม่ควรทำเรื่องแบบนี้”

     

                    “ไม่เป็นไร”

     

                “เราเพิ่งรู้จักกันไม่นาน เราไม่ควรทำเรื่องแบบนี้ ลืมมันเสียเถิดนะ นายนอนเถอะพี่จะไปนอนห้องแบคฮยอนเอง”

     

                “ไม่เป็นไรนะ...นายนอนที่นี้แหละ” มินซอกเอื้อมมือไปดึงแขนเซฮุน

     

                “พี่กลัวใจตัวเอง”

     

                “เราคิดซะนี้คือความฝันเถอะ...แค่นอนแล้วตื่นขึ้นมา คิดซะว่านี้คือความฝัน”

     

    มินซอกบอกกับเซฮุน มินซอกบีบไหล่เซฮุนเบาๆ

     

                “มึง (ติ๊ด) ไม่เข้าใจกูเลย กูกลัวใจตัวเอง”

     

                “เซฮุน...”

     

                “มึง (ติ๊ด) รอยยิ้มมึง เสียงมึง สิ่งที่มึงทำกูใจเต้นนะเว้ย” เซฮุนจู่ๆก็เป็นสรรพนามเสียดื้อๆ มินซอกเผยยิ้มแกมขำ

     

                “นายตกหลุมรักฉันแล้วละสิ”

     

                “กูไม่รู้ กูไม่ได้ตกหลุมรักมึง กูรักหนวดกู กูไม่ได้ตกหลุมรักมึง”เซฮุนเดินวนไปมาในห้อง

     

                    “โอ๊ย...เด็กน้อย”

     

                “กูไม่ใช่เด็กน้อย กูเป็นพี่มึงนะ มึงไม่รู้สึกอะไรหรอ กูจูบกับมึงหลายรอบแล้ว แล้วเมื่อกี้ก็เกือบจะ...กันแล้ว”

     

                “อาจเพราะฉัน...”มินซอกอ้ำอึ้ง

     

                    “เห็นมะ...แล้วทำไมมึงกับกูต้องจูบกันด้วย กูรู้ละมาส์กมึงอ่าผิด มาส์กมึงทำให้กูสูญเสียหนวดอันเป็นที่รัก แล้วมันทำให้กูเสพติดปากมึง..”

     

                “เสพติด...” (- 0 -!!!)

     

                “กูยังไม่เคยจูบกับใครเลย แล้วกู (ติ๊ด) เสียจูบแรกไง เสียให้มึงด้วย ถึงกูจะหล่อ อันนี้คือความจริงว่ากูหล่อ กูมีหนวดกูยิ่งหล่อไง แล้วกูดัน (ติ๊ด) เสพติดปากมึง จูบแล้วก็อยากจูบอีกอยากสัมผัสอีก”เซฮุนเดินวนไปวนมามาอยู่ในห้อง

     

                “อะไรของนาย พูดช้าๆได้มั้ย” (- * -!!)

     

                “มึงไม่รู้สึกอะไรจริงหรอตอนเราจูบกัน”

     

                    “ไม่รู้สินะ...มันอาจเป็นแค่อารมณ์พาไปก็ได้นะ บรรยากาศไรแบบนี้”

     

                    “กูก็หวังแบบนั้น”

     

                “แต่นายไม่เคยจูบกับใครหรอ”

     

                “ถ้าเป็นคนยังไม่เคย ถ้าเป็นน้องวีวี่ น้องซินดี้ น้องเอ็มม่า น้องลูลู่ นี้กูเคย”

     

                “ที่พูดถึงนี้คือ...”

     

                “หมา แมว วัว”

     

                “(")” มินซอกตกใจ เซฮุนนั่งลงบนเตียง เขาหันหลังให้มินซอก

     

                “กูไม่เคยรู้สึกแบบนี้กับใครเลย กูกลัว กลัวว่า...”

