คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : SHOT 1 : want some cookies?
SHOT
1 : want
some cookies?
24
Dec,
ท่ามกลางผู้คนนับร้อย
เมียวอิ มินะ นั่งเพียงลำพัง
เธอยกแก้วขึ้น ค่อย ๆ
ละเลียดโกโก้ร้อนอย่างบรรจง ในร้านกาแฟที่เปิดเพลงคลอเข้ากับช่วงเทศกาลคริสต์มาส
ประดับประดาด้วยไฟหลากสีสัน ต้นคริสต์มาสจำลอง ช่อมิสเซิลโท ดาว รวมถึงทรงเกล็ดหิมะ
ที่นั่งทั่วทั้งร้านถูกจับจองด้วยคู่รัก ครอบครัว กลุ่มเพื่อน
หรืออะไรก็ตามที่มากันเป็นหมู่คณะ
ยกเว้นเธอ
คนที่ไม่เชื่อเรื่องซานตาคลอส
คนที่ไม่เคยตื่นเต้นกับเทศกาลใด
แต่พาตัวเองออกมาดื่มโกโก้ร้อนคนเดียวในคืนคริสต์มาสอีฟ
นั่นล่ะ—เธอเป็นผู้หญิงแบบนั้นล่ะ
ด้วยในร้านไม่มีอะไรน่าสนใจ
มินะจึงเท้าคาง ทอดสายตาผ่านกระจกใสขึ้นฝ้าเพราะอากาศเย็นจัด
ยังเห็นกลุ่มคนหนาตาพลุกพล่านด้านนอก ล้วนพูดคุยและหัวเราะกันอย่างความสุข
ไม่แยแสต่ออากาศหนาวและอุณหภูมิติดลบสักนิด
น่าเบื่อ
เธอไม่เข้าใจ—ไม่เลยสักนิด
ทำไมทุกคนถึงดูมีความสุขนัก
ทั้งที่มันเป็นแค่ช่วงระยะเวลาหนึ่งในสามร้อยหกสิบห้าของทุกปี หรืออาจจะหกสิบหกบางปี
ทำไมถึงต้องออกมาฉลองกับครอบครัวและคนรัก
ทำไมถึงต้องเฝ้าภาวนา
ขอพรต่อสิ่งที่รู้ว่าไม่มีอยู่จริง
ไม่เห็นน่าสนใจตรงไหนเลย
มินะถอนหายใจ หยิบกระเป๋า ลุกจากเก้าอี้—ไม่มีประโยชน์ให้อยู่ต่อ คิดเช่นนั้นแล้วก็ทิ้งแก้วโกโก้เย็นชืดบนโต๊ะ มันก็อร่อยดี แต่ยังไม่พอ เธอพาร่างตัวเองเดินออกจากประตูหน้าร้านซึ่งติดกระดิ่งดังกรุ้งกริ้ง ด้วยความเหม่อลอย ไม่ระมัดระวัง อากาศหนาวเกินไป หรืออะไรก็แล้วแต่ทำให้ไหล่เธอกระแทกคนที่กำลังเดินผ่านหน้าร้านพอดี
แค่การชนเบา ๆ ไม่ได้รุนแรง
ทว่าปฏิกิริยาตอบรับทำให้ต้องเหลือบหางตามองคู่กรณี
ผู้หญิงตัวเล็กกับเสื้อคลุมหลวมโครก แค่เพียงเสี้ยววินาที เธอก็เบือนหน้ากลับแล้วเดินสวนไปอีกทางตามความตั้งใจเดิม
--------------------
ท่ามกลางผู้คนนับร้อย
ซน แชยอง เดินเพียงลำพัง
เธอหยุดหน้าตู้ไปรษณีย์
หยิบซองจดหมายขึ้นมา มองจ่าหน้าซองซึ่งถูกเขียนด้วยลายมือหวัด ๆ เป็นครั้งสุดท้าย
ก่อนจะหย่อนมันลงไป แน่ใจว่ามันคงนอนแน่นิ่งอยู่ในนั้นรวมกับเพื่อน ๆ แล้ว
เธอก็ก้าวขาเดินต่อ ไม่มีจุดหมาย
กับเส้นทางที่ประดับไปด้วยไฟหลากสีสันเข้ากับเทศกาล
สว่างจ้าราวกับยังเป็นตอนกลางวัน
