คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : |-1st YMSM-| : ผมนี่แหละ.... 5% ที่เหลือ!!
Title : [Fiction TVXQ ft. SuJu] You’re my soulmate... “aren’t you?”
Author : Silver_Moon/YJ_punky@dek-d
Couple : Yunho x Jaejoong
Genre : Yaoi
Category: Long Fiction/??
First Edition : April 2009
Rate : PG-13 ด้านภาษานะคะ (อาจมีภาษาไม่สุภาพได้..^^)
1st YMSM : ผมนี่แหละ.... 5% ที่เหลือ!!
.
.
‘ฮึก!!...มะ...ไม่เอานะ...ไม่เอา..ฮือ จินจูจะอยู่กับคุณหมีตัวโตที่นี่...จินจูไม่ไป จินจูไม่อยากไป โฮ~’
เสียงเล็กๆแว๊ดร้องขึ้น พร้อมกับน้ำตาใสๆที่ไหลเปรอะเปื้อนใบหน้าน่ารัก เมื่อทันทีที่รู้ว่าตัวเองจะต้องจากคนตัวโตที่ตนยังคงยืนเกาะเสื้ออยู่ข้างๆแน่น....ทิ้งให้ผู้ปกครองทั้งสองส่ายหน้าหน่ายใจกับปฎิกิริยาของลูกตัวเอง ก่อนจะเดินจากไปรอที่รถ ปล่อยให้คู่กรณีของเรื่องนี้จัดการเอง..
‘จินจู...อย่าดื้อสิตัวเล็ก ประเดี๊ยวก็ตกเครื่องบินกันพอดี’ เจ้าของฉายา “คุณหมี” ที่ดูยังไงก็โตกว่าไม่น่าจะเกิน 3 ปี พยายามปลอบเด็กดื้อประจำตัวที่ตอนนี้กำลังเพิ่มระดับความรั้นจนถึงขีดสุด.....ก็เจ้าแม่คุณเล่นโวยวายงอแงจนทำเอาตัวเขาเองแทบจะล้มทั้งยืนกับแรงรั้งจากร่างน้อยๆนี้นะสิ
‘ไม่เอา!!! ฮืออ...ก็จินจูอยากจะเล่นกับคุณหมีต่อนี่..’ คำกล่าวที่แสนจะดื้อดึงหลุดออกจากปากกลมอีกครั้ง ก่อนจะชะงักไปเมื่อเจอคำขาดจากคุณหมีของตัวเอง
‘ถ้าอย่างนั้นจินจูจะต้องอยู่คนเดียวนะ..’
‘......เอ๋?’ คิ้วน้อยๆย่นเข้าหากันด้วยความสงสัย
‘ก็จินจูคิดดูนะ ปะป๊า มะม๊าของจินจูก็ไปที่อเมริกาหมด...แล้วทีนี้จินจูจะอยู่กับใครล่ะ??....ใครจะทำกับข้าวให้จินจูกิน?’ และสุดท้ายก็ถูกขยายความด้วยตัวของเขาอีกครั้ง ทำเอาคนตัวเล็กหน้างออย่างจนปัญญา
‘จินจู....จินจูจะอยู่กับ...คุณหมี!!’ ไม่วายยึดคติดื้อแล้ว ก็ต้องดื้อให้จนถึงที่สุด!!
‘ไม่ได้!!!’
‘ฮึก!! ทำไมอ๊า...คะ..คุณหมีเกลียดจินจูแล้วเหรอ? ฮืออ’ เมื่อได้ยินเสียงปฏิเสธชัดถ้อยชัดคำกลับมา อาวุธลับเจ้าเก่าที่ใช้ได้ผลมานักต่อนักแล้วนั้นถูกงัดออกมาอีกครั้ง เพื่อให้พี่ชายหมีใจอ่อน...แต่มันกลับไม่ได้ผลตามที่คิดนี่สิ!!
‘ไม่!! ยังไงพี่ก็จะไม่ยอมเล่นกับเด็กดื้ออีกแล้ว!’
‘ก็...ก็...จินจูรักคุณหมีนี่นา...’ พอได้ฟังเหตุผลย้ำยืนยันแล้ว ทำให้หน้าขาวที่เริ่มซีดลงเรื่อยๆเพราะอุณหภูมิหนาวเย็นที่ล้อมรอบอยู่ประกอบด้วยโรคประจำตัวที่ชอบทำให้เจ้าของป่วยออดๆแอดๆเป็นประจำแล้วนั้นหงอยลงเล็กน้อย พร้อมกับบ่นพึมพำกับตัวเองอย่างน่ารัก เรียกรอยยิ้มอ่อนจากคนตัวโตกว่าไม่ยาก
‘งั้น.....ถ้าตัวเล็กโตขึ้นแล้ว....ตัวเล็กต้องรีบแข็งแรงๆ แล้วค่อยกลับมาเป็นเจ้าสาวของคุณหมีแล้วกัน...เอามั้ยล่ะ?’
“
”
“ถ้าไม่ยอมตอบ แล้วเอาแต่ทำหน้างอ....พี่ก็จะเข้าบ้านแล้วนะ..”
‘เอาๆ!! สัญญากันแล้วนะ!!...จินจูจะรีบแข็งแรงๆ แล้วมาเป็นเจ้าสาวของโอปาหมียักษ์ คิกๆ...เกี้ยวก้อยสัญญากันด้วย’ อารมณ์ที่กำลังหม่นได้ที่นั้นแทบจะหายไปทันทีเมื่อได้ยินข้อตกลงที่ถูกสร้างขึ้นระหว่างเด็กสองคน ปากสีสดที่ยู่มาเป็นเวลานานคลี่ออก ก่อนจะถูกเจ้าของฉีกยิ้มจนเห็นฟันน้ำนมจนครบซี่ นิ้วก้อยเล็กๆถูกยกขึ้นเพื่อทำตามสิ่งที่ตัวเองพูด
ซึ่งคนถูกย้ำแล้วย้ำอีกว่าเป็นหมีนั้น ก็ไม่ว่าอะไร ซ้ำกลับยื่นนิ้วป้อมๆของตนไปเกี้ยวกับอีกฝ่ายด้วยรอยยิ้มอ่อนๆ
‘สัญญากันเรียบร้อยแล้ว.....คุณหมีห้ามลืมนะรู้มั้ย?’
“คร้าบบบ~ คุณหมีไม่ลืมหรอก สัญญาด้วยศักดิ์ศรีลูกผู้ชายเลย..รีบๆไปได้แล้ว เดี๋ยวจินจูก็ทำให้ป๊ะป๋ากับม๊ะม้าตกเครื่องหรอก..”
‘อืม!!....บ๊ายบายๆน้า~ คุณหมี’
‘บ๊ายบาย....จินจู’
ร่างเล็กหันมาโบกมือพร้อมรอยยิ้มครั้งสุดท้าย ก่อนจะหายลับไปหลังประตูรถ เหลือเพียงร่างของเขาที่ยังคงยืนมองพาหนะสี่ล้อเคลื่อนที่ห่างตัวไม่เรื่อยๆ
.....พี่จะไม่ลืมหรอก....
พี่ไม่มีวันลืม.....จินจู....
.
.
.
.
“โว๊ยยยยย!!! ไอ้คุณชาย!! ตื่นเว้ยยย!!!!!”
