ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [2-Shot:TWICE] Wish upon a Snowflake (MiChaeng)

    ลำดับตอนที่ #1 : SHOT 1 : want some cookies?

    • อัปเดตล่าสุด 25 ธ.ค. 59





    SHOT 1 : want some cookies?



     



    24 Dec,

               



                ท่ามกลางผู้คนนับร้อย




                เมียวอิ มินะ นั่งเพียงลำพัง




                เธอยกแก้วขึ้น ค่อย ๆ ละเลียดโกโก้ร้อนอย่างบรรจง ในร้านกาแฟที่เปิดเพลงคลอเข้ากับช่วงเทศกาลคริสต์มาส ประดับประดาด้วยไฟหลากสีสัน ต้นคริสต์มาสจำลอง ช่อมิสเซิลโท ดาว รวมถึงทรงเกล็ดหิมะ ที่นั่งทั่วทั้งร้านถูกจับจองด้วยคู่รัก ครอบครัว กลุ่มเพื่อน หรืออะไรก็ตามที่มากันเป็นหมู่คณะ




                ยกเว้นเธอ




                คนที่ไม่เชื่อเรื่องซานตาคลอส




                คนที่ไม่เคยตื่นเต้นกับเทศกาลใด




                แต่พาตัวเองออกมาดื่มโกโก้ร้อนคนเดียวในคืนคริสต์มาสอีฟ




                นั่นล่ะเธอเป็นผู้หญิงแบบนั้นล่ะ




                ด้วยในร้านไม่มีอะไรน่าสนใจ มินะจึงเท้าคาง ทอดสายตาผ่านกระจกใสขึ้นฝ้าเพราะอากาศเย็นจัด ยังเห็นกลุ่มคนหนาตาพลุกพล่านด้านนอก ล้วนพูดคุยและหัวเราะกันอย่างความสุข ไม่แยแสต่ออากาศหนาวและอุณหภูมิติดลบสักนิด




                น่าเบื่อ




                เธอไม่เข้าใจไม่เลยสักนิด




                ทำไมทุกคนถึงดูมีความสุขนัก ทั้งที่มันเป็นแค่ช่วงระยะเวลาหนึ่งในสามร้อยหกสิบห้าของทุกปี หรืออาจจะหกสิบหกบางปี




                ทำไมถึงต้องออกมาฉลองกับครอบครัวและคนรัก




                ทำไมถึงต้องเฝ้าภาวนา ขอพรต่อสิ่งที่รู้ว่าไม่มีอยู่จริง




                ไม่เห็นน่าสนใจตรงไหนเลย




                มินะถอนหายใจ หยิบกระเป๋า ลุกจากเก้าอี้ไม่มีประโยชน์ให้อยู่ต่อ คิดเช่นนั้นแล้วก็ทิ้งแก้วโกโก้เย็นชืดบนโต๊ะ มันก็อร่อยดี แต่ยังไม่พอ เธอพาร่างตัวเองเดินออกจากประตูหน้าร้านซึ่งติดกระดิ่งดังกรุ้งกริ้ง ด้วยความเหม่อลอย ไม่ระมัดระวัง อากาศหนาวเกินไป หรืออะไรก็แล้วแต่ทำให้ไหล่เธอกระแทกคนที่กำลังเดินผ่านหน้าร้านพอดี




                 แค่การชนเบา ๆ ไม่ได้รุนแรง




                ทว่าปฏิกิริยาตอบรับทำให้ต้องเหลือบหางตามองคู่กรณี ผู้หญิงตัวเล็กกับเสื้อคลุมหลวมโครก แค่เพียงเสี้ยววินาที เธอก็เบือนหน้ากลับแล้วเดินสวนไปอีกทางตามความตั้งใจเดิม




     

     

    --------------------

               

     



                ท่ามกลางผู้คนนับร้อย




    ซน แชยอง เดินเพียงลำพัง




                เธอหยุดหน้าตู้ไปรษณีย์ หยิบซองจดหมายขึ้นมา มองจ่าหน้าซองซึ่งถูกเขียนด้วยลายมือหวัด ๆ เป็นครั้งสุดท้าย ก่อนจะหย่อนมันลงไป แน่ใจว่ามันคงนอนแน่นิ่งอยู่ในนั้นรวมกับเพื่อน ๆ แล้ว เธอก็ก้าวขาเดินต่อ ไม่มีจุดหมาย กับเส้นทางที่ประดับไปด้วยไฟหลากสีสันเข้ากับเทศกาล สว่างจ้าราวกับยังเป็นตอนกลางวัน