เสียงพูดคุยและเสียงหัวเราะของผู้คนที่ออกจากบ้านมาสังสรรค์คืนคริสต์มาสอีฟทำให้บรรยากาศพลันสดใสขึ้นมา
น่าเสียดายที่ช่วงเวลาแบบนี้
จุดหมายปลายทางของพวกเขาคงเป็นการกลับไปนอนซุกเตียงอุ่น ๆ ที่บ้าน
ชีวิตของคนปกติก็แบบนี้
ยกเว้นเธอ
คนที่หลงใหลคริสต์มาสเกินไป
คนที่ใช้เวลาทั้งคืนดื่มด่ำบรรยากาศเทศกาลให้ชุ่ม
แล้วค่อยกลับไปนอนพักตอนใกล้ฟ้าสาง
นั่นล่ะ—เธอเป็นผู้หญิงแบบนั้นล่ะ
เตร็ดเตร่ไปเรื่อย ไร้จุดมุ่งหมาย
ดูเหมือนลำบากนะ—แต่ไม่หรอก แบบนี้มันดีตรงที่เธอไม่ต้องคิดอะไรมาก
แค่ทำตามใจชอบ เพราะโลกนี้มันกว้างใหญ่และสวยงามเกินกว่าจะให้เธอหยุดอยู่ที่เดิม
อย่างแสงไฟช่วงคืนคริสต์มาสมันก็สวยดีด้วย เธออยากจะเดินไปให้ทั่ว
บันทึกเก็บใส่กล่องภาพความทรงจำให้หมดเลย
ไว้เหนื่อยเมื่อไรก็หาที่นั่งพัก
หิวเมื่อไรก็แวะร้านอาหารหรือร้านสะดวกซื้อ
ง่าย ๆ แค่นั้นเอง
แชยองยังเดิน เดิน เดิน ด้วยความเหม่อลอย
ไม่ระมัดระวัง ข้างทางสวยเกินไป หรืออะไรก็แล้วแต่ทำให้ไหล่เธอกระแทกคนที่กำลังเดินออกจากร้านกาแฟพอดี
ไม่ได้รุนแรงอะไรหรอก แค่ตกใจนิดหน่อย
เธอเอี้ยวคอมองคู่กรณี ผู้หญิงหน้านิ่งท่าทางเรียบเฉย
เธอไม่มีโอกาสได้พิจารณามากกว่านี้หรือเอ่ยขอโทษตามมารยาท
เพราะเจ้าหล่อนรีบเบือนหน้ากลับ ก้าวขาเดินจากไปอีกทาง
แชยองมองตามแผ่นหลังบางนั่น
ก่อนจะยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจ แล้วเดินตามทางของตัวเองต่อ
--------------------
เมียวอิ มินะ ยังคงนั่งเพียงลำพัง
บนม้านั่งชื้น ๆ
หน้าร้านสะดวกซื้อซอมซ่อเหมือนเปิดกิจการมานานร่วมครึ่งศตวรรษ—เอาล่ะ เธอคงใช้คำเกินจริงไปหน่อย แต่เอาเป็นว่าเรื่องที่มันเก่ามากน่ะคือความจริง
หลอดไฟหน้าร้านฝุ่นจับเขรอะจนหมอง ส่วนอีกดวงริบหรี่ ติดบ้างดับบ้าง
ดูเหมือนว่าจะใกล้ตายแล้ว
มันไม่ได้ห่างไกลความเจริญขนาดว่าหลุดไปอีกโลก
แค่อยู่ในซอกหลืบ ย่านที่ไม่ค่อยมีคนเดินผ่าน
บริเวณรอบด้านไม่ได้มีการประดับประดาเหมือนสถานที่
ๆ เธอผ่านมาก่อนหน้านี้ อย่างมากก็แค่ติดโมบายกระดาษทรงดาวกับเกล็ดหิมะแขวน คนแถวนี้คงไม่ค่อยอินกับเทศกาลเท่าไร
ยิ่งดึก
อากาศยิ่งหนาวขึ้นทุกที
แต่มินะยังไม่อยากกลับ
เธอกำลังรออะไรบางอย่าง—น่าเสียดายที่เธอไม่รู้ว่ามันจะมาตอนไหน
อันที่จริงเธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามันคืออะไร
