ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    B’cuz I love U [yaoi ~ super junior]

    ลำดับตอนที่ #8 : Spacial Part...B'for I fall in love (ฮัน*ฮยอก)100%!!!!

    • อัปเดตล่าสุด 26 พ.ค. 50


    ถ้าความรักของผม...ทำให้คนที่ผมรักไม่สบายใจ

    ทำให้เค้ากังวล...ทำให้เครียด

    ลบรอยยิ้มสวยบนใบหน้าของเค้า...

    ผมก็ยอมที่จะเจ็บปวด….

    ยอมที่จะทำเพียงเฝ้ามอง....

    ยอมเพียงเพื่อได้เห็นรอยยิ้มสวยนั่น....

    แม้ผมจะต้องร้องไห้.....ก็ยอม

    **

    **

                   

    "ดงเฮ ชั้นชอบนาย คบกับชั้นได้มั๊ย!!!"

                   
    คำสารภาพรักครั้งแรกของผมถูกยกให้กับคนที่ได้ชื่อว่าเป็นเพื่อนซี้ ที่เวลาไปไหนมาไหนมักจะเฮฮาอยู่ตลอดเวลา รอยยิ้มที่ประดับใบหน้าหวานอยู่เสมอนั้นทำเอาผมแทบละลายทุกครั้ง...เพียงแต่ไม่กล้าบอกเท่านั้นแหละ (ถึงผมจะหน้าด้านก็เหอะ) ...ดงเฮค่อย ๆ หันหน้ามามองผมอย่างแปลกใจ ดวงตากลมโตมองมาที่ผมอย่างงุนงง สลับกับชี้มือไปที่ตัวเองเหมือนกับจะบอกว่า...พูดจริงหรอ
    ???

                    "อะ....อืม"

                    ผมพยักหน้ารับน้อย ๆ เป็นการยืนยันความรู้สึกนี้ ดงเฮทำหน้างงอีกรอบก่อนจะส่ายหน้าอย่างไม่เชื่อใจในคำพูดของผม....ทั้ง ๆ ที่ผมออกจะจริงจังขนาดนี้แท้ ๆ  นี่หน้าผมไม่น่าเชื่อถือมากขนาดนั้นเลยหรอเนี่ย...T-T

                   
                    "นาย....ไม่เชื่อหรอ...."

                   
                    "ปะ...ป่าวนะ ไม่ได้ไม่เชื่อ...เพียงแต่ว่า..."

                    "แต่อะไรหรอ..."

                    ถามอย่างไม่เข้าใจคนตรงหน้านัก...หรือผมจะซกมกเกินไปจนเค้ารับไม่ได้กันนะ...ไม่น่าจะใช่...หรือว่าผมจะไม่ใช่สเป็คเค้า...ไม่น่าเลยฮยอกแจ น่าจะรอให้รู้ว่าดงเฮชอบคนแบบไหนก่อน...ไม่น่ารีบสารภาพตอนนี้เลย ยิ่งคิดยิ่งเครียดมากขึ้นทุกที

                   
                   
    "แต่ชั้นรักนายไม่ได้!!!!ฮยอกแจ"

                   
                   
    "ทะ...ทำไมล่ะ"...ทำไมถึงรักผมไม่ได้ล่ะครับดงเฮ....ผมแอบเห็นดงเฮทำหน้ากังวลใจเล็กน้อย...ทั้ง ๆ ที่ปกติก็ไม่เคยทำแท้ ๆ...ก็ปกติน่ะ คนตรงหน้าทั้งสดใส ทั้งร่างเริงนี่นา...ปากเรียวสวยทำท่าจะพูดอะไรออกมาอยู่หลายครั้งหลายคราว แต่ซักพักมันก็ถูกกลืนลงไปในลำคอเหมือนกับไม่อยากจะเอ่ยออกมา ใบหน้าหวานตอนนี้บ่งบอให้รู้ว่าเจ้าตัวกำลังใช้ความคิดอย่างหนัก และสุดท้าย...ก็เห็นคนหน้าสวยกำมือแน่นเหมือนกับตัดสินใจอะไรบางอย่าง

                   
                   
    "ชะ....ชั้นมีคนที่ชอบอยู่แล้ว!!!!"

                   
                    ใบหน้าสวยก้มลงเล็กน้อยเพื่อซ่อนความเขินอายเพราะคำพูดเมื่อสักครู่นี้ ส่วนผมน่ะหรอ...อึ้งไปเรียบร้อยร้อยแล้ว นะ...นี่คนตัวเล็กมีคนที่ชอบอยู่แล้วหรอเนี่ย สรุปคือ ผมต้องกินแห้วใช่มั๊ยครับ
    ???ว่าแต่...คน ๆ นั้นจะเป็นใครนะ คนที่ได้ครอบครองหัวใจของนางฟ้าแสนซนคนนี้ไว้คนเดียว...ได้เป็นเจ้าของรอยยิ้มสดใสนี้แต่เพียงผู้เดียว....คิดแล้วก็ทำให้หน้าตา...ร่างกาย...รวมถึงหัวใจของผมเศร้าลงถนัดตา และดูเหมือนคนตัวเล็กจะสังเกตเห็นสีหน้าที่ดูหมองลงของผมจึงรีบพูดขึ้นมาก่อน

                   
                   
    "ชั้น....คือ....ชั้นขอโทษจริง ๆ นะฮยอกแจ...คือ..."

                    "ไม่เป็นไรหรอกดงเฮ ...ไม่เป็นไร"

                   
    "ขอโทษจริง ๆ ฮยอกแจ ขอโทษที่ชั้นรักนายไม่ได้...ขอโทษ ขอโทษนะ"

                   
    "นี่....ไม่เป็นอะไรซักหน่อยเจ้าบ้า นายไม่ได้เป็นคนทำอะไรซะหน่อย...จะขอโทษทำไมกันฮะ!!!"

                   
    ผมพูดแล้วยิ้มให้ ไม่สิ....ต้องเรียกว่าฝืนยิ้มมากกว่า เพราะ ถึงหน้าตาผมจะยิ้มแย้มซักเท่าไร แต่ความรู้สึกเจ็บจี๊ดข้างในใจมันยิ่งทวีความรุนแรงมากขึ้น....เนี่ยนะหรอความรู้สึกที่ใคร ๆ หลายคนเรียกกันว่า....อกหัก...ผมคงจะเจอเข้าเต็ม ๆ เลยสินะ แถมมันยังเจ็บมากจริง ๆ เสียด้วย

                    "ว่าแต่....นายชอบใครอยู่หรอดงเฮ"

                   


    แค่ประโยคนั้นเท่านั้นแหละ คนสวยที่เมื่อสักครู่นั้นก้มหน้าสำนึกผิดอยู่ก็เงยหน้าขึ้นมาค้อนผมเข้าเสียวงใหญ่ ก็รู้อยู่หรอกนะครับว่าไม่อยากตอบ...แต่ขอแค่รู้เท่านั้นแหละครับว่าคนที่ผมรักนั้นมอบใจให้ เป็นคนดี....ผมก็คงจะไม่กังวลแล้วล่ะครับ...ถึงแม้ว่าถ้ารู้แล้วจะต้องเจ็บก็เหอะนะครับ แต่ผมเจ็บก็ย่อมดีกว่าทำให้คนสวยนี่เจ็บเป็นธรรมดา....ก็ผมรักของผมนี่ครับ

     ********* 10% ค๊าบบบ*******

    ...อ๊ายยยย เมื่อวานได้เล่นคอมแค่10 กว่านาที อัพไม่ทันค่ะ เอาไปแค่นี้นะ ยังไม่ได้พิมเรยยยยยย....อยากตายยยย โอ๊ยยยย ทุเรศตัวเองงง

    วันที่ 7 ได้กลับบ้านละ วู้วววววว....อัพฟิคเว้ยยยยยยย

    ขอโทดจิง ๆ ค่ะ

    .....พีเอสสึ๊......เยเรียวหรอออออ งิงิ เย่ขรึม ..เอ่อ ไม่ขรึมละ แต่ร้าย...ไม่แน่ ๆ 55+....มันใจร้ายอ้ะ (อ้าว - -")

    กะลางอยากแต่งน้องร้าย หุหุ จิตค่ะ!!!

    **********************

                   
     "คะ....คิม....คิ...................."

                     "อะไรนะดงเฮ....พูดใหม่สิ ชั้นไม่ได้ยิน"

                     "คิมคิบอม...พอใจมั๊ย??"