    เสียงพูดคุยและเสียงหัวเราะของผู้คนที่ออกจากบ้านมาสังสรรค์คืนคริสต์มาสอีฟทำให้บรรยากาศพลันสดใสขึ้นมา น่าเสียดายที่ช่วงเวลาแบบนี้ จุดหมายปลายทางของพวกเขาคงเป็นการกลับไปนอนซุกเตียงอุ่น ๆ ที่บ้าน ชีวิตของคนปกติก็แบบนี้




    ยกเว้นเธอ




    คนที่หลงใหลคริสต์มาสเกินไป




    คนที่ใช้เวลาทั้งคืนดื่มด่ำบรรยากาศเทศกาลให้ชุ่ม




    แล้วค่อยกลับไปนอนพักตอนใกล้ฟ้าสาง




    นั่นล่ะ—เธอเป็นผู้หญิงแบบนั้นล่ะ




    เตร็ดเตร่ไปเรื่อย ไร้จุดมุ่งหมาย ดูเหมือนลำบากนะแต่ไม่หรอก แบบนี้มันดีตรงที่เธอไม่ต้องคิดอะไรมาก แค่ทำตามใจชอบ เพราะโลกนี้มันกว้างใหญ่และสวยงามเกินกว่าจะให้เธอหยุดอยู่ที่เดิม อย่างแสงไฟช่วงคืนคริสต์มาสมันก็สวยดีด้วย เธออยากจะเดินไปให้ทั่ว บันทึกเก็บใส่กล่องภาพความทรงจำให้หมดเลย




    ไว้เหนื่อยเมื่อไรก็หาที่นั่งพัก หิวเมื่อไรก็แวะร้านอาหารหรือร้านสะดวกซื้อ




    ง่าย ๆ แค่นั้นเอง




    แชยองยังเดิน เดิน เดิน ด้วยความเหม่อลอย ไม่ระมัดระวัง ข้างทางสวยเกินไป หรืออะไรก็แล้วแต่ทำให้ไหล่เธอกระแทกคนที่กำลังเดินออกจากร้านกาแฟพอดี




    ไม่ได้รุนแรงอะไรหรอก แค่ตกใจนิดหน่อย




    เธอเอี้ยวคอมองคู่กรณี ผู้หญิงหน้านิ่งท่าทางเรียบเฉย เธอไม่มีโอกาสได้พิจารณามากกว่านี้หรือเอ่ยขอโทษตามมารยาท เพราะเจ้าหล่อนรีบเบือนหน้ากลับ ก้าวขาเดินจากไปอีกทาง




    แชยองมองตามแผ่นหลังบางนั่น




    ก่อนจะยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจ แล้วเดินตามทางของตัวเองต่อ




     

     

    --------------------

     




    เมียวอิ มินะ ยังคงนั่งเพียงลำพัง




    บนม้านั่งชื้น ๆ หน้าร้านสะดวกซื้อซอมซ่อเหมือนเปิดกิจการมานานร่วมครึ่งศตวรรษเอาล่ะ เธอคงใช้คำเกินจริงไปหน่อย แต่เอาเป็นว่าเรื่องที่มันเก่ามากน่ะคือความจริง หลอดไฟหน้าร้านฝุ่นจับเขรอะจนหมอง ส่วนอีกดวงริบหรี่ ติดบ้างดับบ้าง ดูเหมือนว่าจะใกล้ตายแล้ว




    มันไม่ได้ห่างไกลความเจริญขนาดว่าหลุดไปอีกโลก แค่อยู่ในซอกหลืบ ย่านที่ไม่ค่อยมีคนเดินผ่าน




    บริเวณรอบด้านไม่ได้มีการประดับประดาเหมือนสถานที่ ๆ เธอผ่านมาก่อนหน้านี้ อย่างมากก็แค่ติดโมบายกระดาษทรงดาวกับเกล็ดหิมะแขวน คนแถวนี้คงไม่ค่อยอินกับเทศกาลเท่าไร




                ยิ่งดึก อากาศยิ่งหนาวขึ้นทุกที




                แต่มินะยังไม่อยากกลับ




    เธอกำลังรออะไรบางอย่างน่าเสียดายที่เธอไม่รู้ว่ามันจะมาตอนไหน




    อันที่จริงเธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามันคืออะไร




    ท่ามกลางความเงียบสงัด เธอได้ยินเสียงก้าวเท้าหนัก ๆ ทว่าเชื่องช้า พร้อมกับเสียงกระดิ่งกรุ้งกริ้งเหนือประตูร้านสะดวกซื้อ นั่นเป็นเสียงที่เธอไม่ได้ยินเกือบหนึ่งชั่วโมงแล้วนับตั้งแต่นั่งตรงนี้ ครั้งล่าสุดมาจากเธอที่เดินออกมาหลังจากซื้อโกโก้ร้อนแก้วที่สองของวัน