     

                “คร่อกก ~” เสียงกรนของมินซอกทำเอาเซฮุนหยุดชะงัก

     

    นั้นเป็นสิ่งสุดท้ายที่สติผมรับรู้ ผมไม่รู้ว่าเขาเองทำอะไรต่อจากนั้น ผมรู้เพียงผมเพลียมากจนคล้อยหลับไป แต่ทว่าสิ่งที่เขาพูดมันคืออะไร เขาจะมาไม้ไหนอีกกัน ผมอาบน้ำเสร็จออกไปนอกห้องพบว่าเขาออกไปแล้ว เขาทิ้งโน้ต ขนมปังและนมวางไว้ ผมเผยยิ้มออกมา

     

                “นายก็น่ารักเหมือนกันนะ”

     

    มินซอกแต่งกายด้วยกางเกงวอร์มเสื้อสีดำ และรองเท้าผ้าใบ มินซอกคาบเอาขนมปังใส่ปาก ใครบางคนยืนรอเขาอยู่ข้างนอก

     

                “ชานยอล...”

     

                “ทำไมทำหน้า เห็นเราเหมือนเห็นผีด้วยละ”ชานยอลยกยิ้มมุมปาก

     

                “ปะ-เปล่า”มินซอกหยิบขนมปังออก พลางถือไว้ที่มือ

                “งั้นเราลงไปด้วยกันนะ”

     

                “คยองซูละ”

     

                “เมื่อสักครู่ไปหาที่ห้อง คยองซูบอกขอทำธุระส่วนตัวแป๊บ”

     

                “งะ- งั้นหรอ”

     

                “นายเป็นอะไรหรือเปล่าทำไมวันนี้ถึงดูแปลกๆ”

     

                “แปลกๆ?”

     

                “ใช่...นายหลบตาเราตลอดเลย ไม่สบายหรือเปล่า”ชานยอลจะเอามืออังหน้าผากมินซอก แต่ทว่ามินซอกกับถอยออก ชานยอลขมวดคิ้วแปลกใจ

     

                    “เราโอเค เราไม่ได้เป็นอะไร นายทานอะไรหรือยัง”

     

                “ยัง...เรารอมินซอก”

     

                “ถ้าหิวก็ไม่เห็นต้องรอก็ได้นะ” มินซอกยิ้มนิดๆ ให้ชานยอล มินซอกเคี้ยวขนมปังที่เซฮุนเตรียมไว้ให้ พลางดูดนมขวดไปด้วย

     

                “เราอยากทานพร้อมมินซอก...แต่เหมือนว่ามินซอกจะกำลังทานอยู่”ชานยอลยิ้มให้มินซอก รอยยิ้มแบบนี้ของเขาดูสดใส ชานยอลเล่นจ้องตอนทานขนมปังแบบไม่วางตา จ้องแบบนี้เขาคงจะทานต่อไปไม่ได้จริงๆ

     

                “เอ่อ...งั้นเราไปรอคยองซูก่อนมั้ย”มินซอกชวนชานยอลหาคยองซู ขืนอยู่แบบนี้คงถูกจ้องจนละลายแน่ๆ

     

                “งั้นก็ได้ไปกัน”

     

    ชานยอลและมินซอกกำลังหันหลังกลับไปยังห้องพักของคยองซู  คยองซูเดินมาพอดี พวกเขาลงไปทานอาหารเช้ากัน

     

                “เอาล่ะ....ปีหนึ่งเมื่อคืนหลับสบายมั้ย”อาจารย์มุนเดินมายังโต๊ะของปีหนึ่ง

     

                “สบายฮะอาจารย์”แดเนียลตอบทั้งทีกำลังเคี้ยวไส้กรอก

     

                “ผมหัวถึงหมอนก็หลับเลยฮะ”ยูคยอมตอบอาจารย์

                “เอาล่ะงั้นอาจารย์ไม่กวนละ ใครไม่อิ่มไปเติมได้นะ วันนี้พวกรุ่นพี่ของจัดหนักรับน้องเตรียมที ดูจากด่านที่พวกเขาเตรียมไว้ให้นะ”

     

                “โหววว น่ากลัวอ่า”ยูคยอมเอื้อมมองไป

     

                “อาจารย์ครับ แล้วโรงแรมไม่ว่าหรอครับเรื่องเราจัดรับน้อง”แทยงถาม

     

                “เจ้าของเขาไม่ได้ว่าอะไรนะ”อาจารย์มุนยิ้ม

     

                “เจ้าของใจดีจังเลยนะครับ”โดยองยกน้ำส้มดื่มหลังจากพูดจบ

     

                “หลังโกนหนวดก็ดูใจดีแหละ เจ้าของแต่ก่อนหน้าจะดูโหดๆหน่อย”

     