                     คนหน้าหวานพูดเบา ๆ แล้วก้มหน้ากลับลงเหมือนเดิม....ส่วนผมน่ะหรอครับ ตอนนี้เกิดอาการอึ้ง!!!...และอึ้ง...นี่คนสวยของผม (??) แอบชอบเจ้าเด็กนั่นจริง ๆ หรอเนี่ย ผมทำหน้าเหวอเหมือนกับมีสิ่งมหัศจรรย์อย่างที่ 8 ของโลกผุดขึนมาตรงหน้า (เวอร์ไปละ) ก็ใครจะไปคิดล่ะครับว่าคนสวยแสนขี้งอนตรงหน้าผมนี่จะไปชอบเจ้าเด็กเฉยชาพูดขากวนตีนนั่นได้น่ะ....เอ๊ะ!!! แต่เดี๋ยว....ถ้าผมจำไม่ผิด เจ้าคิมบอมมัน.....

                     "นี่ ฮยอคแจ นายจะเงียบอีกนานมั๊ยเนี่ย....ชั้นใจคอไม่ดีนะ"

                     "อะ...ขอโทษที พอดีคิดอะไรเพลินไปหน่อย"

                     ผมหันหน้ากลับไปยิ้มแหย ๆ ให้คนสวยตรงหน้า....ทำไมต้องยิ้มแหย ๆ น่ะหรอครับ ก็....ก็....ก็คือ.......มันคือความลับน่ะครับ ^^" แล้วความลับเนี่ย ก็บอกคนอื่นไม่ได้ใช่มั๊ยล่ะครับ ดังนั้น ผมก็เลยบอกพวกคุณไม่ได้ไงครับ ต้องขอโทษเป็นอย่างสูง อ้อ...กลับมาเรื่องของคนสวยของผมอีกครั้งนึงเถอะครับ ตอนนี้ชื่อของเจ้าคิมคิบอมเนี่ย วิ่งไปวิ่งมาในหัวของผมพร้อม ๆ กับอักษรคำว่า WIN ....แต่แค่รุ้ว่าเป็นคิบอม ผมก็ควรจะดีใจแล้วล่ะครับ ก็นายคิมคิบอมคนนี้น่ะ ไม่ได้เป็นคนไม่ดีอะไรซะหน่อย...

                     "ดีแล้วล่ะดงเฮ ที่นายชอบคนดีดีอย่างนั้นน่ะ"

                     "ไม่เกี่ยวซะหน่อยฮยอกแจ นายก็ดี....เพี่บงแต่ว่า...ชั้น...."

                     "หัวใจของนายอยู่ที่นั่นใช่มั๊ยล่ะ"

                     ผมพูดแล้วยิ้มให้ดงเฮอีกรอบ....ยิ้มอย่างจริงใจที่สุดเท่าที่เคยทำให้ใคร ๆ ....ยิ้มแม้ว่าหัวใจจะปสดะบมหมดแล้วเมื่อคิดว่าจะต้องตัดใจจากคนตัวเล็กนี่ซักที....ยิ้มเพื่อให้คนสวยนี่รู้ว่าผมจะคอยอยู่ข้าง ๆ เค้าตลอดไปไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น....ยิ้มเพื่อบอกให้เค้ารู้ว่าผมรักเค้ามากขนาดไหน...ก่อนที่จะขอตัวออกไปจากห้องนี้เพื่อปกปิดน้ำตาที่ใกล้จะไหลออกมาเต็มที เพื่อไม่ให้คนสวยนี่เห็น.....เดี๋ยวจะเก็บไปคิดมากอีก....ยิ้มนั่นอาจจะเป็นยิ้มสุดท้ายของชั้นที่นายจะได้เห็น ลีดงเฮ เพราะต่อจากนี้ คงมีคนคอยยิ้มให้นายตลอดเวลาแล้วล่ะ....และคนคนนั้น คงจะไม่ใช้ชั้นใช่มั๊ยล่ะ ไม่ใช่ลีฮยอคแจคนนี้ เพราคนที่นายรัก คือ คิมคิบอม คนเดียวเท่านั้น

                     "เฮ้อออ....อกหักจริง ๆ แล้วสินะ"

                     พึมพำกับตัวเองแล้วเงยหน้าขึ้มองเพดานเพื่อกลั้นน้ำตาที่กำลังจะไหล...ฮยอกแจ...ลูกผู้ชายที่ไหนเค้าร้องไห้กันล่ะ....ทำไมผมถึงเป็นไก่ที่อ่อนแอย่างนี้นะ แต่ก่อนที่ผมจะปล่อยตัวปล่อยใจให้กับน้ำตาที่มันสะกดไว้ไม่อยู่ เสียงหวานก็ดังขึ้นข้างหลังผมอีกครั้ง หสกแต่ครั้งนี้....ผมไม่สามารถหันกลับไปมองได้ เพราะอาจจะทำให้สิ่งที่เก็บกักไว้มานานไหลหลั่งออกมาต่อหน้าคนสวยนี่

                     "อย่าบอกใครนะฮยอกแจ....ชั้นขอร้อง"

                     "อืมมม...."


                   
     ผมพยักหน้าเล็กน้อยแล้วตอบรับคำพูดของดงเฮเบา ๆ พยายามที่จะควบคุมตัวเองอย่างที่สุดเพื่อไม่ให้เสียงสั่น แล้วเดินออกจากที่นั้นไป...ไม่ต้องห่วงนะดงเฮ นายไก่คนนี้ขอสัญญากับคนสวยว่าจะรักษาเป็นความลับ....ถึงแม้ว่าความลับนั้นมัน....ช่างเถอะ เดี๋ยวถึงเวลาพวกคุณก็คงจะรู้กันเอง...ผมค่อย ๆ พาร่างอันโซซัดโซเซของตัวเองเดินไปตามทางเดินสู่ห้องอันแสนคุ้นเคย แต่ดูเหมือนจะลำบากกว่าทุกที เพราะ ครั้งนี้ผมเดินด้วยจิตใต้สำนึก ไม่ใช้สมอง..ที่ตอนนี้มัแต่ความว่างเปล่าเต็มไปหมด...น้ำตาที่กลั้นไว้กำลังค่อย ๆ ไหลรินลงมาช้า ๆ โดยที่ตัวเองผมเองก็ไม่ได้ใส่ใจจะเช็ดมันซักเท่าไร

                     ~~พลั่ก!!!!~~


                   
     "โอ๊ย.....!!!!ฮึก.....ฮึก.....ฮือ......"

                     "อ้าว....เฮ้ย!!!ฮยอคแจ นายเป็นอะไรมากมั๊ยเนี่ย"

                     เสียงโวยวายซึ่งถ้าผมจำไม่ผิดคงจะเป็นเสียงของไอ่เจ้าคนแดนมังกร....ฮันกยอง...แน่นอน น้ำเสียงชองหมอนี่ดูจะตกใจที่ผมเดินชนแล้วอยู่ ๆ ก็ล้มลงไปร้องไห้เสียยกใหญ่ อยากจะอธิบายให้เจ้านี่ฟังเหมือนกันนะว่าเหตุผลที่ผมร้องไห้นะคืออะไร เพราะมันก็แก่เป็นอันดับต้น ๆ เชียว....แต่ตตอนนี้ผมยังไม่อยากจะพูดอะไรทั้งสิ้น ได้แต่นิ่งเงียบและปล่อยให้น้ำตาไหลต่อไปจนฮันกยองเกิดอาการตกใจ...แล้วเอ่ยคำถามซื่อ ๆ ออกมา

                     "นี่....นายเจ็บขนาดนั้นเลยหรอเนี่ย"

                     "เจ้าโง่เอ๊ย!!!..."

                     "ว่าไงนะเจ้าไก่บ้า...บอกกี่ครั้งแล้วว่าให้เคารพกันหน่อย"

                     ไอ่เจ้ามังกรนั่นบ่นกระปอดกระแปดเรื่องลำดับอายุเหมือนลุงแก่ ๆ ซึ่งก็เหมือนกับทุกครั้งที่ผมไม่คิดจะสนใจ....หากแต่คัร้งนี้ไม่มีเสียงโวยวายต่อของฮันกยอง...แต่ช่างเหอะ ผมก็ไม่ได้คิดจะสนใจไอ่เจ้าคนจากแดนมังกรนี่อยู่แล้ว แต่ซักพักก็ต้องสะดุ้งสุดตัวเหตุเพราะอยู่ดีดีคนรุ่นพี่ที่ไม่ค่อยน่าเคารพสักเท่าไรนี่ก็ยกตัวผมขึ้นแล้วพาดไว้บนบ่า!!!!อ๊ากก...!!!ไอ่บ้ามังกือ แกจะทำไรชั้น~~

                     "อะ...ไอ่มังกรบ้า ไอ่ฮันกย๊อง...ฮึก...กะ..แก....จะทำ...อะ...อะไร...ช้าน~~"