....ใบหน้าคมนิ่วหน้าเล็กๆกับสิ่งที่ดังขึ้นรบกวนการนอนของตัวเอง ก่อนที่จะพยายามเอามือคว้านหาหูฟังคู่ใจที่หลุดออกไปตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ เพื่อเลื่อนมาปิดกั้นเสียงแหลมๆดังเหมือนโลมาขาดน้ำอันคุ้นเคย
คนเค้ากำลังฝันดีอยู่...มาขัดได้ เสียมารยาทจริงเชียว...
“โอ๊ยย~ มึงง ไอ้หมีควาย!! นี่ยังมีหน้ามาหาหูฟังมึงอีกเนอะ...ตกลงคืนนี้มึงจะจำศีลอยู่ที่นี่ใช่มั้ย? กูจะได้ไม่ต้องรอ” และดูเหมือนทางต้นเสียงที่กำลังโดนตีหน้าว่าไร้มารยาทนั้นยังไม่รู้เรื่องรู้ราวว่ามีคนแอบด่าในใจ แถมยังอุตส่าห์หวังดีเกรงว่าเสียงของตัวเองจะดังไม่พอ จึงต้องนำพาเสียงหลอดเสียงล้านแปดหลอดเข้ามาใกล้เขาอีกนิด....อีกนิดจริงๆนะ
..ก็แค่ทำให้เสียงเพิ่มขึ้นอีกหลายสิบเดซิเบล จนผู้ถูกกระทำหูอื้อไปหลายสิบวิฯ เท่านั้นเอง...
“อืมม~...ไอ้จุนซู...ออกไปไกลๆกู..แหง่มๆ” คนนอนหลับก็ยังไม่รู้สึกรู้สาอะไรกับอาการจะคลั่งตายของคนข้างๆทั้งสิ้น แต่กลับสะบัดมือไล่อย่างรำคาญ
จนทำเอาคนถูกไล่ถึงกับเลือดขึ้นหน้า...
“ไอ้สาด!! เขากลับกันหมดห้องแล้วเว้ย!! ไอ้คุณ-ชอง-ยุน-โฮ!!!!!”
โครม!!!!
สิ้นสามพยางค์สุดท้ายของประโยคที่ดังขึ้นพร้อมเสียงโครมครามของเก้าอี้ที่ล้มข้างลงพื้น ก่อนจะตามมาด้วยเสียงโอดโอยครวญครางของคนที่เคยนั่งหลับอยู่บนเก้าอี้ตัวนั้นเมื่อห้าวินาทีที่แล้ว
“ไอ้โลมาบ้า!! มึงปลุกเพื่อนรักของมึงดีๆไม่ได้รึไงว่ะ?! โหยย แค่นี้..ทำไมต้องเล่นถึงถีบกันว่ะ!!” เสียงสรรเสริญดังขึ้นทันที ที่ยุนโฮเห็นว่าร่างเล็กๆที่ยืนท้าวเอวอยู่เหนือหัวเขา เป็นใบหน้ากลมๆจิ้มลิ้มที่ประกอบไปด้วยแก้มป่องๆสองข้าง ตาเล็กๆหนึ่งคู่ของคนน่ารักของที่ทำตัวไม่เคยสมกับหน้าตา
“ยุนโฮ..มึงเห็นท้องฟ้ามั้ย??..ห๊ะ!! นึกว่าตอนนี้เรียนคาบบ่ายรึไง?? นี่มันจะปาไปห้าโมงเย็นแล้ว...แล้วแทนที่มึงจะชื่นชมกูที่อุตส่าห์ทำตัวเป็นเพื่อนที่ดีอยู่รอมึงตื่น..กลับตื่นขึ้นมาด่ากู!!! เดี๊ยวพ่อจับโยนลงอ่าวซักหรอก ชิส์!!!”
พูดไปไม่ถึงสองประโยค แม่คุณเล่นด่ากลับมาเป็นกัณฐ์เทศน์สามบทครึ่ง ก่อนจะจบลงด้วยการเชิดหน้าไปอีกทางพร้อมกับแก้มบวมๆ จนทำให้คนมองทำหน้าเอือมกับเพื่อนตัวเอง
“โอเคคร้าบบๆ ไอ้คุณคิม จุนซู...กระผมผิดเองล่ะครับ...แล้วเดี๋ยวจะไปไหนล่ะ? กระผมจะยินยอมติดตามไปเพื่อเป็นการไถ่โทษแต่โดยดี..”
“ดีมาก!! ไอ้หมีชอง!! ไปกันได้แล้ว..ถ้ากูโดนแย่งคิวมึงตายแน่!!”
คาดว่าถ้าโนเบลมีรางวัลสาขาคนที่เปลี่ยนอารมณ์ได้เร็วที่สุดในโลก รางวัลคงไม่อาจตกเป็นของใครอื่นได้นอกจาก คิม จุนซู...ที่ตอนนี้กำลังเดินสะบัดเอสลายน์ของตัวเอง ลัลล้านำหน้าเจ้าของรถที่ตัวเองจะติดไปอย่างมีความสุข
..เคยมีใครหลายคนสงสัยว่าคิม จุนซู กับชอง ยุนโฮ เป็นอะไรกัน?
ชอง ยุนโฮคนนี้ก็คงตอบได้ในทันทีว่าเป็นเพื่อนสนิทที่ซี้ปึ๊กกันมากถึงมากที่สุด แทบจะเรียกได้ว่าตั้งแต่ประถม 1 ตัวก็ติดกันเป็นตังเมแบบนี้แล้ว
แล้วก็คงมีอีกหลายคนที่สงสัยต่อว่า...ทำไมถึงไม่เป็นแฟนกันล่ะ?
จุนซูรึ...ถ้ามีคนเดินผ่านร้อยคน ถามคนพวกนั้นว่า คิม จุนซู น่ารักมั้ย? คงไม่พ้นคำตอบที่ว่า ใช่..น่ารัก แล้วไหนจะพ่วงด้วยตำแหน่งคุณหนูคนเล็กของบ้านเจ้าของแบรนด์จิวเวอรี่ชื่อดังกระฉ่อนโลกอีก
ส่วนชอง ยุนโฮเรอะ...ตำแหน่งดาวคณะการันตี การเรียนดี กีฬาเด่น อัธยาศัยเป็นเลิศ ควบกับฐานะทายาทบริษัทก่อสร้างอันดันหนึ่งของเกาหลี แถมก็ใช่จะรังเกียจพวกรักเพศเดียวกัน...
....อย่างนี้ จะเรียกว่าอะไร ถ้าไม่ใช่คำว่าเหมาะสมกัน...
แต่..เคยได้ยินคำว่า ‘ไก่เห็นตีนงู งูเห็นนมไก่’ ไหมล่ะ??
ที่พร่ำพรรณนาว่าน่ารักนักหนา..ถ้าไม่สนิทจริงๆคงไม่รู้ว่าจริงๆแล้ว... คิม จุนซู แมนเวิ่นเว่อร์!!....ถ้าพูดแบบชาวบ้านอีกนิด คือ เถื่อน และหยาบคายชนิดคูณสิบยกกำลังล้าน
ส่วนชองยุนโฮนะเหรอ?..นางงามระดับโลกคงต้องเรียกพี่ กับความรักเด็ก เข้ากับคนง่าย คุยสนุก แถมยังจะมีน้ำใจกับคนรอบข้างที่เรียกได้ว่าชนิดถึงเนื้อถึงตัวจน ‘เกินปกติ’ จะตรงความเป็นจริงมากกว่า ใครเสนอ มีรึชองยุนโฮไม่สนอง เพียงแค่ขอผ่านเกณฑ์หน้าตารูปร่างของเขาซะหน่อย โดยสรุปตามที่เจ้าตัวเคยบอกให้คนอื่นฟังแล้ว ชองยุนโฮก็คือ เจนเทิลแมนดีๆ(?) นั่นเอง
...พูดง่ายๆ ต่อให้จุนซูที่ดูภายนอกแล้วน่ารักจะสนิทกับเจนเทิลแมนยุนโฮที่ว่าหล่อเพอร์เฟ็คตั้งแต่สมัยเล่นเป่ายิ๊งฉุบกัน จนถึงตอนนี้ยันปีสี่แล้ว...