                “เอ๊ะ..”คยองซูหันไปมองหน้ากับมินซอก พวกเขามองหน้ากัน

     

                “ฮ่า ฮ่า เจ้าของโรงแรมนี้คือพี่เซฮุนของพวกนายไง”

     

                    “โหว...จริงหรอครับไม่น่าเชื่อเลย”มินซอกยกยิ้มมุมปาก

     

                “ทำไมหน้าตาฉันไม่เหมือนคนเป็นเจ้าของโรงแรมหรอ”เซฮุนเดินมาทักทายรุ่นน้องพวกเขาลุกขึ้นโค้งให้เซฮุน

     

                “น้องคยองซูจ้า....หลับสบายมั้ยจ้า”

     

                “อือ”คยองซูตอบสั้นๆพลางหันไปคุยกับแทยงและฮันบิน

     

                “โหยยย..ไม่สนใจไรพี่เลย”

     

                “แต่อาจารย์ครับพี่แบคฮยอนตดทั้งคืนเลยผมแทบนอนไม่ได้เลย”ควานลินฟ้องอาจารย์

     

                    “เอาล่ะเด็กๆทานกันไปก่อนครูไปดูปีสี่เตรียมฐานก่อนนะ”

     

                “ครับผมมม”พวกเขาตอบพร้อมกันแล้วหันไปสนใจอาหารมากมายตรงหน้า

     

                “ไอ้ควานลินกูไม่ได้ตดเว้ย...เขาเรียกฝึกวิทยายุทธลมปราณ”แบคฮยอนยืนเก๊ก

     

                “ควานลินน่าสงสารจัง...ถ้าเป็นฉันคงแบบเอาหมอนอุดหน้ารุ่นพี่แบคฮยอนละ”คยองซูแขวะแบคฮยอน

     

                “แหม่น้องคยองซูโหดจัง”แบคฮยอนแกล้งไปโอบไหล่คยองซู

     

                “ปล่อยยรำคาญ”

     

                “ระวังหลงรักพี่นะ”แบคฮยอนหยักคิ้วลิ่วตาใส่คยองซู พลางใช้ลิ้นดันกระพุงแก้มให้เกิดเสียง คยองซูถอนหายใจมองบน เพราะเมื่อคืนกว่าจะสลัดมือปลาหมึกของแบคฮยอนได้ ต้องให้พี่จงอินและพี่เซฮุนช่วยแกะออกให้

     

                “ไม่มีทางผมรักถังขยะยังดีกว่ารักรุ่นพี่”

     

                ทุกคนขำพร้อมกันแบคฮยอนทำหน้าเหมือนน้อยใจคยองซู เซฮุนเหลือบมองปากของร่างเล็กถึงกับใจสั่นระรัว หน้าร้อนเสียดื้อๆ ริมฝีปากแดงธรรมชาติของมินซอก ทำเอาเซฮุนไม่สามารถหยุดยั้งที่จับจ้องมันได้ เซฮุนบริมฝีปากร่างเบาๆ พฤติกรรมของเซฮุนน้นอยู่ในสายตาของจงอินตลอด ชายหนุ่มยกยิ้มพลางส่ายหัวนิดๆ

     

                “เอาล่ะพวกนายทานเสร็จแล้วก็ไปเข้าห้องน้ำห้องท่าแล้วมาต่อแถว” โบมีเรียกพวกปีหนึ่งพวกเขาเลยรีบลุกไปทำธุระส่วนตัว พวกแยกย้ายไปทำธุระส่วนตัว เสร็จแล้วก็รีบมาตั้งแถว

    พวกรุ่นพี่เตรียมพาปิดตาไว้ พวกเขาปิดตาพวกน้องๆ และทำสัญญาลักษณ์ว่าพวกเขาไม่เห็นแน่ๆ


                “พี่จะแบ่งพวกเราเป็น 3 กลุ่มนะ จะมีกลุ่มหนึ่งมี 4 คน พวกตัวสูงอยู่กับพวกตัวสูง พวกสูงน้อยอยู่ด้วยกัน กลุ่มที่ 1 ฮันบิน มินซอก คยองซู แทงยง กลุ่มที่ 2 โดยอง มินโฮ แดเนียล กลุ่มที่ 3 ยูคยอม ควานลิน ชานยอล”จงอินอธิบาย  พวกรุ่นพี่จับพวกเขาเดินมาต่อแถวกัน รุ่นพี่มัดมัดข้อมือพวกเขาเชื่อมโยงกันหลังจากพวกเขาช่วยกันมัดเสร็จ พวกเขาพาน้องๆไปตามฐานต่างๆ โดยกลุ่มแรกไปฐานของปี 2