                     ผมเริ่มโวยวายทั้ง ๆ ที่ร้องไห้อยู่...ซวยล่ะฮยอกแจ ประวัติเสียแน่ ๆ ดันมาร้องไห้ต่อหน้าเจ้าบื้อฮันกยองเนี่ย...หมอนั่นคงจะคิดว่าผมบ้าสินะ แต่ช่างเหอะ ตอนนี้สมองผมล้าเกินกว่าที่จะมาคิดอะไรนี่ ผมเริ่มหยุดดิ้นแล้วร้องไห้ต่อ....รอฟังคำเยาะเย้ยที่น่าจะออกมาจากปากของไอ่คนจีนนั่น เพราะ นี่เป็นโอกาสที่ดีที่สุดที่หมอนั่นจะได้เอาคืนผมที่เคยแกล้งไอ้บ้านั่นไปแล้วล่ะ....แต่ ยังไม่มีวี่แววว่าหมอนั่นจะปริปากอะไรออกมาเลยซักนิด

                    หมอนั่นอุ้ม (??) ผมแล้วสาวเท้ายาว ๆ ไปจนถึงห้องนอนของมัน ก่อนจะเดินเข้าไปโดยมีผมพาดอยู่บนบ่า...เฮ้ย!!!ไม่ได้นะเว้ย ผมจะเสียจิ้นไม่ได้เด็ดขาด...ต้องเป็นผมสิที่จะไปทำลายจิ้นคนอื่น ไม่ใช่ให้คนอื่นมาทำลายจิ้นผม!!!!(แกคิดไปถึงไหนอ้ะไก่) ไอ่บ้าฮันกยองวางผมลงบนเตียงแล้วเดินไปล็อคประตูห้อง...0.0

                    "ฮันกย๊อง~~แกล็อคประตูทำไมฮะ!!!"

                    "อยากให้คนอื่นมาเห็นตัวเองร้องไห้รึไงเล่าไอ่ไก่...แล้วอีกอย่าง นายควรจะเรียกชั้นมาพี่ เข้าใจมั๊ยเนี่ย??...บอกไปกี่รอบแล้วฮะ!!"

                    ฮันกยองหันมาพูดกับผมหลังจากที่มันได้ยินประโยคที่ติดจะออกแนวครวญครางนั่น...หมอนั่นทำหน้าจริงจังแล้วเดินมานั่งข้าง ๆ ผม...แล้วตามันดูแปลก ๆ ยังไงไม่รู้ ผมไม่แน่ใจว่ามันกำลังจะสื่อถึงอะไร...แต่ที่แน่ ๆ ผมไม่ต้องการให้หมอนี่มาปลอบ!!!ไม่ใช่เพราะไม่ชอบมันหรอกนะ แต่เป็นเพราะมันจะทำให้ผมดูอ่อนแอไม่มากกว่านี้นะสิ!!!ถ้าจะร้อง...ผมขอร้องไห้เงียบ ๆ คนเดียวได้มั๊ย??

                    "ดูทำหน้าเข้า ไม่สมกับเป็นเจ้าไก่เลยน้า~~"

                    หมอนั่นค่อย ๆ ยกมือขึ้นมาช้า ๆ แล้วลูบหัวผมเบา ๆ....ชั้นไม่ใช่หมานะเว้ยยย (เอ่อ...เค้าปลอบแกเว้ยไอ่ไก่- -") ซักพัก ดูเหมือนว่ามันจะเห็นผมร้องไห้หนักขึ้นทุกที ๆ และไม่มีทีท่าว่าจะหยุดง่าย ๆ...เลยเอามือหนานั่นมากดหัวผมให้ซบลงไปบนบ่ามัน...อ๊าก!!!...แกอย่ามาทำเหมือนชั้นเป็นผู้หญิงสิวะ!!!แต่...อดยอมนับไม่ได้ว่าท่าทางอ้อนแอ้น (หรือที่ผู้แต่งเรียกเสมอว่าแรด) อย่างหมอนี่ หุ่นที่ไม่ได้ดูแข็งแรงกว่าผมไปซักเท่าไรของไอ้คนสำเนียงแปร่งนี่....มันจะอบอุ่นขนาดนี้

                    "ฮึก...กะ....แก....ไม่ต้อง....อึก....มาทำเป็นแมนเลย...น....นะ....ฮึก....ไอ่มังกรบ้า"

                    พูดด่าไอ่คนที่พยายามปลอบผมเต็มที่นี่ทั้ง ๆ ที่ตังเองยังร้องไห้อยู่ แต่หมอนั่นก็ไม่ได้พูดอะไรนอกจากหันหน้ามายิ้มซื่อ ๆ ตามแบบฉบับของฮันกยองให้ดู....

                    ผมยังคงร้องไห้ต่อไปเรื่อย ๆ ในห้องของ...เอ่อ....ในห้องไอ่บ้าฮันกยองนั่นแหละ นานเท่าไรไม่รู้ รู้แค่ว่ามันนานมาก แต่หมอนั่นก็ยังคงนิ่งเงียบ ในอกที่ผมต้องยอมรับงว่าอบอุ่นนั่นเปียกเปรอะไปด้วยน้ำตาของผมนี่แหละ แต่ไอ่มังกือมันก็ไม่พูดอะไรซักคำ มือหนาทำพัยงลูบผมของผมไปมาเท่านั้น

                    ....ยิ้มต่อไปนะดงเฮ....นางฟ้าของผม....

                    ....ช่วยยิ้มแทนในส่วนของผมด้วยนะ....

                    ....เพราะไก่ตัวนี้ คงจะทำได้แค่ร้องไห้เท่านั้นแหละ....

                    ******************

                    ****************************

                   

                    หลับไปแล้ว....ตอนนี้เจ้าคนปากเสียประจำวงที่มีชื่อว่าลีฮยอกแจหลับไปแล้วล่ะครับ เสียงสะอื้นที่มีมาตลอด 2-3 ชั่วโมงตอนนี้เงียบลงไปแล้ว แม้จะยังคงเหลือแรงสะอื้นเล็กน้อยถึงปานกลางตอนที่ร่างโปร่งนี่สูดลมหายใจเข้าไปเล็กน้อยก็เหอะ ใบหน้าขาวเปรอะเปื้อนไปด้วยคราบน้ำตา ปากที่ปกติจะพูดยียวนกวนประสาทคนอื่นเค้าไปเรื่อยตอนนี้เป็นสีแดงจัดเพราะการกัดปากกลั้นเสียงสะอื้นของเจ้าตัว มือขาว ๆ นั่นกำแน่นเพื่อระงับอารมณ์อย่างถึงที่สุด...อารมณ์เศร้าที่ออกมาพร้อม ๆ กับน้ำตาของร่างบอบบางนี่ไงล่ะ

                    อ้อ....ลืมแนะนำตัวไป ผมชื่อฮันกยองครับ เป็นคนจีนคนเดียวในบ้านซูจูนี่แหละ ที่จริงอายุผมก็อยู่อันดับต้น ๆ ของคนอายุมากใบบ้านเลยนะครับ แต่ไอ้พวกลิงนั่นมันไม่ค่อยให้ความเคารพซักเท่าไร  - -" โดยเฉพาะไอ้ลิงในร่างไก่ที่กำลังหลับอยู่นี่ไงล่ะ แต่ถึงจะโดนปากเสียใส่เท่าไรก็เหอะ....ผมก็ไม่เคยโกรธเจ้านี่ลงซักที คิดว่าเพราะอะไรล่ะครับ....^^" ไม่รู้กันสินะครับ งั้นผมจะบอกให้ก็ได้ แต่ต้องเงียบ ๆ กันไว้นะครับ...

                    .....ผมรักเจ้านั่น.....

                    เหยียบไว้เลยนะครับ เรื่องนี้เป็นความลับที่แม้กระทั่งคนในบ้านยังรู้แค่ไม่กี่คนเลย ผมหันไปมองฮยอกแจอีกรอบ เจ้านี่มันน่ารักตรงไหน??เป็นคำถามที่ผมถามตัวเองมาตลอดตั้งแต่รู้ใจตัวเอง...ในสายตาแฟน ๆ หมอนั่นน่ะน่ารัก แต่....มันชอบทำตัวแมนไปหน่อยเท่านั้นแหละ แต่จะบอกว่าสวยหรอ...คงไม่ใช่ ลองเทีบกับฮีชอล ลีทึก ดองเฮ ซองมิน เรียวอุค....เจ้านี่มันไม่ได้สวยขนาดนั้น แต่เพราะอะไรซักอย่าง...ทำให้ผมละสายตาจากเจ้าคนกวนตีนนี่ไม่ได้ซะที...

                    ....เพราะปากเล็ก ๆ ทั่มกจะเจื้อยแจ้วพูดแกล้งคนอื่นอยู่เสมอ....

                    ....เพราะผิวขาว ๆ ที่เป็นสีแดงเรื่ออยู่บ่อย ๆ เพราะโดนแกล้งคืน....

                    ....เพราะเอวบอบบางที่ใครต่อใครมักจะได้โอบกอดกันอยู่เสมอ....

                    ....เพราะความอ่อนไหวที่ซ่อนอยู่ใต้ใบหน้ายิ้มแย้ม....

                    ....และ...