.........มันก็ไม่มีวันจะสปาร์คกันติดหรอก!!!!
.
.
“แล้วชางมินอ่ะ??” หันมาถามขัดคนตัวเล็กข้างๆหลังจากที่โดนสวดมาตั้งแต่ออกจากห้องเรียนชั้นสี่...ลงลิฟท์...จนยันออกจากตึกมาตรงลานที่นัดรวมประจำกับเพื่อนสนิทอีกคน....เว้นแต่คราวนี้กลับไม่มีร่างโย่งๆของเจ้าเด็กแพทย์ยืนปั้นหน้าบูดให้สาวกรี๊ดเล่นอยู่นี่สิ
“อ้าว..อ๋อ~ ใช่ๆ พอดีมันโทรมาบอกตอนมึงนอนหลับน้ำลายยืดเหมือนหมีควายจำศีลอยู่นั่นแหละ...ว่าวันนี้มันไม่ได้มาเรียน รู้สึกว่าต้องไปทำธุระอะไรซักอย่างให้พ่อกับแม่มัน..” ตอบกลับ แต่ก็ไม่พ้นที่จะอดแอบแขวะน้อยๆ(?)มอบให้ร่างข้างๆด้วยรักและหวังดีเสียมิได้...
“ธุระอะไรว่ะ?”
“บ๊ะ!! กูจะตรัสรู้มั้ย อิคุณชอง!! ได้ข่าวว่ากูไม่ได้เป็นเมียมัน และรู้สึกบ้านมันกับมึงจะอยู่ห่างกันแค่คืบ ดังนั้นรีบๆไปถอยรถออกมาได้แล้ว..” คำตอบไร้ประโยชน์ไม่พอ แต่จุนซูกับชี้นิ้วสั่งปาวๆประหนึ่งว่าเพื่อนตัวเองเป็นคนขับรถส่วนตัวก็ไม่ปาน “ถ้ากูไปสายเพราะมึง แมร่ง!! เจอดีกันแน่”
“เออๆ..ไอ้คุณหนูตระกูลคิม...ตกลงวันนี้คุณมึงจะเสด็จไปไหนไม่ทราบ??” สารถีจำเป็น หรือถ้าจะเรียกให้ถูกก็คือเจ้าของรถตัวจริงที่กำลังนั่งประจำที่ ถามเพื่อนสนิทที่ทำหน้าแป้นแล้นอยู่หลังรถด้วยอารมณ์เซ็งจัด
“.....ไปดูดวง!!” สิ้นคำตอบจากด้านหลัง ยุนโฮชักอยากจะกัดลิ้นฆ่าตัวตายขึ้นมาตะหงิดๆ กับความบ้าคลั่งในการดูดวงแบบที่พวกไฮโซไฮซ้อนิยมของเจ้าตุ๊กตาท้ายรถ(?)
ลืมเพิ่มคำนิยามใหม่ให้จุนซูจนได้...เพราะนอกจากที่จะทำตัว เถื่อนแมน กับหยาบคายไม่สมหน้าตาแล้ว อีกหนึ่งก็คงไม่พ้น การบ้าดวงขั้นสูงสุด ขนาดที่ถ้ามีเต็มร้อยเลเวลก็คงได้ไปร้อยยี่สิบนี่สิ
มันคงจะไม่เดือดร้อนหรอก ถ้าคิม จุนซู ไปคนเดียว....ไม่ใช่ลากเขาให้ไปด้วยแทบจะทุกครั้ง!!!
“แกจะไปดูทำไมว่ะ ซ้ำซาก!!.. ดูไปไม่ถึงอาทิตย์ วันนี้ก็จะไปอีกและ...ถามจริง ดวงคนบ้าอะไรจะเปลี่ยนเร็วปานนั้น?”
“ก็พอดี กูไม่ใช่คนบ้า...” ดู๊ดู คำตอบที่ได้รับกลับมา ทำเอาเขาแทบจะอดใจเอารองเท้ากระแทกหน้าบวมๆนี่ไม่ไหว ได้แต่ท่องธัมโมไว้ในใจ....ลืมไป..ว่า คิม จุนซู มันไอคิวโลมา
“ถามดีๆ ไอ้จุนซู..อย่าหาเรื่องอยากมีแทคทูลายตีนกูประดับหน้า..” เมื่อเห็นเพื่อนรัก(?)เลือดเริ่มขึ้นหน้า จุนซูที่ไม่ว๊อนการมีทุกสิ่งอันประดับบนใบหน้านี้ จึงรีบเปลี่ยนสรรพนามเพื่อนทันควัน
“ยุนโฮอ่า~ ใจเย็นดิว่ะ กูพูดเล่นหรอกน้า...ก็นี่เป็นที่ใหม่ เห็นฮยอกแจกับซองมินว่าแม่นดี เลยอยากลองดูอ่ะ” ว่าพลางทำหน้าปิ๊งๆ แบบที่น้อยคนที่จะมีบุญให้เห็น ซึ่งยุนโฮก็ไม่เคยที่อยากจะเป็นส่วนในน้อยคน...เพราะการที่จุนซูทำหน้าแบบนี้ แสดงว่าไม่พ้นที่จะต้องมีเรื่องมาถึงเขา
“แต่ว่ามันเย็นแล้วนะ จุนซู..” อ่อนลงเล็กๆ ถือซะว่ายังไงมันก็เพื่อนเรา...
“แล้วใครล่ะว่ะ..ที่นอนเป็นหมีอืดจนจากเลิกสี่โมงเป็นห้าโมงเนี่ยะ!!” แอบฮึดฮัดทำสะดิ้งน้อยๆไม่เกินงามความเป็นชายที่มีอยู่เต็มเปี่ยม “ไม่รู้ล่ะ..ถ้ามึงไม่พากูไปล่ะก็....กูจะเอาไปประกาศให้คนทั้งคณะฟังว่ามึงละเมอเพ้อหาสาวตอนเรียน!!”
แค่ฟังข้อเสนอมา ทำเอาคนเสียเปรียบตกไปอยู่ฝ่ายยุนโฮแทบในทันที...ในเมื่อคณะออกแบบดีไซน์ของเขา..ถึงแม้คนในคณะจะไม่ค่อยเอะอะเฮโลมากมายเมื่อเทียบกับคณะอื่นๆ แต่ข่าวหลุดออกไปที เขาอาจจะได้กลายเป็นคนฉาวที่สุดในประวัติศาสตร์มหาลัยแห่งนี้ก็เป็นได้
“จินจูสัญญานะ....พี่ไม่ลืม.........โอ้~พี่รักเธอ จินจู...จินจู จ๊วบๆ ฮิย่ะฮ่าฮ่าฮ่า!!....เป็นไง?? รู้สึกอยากไปนั่งเฝ้าแม่หมอกับฉันรึยัง??”