     

                “สวัสดีน้องๆ”เซฮุนกล่าวทักทาย

     

                “สวัสดีฮะ” พวกเขาพูดพร้อมกัน พวกเขายืนเรียงแถว

     

                “ฐานนี้ชื่อว่าอุโมงค์แห่งความสุขนะครับ เอาละน้องๆนั่งลงแล้วคลานเข้าไป”แบคฮยอนอธิบาย

     

                “อี๋ อะไรอ่าครับเหนียวก็เหนียว”มินซอกโวยวายเขาคลานเข้าอุโมงค์คนแรก มินซอกทำเหยเก

     

                “คลานไปอย่าบ่น ทำไมเพื่อนของคุณยังคลานได้คลานเข้าไป!”เซฮุนตวาดใส่มินซอก มินซอกจิ๊ปากไม่พอใจ

     

    อุโมงค์นั้นเต็มไปด้วยกล้วยบด โคลน ไข่ น้ำแดง เม็ดแมงลัก  น้ำสบู่ น้ำแชมพู และเต้าหู้  แถมพวกเขายังแกล้งฉีดน้ำใส่ มินซอกทำอยากจะปริ๊ดแตก

                “ไม่ไว้แล้ววว”มินซอกโวยวายนั้นยิ่งน้ำเข้าปากมินซอกเข้าไปใหญ่

                “เอาน่า...มินซอกอีกนิดเดียวเอง”ฮันบินให้กำลังใจมินซอก

     

                “เล่นบ้าบออะไรกันเนี่ย นี้แค่ฐานแรกนะ”

     

                “ใครบ่น ถอยกลับไปเข้ามาใหม่”เซฮุนแกล้งพวกเขา พวกเลยจำเป็นต้องคลานกลับหลังและคลานเข้ามาใหม่ พวกเขาคลานออกมา พวกพี่ๆปีสองจึงแกล้งเอาสีผสมแป้งมาป้ายหน้าพวกเขา

     

                “น้องคยองซูครับเดี๋ยวพีปะแป้งให้นะ”

     

                “หน้าผมพัง ผมจะฆ่าพี่แน่พี่แบคฮยอน”

     

                “โหวว...น้องคยองซูไม่เอาไม่โหดนะครับ”

     

                “น้องฮันบินคร้า เดี๋ยวพี่โบมีจะปะแป้งให้นะ”โบมีทำแค่รอยเหมือนหนวดแมวเบาๆแค่นั้น

                “ไรวะแค่นี้เอง”แบคฮยอนหันไปมองโบมี ยิ้มบิดไปมา

     

                “เดี๋ยวหน้าน้องเขาไม่หล่อ”

     

                “โอ๊ยยยย ใครถังน้ำแดงผสมเม็ดแมงลัก พร้อมกับป้ายสีใส่หน้าควบหัวผม อยากตายหรอ!!”มินซอกโววาย เซฮุนรีบเดินออกไปให้เร็วที่สุด

     

                “อีพี่เซฮุนนนนนนน ใช่มั้ยฉันจำน้ำกลิ่นหอมนายได้”

     

                “วิ๊ดวิววว ~  มีจำน้องหอมกันได้ด้วยแหะ หูยยยยร้ายนะเนี่ยไอ้ฮุน มึงกับน้องมินซอกแหน่ๆ”แบคฮยอนแกล้งแซว ฮันบินที่อยู่หลังมินซอกแกล้งเอามือจิ้มๆหลังมินซอก มินซอกหันไปจิ๊ปากใส่ฮันบิน

     

                “พี่แบคฮยอนไม่มีอะไรนะ นายนั้นฉีดน้ำหอมในห้องใครจะไม่ได้กลิ่นห๊ะ อย่ามโน”

     

                “ทำไมต้องดุพี่ด้วย”

     

                “นายมันกาก” คยองซูพูดลอยๆ

     

                “โอ๊ย...เจ็บปวด”แบคฮยอนทำเสียงอ่อนๆ

     