                    ....เพราะเจ้านี่ คือ ลีฮยอกแจ....

                    นี่แหละมั้งครับ บทสรุปทั้งหมดของเหตุผลที่ทำให้ผมชอบเจ้าไก่ไร้สัมมาคารวะนี่ แต่ถึงอย่างนั้นก็เหอะ....ไอ้หมอนี่มันดันทำตัวแมนซะยิ่งกว่าที่คิด....ยังไงน่ะหรอครับ ก็ตอนแรก แอบไปปิ๊งกระต่ายน้อยเข้า แต่พอเจ้าหนูลัคกี้เข้ามา เลยต้องกินแห้วไปตามระเบียบ...หลัง ๆ มานี่ก็ดันไปฝากหัวใจไว้กับ "ผีลิง" แห่งบ้าน...ไม่ต้องสงสัยหรอกว่าเป็นใคร ก็ดงเฮไงครับ...คนอื่นอาจจะเรียกว่านางฟ้า แต่ผมว่า ดูยังไงนั่นมันก็ผีลิงชัด ๆ - -"

                    เข้าเรื่องเถอะครับ...คือผมบังเอิญเห็นหมอนี่เดินออกมาจากห้องของเจ้าผีลิงนั่นพอดี เห็นตั้งแต่คนตัวบางนี่สะกดน้ำตาไว้นั่นแหละครับ ความคิดแรกที่แวบขึ้นมา...หมอนี่โดนปฏิเสธมาแน่ ๆ คงจะเสียใจน่าดู ที่จริงแล้วเรื่องที่ดงเฮแอบชอบใครนั่นน่ะ เค้ารู้กันหมดทั้งบ้านแล้วล่ะครับ เว้นก็แต่...เจ้าไก่นี่ กับ ตัวคนโดนชอบเองไงล่ะ....อืม แล้วถ้าถามว่าทำไมผมถึงรู้อะไรเกี่ยวกับเจ้าคนปากเสียนี่มากนัก....

                    ....ก็ "มอง" อยู่ตลอดนี่ครับ....

                    มองจนรู้ว่าสายตาของคนกวนตีนนี่หยุดฝากใจไว้กับใครบ้าง....มองจนรู้ว่าคนคนนี้เจ็บปวดตอนไหน ดีใจตอนไหน....มองจนรู้ว่าคนคนนี้อ่อนไหวขนาดไหน....มองจนแทบจะรู้ทุกอย่างของคนที่หลับอยู่นี่แล้ว...แต่ดูเหมือนว่าจะมีแค่ผมฝ่ายเดียวที่เฝ้ามองอยู่ตลอดเวลา เพราะคนที่ถูกมองนั่น ไม่เคยหันมามองผมกลับเลยน่ะสิครับ

                    ~~ปึง!!!!ปึง ๆ ๆ !!!!~~

                    "ฮันกยอง!!!เปิด ๆ ๆ เร็ว ๆ เข้า!!!"

                    เสียงแหลมสูงของราชินีแระจำบ้านดังขึ้น พร้อมกับเสียงเคาะประตูรัว...จินตนาการได้เลยว่าคนหน้าประตูคงจะรีบร้อนเอามาก ๆ เพราะ การเคาะประตูเสียงดังอย่างนี้มันเป็นอะไรที่คุณเธอจะพูดอยู่เสมอว่าเสียมารยาทเอามาก ๆ แต่วันนี้กลับมาทำเสียเอง...มันแปลก ๆ อยู่ แต่สำหรับผม เรื่องสำคัญยิ่งกว่านั้น คือ ถ้าปล่อยให้เสียงเคาะประตูนี่ดังต่อไป เจ้าคนที่นอนอยู่จะต้องตื่นแน่ ๆ ...ผมเลยรีบสปริงตัวแล้ววิ่งไปที่ประตูทันที

                    "มาแล้วครับ ๆ ...เบา ๆ หน่อยสิฮีชอล"

                    "ชักช้า!!!แล้วทำไม...เค้านี้ต้องถึงกับว่าชั้นหรอ ก็นายชักช้าเองนี่นา!!!"

                    พูดออกแนวตวาดเล็กน้อยแล้วเดินเชิดหน้าเข้าไปในห้อง ทำเอาผมต้องถอนหายใจแรง ๆ อย่างเหนื่อยใจ...ให้มันได้อย่างนี้สิ ลองราชินีจอมโวยวายเป็นอย่างนี้ แสดงว่าต้องทะเลาะกับไอ้คุณชายซิมบ้ามาอีกแน่ ๆ ...ส่วนคนที่ซวยก็คงไม่พ้นผมหรอก ก็ดันไปสนิทกับคุณเธอเอามาก ๆ แถมดันสนิทกับไอ้คุณชายซิมบ้าควบคู่ไปด้วย...จบกันละครับ ชีวิตที่แสนสงบ เพราะ ต้องไปช่วยให้เจ้าหญิงกับเจ้าชายคืนดีกันอีก

                    "ทะเลาะอะไรกับไอ้เจ้าซีวอนมารึไงล่ะ"

                    "เปล่าซักหน่อย!!!"

                    "เสียอย่างนั้นน่ะนะเปล่า....คุนชอยฮีชอล~~"

                    "หุบปากไปเลย...ไอ้ตี่ อย่ามาสะเออพเปลี่ยนนามสกุลชั้น ตระกูลคิมน่พสูงส่ง อย่าได้เอาไปเทียบกับตระกูลฉ่อย ๆ ของไอ้คุณชายชอยซีวอนเชียวนะ!!!"

                    ฮีชอลโวยวายมาตลอดทางเดิน อาจเพราะคำถามของผมไปกระแทกใจก็เป็นได้ ใบหน้าสะสวยที่ติดจะงอง้ำมาตั้งแต่แรกตอนนี้ยิ่งงอเข้าไปใหญ่ มือเรียวถูกยกมาลูบริมฝีปากอย่างเคยชิน คิ้วเรียวขมวดมุ่นลงไปอีก คงเพราะกำลังใช้ความคิดเกี่ยวกับเด็กที่อาจะหาญมาจีบคุณเธอคนนี้ที่ตอนนี้ผมเดาว่ากำลังทะเลาะกันอยู่...ไอ้เด็ฏที่แสนจะดังที่มีชื่อว่าชอยซีวอนไงล่ะ

                    คนสวยจอมโวยวายกระแทกตัวลงบนโซฟาสีครีมอย่างใส่อารมณ์เล็กน้อย....ขาเรียววางพาดกันอย่างเคยชิน มือเรียวบางเอื้อมคว้าหมอนสีเข้ากับโซฟาข้าง ๆ ลำตัวขึ้นมากอด เปลือกตาหลุบลงด้วยความอ่อนล้า....ผมคิดว่างั้นนะ....ซักพัก ตากลมโตนั่นก็ลืมขึ้นมากระทันหัน ไอ้หมอนที่เคยอยู่ในอ้อมกอดตอนนี้โดนคุณเธอถลึงตาใส่แล้วฟาดลงบนนั้นอย่างบ้าคลั่ง....ความคิดที่แวบขึ้นมาบนสมองของผมตอนนี้คือคำเดียว....น่ากลัว - -"....แทบจะไม่ต้องนึกเลยว่าถ้าเจอตัวจริงจะต้องเกิดอะไรขึ้น..ไอ้คุณชายชอยตายแย่ ๆ !!!!ส่วนผม...สาบานได้เลยว่าจะไม่ทำให้เจ๊คนนี้โมโหเด็ดขาด!!!

                    "เฮ้ย ๆ ฮีชอล....นายอย่ามาลงกับหมอนสิ"

                    "ชิย์!!!อย่ามายุ่งน่า!!!"

                    "แต่นี่มันห้องชั้นนะฮีชอล - -"

                    "ไอ้ฮัน...ห้องแกกับห้องชั้นน่ะ มันห้องเดียวกันโว้ย!!!"

                    คนที่มีฉายาว่าซินเดอเรลล่าพูดอย่างหัวเสีย...เออจริง ผมก็ลืมไปว่าคนขี้โวยวายนี่มันอยู่ห้องเดียวกับผม...ดูเหมือนว่าการสนทนาเมื่อสักครู่จะยิ่งทำให้คุณเธอหัวเสียเข้าไปใหญ่ ขาเรียวก้าวฉับ ๆ ไปยังเตียงนอนกว้าง...เฮ้ย!!...ฮยอกแจนอนอยู่นี่นา!!!เร็วเท่าความคิด ผมรีบวิ่งตามฮีชอลปันที แล้วก็ต้องพบกับ...ใบหน้าอึ้งของคนสวย...          

                    "ผีไก่!!!"