ดัดเสียงแหลมออกมาอย่างไม่นึกถึงจิตใจคนที่นั่งข้างหน้าที่ตอนนี้อยากเอาโลมาจอมกวน ที่มาปลอมแปลงคำละเมอของเขาจนเสียหายย่อยยับโยนกลับอ่าวแบบด่วนๆ แต่กลับทำได้เพียงบีบพวงมาลัยตรงหน้าแน่น โดยคิดซะว่าเป็นลำคออวบๆของเจ้าของเสียงแทน
“เออๆ เอาก็เอา....ที่ไหนล่ะ??”
“ตรงไปตามคำที่ฉันบอกนะ เพื่อนรัก!! แล้วรับรองว่าคำละเมอของแกจะถูกฉันฝังไว้ใต้สมองส่วนลึกไปจนวันตาย....เอาหัวเป็นประกันเลย!! ฮิย่ะฮ่าฮ่าฮ่า~!!”
........ฟังเหมือนจะดูดี...
แต่ถ้าวิเคราะห์ดีๆแล้ว...มันหมายความว่า นายจะจำมันไปตลอดชีวิตใช่มั้ย??..
........คิม จุนซู๊ววววว.......!!
กลิ่นพร้อมควันธูปฟุ้งกระจายไปทั่วบริเวณในโพรงจมูกโด่ง ทำให้ยุนโฮเบ้หน้าลงกับกลิ่นไม่ชวนประสงค์นี้ ต่างกับร่างเล็กตรงหน้าที่แทบจะกระโดดโลดเต้นวิ่งเข้าใส่เจ้าเต็นท์สไตล์โบราณหน่อยๆ ตั้งปักหลักอยู่ในซอยเล็กคับแคบที่กว่าจะเอารถมาจอดได้ ก็ทำเอาเขาต้องเสียน้ำลายพ่นคำสบถไปหลายมิลฯ
“เดี๋ยวนี้มึงเปลี่ยนรสนิยมเหรอ? ไอ้จุนซู...คิดยังไง? จู่ๆถึงจะมาดูหมอตามซอกตามซอย...” บ่นป่าวๆ หวังให้ไอ้เพื่อนรักที่เดินหรือเรียกได้ว่าแทบจะวิ่งแล้วนั้นได้ยิน และทำการยกเลิกนัดครั้งนี้ซะ!!
“โถ่ๆ...ยุนโฮ กูไม่สนใจเรื่องสถานที่หรอกเว้ย มันอยู่ที่ความแม่นของหมอต่างหากที่น่าดึงดูด” หยุดฝีเท้าพร้อมหันมาคนที่กำลังทำหน้าพะอืดพะอมเหมือนโดนบังคับให้กินยาถ่าย “แล้วเตือนไว้...มึงอย่าคิดหนีกลับก่อนกู แบบครั้งที่แล้วอีก...”
“เออๆ ไม่หนีกลับก่อนหรอก ไอ้เด็กขี้งอนเอ๊ยย~ “ พึมพำตอบพร้อมก้าวอืดๆตามไป
คิดแล้วก็ยังขนลุก!!
เด็กขี้งอนคิม จุนซู หึ!! แค่ครั้งที่แล้วแอบกลับก่อนครั้งเดียว มันงอนตูดสะบัดซะเชิงชายที่เคยสะสมมากระเด็นหลุดจากตัวไปหมด กว่าเขาจะง้อได้ก็แทบจะเชือดโลมา แล้วใช่จะงอนเฉยๆอย่างเดียวที่ไหนล่ะ!! เจ้าคิดเจ้าแค้นเป็นที่หนึ่ง วางแผนจับเค้าส่งผับชาวสีม่วงจนเกือบเสียพรหมจรรย์ให้เพศเดียวกันซะแล้ว!!...
ใบหน้าหล่อตีหน้าเบื่อโลกขั้นปลงอนิจจัง ทุกขัง อนัตตาได้ เมื่อโดนมือเล็กๆลากให้เขาก้าวเร็วขึ้น และท้ายสุดก็เข้าไปนั่งในเต็นท์แคบๆที่อบอวลด้วยกลิ่นกำยานหอมหวานเอียนจนชวนอ้วก!
“เออ...สวัสดีฮะ”
ภายในเต็นท์แคบๆร้อนๆ ครึ้มทะมึน ซึ่งอาจเป็นผลมาจากท้องฟ้าภายนอกที่ดวงอาทิตย์เริ่มบอกลาขอบฟ้าไป บวกกับแสงเทียนริบหรี่ ผ้าม่านสีเข้ม แล้วไหนจะของแต่งภายในที่ดูเหมือนจะเป็นสถานที่เหมาะกับคนทรง มากกว่าหมอดูธรรมดา ทำเอาเขาอดขนลุกกับบรรยากาศวังเวงนี้เสียไม่ได้......ส่วนไอ้คนลากมานั่นเหรอ? ยังไม่วายพยายามทำใจกล้าส่งเสียงทักออกไป
“จุนซู....แม่หมอของแกอาจจะไม่อยู่ก็ได้นะ” ปาดเหงื่อกับความอบอ้าวของสถานที่ ชองยุนโฮก็สะกิดไหล่เพื่อนตัวเล็กยิกๆ เชิงเรียกให้หมุนตัวแล้วชิ่งกลับกันเหอะ!!
แต่คิมจุนซูเป็นเพื่อนที่ดี....
....และนิยามในพจนานุกรมฉบับคิมจุนซู...หน้าที่ของเพื่อนที่ดีนั้นน่ะ เค้าไม่คิดจะตามใจเพื่อนสนิทตัวเองหรอก!!
“ไม่!! ไอ้ยุน...แกไม่รู้หรอกกว่าที่ฉันจะหาคิวนัดหมอดูคนนี้ได้ ต้องทำตัวเลว ล่อลวงหลอกล่อลูกค้าเจ้าอื่นไปกี่คน เพื่อลัดคิวให้ตัวเอง ห๊า!!”
“เหมือนปกติ มึงจะเป็นคนดี....”
“อ๊ะ....แน่น๊อนน!!~” คำตอบรับที่มั่นอกมั่นใจตัวเองมากเกินควร จนชองยุนโฮดูสมควรว่าน่าจะใช้อะไรมายันหน้าคิมจุนซูให้ไปไกลๆสายตา แต่ดูเหมือนคนที่โดนคิดลอบทำร้ายยังไม่รู้เรื่องรู้ราว แถมดูเหมือนจะไม่มีความคิดเลิกลาความพยายามของตัวเองซะด้วย “สวัสดีคร้าบบ~
.มีใครอยู่รึเปล่า??”
“....สวัสดี.....”