ท่ามกลางความเงียบสงัด
เธอได้ยินเสียงก้าวเท้าหนัก ๆ ทว่าเชื่องช้า
พร้อมกับเสียงกระดิ่งกรุ้งกริ้งเหนือประตูร้านสะดวกซื้อ
นั่นเป็นเสียงที่เธอไม่ได้ยินเกือบหนึ่งชั่วโมงแล้วนับตั้งแต่นั่งตรงนี้ ครั้งล่าสุดมาจากเธอที่เดินออกมาหลังจากซื้อโกโก้ร้อนแก้วที่สองของวัน
เศษผงโกโก้ข้น ๆ ยังละลายไม่หมด หวานจัดและขมจัดด้วย
รสชาติห่วยแตก ต่างจากแก้วแรกที่ร้านกาแฟก่อนหน้านี้
ไม่นานเสียงกระดิ่งก็ดังขึ้นอีกครั้ง
คราวนี้อะไรบางอย่างดลใจให้เธอหันไปมอง
หญิงสาวร่างเล็กกับรอยยิ้ม
ที่กำลังส่งสายตามองเธอเหมือนกัน
--------------------
ซน แชยอง ยังคงเดินเพียงลำพัง
บนเส้นทางที่เริ่มสว่างน้อยลงทุกที ท่ามกลางแสงไฟที่รายล้อมไปทั่วเมือง
ตรงนี้เหมือนเป็นสถานที่เดียวที่แสงเข้าไม่ถึง ไม่มีการประดับประดา
ไม่มีเสียงเพลงเปิดคลอ ไม่มีผู้คน ไม่มีอะไรทั้งนั้นนอกจากทางเดินสลัว—แต่นั่นแหล่ะ อะไรก็ตามที่มันผิดแผกแปลกจากปกติมักดึงดูดความสนใจของมนุษย์มากกว่าเสมอ
เธอรู้สึกว่าตัวเองเป็นแมลงที่หันหลังให้แสงและฝูงแล้วบินเข้าหาความมืด
แต่เธอไม่กลัวนะ—คิดว่าคงไม่เสียดายทีหลังด้วย
เพราะในความน่ากลัวและลึกลับอันยากจะคาดเดานั่น
มันอาจจะมีอะไรซุกซ่อนอยู่
นั่นไง—มีจริง ๆ ด้วย
รอยยิ้มเล็กผุดขึ้นบนใบหน้าเมื่อเธอเห็นแสงไฟจากร้านสะดวกซื้อ
ก่อนจะเลิกคิ้วอย่างแปลกใจเมื่อเห็นว่ามีคนจับจองที่นั่งหน้าร้านอยู่คนเดียว
หญิงสาวที่ดูเฉยเมยกับทุกสิ่ง
เป็นภาพที่เธอไม่คิดว่าจะได้เห็น
ผู้หญิงท่าทางเย่อหยิ่ง นั่งหลังตรง คอเชิด แต่งตัวดีอย่างพวกคนรวย
จากสภาพภายนอกหล่อนน่าจะไปเดินเที่ยวห้างหรือฉลองคริสต์มาสกับครอบครัวที่คฤหาสน์หลังใหญ่มากกว่าร้านค้าเก่า
ๆ ในซอกหลืบของโลก
เอาล่ะ—ก่อนหน้านี้เธอบอกแล้วใช่มั้ยว่าสิ่งที่ผิดปกติมันน่าสนใจมากกว่า
แชยองเดินเข้าร้าน ก้าวเท้าหนัก ๆ
อ้อยอิ่งอย่างปกติระหว่างพิจารณาเลือกขนมบนชั้นหรือแม้กระทั่งตอนหยิบกล่องนมอุ่นในตู้ วางของทั้งหมดลงบนเคาน์เตอร์
ฉีกยิ้มให้พนักงานหญิงวัยกลางคน
แล้วก็เป็นอย่างที่คาดไว้—เธอใช้เวลาซื้อของร่วมสามนาที
ผลักประตูออกมายังเจอผู้หญิงคนเดิมนั่งอยู่ตรงที่เดิม
สิ่งที่ต่างจากเดิมนิดหน่อย
คือหล่อนหันหน้ามองเธอ
แชยองยิ้ม นั่งลงอีกฝั่งของเก้าอี้เย็นชื้นโดยไม่ขออนุญาต
“กินคุกกี้มั้ย”
--------------------
“เธอ”
“...”