                “เอาล่ะ...ฐานนี้นะครับไม่มีสาระอะไรเลย แค่ความบันเทิงเท่านั้น เดี๋ยวเชิญน้องไปฐานต่อไปเลย”จงอินเอ่ย

                “อะไรไร้สาระแบบนี้แบคฮยอนคิดแน่”คยองซูพูด

                    “ไม่ใช่พี่นะ ไอ้เซฮุนต่างหาก”

     

                “ฉันว่าแหละ ถ้าหน้าฉันพังฉันจะฆ่านาย”มินซอกทำเสียงแข็ง

     

                “กลัวตายละ ถ้า-หน้า-ฉัน-พัง-ฉัน-จะ-ฆ่า-นาย- ยัยคุณหนู”เซฮุนแกล้งทำเสียงล้อเลียน

                “จูฮยอกมึงพาน้องไปฐานต่อไปได้”โบมีเรียกเพื่อนของเขาซึ่งเป็นพี่ประจำกลุ่มหนึ่ง นัม

    จูฮยอก หรือจูฮยอก นักศึกษาปีสองคณะเกษตรเป็นคนพาพวกเขาไปยังฐานต่อไป พวกของโดยองซึ่งตอนนี้มีสภาพเละเทะไม่ต่างกันกำลังเดินสลับมา โดยมี ลีจงซอก หรือ จงซอก ปีสองคณะนิเทศพาพวกเขามา  พวกมินซอกเดินไปยังฐานของปีสาม ซึ่งเป็นฐานของรุ่นพี่ยอนซอกพี่ชายของเซฮุน  ก่อนที่พวกเขาจะเดินสวนกันไป ใครบางคนก็เดินสวนพวกเขามาเช่นกัน กลิ่นน้ำหอมของผู้หญิงปลิวลอยมาเตะจมูกของพวกเขา

     

                “พี่ชินเฮมาได้ไงค่ะ”โบมีทำเสียงตกใจ

     

                “เห็นว่ามีการรับน้องพี่เลยอยากจะมาดูซะหน่อย”ชินเฮตอบโบมี พวกเขามีสีหน้าไม่ได้เท่าไร

     

                “ยังไม่กลับหรอครับ”จงอินถามชินเฮ

     

                “พวกชมรมพี่กลับแล้วพอดีมีห้องว่าง...พี่เลยอยากอยู่ต่อแล้วขอกลับกับชมรมพวกนายน่ะ จะรังเกียจหรือเปล่าหากพี่จะขออยู่ดู ได้มั้ยจ๊ะแบคฮยอน”ชินเฮเดินมานั่งบนข้างๆโบมี เธอมีสีหน้าอึดอัดใจ

     

                “เชิญครับ”แบคฮยอนพูดเสียงเรียบๆ เขาแถบไม่มองหน้าชินเฮด้วยซ้ำชินเฮหุบยิ้มแก้เก้อ

                “แฟนนายอยู่ไหนละเซฮุน”

     

                “อยู่ตรงนั้นครับกำลังจะไปฐานต่อไป”เซฮุนหันมาตอบชินเฮด้วยสีหน้าเรียบเฉย ราวกับพวกเขาแทบไม่เคยจะมีความสัมพันธ์ทางความรัดใดๆกันเลย

     

                “งั้นพี่ขอไปทักทายแฟนนายซะหน่อยนะ”ชินเฮเดินไปหามินซอก เซฮุนจะเดินตามไปแต่ทว่าจงอินกับดึงแขนเขาไว้ เซฮุนหันไปมองตามมือ จงอินส่ายหน้าเชิงบอกให้ดูสถานการณ์

     

                “ว่าไงจ๊ะมินซอกหลับสบายหรือเปล่า”

     

                “หลับสบายดีครับ”

     

                “เซฮุนเล่าให้ฟังหรือเปล่า”

     

                “เรื่องอะไรครับ”มินซอกตอบทั้งที่ไม่รู้ว่าชินเฮยืนอยู่ตรงไหน แต่พวกเขาเดินมาไกลฐานของเซฮุนพอที่เขาจะไม่ได้ยิน

     

              “เรื่องที่เราสองคนตัดสินใจจะมาคบกัน”

     