เสียงหวานที่ติดจะแหบนิดๆ ดังลอดออกมาจากหลังม่านผืนใหญ่ด้านหลังลูกค้ารายใหม่ทั้งสอง ท่ามกลางความเงียบที่เพิ่งเกิดขึ้นได้ไม่นาน ทำเอาร่างเล็กร่างสูงนั้นสะดุ้งแทบวิ่งหน้าทิ่มเข้าหากันเลยทีเดียว
ร่างที่ดูไม่สูงใหญ่อะไรมากมายค่อยๆเคลื่อนกายออกมาจากที่ที่เดิมที่เคยยืนอยู่ ใบหน้าและร่างกายที่ถูกซ่อนไว้ภายใต้เสื้อคลุมสีดำสนิท เหลือเพียงปอยผมสีแดงๆไม่มากที่พ้นออกมาจากฮู๊ดที่คลุมหัวอยู่ ซึ่งการแต่งกายที่ดูมิดชิดจนถึงขึ้นน่าอึดอัดนี้ ทำให้ยุนโฮอดสงสัยไม่ได้ ว่าคนตรงหน้านี้ทนไปได้อย่างไร
“อะ เอ่อ...สวัสดีฮะ” รอยยิ้มแห้งปรากฎขึ้นบนใบหน้ากลมๆ....และแล้วคิมจุนซูก็ได้ความรู้ใหม่ในเรื่องการยึดคติยิ้มสู้ไว้อย่างแน่วแน่...ช่างเป็นเรื่องที่น่ายินดีเสียจริง
“คุณคิมจุนซู...ใช่รึเปล่า??” คนที่คาดว่าน่าจะเป็นแม่หมอคนเก่งตามคำบอกเล่านั้น ไม่มีท่าทีแม้จะสนใจกับคำทักทายแรก แต่กลับค่อยๆทรุดลงตรงเก้าอี้นวมมีพนักตัวหนึ่งที่มีโต๊ะเล็กๆขั้นไว้ตรงกลาง ก่อนจะตามปิดท้ายด้วยเก้าอี้ไม้ไม่เข้าชุดกันอีกหลายตัว
“ใช่ฮะ” สีหน้าตื่นๆที่เหมือนเวลาเด็กอนุบาลถูกคุณครูเรียกออกมายืนหน้าชั้นปรากฎอยู่บนใบหน้าของจุนซู
“อือหึ... เชิญนั่งตามสบายคุณคิม” บอกด้วยโทนเสียงที่ไม่ค่อยต่างจากประโยคแรกเท่าไร พร้อมกับมือเรียวที่โผล่พ้นชายเสื้อคลุมจะผายออกไปยังเก้าอี้ตรงข้ามตัวเอง “แล้วนั่นคือ??....”
โดยไม่ต้องถามซ้ำ คนฉลาดอย่างชองยุนโฮก็รู้ทันที ว่า ‘นั่น’ ที่แม่หมอคนนี้พูดถึงน่ะ หมายถึงเขาอย่างแน่นอน
...ยกเว้นแต่จะหมายถึงบุคคลที่สี่ในเต๊นท์มืดๆนี่ล่ะ..เพราะถ้าเป็นอย่างนั้น เขาจะได้หนีออกเป็นคนแรก..
“อา...ผมเป็นเพื่อนของจุนซูครับ...แค่พามาส่งเฉยๆ” แล้วอยากจะต่อท้ายประโยคใจจะขาดว่า ไอ้ตัวที่นั่งทำตัวตื่นอกตื่นใจกับทุกสิ่งอย่างรอบห้องนั้นน่ะ มันบังคับขืนใจผมมาด้วยซ้ำ!! “เออ...หน้าผมมีอะไรหรือเปล่าครับ??”
อดถามไม่ได้เมื่อรู้สึกเหมือนว่าสายตาของคนที่กำลังสับไพ่เพื่อทำการทำนายจุนซูนั้น ยังคงจับจ้องอยู่ที่เขาอย่างไม่เลิกลา
เข้าใจว่าตัวเองนะ หล่อเทพ!!...
แต่จ้องมากๆแบบนี้ เขาก็กลัวเหมือนกันนี่นา!!
“อ๋อ...ออร่าคุณน่าสนใจดีน่ะ...จะรังเกียจไหมถ้าผมอยากจะเปิดไพ่ให้คุณฟรีๆก่อนจะดูให้เพื่อนของคุณ ”
ยุนโฮหันไปเหล่มองหน้าเพื่อนรักที่ตั้งท่าเตรียมพร้อมขะมักเขม้นกับการเตรียมเปิดไพ่ยิ่งกว่าสอบปลายภาค ก่อนจะกลืนน้ำลายอย่างเฝื่อนคอ เมื่อสายตาที่ส่งกลับมาของคนเพิ่งโดนลัดคิวไปหมาดๆนั้น มันกินเลือดกินเนื้อเค้าอย่างกับอะไรดี
....เกิดมายังไม่เคยทะเลาะร้ายแรงอะไรกับมันซักอย่าง
ถ้าเกิดวันนี้เค้าตอบตกลง...มีหวังได้ตัดเพื่อนกับโลมาปัญญาอ่อนก็วันนี้ล่ะมั้ง?
“เออ...ไม่ปะ..”
“ไม่ต้องเกรงใจหรอก...มานั่งสิ ขอโทษด้วยนะครับ คุณคิม จุนซู..” และแล้วคนโชคหล่นทับถูกหมอดูคนดังลากเข้ามามีส่วนร่วมอย่างเสียไม่ได้ ส่วนคนเชิงโดนไล่นะเหรอ??...สงสัยไม่ช้าไม่เร็วนี้ชอง ยุนโฮ อาจหลุดไปอยู่ในผับชาวสีม่วงซักแล้ว
แต่เหมือนสวรรค์จะคุ้มครองคนไร้ทางเลือกอย่างเขา เมื่อคำพูดต่อมาหลุดออกมาจากต้นเหตุ และปฎิกิริยาโต้ตอบของคิม จุนซูนั้น ทำให้เขาได้รับรู้ว่า ต่อให้รวยล้นฟ้าแค่ไหน...คนเราก็ไม่วายชอบของฟรีอยู่ดี...
“แต่ไม่ต้องเป็นห่วงนะครับ คุณคิม...เพราะความผิดนี้เป็นของผมเอง ดังนั้นการเปิดไพ่ของคุณครั้งนี้ผมก็จะไม่คิดค่าใช้จ่ายเช่นกัน”
สายตาระริกระรี้ที่ปรากฎขึ้นบนดวงตาหยี่ๆสองข้างพร้อมอากัปกิริยายอมยกเอสไลน์ของตัวเองพ้นจากเก้าอี้ตัวเดิมแต่โดยดี ซึ่งผิดวิสัยเอาแต่ใจตัวเองอย่างคุณหนูตระกูลคิม เป็นสัญญาณที่ดีที่บอกแก่ยุนโฮว่า เจ้าเพื่อนซี้ตั้งแต่ประถมสี่ ของตัวเองเห็นของฟรีดีกว่าทุกสิ่งจริงๆ
.....ว่าแล้ว ก็คิดย้อนกลับ....
...ตกลงกูคบกับมันมาได้ยังไงเนี่ยะ!!....
“ไปนั่งสิยุนโฮ กูยอมมึงแล้วนะ...” ว่าพลางจับแขนของเขาลากมานั่งจุ้มปุ๊กตรงตำแหน่งเก่าที่ตัวเองเคยอยู่ “เห็นว่าเป็นเพื่อนนะเนี่ยะ ถึงยอม...”
ดูเหมือนคิม จุนซูจะเป็นคนดี
.
ถ้าไม่ได้ยินคำพูดของคุณหมอดูก่อนหน้านี้อ่านะ!!