“เฮ้ ฉันหมายถึงเธอนั่นแหล่ะ”
“อะไรนะ” มินะนิ่วหน้า
“กินคุกกี้มั้ย” แชยองย้ำคำเดิม
“เดี๋ยวนี้เขาให้คุกกี้คนแปลกหน้าเป็นเรื่องปกติเหรอ”
“นั่นสินะ” คนแปลกหน้าพึมพำเสียงเบา
ก้มมองถุงคุกกี้เคลือบน้ำตาลอย่างลังเล และเงยหน้าขึ้นอีกครั้ง “กินคุกกี้เปล่า
ๆ คงฝืดคอแย่—เธอจะกินนมด้วยมั้ย”
“นั่นไม่ใช่ประเด็น”
“แล้วประเด็นคือ”
“ไม่มีคนบ้าที่ไหนให้ของกับคนที่ตัวเองไม่รู้จักหรอก”
คนแปลกหน้าที่ถูกอัพเกรดเป็นคนบ้ายังคงยิ้มละไมขณะพึมพำ
“อ้อ แม่สอนไม่ให้กินของจากคนแปลกหน้าแล้วก็คนบ้าสินะ”
“เออ!”
“กิน ๆ ไปเหอะ”
ยัดห่อคุกกี้ที่ถูกแกะแล้วใส่มือว่าที่เจ้าของตำแหน่งลูกสาวดีเด่นประจำปี
“เผื่อกินแล้วอารมณ์ดีขึ้น หน้าเธอตอนนี้เหมือนพวกตายด้านหรือไม่ก็กำลังโกรธใครมาสักสิบชาติอ่ะ”
“แล้วทำไมต้องสนใจด้วย”
“แล้วสนใจไม่ได้เหรอ”
มินะรู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างกำลังก่อตัวอยู่ข้างใน
เพราะคำพูดนั้นของคนตัวเล็ก คนแปลกหน้า คนบ้า หรืออะไรก็ช่าง เธอบอกไม่ถูกว่าชอบหรือไม่ชอบ—รู้แค่ว่ามันไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
เธอกำลังอุ่น ทั้งที่ตอนนี้ไม่ได้ดื่มโกโก้ร้อน
เธอกำลังอุ่น แม้ว่าจะนั่งอยู่ท่ามกลางอุณหภูมิติดลบ
“ยิ้มเป็นด้วยนี่”
“...”
“เนี่ย เห็นมะ—ตอนยิ้มน่ารักกว่าตอนทำหน้านิ่งเยอะเลย”
คนยิ้มน่ารักรีบหุบยิ้ม—อย่างน้อยก็เป็นสิ่งที่เธอพยายามจะทำ
แล้วพบว่ามันล้มเหลว เธอหนีจากสายตาของคนข้างกาย มือไม้พาลเกะกะขึ้นมาดื้อ ๆ
ทำอะไรไม่ถูก รู้สึกตัวอีกทีก็เผลอหยิบคุกกี้เคลือบน้ำตาลเข้าปาก
น่าสนใจจริง ๆ ด้วยแฮะ
แชยองคิดแล้วกินคุกกี้ของตัวเองทั้งรอยยิ้ม—รสชาติมันก็ธรรมดาสามัญ
ไม่ต่างจากคุกกี้ทั่วไป อันที่จริงแห้งฝืดคอกว่าปกตินิดหน่อยด้วย—แต่ไม่สำคัญหรอก ไม่สำคัญเลย
กระทั่งคุกกี้หมดห่อ พวกเธอก็ยังนั่งอยู่ตรงที่เดิม
อากาศยิ่งเย็นขึ้นอีก
แต่ไม่มีใครลุกไปไหน
“เธอไม่หนาวเหรอ” แชยองเริ่มต้นบทสนทนาอีกครั้ง
มินะขมวดคิ้ว เธอไม่เข้าใจว่าอีกฝ่ายต้องการอะไร
ก็เห็นชัดอยู่ว่ามันหนาวมาก
“แล้วเธอไม่หนาวเหรอ”
“ฉันถามเธอก่อน”
“งี่เง่า—ใส่เสื้อหนาขนาดนี้ ฉันคงไม่หนาวเลยมั้ง”
เจ้าของคำถามงี่เง่าเหยียดยิ้ม
ก่อนมองเธอด้วยสายตาที่ราวกับจะบอกว่า เธอนั่นแหล่ะคือคนงี่เง่าที่สุด
“ถ้าหนาวแล้วทำไมถึงมานั่งตรงนี้”
“ฤดูหนาวแบบนี้ อยู่ที่ไหนก็หนาวเหมือนกันหมด” มนุษย์ที่เพิ่งค้นพบความงี่เง่าของตัวเองพึมพำเสียงเบา