                ชินเฮโกหกคำโตไป จูฮยอกหันมามองชินเฮทำหน้าแปลกใจ เมื่อวานตอนเขากำลังยกกระถางต้นไม้เขาบังเอิญได้ยินว่าเซฮุนเป็นคนขอจบความสัมพันธ์ของพวกเขา แต่ชินเฮไม่ได้เห็นจูฮยอก คยองซูหันหลังมามองมินซอกผ้าสีดำที่คาดตาอยู่ทำให้ไม่รู้ว่ามินซอกทำหน้าอะไรอยู่

     

                “แต่ว่าผมว่าพี่โกหกนะ” ฮันบินพูดออกไป ชินเฮหุบยิ้มทันที

     

                “พี่โกหกตรงไหนจ๊ะ อ๋อนายคงได้ยินไม่ครบสินะ สุดท้ายเซฮุนก็เป็นคนมาอ้อนวอนขอให้เราคบกันใหม่อีกครั้ง”ชินเฮยังโกหกคำโต เธอไม่ได้สนใจว่าใครจะได้ยิน เธอแค่อยากจับพิรุธของมินซอกเท่านั้น เพราะเรื่องเมื่อวานเธอไม่ปักใจเชื่อเรื่องที่เซฮุนและมินซอกเป็นแฟนกัน เธอจึงต้องโกหกเพื่อดูท่าที่ของมินซอก แต่ดูแล้วมินซอกก็นิ่งไหจริงๆ

     

                “ผมเป็นผู้ชายไม่อยากว่าพี่นะครับเลิกแถเถอะครับ พี่จูฮยอกพาพวกเราไปฐานต่อไปเถอะครับ”จูฮยอกเห็นเซฮุนกำลังเดินมาซึ่งชินเฮหันหลังเธอไม่เห็นอะไร

     

     

                “มินซอกจ้า...ช่วยเห็นใจ เห็นแก่ความรักของเราด้วยนะ” ชินเฮแกล้งเอามือมาจับมือของมินซอกเบาๆ

     

                “จะมาบอกผมทำไมครับ”มินซอกพูดเสียงนิ่งๆ

     

                “เซฮุนน่ะ...ไม่ได้จริงจังอะไรกับนายหรอกนะ เซฮุนยังไม่ลืมฉันหรอก แถมตอนเมื่อคืน.พวกเราน่ะ....”

     

                “ปาร์คชินเฮ!”เสียงเซฮุนตวาดเรียกชื่อของชินเฮดังไปทั่วบริเวณชั่งดุดันและน่ากลัวจนชินเฮสะดุ้งตกใจ เพราะเธอเองก็ไม่เคยเห็นเซฮุนในโหมดโกรธจัดและน้ำเสียงดุดันแบบนี้



    ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ เส้นคั่น สีดำ



                เซฮุนลากชินเฮออกไปคุย ชินเฮยกยิ้มอย่างนึกพอใจ โบมีกรอกตามองไปมา แบคฮยอนจะเดินตามไปแต่ทว่าจงอินดึงไหล่เขาไว้ แบคฮยอนส่ายหน้าอย่างนึกหัวเสีย เซฮุนลากชินเฮไปยังบริเวณหน้าโรงแรม เขาสะบัดแขนเธอทำให้ชินเฮเซแถมจะล้ม แต่ทว่าเขาเองไม่ได้สนใจอะไร

     

                “ทำบ้าอะไรของคุณ”

     

                “ฉันก็แต่อยากทดสอบอะไรนิดหน่อย” ชินเฮปรายตามองเซฮุนด้วยสายตามีเลศนัย เธอยืนกอดอกมองเซฮุน เซฮุนมองเธอสายตาไม่พอใจเขาขมวดคิ้วเข้าหากัน ใบหน้าดูร้อนรน

     

                “เราตกลงกันแล้วไม่ใช่หรอว่าคุณจะไม่มายุ่งกับผมอีก คุณก็ไปตามทางของคุณผมก็ไปตามทางของผม เราไม่มีอะไรค้างคาใจกันอีก”

     

                “ฉันไม่เคยเห็นคุณโกรธขนาดนี้ สงสัยคุณจะรักเด็กคนนั้นมากสินะ”ชินเฮยกยิ้มมุมปาก นัยน์ตาคู่สวยปรายตามองร่างสูง มองเธอด้วยสายตาว่างเปล่าแทบจะมองเธอเป็นคนแปลกหน้า

     

                “กลับไปซะเรื่องระหว่างเราไม่มีวันกลับมาเหมือนเดิม”

     