คนที่จำต้องเออออตามสิ่งแวดล้อมนั้นมองหมอดูหัวแดงที่เริ่มต้นสับไพ่อีกครั้ง พร้อมกับเสียงอธิบายให้ชองยุนโฮผู้ไม่เคยแม้จะคิดจับตอ้งไพ่ยิปซีหรือเรื่องดวงทุกชนิดฟังด้วยเสียงเอื่อยๆ
“เริ่มแรกคุณก็เลือกไพ่ที่วางไว้ตรงนี้ แล้วค่อยๆดึงออกมาด้วยมือข้างที่ไม่ถนัดจนครบ 9 ใบนะครับ”
เมื่อหมดทางเลือก ชองยุนโฮผู้ซึ่งยังไม่สามารถให้คำนิยามกับสิ่งที่เกิดกับตัวเองว่ามันคือโชคดีหรือโชคร้ายได้นั้น ก็คงได้แต่ทำตามคำกล่าวที่ออกจะสั่งกลายๆของคนตรงหน้า
“กรุณาช่วยเพ่งจิตให้เป็นสมาธินะครับ...แล้วต่อยๆปล่อยจิตใจให้ว่าง...”
นัยต์ตาสีสนิมกวาดตามองไพ่หลายสิบใบที่วางเรียงกันอย่างสม่ำเสมอ จนแอบยกย่องความช่ำชองของคนเป็นหมอดูเสียไม่ได้ มือใหญ่เลื่อนไปตามตำแหน่งต่างๆที่ตัวเองเล็งเอาไว้ก่อนจะดึงไพ่ออกมาทีละใบ ทั้งๆที่ความจริงแล้ว เขายังไม่เข้าใจเลย...ว่าไอ้ใบสีเน่าๆเหมือนจะขึ้นรานี้ มันจะบอกอนาคตเขาได้จริงเหร๊อ~!!?
“คุณชื่ออะไรครับ??”
“อะ!! เออ...ชอง ยุนโฮ ครับ”
นั่งมาตั้งนาน จนชองยุนโฮหลงนึกว่าคนผมแดงตรงหน้าจะมีซิกเซ้นท์มองเห็นชื่อพร้อมวันสิ้นอายุไขเหมือนยมฑูตบ้าแอปเปิ้ลที่เขาเคยอ่านเจอในหนังสือการ์ตูนซะแล้ว จู่ๆมาถามชื่อซะงั้น..ไม่ให้ตกใจได้ไงล่ะ!!
หลังจากผ่านการ สังเคราะห์ วิเคราะห์ทั้งหมดทั้งมวลมาค่อนข้างจะเรียกได้ว่านาน ไพ่ยิปซีทั้ง 9 ใบก็ถูกวางคว่ำเรียงกันสล่อนระหว่างคนสองคน และพร้อมที่จะถูกเปิดเพื่อทำนายอนาคตของฝ่ายเลือกไพ่
“เรามาเริ่มดีกว่านะครับ คุณชอง...”
“ครับ” ตอบด้วยเสียงนิ่งๆ เหมือนรอหยั่งเชิงผลการทำนาย
“คุณเป็นคนที่พร้อมบริบูรณ์ไปด้วยทรัพย์สินเงินทอง เกิดอยู่ในตระกูลพร้อมสรรพ...เรื่องการเรียนการงาน ไม่ค่อยมีปัญหา อยู่ในเกญฑ์ดีถึงดีมาก.....”
“อา.....ครับ”
“ส่วนเรื่องสุขภาพก็ต้องระวังเกี่ยวกับโรคทางเดินอาหาร...ไม่ต้องวิตกครับ เพราะไม่ได้เป็นอะไรร้ายแรง....แต่กินข้าวให้เป็นเวลาบ้างก็ดีนะครับ”
“คุณรู้??” ชองยุนโฮถึงกับอดแปลกใจไม่ได้กับคำพูดของคนตรงหน้า ก่อนที่ความเชื่อในหมอดูตรงหน้าจะพุ่งเพิ่มขึ้นมา 0.99 เปอร์เซ็นทันที ในเมื่ออาทิตย์ที่แล้วเขาเพิ่งได้ฟังผลวินิจฉัยจากหมอในโรงพยาบาลจริงๆ ว่าตัวเองเป็นโรคกระเพาะอาหาร
บังเอิญตรง??...หรือว่า ของจริง??
หรือไอ้หมอดูคนนี้แอบไปสืบประวัติเขามาก่อนหว่า =*=
..
“เรื่องเงินทอง...ช่วงนี้ระวังเรื่องการใช้จ่ายหน่อยนะฮะ เพราะจะมีคนที่ทำให้คุณต้องเสียเงิยเสียทองจำนวนไม่น้อยทีเดียว”
“.................................”
“อา....ส่วนใบสุดท้าย THE LOVERS...” เสียงหวานพูดด้วยความจริงจัง พร้อมมือบางๆจะเล็ดลอดออกมานอกเสื้อคลุมเพื่อพลิกไพ่ดังกล่าว
ยุนโฮได้แต่ทำเป็นนั่งฟังจริงจังตามคนพูด แม้สายตาจะเห็นเจ้าเพื่อนตัวดีกลับเหล่มองเขาอยู่ข้างๆ ด้วยสายตาที่เขาชักอยากจะลากมันไปลงอ่าวจริงๆแล้วสิ
“คนที่คุณรอกำลังกลับมาครับ....”
“ห๊ะ!!?” ด้วยความที่เมื่อครู่มัวแต่สนใจจะวางแผนรอบฆ่าโลมาจอมกวนส้นมากไปหน่อย ทำให้เขาได้ยินคำพูดเมื่อกี้ไม่ชัดซักเท่าไร จนอดไม่ได้จะขึ้นเสียงสูงเชิงขอคำย้ำ
พูดว่าอะไร..จะกลับๆ นะ....???
“เนื้อคู่ของคุณกำลังจะเดินทางมาหาคุณในไม่ช้า....”
“เออ...เขามีรูปร่างลักษณะเป็นยังไงบ้างเหรอครับ??” หลุดถามไปอย่างกล้าๆกลัวเหมือนคนมีชะนักติดหลัง
....ก็แน่ล่ะ ทำกับคนอื่นไว้มากอย่างนั้น...ถ้าหากนางในฝันเกิดเป็นไปตามผลกรรม ออกมาดำ ล่ำ อ้วนท้วมเป็นตราเด็กสมบูรณ์ แล้วเขาจะทำยังไงล่ะเนี่ยะ =”=
“ไม่ต้องห่วงครับ...เนื้อคู่ของคุณน่ะ เพียงแค่เห็นครั้งแรกคุณก็แทบจะหยุดหายใจไปเลยล่ะ”
เออ...ถ้าถึงขั้นหยุดหายใจ...ถ้าขนาดนั้นขอหายไปจากโลกเลยไม่ได้รึไง...บอกไว้เลย ว่าชอง ยุนโฮ รับไม่ได้หรอกนะ ถ้าสยองจนแทบหยุดหายใจขนาดนั้น...
แต่เหมือนคนตรงหน้าจะอ่านความคิดเพ้อเจ้อของร่างสูงออก ก่อนจะขยายความเรียกกำลังใจกลับมาให้คนมีจินตนาการสูงส่งที่คิดหน้าตาเนื้อคู่ทึ่กำลังจะเจอในไม่ช้านี้ไม่ไหนต่อไหนแล้วนั้น ให้กลับมาใจชื้นขึ้น
“สวย น่ารักจนนางฟ้าอาย อ้อนแอ้นบอบบาง สดใสน่ารักสมเด็กผู้หญิง....” เจ้าของใบหน้าที่อยู่ใต้เสื้อคลุมยังคงพูดต่อเรื่อยๆ โดยไม่แม้จะสนใจว่าคนนั่งฝั่งตรงข้ามจะฟังที่ตัวเองพูดหรือไม่ “
ความจริงคุณก็เคยเจอกับเธอแล้วนะครับ...”