หลุบนัยน์ตาลงต่ำ มองพื้นปูนสกปรกราวกับมันเป็นสิ่งสวยงามที่สุดในโลก หากอย่างน้อยก็ดีกว่าสบตาอีกคน
เกลียดสายตาเจนโลกที่ดูเหมือนจะรู้ทันเธอไปหมดทุกอย่าง
และสามารถไล่ต้อนเธอให้จนมุมได้ในทุกคำพูด
ทั้งที่เพิ่งรู้จักกันยังไม่ถึงหนึ่งชั่วโมง—ไม่ อันที่จริงคือพวกเธอยังไม่รู้จักกันด้วยซ้ำ
ไม่รู้อะไรนอกจากหล่อนเป็นผู้หญิงตัวเล็ก
ยิ้มบ่อย ใส่เสื้อคลุมหลวม ๆ และแบ่งขนมให้คนแปลกหน้า เป็นคนประหลาดของแท้
“ตาเธอตอบแล้ว”
“ก็หนาวนั่นแหล่ะ ต้องหนาวอยู่แล้ว”
แชยองยิ้มขณะเอนหลังพิงพนักอย่างผ่อนคลาย
รู้สึกว่าวันนี้ตัวเองยิ้มพร่ำเพรื่อมากกว่าปกติ “แต่ฉันว่าถ้านั่งสองคนคงหนาวน้อยกว่านั่งคนเดียว”
มันจะเป็นความหนาวที่อบอุ่น
“เธอไม่คิดงั้นเหรอ”
มินะเงยหน้าขึ้นอย่างเชื่องช้า เพื่อพบว่าคนประหลาดของเธอยังคงส่งยิ้มอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย
“เธอมันประหลาด”
คนตัวเล็ก คนแปลกหน้า
คนบ้า คนงี่เง่า และล่าสุดคือเป็นคนประหลาดหัวเราะเบา ๆ
ท่าทางไม่สะทกสะท้านต่อการโดนด่าเลยสักนิด มิหนำซ้ำยังเหยียดรอยยิ้ม และพูดจาด้วยน้ำเสียงยียวนอย่างถือดี
“งั้นฉันควรเรียกคนที่นั่งคุยกับคนประหลาดตั้งนานว่าอะไรดีล่ะ”
“...”
“คนขี้เหงาหรือเปล่า?”
ประกายตาไหววูบนั่นบอกให้แชยองรู้ว่าเธอเดาไม่ผิด
นั่นเป็นสาเหตุที่เธอนั่งอยู่ตรงนี้—ทำให้คนที่ไม่ชอบหยุดอย่างเธอ
นั่งแช่อยู่ที่เดิมเกือบชั่วโมง แน่ล่ะ พวกเธอไม่รู้จักกัน
ไม่ได้มีความผูกพันอะไรกันมาก่อน
แต่ไม่มีใครควรเศร้าหรือเหงาเพียงลำพังในคืนคริสต์มาส
เธอเห็นรอยยิ้มน่ารักของคนข้างกายแล้วครั้งหนึ่ง
และเธอก็ยังอยากเห็นมันอีก
“รู้มั้ย แถวนี้มีร้านเบอร์เกอร์เปิดยี่สิบสี่ชั่วโมงด้วยล่ะ”
แต่เธอคิดว่าการนั่งอยู่กับที่เดิมนานเกินไปก็ไม่ใช่ความคิดที่ดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งตอนที่อาการชาจากความหนาวแล่นทั่วมือและใบหน้า
หญิงสาวผู้ได้รับฉายาหลากหลายภายในหนึ่งชั่วโมงลุกขึ้นยืน
แล้วก้มมองคนที่ยังนั่งอยู่
“จะไปด้วยกันมั้ย อ้อ—เผื่อว่าเธอยังยึดหลักไม่ไปตามคนแปลกหน้านะ
ฉันชื่อแชยอง”
พูดจบก็ยื่นมือให้ และแน่นอน—ไม่ลืมรอยยิ้มอันเป็นซิกเนเจอร์ประจำตัว
คนขี้เหงาเงยหน้ามองคนแปลกหน้าที่ไม่แปลกหน้าอีกต่อไป
“—เมียวอิ มินะ”
หวังว่าร้านนั้นจะมีโกโก้ร้อน
----------------------------------------------------------------------------------------
ขอให้มีความสุขกับการอ่าน (และอย่าเพิ่งทวงเรื่องยาว)
เมอร์รี่คริสต์มาสค่ะ J
ความคิดเห็น