                    คำพูดแรกที่หลุดออกมาจากปากของฮีชอลหลังจากเห็นสภาพของคนที่นอนอยู่บนเตียง ทำเอาผมแทบจะกุมขมับ...ก็ดูคุณเธอเรียกสิครับ...ผีไก่!!!นี่ถ้าไม่กลัวไอ้ซีวอนฆ่า (หรือบางครั้งก็คงจะโดนเจ๊ซินเธอฆ่าเอง) ผมจะ...เอ่อ....ผมจะ....ไม่ทำอะไรดีกว่าครับ - -" เพราะตอนนี้ ซินเดอเรลล่า (หรือแม่เลี้ยงใจร้าย) กำลังหันมามองผมด้วยสายตาโหดเหี้ยม โทษฐานแอบนินทาคุณเธออยู่ในใจ

                    "ฮยอคแจ....มันเป็นอะไรเนี่ย??สภาพยังกับซากศพ"

                    "อกหัก...."

                    "ห๊ะ!!!!อกหักอีกแล้วหรอเนี่ย"

                    "อืมม....อย่าเสียงดังไปสิ เดี๋ยวเจ้าบ๊องนี่ก็ตื่นหรอก"

                    ผมปรามฮีชอลเบา ๆ เพราไม่อยากให้คนที่นอนอยู่นั้นตื่นขึ้นมา ซึ่งฝ่ายนั้นก็พยักหน้ารับพร้อมทั้งเดินไปนั่งที่โซฟาตัวเดิมข้าง ๆ เตียง ส่วนผมน่ะหรอ....ยืนจ้องมองคนที่นอนอยู่บนเตียงซักพัก ก่อนจะยิ้มกับตัวเอง...ยิ้มให้กับความน่ารักของเจ้าคนกวนตีนนั่น...ฉับพลันสมองก็นึกถึงอะไรบางอย่างได้ ผมเลยเดินเข้าไปทางด้านในของห้องแล้วหยิบบางสิ่งออกมา มันเป็น....กรงของอะไรบางอย่างนั่นแหละ ผมเดินตรงไปยังโซฟาที่ฮีชอลนั่งอยู่แล้วยื่นกรงนั่นให้ดู ทำเอารูมเมทร่วมห้องที่ยังคงอึ้ง ๆ อยู่กับอาการของเจ้าไก่ถึงกับตกใจเป็นรอบที่สอง...ดวงตากลมโตเบิกกว้างขึ้นพร้อม ๆ กับคำอุทานที่หลุดออกจากปาก

                    "ฮันเจฮีบอม!!!!"

                    ชื่อประหลาดถูกพ่นออกมาจากปากเรียวสวยนั่น ใบหน้าตกใจของคนตรงหน้าทำเอาผมแทบจะขำออกมา....ก็ไอ้ตัวที่อยู่ในกรงในมือผม มันคือแมวชื่อประหลาด...ฮันเจฮีบอม แมวสีดำสนิทที่ปกติจะมีแววตาเจ้าเล่ห์เหมือนเจ้าของ ตอนนี้นอนนิ่ง ตาสีอำพันดูปรือ ๆ เหมือนเหนื่อยอ่อน ฮีชอลรีบปรี่เข้ามาเอาไอ้แมวนี่ออกจากกรงในมือผมทันที แล้วหันมาส่งสายตาเป็นคำถามมาให้ผม....

                    "มันเป็นอะไร??"

                    "ไม่รู้สิ ตอนชั้นเข้ามามันก็เป็นอย่างงี้แล้ว - -"

                    "ไม่น้า~~ลูกแม่ (??) อย่าเป็นอะไรนะฮันเจฮีบอม!!"

                    "หยุดคร่ำครวญเถอะน่า...ฮีชอล มันยังไม่ตายซะหน่อย"

                    "แต่มันก็ไม่สบาย!!!มันอาจจะเป็นหนักก็ได้นี่!!!!"

                    คนตาโตหันมาตวาดผมอีกครั้งแล้วหันกลับไปประคบประหงมลูกรักเค้าต่อ...ผมได้แต่ถอนหายใจกับความบ้าของท่านราชินีคนนี้...แมวไม่สบาย ดันร้องไห้ให้ แทนที่จะพามันไปหาหมอ...ท่าจะบ้า ผมแอบส่ายหน้ากับตัวเองแล้วเดินไปทางประตูทำท่าจะเปิดมันออก แต่ยังไม่ทันจะทำอะไร ไอ้ประตูไม้บานสวยตรงหน้าก็ถูกเปิดออกด้วยความรวดเร็ว ปรากฏร่างสูงโปร่งของคนคนหนึ่ง ซึ่งทุกคนคงเดาได้ว่าเป็นใคร จากเสียงต่อไปนี้

                    "ฮีชอลคร๊าบบบ~~....อย่างอนผมเลยน้า~~"

                    ~~ปึง!!!!~~

                    เสียงประตูบานเดิมถูกปิดลงอย่างรวดเร็วและรุนแรง โดยไม่มีความกังวลเลยว่าคนที่ยืนอยู่อีกฟากนึงของประตูจะเป็นอย่างไรบ้าง แน่นอนว่าผมไม่ได้เป็นคนทำแน่ ๆ ...แต่การกระทำนี้มาจากคนสวยที่เมื่อสักครูยังนั่งอยู่กับแมวของตัวเองอยู่ ตอนนี้กำลังยืนทำหน้าบึ้งตึง มือเรียวที่เพิ่งจะทำการผลักประตูปิดเมื่อสักครู่นี้ยังคงค้างไว้อยู่ เสียงจิ๊จ๊ะในลำคอแสดงความไม่พอใจอย่างเห็นได้ชัด แล้วผมก็เพิ่งค้นพบว่า...รูมเมทของผมคนนี้มีความสามารถพิเศษในการหายตัวได้ด้วย - -"

                    "จะรีบปิดทำไมล่ะ หมอนั่นมาง้อนายนะนั่น..."

                    "จะง้อทำไมล่ะ!!!ไม่จำเป็นซะหน่อย"

                    ผมแอบหันไปถอนหายใจอีกทางให้กับความปากแข็งของเพื่อนคนนี้ ตอนเค้ายังไม่มาง้อก็ทำท่ายังกับจะฆ่าให้ตายกันไปข้าง แต่พอเค้ามาง้อก็ดันปิดประตูใส่หน้าอีก....หมดปัญญาช่วยเจ้าซีวอนเลยครับ - -" แต่เสียงประตูถูกเคาะก็ยังคงดังขึ้นเรื่อย ๆ โดยที่คนตาโตปรายตามองเป็นระยะ ๆ แต่งยังคงวางฟอร์มไม่ไปเปิดประตูให้อยู่ดี จนเสียงมันเริ่มหายไปนั่นแหละ คุณเธอถึงหันไปสนใจกับประตูอีกรอบแล้วขมวดคิ้วมุ่น มือเรียวเอื้อมไปจับลูกบิดประตูแล้วเปิดมันออก ปากบางทำท่าจะพูดบ่นอีกรอบ แต่ยังไม่ทันจะเค้นเสียงออกมา ร่างเพรียวก็ถูกดึงไปอยู่ในอ้อมแขนของเด็กเจ้าเล่ห์

                    "ยอมออกมาซักทีนะครับ"

                    ไอ้คนที่อยู่อยู่หน้าประตูพูดแล้วส่งยิ้มหวานละลายใจไปให้คนในอ้อมกอด โดยไม่สนใจตัวเอกของ SF เรื่องนี้อย่างผม...(เมื่อไหร่คนแต่งจะเอาไอ้คู่นี้ออกไปครับเนี่ย) ฮีชอลขมวดคิ้วพร้อม ๆ กับดิ้นไปมาแสดงอาการงอนอีกครั้ง แต่ดูเหมือนจะไม่มีผลกระทบต่ออ้อมแขนแกร่งนั่นซักนิด...ที่จริงผมคิดว่าฮีชอลเค้าแค่ "แกล้งดิ้น" เท่านั้นแหละครับ....แหม มันก็ต้องมีเล่นตัวบ้างสิครับ

                    "หวานกันอยู่ได้ไม่อายชาวบ้านชาวช่อง...นายมาก็ดีแล้วซีวอนรีบเอาเจ้าหญิงของนายไปโรงพยาบาลซะเลยเถอะ..."

                    "หา!!!!ฮีชอลเป็นอะไรหรอฮันกยอง!!!"

                    เจ้านั่นทำหน้าตาตื่นมองผมกับคนในอ้อมกอดสลับกันไปมา ผมได้แต่ทำหน้าเซ็ง ๆ แล้วเดินไปหยิบแมวตัวสีดำออกมาก่อนส่งให้ฮีชอล ที่เหมือนเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าแมวตัวเองกำลังไม่สบาย ร่างเพรียวบางนั่นดิ้นขลุกขลักอีกรอบเปนเชิงว่าให้ปล่อยได้แล้ว...ซึ่งไอ่คุณชายชอยก็รีบปล่อยแต่โดยดีเพราะเหมือนว่าครั้งนี้เจ้าหญิงคนสวย (แสนโหด) คงจะไม่วิ่งหนีมันไปไหนแล้ว

                    "ชั้นไม่ได้เป็นอะไร...แต่ที่เป็นน่ะฮันเจฮีบอมต่างหาก รีบ ๆไปเอากุญแจรถพาชั้นไปโรงพยาบาลสัตว์เดี๋ยวนี้เลย!!!!"