“ห๊า!!!?”
“ก็เธอคือคนที่คุณรอมาเสมอนี่ครับ.....”
“............................”
“เรียบร้อยแล้วครับ เชิญคุณชองยุนโฮ ลุกออกจากที่ก่อนนะครับ แล้วคุณจุนซูมานั่งแทนได้เลยครับ”
ชองยุนโฮลุกขึ้นจากที่นั่งด้วยท่าทีเหม่อลอย เหมือนคนกะจิตกะใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ก่อนจะหลีกไปยืนข้างๆหลบ คนยอมเพื่อนที่ตอนนี้เกิดอาการกระดี๊กระด๊าหนัก จนความรักเพื่อนอันแสนประเสริฐหายไปจากความคิดของตัวเอง...ก็ถ้าเรียกแบบไม่เกรงใจจะเรียกว่า ช่างหัวเพื่อนมันเลยจะดีกว่า
คิม...จินจู
ใช่เธอใช่ไหม???
คนที่ฉันเฝ้ารอมาตลอด.....
คือเธอใช่ไหม....คิม จินจู..??
บ๊อก...บ๊อกๆๆ....
เสียงเห่าเล็กๆตามประสาลูกสุนัขที่โตไม่เต็มวัยดี ลอดออกจากปากยาวๆ ก่อนที่เจ้าของเสียงนั้น จะเอียงคอเต็มไปด้วยขนสีขาวน้อยๆแลดูน่ารัก พร้อมใช้สายตากลมโตบ๊องแบ๊วมองดูร่างบางผู้กำลังทำอะไรพิลึกพิลั่นอยู่ตรงหน้า
สงสัย
ถ้าเจ้าตัวเล็กพูดภาษามนุษย์ได้ คงไม่พ้นที่จะถามว่า..’เป็นคนดีๆไม่ชอบ...ทำไมเจ้านายของผมถึงอยากเกาะกับแพงอย่างกับตุ๊กแกอย่างนั้นล่ะฮับ?’
“ชู่~~
.โชงอา อย่าเห่าน้า~ เดี๋ยวชางมินรู้ตัวก่อนล่ะก็..หมดสนุกกันพอดี” ปากกลมๆสีสวยที่ประดับอยู่บนใบหน้างดงามของคนที่ใช้ความพยายามตะเกียดตะกายปีนขึ้นกำแพงบ้านคนอื่นอยู่หันมาทำเสียงจุ๊เป็นสัญญาณให้สัตว์เลี้ยงตัวเองเงียบเสียงลง......
ทำเหมือนกับตัวเองกำลังปฎิบัติภารกิจระดับชาติอย่างไงอย่างนั้น
“ไอ้บ้านั้น ยิ่งความรู้สึกไวจะตาย....” อดไม่ได้ที่จะบ่นงึมงำกับตัวเองสองสามคำพอเป็นพิธีก่อนจะหันกลับไปใช้ความเพียรอันมากล้นเพื่อที่จะพาตัวเอง ขึ้นไปยืนอยู่บนกำแพงที่หมายตาไว้ให้จงได้
หลังจากปล่อยร่างเล็กๆของเจ้าตัวขนปุยจ้องมองเจ้านายคนสวยทำตัวเหมือนขโมยขึ้นบ้านคนอื่นเป็นนาน แม้จะใช้เวลาไม่น้อย แต่ในที่สุดแรงของความมานะอุตสาหะทั้งหลายทั้งปวงก็นำพาคนตัวบางหาทางขึ้นมายืนอยู่บนนนี้จนได้
“ฮู๊ววว~ กว่าขึ้นมาได้” ถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่ายเหมือนดั่งมีคนเอามีดมาจี้คอหอยบังคับให้ปีนขึ้นมาอย่างใดอย่างนั้นตามฟอร์ม ก่อนจะก้มลงมองข้างล่างที่มีเจ้าของชื่อ ‘โชงอา’ ที่นั่งกระดิกหางไวๆอยู่ แล้วจึงพูดต่อ
“โชงอา...เดี๋ยวเฝ้าสัมภาระของพวกเราดีๆนะรู้มั้ย?? เดี๋ยวฉันจะแอบย่องเข้าไปบอกให้ป้าซออึนเปิดประตูแล้วพานายเข้ามา แล้วเราค่อยเข้าไปแกล้งชางมินกัน...เข้าใจรึเปล่า??”
หางฟูฟ่องที่ถูกเจ้าของตีพั่บๆกับพื้นดินก็รัวเร็วขึ้นเหมือนตอบรับคำสั่งของนาย ทำเอาคนสั่งขยับยิ้มถูกใจกับปฎิกิริยาตอบรับจนอยากจับเจ้าขนนุ่มนี้มากอดฟัดซักรอบ...
เอาเป็นว่า....เข้าใจทั้งเจ้านายกับสัตว์เลี้ยงอย่างกับพูดภาษาเดียวกันนี่= =”
.
“เอาล่ะ!! ถ้าอย่างนั้นฉันไปก่อนนะ...โชงอาอย่าตามคนอื่นไปนะ เฝ้าของดีๆด้วย” สั่งเสียย้ำเตือนอีกครั้งเพื่อความแน่ใจก่อนที่จะเตรียมพร้อมกระโดลงไปสู่อีกฟากของกำแพง แต่ทว่าความซวยมันไม่เข้าใครออกใคร....
บ๊อก บ๊อกๆๆๆๆ.......
.....เมื่อดันมีเสียงทุ้มๆจากแขกไม่ได้รับเชิญเข้ามาแทรกซะงั้น!!
.
.
“เฮ้ย~!!! หยุดนะ ไอ้หัวขโมย แกจะย่องเข้าบ้านเพื่อนฉันเหรอ??....ลงมาซะดีๆอย่าให้ต้องเรียกตำรวจมาลากคอเข้าคุก!!!”
สะดุ้งจนแทบตกจากขอบกำแพงที่ยืนอยู่เมื่อขาแข้งทรยศเจ้าของพากันอ่อนแรง ปากสีสดถูกเม้มเข้าหากันแน่นอย่างใช้ความคิด หัวกลมๆรีบสะบัดหน้าหันกลับทิศตรงข้ามของเสียงเพื่อปิดบังใบหน้าตัวเอง พร้อมใช้สายตามองหาช่างทางเอาตัวรอด
....ซึ่งแน่นอนว่าที่โล่งเตียนไร้การกำบังอย่างบนกำแพงนี้เกือบ 100% ว่ามันย่อมไม่มี...
หลักฐานคาตา!!
ชอง ยุนโฮแอบยิ้มกระหยิ้มย่องในใจ เมื่อเห็นร่างเล็กที่ติดแหง๊กอยู่บนกำแพงบ้านเพื่อนรักอีกคนที่อยู่ข้างบ้านตัวเองนั้นหันซ้ายหันขวาอย่างหัวเสียจนเส้นผมสีเงินประหลาดๆนั้นกระจัดกระจายไปคนละทาง
“รีบๆลงมาเลย...อย่าคิดนะว่าจะหนีรอด เจ้าเปี๊ยก!!”