    เศษผงโกโก้ข้น ๆ ยังละลายไม่หมด หวานจัดและขมจัดด้วย รสชาติห่วยแตก ต่างจากแก้วแรกที่ร้านกาแฟก่อนหน้านี้




    ไม่นานเสียงกระดิ่งก็ดังขึ้นอีกครั้ง




    คราวนี้อะไรบางอย่างดลใจให้เธอหันไปมอง




    หญิงสาวร่างเล็กกับรอยยิ้ม




    ที่กำลังส่งสายตามองเธอเหมือนกัน

     




    --------------------

     




    ซน แชยอง ยังคงเดินเพียงลำพัง




    บนเส้นทางที่เริ่มสว่างน้อยลงทุกที ท่ามกลางแสงไฟที่รายล้อมไปทั่วเมือง ตรงนี้เหมือนเป็นสถานที่เดียวที่แสงเข้าไม่ถึง ไม่มีการประดับประดา ไม่มีเสียงเพลงเปิดคลอ ไม่มีผู้คน ไม่มีอะไรทั้งนั้นนอกจากทางเดินสลัวแต่นั่นแหล่ะ อะไรก็ตามที่มันผิดแผกแปลกจากปกติมักดึงดูดความสนใจของมนุษย์มากกว่าเสมอ




    เธอรู้สึกว่าตัวเองเป็นแมลงที่หันหลังให้แสงและฝูงแล้วบินเข้าหาความมืด




    แต่เธอไม่กลัวนะคิดว่าคงไม่เสียดายทีหลังด้วย




    เพราะในความน่ากลัวและลึกลับอันยากจะคาดเดานั่น




    มันอาจจะมีอะไรซุกซ่อนอยู่




    นั่นไงมีจริง ๆ ด้วย




    รอยยิ้มเล็กผุดขึ้นบนใบหน้าเมื่อเธอเห็นแสงไฟจากร้านสะดวกซื้อ ก่อนจะเลิกคิ้วอย่างแปลกใจเมื่อเห็นว่ามีคนจับจองที่นั่งหน้าร้านอยู่คนเดียว




    หญิงสาวที่ดูเฉยเมยกับทุกสิ่ง




    เป็นภาพที่เธอไม่คิดว่าจะได้เห็น ผู้หญิงท่าทางเย่อหยิ่ง นั่งหลังตรง คอเชิด แต่งตัวดีอย่างพวกคนรวย จากสภาพภายนอกหล่อนน่าจะไปเดินเที่ยวห้างหรือฉลองคริสต์มาสกับครอบครัวที่คฤหาสน์หลังใหญ่มากกว่าร้านค้าเก่า ๆ ในซอกหลืบของโลก




    เอาล่ะก่อนหน้านี้เธอบอกแล้วใช่มั้ยว่าสิ่งที่ผิดปกติมันน่าสนใจมากกว่า




    แชยองเดินเข้าร้าน ก้าวเท้าหนัก ๆ อ้อยอิ่งอย่างปกติระหว่างพิจารณาเลือกขนมบนชั้นหรือแม้กระทั่งตอนหยิบกล่องนมอุ่นในตู้ วางของทั้งหมดลงบนเคาน์เตอร์ ฉีกยิ้มให้พนักงานหญิงวัยกลางคน




    แล้วก็เป็นอย่างที่คาดไว้เธอใช้เวลาซื้อของร่วมสามนาที ผลักประตูออกมายังเจอผู้หญิงคนเดิมนั่งอยู่ตรงที่เดิม




    สิ่งที่ต่างจากเดิมนิดหน่อย คือหล่อนหันหน้ามองเธอ




    แชยองยิ้ม นั่งลงอีกฝั่งของเก้าอี้เย็นชื้นโดยไม่ขออนุญาต






    “กินคุกกี้มั้ย”




     

    --------------------

     

     


    “เธอ”



    “...”