                    พูดแล้วชี้นิ้วสั่งตามแบบฉบับของราชินีฮีชอล  ซักพักคนโดนสั่งก็วิ่งกลับมาพร้อมกับกุญแจรถ แล้วผายมือออกไปทางด้านนอกประตูเป็นสัญญาณเชื้อเชิญให้ออกไป...พอคนสวยเดินออกไป ซีวอนก็หันมาโค้งให้ผมอีกรอบเป็นเชิงขอบคุณ...แน่นอนว่าผมก็ยิ้มตอบไปนั่นแหละ แม้ในใจอยากจะพูดใจจะขาดว่า...ไปไปซะทีเหอะ!!!!

                    ผมเดินกลับไปที่เตียงอีกรอบแล้วอมยิ้มอีกที....นี่ก็มืดแล้ว ไอ้เจ้าไก่นี้คงจะนอนไปอีกนาน คิดแล้วก็เดินไปหยิบผ้าเช็ดตัวก่อนจะเดินเข้าห้องน้ำไปเพื่อชำระล้างร่างกายที่สกปรกมาทั้งวันก่อนจะเดินมาที่เตียงแล้วกระโดดขึ้นไปนอนอย่างไม่คิดอะไรมาก.....ไม่คิดจริง ๆ นะครับ ก็แค่อยากนอนเท่านั้นเอง

    **50%**
    ฮันเริ่มหื่น มันหื่นตามคนแต่งเจ้าค่ะ
    ในขณะที่ฮันหื่น คนต่งก็เริ่มตัน เค้าเชื่อว่าจะจะต้องขบ หึหึ
    รู้สึกมั๊ยว่ามันยาว - -"
    เอาละ สัญญาว่าจบเรื่องนี้ เยเรียวจะกลัมาครองจอเหมือนเดิมฮับ ^^"
    ขอบคุณทุกคนนะที่ให้กำลังใจ ทวงกันเบื่อมั๊ย เค้าขอโทษจริง ๆ นะ - -" ช่วงนี้ไม่ค่อยได้อยู่บ้านเลย ไปเที่ยว ๆ ๆ ๆ -*-...เดี๋ยวก็จะไปกรุงเทพอีกแล้ว งาน k-pop จ๋า รอป้าก่อนนะ
    ขอบคุณที่คอยมาทวงอยู่ตลอดเลยนะ ^^" ถ้าไม่มีพวกคุณ คนแต่งมันคงไม่แต่งหรอก -*-
    อีกครึ่งนึง ไม่สัญญาว่าจะยาวมั๊ย แต่เนื้อเรื่อง เหลืออีกครึ่งนึง ที่เราจะต้องปั่นมัน (คือแบบว่า นี่มันดำเนินเรื่องมานิดเดียวเองอ้ะ)...จะพยายามทำให้สำเร็จ ทวงกันบ่อย ๆ นะ ฮิฮิ (คนแต่งกำลังแอบอู้)
    แล้วเจอกันค่ะ ^^"

     

                    ......................

                    ..............................................

                    ...................................................................

                    ....................................................................................


     

                    วันนี้หมอนข้างนิ่มจัง

     

                    ความคิดแรกที่แวบขึ้นมาในหัวสมองของลีฮยอกแจหลังจากตื่นขึ้นตอนเช้าเมื่อไม่กี่วินาทีนี้ แม้ว่าตัวเองจะยังคงหลับตาพริ้มอยู่เหมือนไม่อยากตื่น แต่ความรู้สึกมันกำลังบอกว่า...ไอ้หมอนข้างที่อยู่ข้างลำตัวเนี่ย มันนิ่มผิดปกติ...แต่ก็ไม่เห็นเป็นไร ดีซะอีก หมอนข้างนุ่มนิ่ม ยิ่งทำให้อยากนอนต่อ.....คิดพลางเบียดตัวเข้าหา หมอนข้างตัวดีที่กำลังยิ้มกริ่มให้กับกริยาน่ารักนั่นอยู่

     

                    ......น่ารัก.......

     

                    ......ยิ่งนับวันคนที่นอนอยู่ข้าง ๆ นี่ยิ่งจะทำตัวน่ารักขึ้นเรื่อย ๆ หรือเพราะเมื่อคืนร้องไห้หนักไปหน่อย เลยทำให้จำไม่ได้ว่าห้องที่กำลังนอนอยู่เนี่ย ไม่ใช่ห้องของตัวเอง แต่เป็นของใครบางคนที่คอยเฝ้ามองนายอยู่ตลอด....

     

                    อือออ....

     

                    ร่างโปรงบางครางในลำคอเบา ๆ ก่อนจะค่อย ๆ กระพริบตาขึ้นเพื่อปรับให้ชินกับแสงสว่างจากภายนอก มือเรียวถูกยกขึ้นเพื่อบังแสงแดดจ้าที่ส่องเข้ามาทางหน้าต่าง จากนั้นก็ถูกใช้ขึ้นไปควานหาอะไรบางอย่างบนหัวเตียง...ซึ่งเป็นประจำทุกเช้าที่จะต้องทำแบบนี้ จนชินเสียแล้ว แต่วันนี้

     

                    ทำไมไม่เจอนาฬิกา

     

                    สมองน้อย ๆ ของไก่ขี้แกล้งเริ่มประมวลผลอย่างหนัก....หรือจะโดนแกล้งเอาไปซ่อน ก็ไม่น่าจะใช่ ปกติแล้วไม่มีใครเข้ามายุ่งอะไรกับของในห้องนอนเค้าหรอก....เอ๋...ห้องนอน หรือว่า...

     

                    เฮ้ย!!!!!”

     

                    เสียงตะโกนดังลั่นบ้านเกิดขึ้นเมื่อไอ้ไก่ปัญญาอ่อนประมวลผลความคิดตัวเองเสร็จ ดวงตาเบิกกว้างเหมือนเพิ่งไปเจอเรื่องสยดสยองมาหมาด ๆ หัวฟู ๆ เพราะเพิ่งตื่นนอนนั่นส่ายเลิกลั่ก ร่างบอบบางที่ดิ้นขลุกขลักอยู่ในอ้อมกอดของ หมอนข้าง ทำให้คนที่นอนกอดหลุดขำออกมาเล็กน้อย เรียกสายตาตื่นตกจของฮยอกแจให้หันไปทางนั้นได้เป็นอย่างดี

     

                    ฮะ....ฮันกยอง ไอ้มังกือบ้า ทำไมแกมาอยู่บนเตียงชั้น!!!”

     

                    เตียงนาย...ดูให้ดีดีไอ้ไก่ นี่มันเตียงชั้น

     

                    พูดแล้วกระตุกยิ้มเจ้าเล่ไปให้คนที่ยังไม่ค่อยเข้าใจอะไรนักอย่างฮยอกแจ...ก็เมื่อคืน เค้าร้องไห้ แล้วก็เดิน ๆ ไปตามทางเดินในบ้าน แล้วก็ชนกับไอ่เจ้าคนจีนนี่....แล้วยังไงต่อนะ เค้าร้องไห้ ไอ้บ้านี่กอดปลอบ...แล้ว....แล้ว...แล้ว.....ใช่จริง ๆ ด้วย เค้าหลับไปตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้!!!!

     

                    ทำไมแกไม่ปลุกชั้น!!!”

     

                    ก็เห็นหลับสบายนี่

     

                    แล้วทำไมแกถึงขึ้นมานอนกับชั้น

     

                    ก็มันเตียงชั้นนี่ฮยอกแจ - -

     

                    แล้ว...........แล้ว....

     

                    เจ้าไก่ทำท่าจะพูดต่ออะไรต่อแต่ก็ต้องเงียบไป เหตุผลเพราะไอ้คนตอบคำถามอยู่ ๆ ก็ล้มตัวลงนอนไปเสียเฉย ๆ แถมยังหลับตาพริ้มเหมือนหลับสบายมาก ๆ ทั้ง ๆที่ยังหลับไม่สนิทเลยด้วยซ้ำ มันน่า.....น่า.....น่าฆ่าเป็นที่สุด ไอ่มังกือ!!!!

     

                    ไม่ต้องมาทำเป็นนอน ชั้นไม่เชื่อแก๊~~!!!”