                “โอเคค่ะ ฉันยอมแพ้ต่อจากนี้ฉันจะไม่มายุ่งกับคุณอีก แต่ว่าคราวต่อไปอย่าหลอกฉันอีกว่าคุณเป็นแฟนกับใคร มันไม่เนียน” ชินเฮเดินไปกระซิบเซฮุน เธอยกยิ้มนิดๆ

     

                “คุณรู้?”เซฮุนเลิกคิ้วแปลกใจ

     

                “แต่ฉันว่าคุณคงชอบเด็กคนนั้นไม่น้อย...เพราะแววตาที่คุณมองมินซอก มันเคยเป็นแววตาที่คุณมองฉันมาก่อนทำฉันจะดูไม่ออก”

     

                “ผม...”


                “ขอให้โชคดีกับความรักครั้งใหม่นะ แล้วอย่าเจ็บปวดอีก ฉันขอโทษสำหรับที่ผ่านมา รักมินซอกให้มากๆนะ ดูแลกันดีๆ อย่าผิดหวังกับความรักอีก ฉันไปละ แต่ตอนนี้คุณต้องไปเคลียร์กับเด็กนั้นเองนะ ดูเหมือนว่าเด็กมินซอกเองก็คงหึงคุณเช่นกัน”ชินเฮเอ่ยยิ้มๆ

     

                “คุณหมายความว่าอะไร”

     

                “คุณนี้ยังซื่อบื้อเหมือนเดิมไม่มีเปลี่ยนนะเซฮุน”

     

                “ผม...”

     

                “ฉันขอตัวก่อนแล้วฉันจะมาหาคุณใหม่ ในฐานะ...เพื่อน

     

    ชินเฮยกยิ้มน่ารักดูบริสุทธิ์ใจและรู้สึกไม่ได้ติดค้างคาใจอะไร เธอก็แค่ต้องการทดสอบอะไรบางอย่างให้แน่ใจ เท่านั้น ชินเฮเดินมาเอากระเป๋าที่วางไว้ตรงล๊อบบี้โรงแรม เห็นโบมี แบคฮยอน และจงอินยืนฟังอยู่ โบมียิ้มแก้เก้อ แบคฮยอนยังคงมองเธอด้วยสายตาว่างเปล่า จงอินยกยิ้มมุมปากให้ชินเฮ ชินเฮยิ้มให้พวกเขา

     

                “พี่ไปนะ...ฝากบอกเจ้าทึ่มนั้นด้วยว่า...นายมันไม่เนียน”

    ชินเฮกำลังจะก้าวสวนออกไป เธอยิ้มให้พวกเขา

     

                “เดี๋ยวครับพี่...”

    จงอินเรียกเธอไว้ ชินเฮหันมายิ้มให้จงอิน

     

                “มีอะไรงั้นหรอ”

     

                “คือ....”

     

                “จะถามถึงข่าวของยูราสินะ”

     

                “ใช่ครับ”จงอินยิ้มนิดๆเขาเองก็ไม่ได้ข่าวแฟนคนแรกของเขาเลย

     

                “ยูรา...เธอเรียนศิลปะอยู่อิตาลีแล้วเหมือนจะคบหาดูใจกับเพื่อนที่เรียนด้วยกัน พี่รู้เพียงเท่านี้ นายยังชอบเธออยู่หรอ”

     

                “เปล่าครับก็แค่อยากรู้ว่าเธอเป็นไงบ้างแค่นั้น แต่คงไม่สามารถกลับไปเป็นแบบเดิมได้อีกมันไม่เหมือนเดิมแล้วครับ แก้วที่แตกแล้วถึงต่ออย่างไรมันก็ไม่เหมือนเดิมใช่มั้ยละครับ โชคดีนะครับพี่ชินเฮ”

     

                “นายนี้ยังคมเหมือนเดิมเลยนะจงอิน โชคดีนะขอให้พบกับรักดีๆ พวกเธอด้วยนะโบมีและแบคฮยอน”

     

                “ขอบคุณค่ะ พี่ก็เช่นกันนะคะ  ขอพบคนที่รักพี่และพี่รักเขาจริงๆ”โบมียิ้ม

     

                “นายละจะไม่พูดอะไรกับฉันบ้างหรอ”ชินเฮถามแบคฮยอน

     

                “ไม่มีอะไรต้องพูดนิครับ”

     