    “เฮ้ ฉันหมายถึงเธอนั่นแหล่ะ”



    “อะไรนะ” มินะนิ่วหน้า



    “กินคุกกี้มั้ย” แชยองย้ำคำเดิม



    “เดี๋ยวนี้เขาให้คุกกี้คนแปลกหน้าเป็นเรื่องปกติเหรอ”



    “นั่นสินะ” คนแปลกหน้าพึมพำเสียงเบา ก้มมองถุงคุกกี้เคลือบน้ำตาลอย่างลังเล และเงยหน้าขึ้นอีกครั้ง “กินคุกกี้เปล่า ๆ คงฝืดคอแย่เธอจะกินนมด้วยมั้ย”



    “นั่นไม่ใช่ประเด็น”



    “แล้วประเด็นคือ”



    “ไม่มีคนบ้าที่ไหนให้ของกับคนที่ตัวเองไม่รู้จักหรอก”




    คนแปลกหน้าที่ถูกอัพเกรดเป็นคนบ้ายังคงยิ้มละไมขณะพึมพำ




    “อ้อ แม่สอนไม่ให้กินของจากคนแปลกหน้าแล้วก็คนบ้าสินะ”



    “เออ!



    “กิน ๆ ไปเหอะ” ยัดห่อคุกกี้ที่ถูกแกะแล้วใส่มือว่าที่เจ้าของตำแหน่งลูกสาวดีเด่นประจำปี “เผื่อกินแล้วอารมณ์ดีขึ้น หน้าเธอตอนนี้เหมือนพวกตายด้านหรือไม่ก็กำลังโกรธใครมาสักสิบชาติอ่ะ”



    “แล้วทำไมต้องสนใจด้วย”



    “แล้วสนใจไม่ได้เหรอ”




    มินะรู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างกำลังก่อตัวอยู่ข้างใน เพราะคำพูดนั้นของคนตัวเล็ก คนแปลกหน้า คนบ้า หรืออะไรก็ช่าง เธอบอกไม่ถูกว่าชอบหรือไม่ชอบรู้แค่ว่ามันไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน




    เธอกำลังอุ่น ทั้งที่ตอนนี้ไม่ได้ดื่มโกโก้ร้อน




    เธอกำลังอุ่น แม้ว่าจะนั่งอยู่ท่ามกลางอุณหภูมิติดลบ





    “ยิ้มเป็นด้วยนี่”



    “...”



    “เนี่ย เห็นมะตอนยิ้มน่ารักกว่าตอนทำหน้านิ่งเยอะเลย”




    คนยิ้มน่ารักรีบหุบยิ้มอย่างน้อยก็เป็นสิ่งที่เธอพยายามจะทำ แล้วพบว่ามันล้มเหลว เธอหนีจากสายตาของคนข้างกาย มือไม้พาลเกะกะขึ้นมาดื้อ ๆ ทำอะไรไม่ถูก รู้สึกตัวอีกทีก็เผลอหยิบคุกกี้เคลือบน้ำตาลเข้าปาก





    น่าสนใจจริง ๆ ด้วยแฮะ




    แชยองคิดแล้วกินคุกกี้ของตัวเองทั้งรอยยิ้มรสชาติมันก็ธรรมดาสามัญ ไม่ต่างจากคุกกี้ทั่วไป อันที่จริงแห้งฝืดคอกว่าปกตินิดหน่อยด้วยแต่ไม่สำคัญหรอก ไม่สำคัญเลย




    กระทั่งคุกกี้หมดห่อ พวกเธอก็ยังนั่งอยู่ตรงที่เดิม




    อากาศยิ่งเย็นขึ้นอีก




    แต่ไม่มีใครลุกไปไหน




    “เธอไม่หนาวเหรอ” แชยองเริ่มต้นบทสนทนาอีกครั้ง




    มินะขมวดคิ้ว เธอไม่เข้าใจว่าอีกฝ่ายต้องการอะไร




    ก็เห็นชัดอยู่ว่ามันหนาวมาก




    “แล้วเธอไม่หนาวเหรอ”



    “ฉันถามเธอก่อน”



    “งี่เง่าใส่เสื้อหนาขนาดนี้ ฉันคงไม่หนาวเลยมั้ง”




    เจ้าของคำถามงี่เง่าเหยียดยิ้ม ก่อนมองเธอด้วยสายตาที่ราวกับจะบอกว่า เธอนั่นแหล่ะคือคนงี่เง่าที่สุด




    “ถ้าหนาวแล้วทำไมถึงมานั่งตรงนี้”