     

                    ~~ตุบ!!!~~

     

                    เสียงมันกรตกเตียงดังขึ้นหลังจากที่ไก่ประจำวงเกิดอาการต่อมโทสะแตก...ก่อนที่ไก่เผือกจะเดินตึงตังออกจากห้องของหนุ่มชาวจีนไป เหลือไว้เพียงเจ้าของห้องที่ร้องโอดโอยอยู่คนเดียว...แต่เสียงนั่นมันมาพร้อมกับรอยยิ้มนะ ยิ้มเพราะทึกทักเอาเองว่าถีบนั่น เป็นถีบด้วยความรักไงล่ะ

     

                    ส่วนคนที่เพิ่งประทุษร้ายเจ้าของห้องแล้วเดินหนีออกมานั้นตอนนี้กำลังคิดในใจอย่างสับสน (ทางเพศ - -)...ทำไมต้องใจเต้น...ก็แค่นอนร่วมเตียงเดียวกันกับ เพื่อนร่วมวง เท่านั้นเอง แล้วอีกอย่าง เหตุผลที่สำคัญที่สุด...ไอ้คนที่ควรจะใจเต้น ควรจะอายหน้าแดง ควรจะเขินเอามาก ๆ น่ะ มันไม่ควรเป็นเค้า!!!!!แต่ต้องเป็นไอ้คนจีนนั่นต่างหาก เพราะอะไรน่ะหรอ...ก็เพราะเค้า แมน น่ะสิ

     

                    บ้าเอ๊ย!!!บ้าที่สุด...ไอ้บ้าฮันกยอง!!!”

     

                    สบถกับตัวเองดัง ๆ ก่อนจะรีบเร่งฝีเท้าเพื่อให้ไปถึงห้องนอนอย่างเร็วที่สุด ดีที่ตอนนี้มันยังเช้ามืด ยังไม่ค่อยมีคนในบ้านคิดจะตื่นขึ้นมาสักเท่าไร ไม่อย่างนั้นคงได้โดนถามตายว่าทำไมไม่นอนห้องตัวเอง...แถม สภาพตาของเค้าที่ตอนนี้บวมไม่ได้ต่างไปจากปลาทองสักเท่าไร....ซวยจริงๆ  นั่นแหละที่ต้องไปร้องไห้ต่อหน้าคนอย่างหมอนั่น แถมยังต้องมานั่งกลุ้มใจกับความรู้สึกของตัวเองอีก เพราะนายคนเดียวเลยนะ...เจ้าบ้าฮันกยอง

     

     

     

                    ทางด้านคนที่ถูกประทุษร้าย...

     

                    เจ็บชะมัด...ไอ้ไก่บ้า

     

                    พูดแล้วอมยิ้มเล็กน้อย เพราะหน้าแดง ๆ ของคนที่เพิ่งทำร้ายเค้าไปเมื่อครู่นี้มันน่ารักซะเกินอดใจไหว ...ดีใจที่ไม่เคยเห็นท่าทางอย่างนี้ของไก่ตัวนี้ที่อื่น ดีใจที่หน้าตาแบบนั้นเกิดขึ้นกับเค้าเพียงคนเดียว ดีใจจนอยากจะคิดเอาเองว่าคนที่ชอบทำตัวแมนนั่นก็มีใจให้เค้าเหมือนกัน...ถึงจะรู้ว่ามันยากก็เถอะ

     

                    เจ็บแต่ยิ้ม นายมันโรคจิตชัด ๆ ฮันกยอง

     

                    เสียงแหลมสูงของท่านราชินีดังลั่นมาจากบริเวณหน้าห้อง เป็นสัญญาณให้รู้ว่าคุณเธอจะเดินเข้ามาแล้ว...เป็นผลทำให้มังกรหนุ่มรีบกระเด้งตัวขึ้นไปนั่งบนโซฟาทันที เพราะ เอียนจะฟังคำพูดเชือดเฉือนของราชินีของวงนั่นไงล่ะ แล้วร่างบอบบบางก็เดินมาพร้อมกับกรงของเจ้าแมวตัวสีดำที่ถูกพาไปหาหมอตั้งแต่เมื่อคืน...นี่ไอ้เจ้าซีวอนมันพาเจ๊แกไปหาหมอถึงสหรัฐอเมริกาเลยรึไงนะ

     

                    ไม่ได้โรคจิต ก็แค่มีความสุข

     

                    นั่นแหละ เค้าเรียกว่าโรคจิต...โดนทำร้ายแต่ดันยิ้ม นายนี่น่ากลัวชะมัด

     

                    พูดแล้วทำหน้าขยะแขยงเสียเต็มประดา จนคนตรงหน้านึกหมั่นใส้ไอ้ท่าทางนั้นเหลือเกิน เพียงแต่ไม่กล้าพูดไป เพราะยังรักตัวกลัวตายยังอยากบอกรักไอ้ไก่สมองทื่อนี่อยู่เท่านั้นเอง ฮีชอลเดินเอากรงไปเก็ไว้ตรงที่ชองมันแล้วเดินกลับมานั่งข้าง ๆ ผมพลางจ้องหน้า สายตานั่น...ถ้ามองแล้วทะลุได้ ตาผมมันคงจะทะลุไปแล้ว

     

                    มองอะไรเจ๊...

     

                    มองคนงี่เง่าน่ะสิ

     

                    ชั้นงี่เง่าตรงไหนกันคิมฮีชอล

     

                    คนสวยเงียบไปพักใหญ่ ก้มหน้า กลับตาลงเหมือนระงับอารมณ์ที่อยู่ข้างใน ก่อนจะเงยหน้าอีกครั้ง จ้องตาคนจากแดนมังกรไว้อย่างแน่วแน่ แล้วพูดชัดถ้อยชัดคำ โดยเฉพาะคพหลังสุด ที่เหมือนจะจงใจเน้นเป็นพิเศษ

     

                    รักเค้าแต่ไม่ยอมบอก แล้วเค้าจะไปรู้มั๊ยเล่า...ไอ้ฮันกยองโง่!!!!”

     

                    พูดจบก็เดินสะบัดสะบิ้งออกทันที ทิ้งไว้แต่คนที่โดนด่าว่าโง่ต้องมานั่งกลุ้มอยู่คนเดียว...ก็ถ้าบอกได้ ก็คงจะบอกไปนานแล้วล่ะคุณราชินี แต่นี่เค้าไม่ได้อยู่ในฐานะที่จะบอกได้ซะหน่อย หมอนั่นมัน รุก แต่เค้าก็ไม่ยอม รับ ให้หมอนั่นเหมือนกัน อีกอย่าง ในใจหมอนั่นมีแต่ดงเฮ จะให้ลบก็คงจะยากเย็นหน่อยล่ะ.... คิดพลางถอนหายใจไปพลาง ไม่น่าเข้ามาทำให้เครียดเลย~~คิมฮีชอล!!!

     

     

                    *****

                    **********

                    ******************

     

     

                    โต๊ะอาหาร บ้านเอสเจ ตอนเช้า:::

     

     

                    สภาพวุ่นวายของการร่วมรับประทานอาหารตอนเช้าของนักร้องบอยแบนด์ชื่อดังยังคงเป็นไปเหมือนทุก ๆ วัน เสียงโวยวายของไก่กับกระต่ายเพื่อนรักยังมีมาให้ได้ยินเป็นระยะ ๆ  โดยมีหมาป่าเจ้าเล่ห์มองตามอย่างเปิดเผย ส่วนสโนวไวท์แก้มป่องกับพิน็อคคิโอ้สมองทึบตอนนี้ก็ยังนั่งป้อนข้าวกับไปมา ซินเดอเรลล่าของวงกำลังนั่งไขว่ห้างรอให้หนุ่มหล่อฉายาซิมบ้า ตักอาหารใส่จานให้ ชินดง เยซอง และ เรียวอุค นั่งกินข้าวอย่างเงียบ ๆ ไม่สนใจใคร ส่วนหัวหน้าวงกับท่านรองน่ะหรอ....

     

                    ลีทึกกี้...ป้อนข้าวหน่อยสิ *-*

     

                    กินเองเป็นมั๊ย!!!! ตัวก็โตยังกับหมี อย่ามาทำออดอ้อน!!!”

     

                    สิ้นเสียงของหัวหน้าวงคนสวย คนที่พยายามทำตัวน่ารักเพื่ออ้อนคนตาหวานเหมือนซักครู่นี้ก็หน้าเจื่อนลงไปทันที แล้วทั้งวงก็ร่วมใจกันเงียบเพื่อไว้อาลัยแด่พ่อหมีตัวใหญ่ที่โดนดุแต่เช้า เอ่อ....เว้นก็แต่ท่านราชินี กับสิงโตองครักษ์ไว้หน่อยแล้วกันนะ เพราะ คู่นั้น ดูเหมือนจะยังไม่เลิกกระหนุงกระหนิงกันเลย...

     

                    แล้วฮันกยองล่ะ??”