ยังคงสนุกไม่เลิกสำหรับ ชองยุนโฮ ถึงแม้ว่าจะรู้ดีก็เหอะ ว่าเจ้าตัวเล็กหัวเงินที่กำลังทำท่าประหลาดบนกำแพงบ้านเพื่อนของเขาจะไม่มีเจตนาจะไปขโมยหรือทำอะไรที่ผิดต่อกฎหมายในบ้านของ ชิม ชางมินเลยซักนิด...
รู้ได้ไงนะเหรอ??....ก็แล้วโจรบ้าที่ไหน มันจะกระเตงกระเป๋าเดินทางใบโตมากองตั้งอยู่หน้าบ้านที่ตัวเองจะเข้าไปขโมยของโดยมีเจ้าสี่ขาหน้าขนตัวเปี๊ยกเดียว นั่งเห่าบ๊อกๆให้สัญญาณตอนมืดค่ำที่รู้ทั้งรู้ว่าเจ้าของบ้านมันคงอยู่ครบหน้ากันเหล่า!!
แต่ยังไงมันก็อดที่จะแกล้งคนไร้ทางสู้ไม่ได้....
........ก็บอกแล้ว....ว่า ชอง ยุนโฮน่ะ เจนเทิลแมนตัวพ่อ!!
“เอ๊าๆ!!~ ตกลงจะลงมาหรือไม่ลงมา..หรือว่าต้องให้ตำรวจมาถึงก่อนจะยอมลงดีๆ”
“โอเคๆ ลงมาแล้วๆ....วุ้ย~ทำไมซวยอย่างนี้ว่ะ..” บ่นงึมงำท้ายประโยค แต่ก็ยอมค่อยๆหย่อนตัวลงมาจากกำแพงสูงนั่นโดยดี ส่วนในใจแอบสาบแช่งไอ้คนที่ขู่ฝ่อๆใส่ตัวเองเมื่อกี้ไปไม่รู้กี่สิบจบ แล้วไหนอีกใจหนึ่งอยากจะเรียกให้สัตว์เลี้ยงตัวโปรดไปเอาฟันซี่ไม่เล็กตามตัวไปลับกับขาคนขี้ฟ้องให้หายแค้น
...ก็ตั้งแต่จำความได้ยังไม่เคยยอมใครมาก่อนเลยนี่!!!...
ฝ่ายชอง ยุนโฮหลังจากเห็นร่างเล็กลงสู้พื้นโดยสวัสดิภาพแล้ว ก็รีบแกล้ง....เอ๊ย!! ทำความดีต่อในทันทีโดยการรีบวิ่งไปคว้าข้อมือคนที่ยังคงหันหลังอยู่ไว้ทันที ก่อนจะออกคำสั่งอย่างคนได้เปรียบ
“หันหน้ามานี่เลย เจ้าตัวดี.....แล้วบอกมา ว่าคิดจะทำอะไรถึงมาปีนกำแพงบ้านคนอื่นตอนมืดๆค่ำๆแบบนี้!!?”
ส่วนคนเสียเปรียบน่ะเหรอ...ในสมองมีแต่ความคิดที่อยากจะสะบัดมือตัวเองออกจากมือใหญ่ๆแล้วหันไปชกคนเรื่องเยอะให้หน้าช้ำซักทีสองที...ไม่ขอมาก แค่ช้ำในเลือดคลั่งก็พอ!!
“...........................”
“เอ่าๆ...ทำเงียบอีกแน่ะ หรือต้องให้ฉันลากไปโรงพักก่อน หื้ม~ จะหันหน้ามาดีๆมั้ย??”
“....ไม่.....” ตอบพึมพำจนแทบจับใจความไม่ได้ แต่จะมีหรือรอดพ้นคนหูดีอย่างยุนโฮ
“อะไรน่ะ?...เอาล่ะ ฉันจะให้โอกาสอีกครั้งนะ รีบๆหันหน้ามาแล้วบอกเหตุผลมาซะ แล้วฉันจะปล่อยเธอไป” น้ำเสียงเริ่มติดจะอารมณ์เสียเล็กน้อย เมื่อคนตรงหน้ายังคงดื้อดึงไม่ยอมหันหน้ามาดีๆเสียที ทั้งๆที่ความจริง ชอง ยุนโฮก็ไม่ได้อยากจะยุ่งเรื่องชาวบ้านมากหรอก...แต่เพราะไอ้ชาวบ้านนั้นมันเป็นเพื่อนซี้สมัยมัธยมปลายเขานี่สิ!!
“ก็บอกว่าไม่ ก็คือไม่ไงเล่า!! หูหนวกรึไง!! ฉันไม่ได้ทำอะไรผิด!!” คนทำผิดยังคงไม่ยอมรับความผิดต่อไป แถมยังจะขึ้นเสียงใส่ซะนี่ จนทำเอาผู้ซักไซ้ที่ยังคงกุมมือผู้ร้ายปากแข็งในมืออารมณ์ขึ้นอย่างช่วยไม่ได้ จนเผลอบีบมือบางแน่นขึ้น
“โกหก!!” เจอคำปรามาสเข้าไป จนผู้ต้องหาแทบเต้นเราๆบีบคอคนว่าซะนี่
“ฉันมาหาเพื่อน...ไม่ได้โกหกซักหน่อย ไอ้เบื๊อก!!”
ดวงตากลมโตของสิ่งมีชีวิตในพื้นที่ใกล้ๆกันที่ถูกลืมไปชั่วคราวนั้น นั่งเงียบๆมองมนุษย์สองคนเถียงกันฉอดๆในท่าทางที่แปลกประหลาด และหนึ่งในสองนั้นก็คือเจ้านายคนสวยของเขา ที่ยังคงหันหลังสบถคำหยาบคายไม่เข้ากับหน้าใส่อีกหนึ่งคนที่ยื้อแขนเล็กๆไว้แน่น
“อย่างนั้นถ้านายบอกว่าไม่ได้พูดโกหก ก็รีบหันหน้ามาดีๆ ฉันจะได้ปล่อยมือออกซะที” อารมณ์ใจเย็นถูกเข้ามาแทน เมื่อเห็นคำตอบกลายๆ ก่อนจะยื่นข้อเสนอที่ฟังดูหน้าสนใจไม่หยอกกับคนที่ยืนยันว่าตัวเองไม่ได้ทำอะไรผิด
“ก็บอกแล้วไงเล่า...ว่าไม่ได้ทำอะไรผิด!!” สะบัดหัวกลับแทบจะทันทีที่ได้ยินพร้อมตวาดเสียงกร้าว แต่ดูเหมือนว่าคนตรงหน้าจะไม่สนใจแล้วนี่สิ
...ใบหน้าเรียวขาวนวลถูกล้อมรอบด้วยเส้นผมสีเงินสว่างที่กระจายยามเจ้าของสะบัดไปมา ประกอบด้วยพวงแก้มใสๆสองข้างที่ถูกทำให้ป่องออกอย่างไม่พอใจ จมูกโด่งได้รูป ริมฝีปากอิ่มสีสดเมื่อถูกอากาศเย็นยามดึกดื่นเล่นงานที่กำลังแบะออก..ใครก็คงดูออกว่ากำลังอารมณ์กำลังไม่น้อย นัยต์ตาหลมโตสีดำสนิทแสนซื่อ.....ที่คล้ายกับใครบางคนมาก...มากจนไม่น่าเชื่อ....
....ราวกับหลุดมาจากความทรงจำ....
“.....คิม...จินจู.....”
.
.
.
ความคิดเห็น