    “ฤดูหนาวแบบนี้ อยู่ที่ไหนก็หนาวเหมือนกันหมด” มนุษย์ที่เพิ่งค้นพบความงี่เง่าของตัวเองพึมพำเสียงเบา หลุบนัยน์ตาลงต่ำ มองพื้นปูนสกปรกราวกับมันเป็นสิ่งสวยงามที่สุดในโลก หากอย่างน้อยก็ดีกว่าสบตาอีกคน




    เกลียดสายตาเจนโลกที่ดูเหมือนจะรู้ทันเธอไปหมดทุกอย่าง และสามารถไล่ต้อนเธอให้จนมุมได้ในทุกคำพูด ทั้งที่เพิ่งรู้จักกันยังไม่ถึงหนึ่งชั่วโมงไม่ อันที่จริงคือพวกเธอยังไม่รู้จักกันด้วยซ้ำ




    ไม่รู้อะไรนอกจากหล่อนเป็นผู้หญิงตัวเล็ก ยิ้มบ่อย ใส่เสื้อคลุมหลวม ๆ และแบ่งขนมให้คนแปลกหน้า เป็นคนประหลาดของแท้




                “ตาเธอตอบแล้ว”




    “ก็หนาวนั่นแหล่ะ ต้องหนาวอยู่แล้ว” แชยองยิ้มขณะเอนหลังพิงพนักอย่างผ่อนคลาย รู้สึกว่าวันนี้ตัวเองยิ้มพร่ำเพรื่อมากกว่าปกติ “แต่ฉันว่าถ้านั่งสองคนคงหนาวน้อยกว่านั่งคนเดียว”




    มันจะเป็นความหนาวที่อบอุ่น




                “เธอไม่คิดงั้นเหรอ”




                มินะเงยหน้าขึ้นอย่างเชื่องช้า เพื่อพบว่าคนประหลาดของเธอยังคงส่งยิ้มอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย




                “เธอมันประหลาด”




                คนตัวเล็ก คนแปลกหน้า คนบ้า คนงี่เง่า และล่าสุดคือเป็นคนประหลาดหัวเราะเบา ๆ ท่าทางไม่สะทกสะท้านต่อการโดนด่าเลยสักนิด มิหนำซ้ำยังเหยียดรอยยิ้ม และพูดจาด้วยน้ำเสียงยียวนอย่างถือดี




                “งั้นฉันควรเรียกคนที่นั่งคุยกับคนประหลาดตั้งนานว่าอะไรดีล่ะ”



                “...”




                “คนขี้เหงาหรือเปล่า?




                ประกายตาไหววูบนั่นบอกให้แชยองรู้ว่าเธอเดาไม่ผิด




                นั่นเป็นสาเหตุที่เธอนั่งอยู่ตรงนี้ทำให้คนที่ไม่ชอบหยุดอย่างเธอ นั่งแช่อยู่ที่เดิมเกือบชั่วโมง แน่ล่ะ พวกเธอไม่รู้จักกัน ไม่ได้มีความผูกพันอะไรกันมาก่อน




                แต่ไม่มีใครควรเศร้าหรือเหงาเพียงลำพังในคืนคริสต์มาส




                เธอเห็นรอยยิ้มน่ารักของคนข้างกายแล้วครั้งหนึ่ง




                และเธอก็ยังอยากเห็นมันอีก





                “รู้มั้ย แถวนี้มีร้านเบอร์เกอร์เปิดยี่สิบสี่ชั่วโมงด้วยล่ะ” แต่เธอคิดว่าการนั่งอยู่กับที่เดิมนานเกินไปก็ไม่ใช่ความคิดที่ดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งตอนที่อาการชาจากความหนาวแล่นทั่วมือและใบหน้า หญิงสาวผู้ได้รับฉายาหลากหลายภายในหนึ่งชั่วโมงลุกขึ้นยืน แล้วก้มมองคนที่ยังนั่งอยู่




    “จะไปด้วยกันมั้ย อ้อเผื่อว่าเธอยังยึดหลักไม่ไปตามคนแปลกหน้านะ ฉันชื่อแชยอง”




    พูดจบก็ยื่นมือให้ และแน่นอนไม่ลืมรอยยิ้มอันเป็นซิกเนเจอร์ประจำตัว




                คนขี้เหงาเงยหน้ามองคนแปลกหน้าที่ไม่แปลกหน้าอีกต่อไป





                “เมียวอิ มินะ”





               

                หวังว่าร้านนั้นจะมีโกโก้ร้อน






    ----------------------------------------------------------------------------------------

    ขอให้มีความสุขกับการอ่าน (และอย่าเพิ่งทวงเรื่องยาว)

    เมอร์รี่คริสต์มาสค่ะ J

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×