                “งั้นหรอกหรอ แต่ฉันว่านายมีอะไรติดค้างในใจอยู่นะ”

     

                “ไม่ครับ ไม่มี โชคดีนะครับ หวังว่าจะไม่มาทำให้ไอ้เซฮุนมันรู้สึกแย่อีก โชคดีครับ”แบคฮยอนยิ้มให้ชินเฮนิดๆ

     

                “ไม่แล้วละฉันก็แฟร์พอ ฉันแค่อยากทดสอบอะไรเจ้าทึ่มนั้นนิดหน่อย แต่ว่าฉันเองก็ได้คำตอบแล้วละ โชคดีเหมือนกันนะแบคฮยอน แล้วหวังเจ้าทึ่มนั้นจะรู้ใจตัวเองซะทีนะ”


                   "เจ้าทึ่ม?"โบมีเลิกคิ้วขึ้นเธอสงสัย ชินเฮหันไปยิ้มให้พวกเขา


                   "พวกเธอคงจะดูออกเหมือนกัน แต่เจ้าทึ่มนั้นคงจะไม่รู้ตัว"


                   "อ๋อ...ผมเข้าใจแล้วครับ"จงอินยิ้มเขารู้อะไรเป็นอะไร แบคฮยอนเองก็ยกยิ้มมุมปากเชิงเข้าใจ มีเพียงโบมียังคงงงวยกับเหตุการณ์ที่เธอไม่เข้าใจ


              "คืออะไรนายบอกฉันด้วยสิโบมี"โบมีหันไปมอง


              "เอ่อ...เดี๋ยวมึงกูเอง"แบคฮยอนหันไปบอกโบมี 


              "อะไรวะ กูงงจริงๆนะเนี่ย อะไรหรอคะ พี่ชินเฮ"


                 "เจ้าทึ่มที่ว่าก็คือ...เซฮุนไงละ นอกนั้นไปหาคำตอบเองแล้วกันนะจ๊ะ ไม่ยากหรอก"

     

                ชินเฮยิ้มให้พวกเขาอีกครั้ง เธอหันไปมองเซฮุนที่ยืนอยู่ไม่ไกล เธอก้าวขึ้นรถของเพื่อนที่มารับเธอกับโซล เธอเองก็รู้สึกเสียดายไม่น้อย แต่ทว่ามันกับสายเกินแก้เสียแล้ว หัวใจของ เซฮุนไม่ใช่ของเธออีกต่อไป เธอควรทำใจและตัดใจไม่ให้วุ่นวาย

     

                 เธอก็แฟร์พอที่จะไม่ยืดเยื้ออะไร  เธอกับรู้สึกดีมากขึ้นกว่าเดิมที่เธอได้คืนอิสรภาพให้กับคนๆหนึ่งที่เธอทำผิดกับเขามากๆ พวกเขายืนมองรถของชินเฮไกลออกไปเรื่อยๆและเรื่อยๆราวกับว่าปัญหาที่ค้างคาใจได้จบสิ้น พวกเขากลับมายังฐานเหมือนเดิม เธอเองกับรู้สึกว่าเธอรู้สึกใจมากกว่าเดิมเสียอีก

     

                ว่าแต่เจ้าทึ่มนั้นจะรู้ตัวเมื่อไรว่าตัวเองหลงรักยัยคุณหนูคนนั้นเข้าแล้วแต่ว่าคนทึ่มๆแบบเซฮุนน่าจะรู้ตัวช้าเสียหน่อย คนแบบเซฮุนคงต้องเจอคนแบบยัยคุณหนูคนนั้นคงสนุกไม่น้อย ตอนนั้นเธอก็แค่อยากทดสอบยัยคุณหนูว่ารู้สึกอะไรหรือเปล่าเมื่อเธอแบบนั้นออกไป ยัยคุณนั้นก็ดูจะอึ้งไปเล็กน้อย ชินเฮลอบยิ้มเธอมองไปข้างหน้าหนทางของถนน เมื่อเธอเลือกเส้นทางนี้แล้วเธอคงจะไม่หันหลังกลับไปอีกแล้ว



              “โชคดีนะ...เจ้าทึ่มโอเซฮุน”



    ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ เส้นคั่น สีดำ


    ฝากติดตามHash Tag:  
    ติดต่อไรท์เตอร์: @Loeyhoonminz

    ? cactus

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×