     

                    ลีทึกเอ่ยถามแล้วหันหน้าไปทางคนที่น่าจะรู้มากที่สุดเพราะเป็นรูมเมทของคนที่พูดถึง...ฮีชอลนั่นเอง ราชินีของวงทำเพียงยักไหล่เป็นเชิงว่าตัวเองไม่รู้ไปให้หัวหน้าวงคนสวย...ทั้ง ๆ ที่เมื่อเช้าเพิ่งขึ้นไปทักทายแล้วทำให้หนุ่มชาวจีนนั่นเครียดมาแท้ๆ แต่คนตาโตกลับตอบเหมือนกับจงใจให้คนบางคนสะดุ้ง แล้วมันก็จริงเสียด้วย....คนที่กำลังร้อนตัวเพราะพูดถึงฮันกยอง

     

                    ฮยอกแจที่กำลังเล่นกับซองมินถึงกับชะงักการกระทำไปครู่ ใบหน้าขาวหันมาทางลีทึกกับฮีชอลเล็กน้อยก่อนจะหันกลับไปเล่นกับกระต่ายน้อยต่อเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่แน่นอน การกระทำเมื่อครู่มันไม่สามารถรอดพ้นสายตาของลีทึกไปได้หรอก...แต่ท่านหัวหน้าวงก็ได้แต่เก็บงำความสงสัยเอาไว้เท่านั้น ในตอนนี้

     

                    กินข้าวเสร็จแล้วไปคุยกับชั้นที่ห้องด้วยได้มั๊ยฮีชอล

     

                    ได้เสมอ ท่านหัวหน้า

     

                    พูดจบก็กระตุกยิ้มที่มุมปากให้อีกคนที่กำลังระแวงอยู่เสียวหลังเล่นเสียอย่างนั้น แล้วคนสวยทั้งสองก็ลงมือทานอาหารต่อไปเหมือนเมื่อครู่นี้ไม่มีอะไรเกิดขึ้น...ทิ้งให้อีกคนที่โดนโยนระเบิดไปให้นั่งร้อน ๆ หนาว ๆ อยู่เดียว เพราะ สับสนกับความรู้สึกของตัวเอง

     

     

     

     

                    แล้วมื้อเช้าอันแสนวุ่นวายก็จบลงด้วยความสนุกของใครบางคน...ความสงสัยของใครบางคน....และความกังวลใจของใครบางคน ส่วนไอ้คนต้นเหตุคนจีนที่มีชื่อว่าฮันกยอง จนถึงบัดนี้ก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะออกมาจากห้อง...หลังจากนั้น คนสวยทั้ง 2 คนที่แอบนัดแนะกันไว้ก็แยกออกไปคุยกันในห้อง

     

                    นิสัยไม่ดีเลยฮีชอล นายจะไปแกล้งน้องทำไม

     

                    ถ้าไม่แกล้งนายก็ไม่รู้น่ะสิ...ใช่ม้า~~”

     

                    ฮีชอลทำหน้าเจ้าเล่ห์ก่อนจะเดินไปนั่งตรงข้ามกับเจ้าของห้องอย่างเคยชิน ลีทึกหรี่ตาลงมองอีกคนด้วยแววตาที่บ่งบอกว่าให้พูดเรื่องที่ตนอยากฟังมาเร็ว ๆ ....ฮีชอลหัวเราะคิกคักก่อนที่ริมฝีปากเรียวจะขยับเขยื้อนเอื้อนเอ่ยเรื่องราวของฮันกยองให้อีกคนนึงฟัง....ส่วนเรื่องฮยอกแจ ก็มีบ้างตามเท่าที่พอจะรู้

     

                    ....- - - - -- ....

     

                    เป็นอย่างนี้นี่เอง

     

                    แล้วนายจะทำไงลีทึก จะปล่อยให้ 2 คนนี้เป็นอย่างนี้ต่อไปน่ะหรอ

     

                    เป็นยังไงล่ะ

     

                    เอ๊ะ!!!!ไอ้คุณหัวหน้าวงนี่!!!”

     

                    ก็ปล่อยไปสิ นายจะไปกับยุ่งเค้าทำไมล่ะฮีชอล

     

                    ก็ชั้นจะยุ่ง...ทึกกี้ นายต้องช่วย!!!”

     

                    ช่วยอะไรล่ะ

     

                    ช่วยเป้นที่ค้ำประกันน่ะ

     

                    พูดแล้วยิ้มแล้วเล่ห์อีกรอบ ก่อนปากเรียวจะเรียกชื่อฮยอคแจตะโกนเสียงดัง...ดังมากพอที่มันจะไปถึงห้องอาหาร ให้คนถูกเรียกได้ยิน ซักพักเสียงฝีเท้าถี่รัวที่บ่งบอกได้ว่าผู้เป็นเจ้าของนั้นรีบขนาดไหนก็ดังขึ้น พร้อม ๆ กับเสียงหอบเพราะความเหนื่อยดังมาจากปากของลิงหน้าไก่รูปร่างบอบบางที่มีนามว่าฮยอคแจ ที่ตอนนี้ยืนเกาะประตูหอบอย่างเหนื่อยอ่อน

     

                    แฮ่ก ๆ....มะ...มีอะไรรึเปล่าอ้ะ ...เจ๊~~”

     

                    มีสิ สำคัญด้วย

     

                    เจ้าไก่ประจำวงเบิกตากว้าง (อย่างที่ไม่เคยกว้างมาก่อน) จนฮีชอลนึกอยากจะเอานิ้วไปจิ้มตานั่นสักทีสองที แต่ติดตรงที่ว่ามันกว้างไม่อจะให้จิ้มน่ะสิ แล้วอะไรมันจะตกใจขนาดนั้น~~ก็แค่คนสวยที่ชื่อคิมฮีชอลจะใช้นู่นใช้นี่นิดหน่อย อะไรมันจะตกใจปานนั้น

     

                    ทำไม มีปัญหาอะไร ดูทำหน้าเข้า อย่างกับลิงพยายามถ่างตา

     

                    โห่~~เจ๊...ป่าวพยายามนะ แค่ตกใจ กลัวว่าเจ๊จะใช้อะไรพิเรนท์ ๆ...เท่านั้นแหละ

     

                    จะบ้าหรอไอ้ไก่ ไม่พิเรนท์โว้ย ไม่เชื่อถามทึกกี้ดิ

     

                    พูดแล้วหันไปพยักเพยิดให้ร่างขาวบางนี่หันไปหาอีกคนเพิ่มความน่าเชื่อถือ ซึ่งเจ้าไก่ (ไร้สมอง) ก็หันไปทันที โดยการู้ไม่ว่า การหันไปหาลีทึกของคิมฮีชอลนั้น คุณเธอได้ขยิบตาเป็นเชิงบอกให้รู้ว่าขอความช่วยเหลือไปให้ลีทึกกด้วย ซึ่งแน่นอนว่าท่านหัวหน้าวงก็ทำตามแต่โดยดี โดยการตีหน้าเครียดแล้วพยักหน้า ก่อนจะเอ่ยออกมา คำพูดที่เรียกรอยยิ้มจากฮีชอล แต่เรียกสีหน้าประหลาดได้จากเจ้าไก่ซีด

     

                    เรื่องฮันกยองน่ะ

     

                    ฮยอคแจหน้าถอดสีทันทีที่ได้ยินชื่ออนี้ ความรู้สึกต่าง ๆ มันปนเปไปหมด ตกใจที่ว่าเรื่องสำคัญเป็นเรื่องของไอ้เจ้าคนจีน ทำให้เกิด เป็นห่วง ขึ้นมาไม่ได้ว่าจะเป็นอะไรมากรึเปล่า แต่ก็ไม่อยากจะเจอหน้าซักเท่าไร เพราะ กลัวโดนล้อเรื่องนั้น...เรื่องที่ไปร้องไห้ แถมพอดีมาตอนเช้า ไอ้มังกรนั่นยังกอดเค้าไว้ซะแน่น มันน่า...มั๊ยล่ะ แต่เรื่องที่ค้างคาก็คือทำไมหมอนั่นถึงไม่ลงมากินข้าว...แล้ว...

     

                    ฮยอคแจ นายจะคิดคนเดียวอีกนานมั๊ยเนี่ย??”

     

                    ปะ...ป่าวซักหน่อย ว่าแต่หมอนั่นเป็นอะไรอ้ะ

     

                    ไม่สบาย..หนักเลยล่ะ นอนซมอยู่ที่ห้อง

     

                    โกหกคำโตจากปากของหัวหน้าวงรียกสีหน้าตกใจจากลิงหน้าไก่ได้อีกรอบ ส่วนฮีชอลเองก็ยังอดทึ่งไม่ได้กับการรับมุขของหัวหน้าวงคนสวยในครั้งนี้ ส่วนฮอยกแจตอนนี้ทำสีหน้าบอกไม่ถูกอีกรอบ แล้วละล่ำระลักถาม

     

                    เป็นไปได้ไงเจ๊ ไอ้ถึกนั่นน่ะนะจะมาป่วย ล้อเล่นป่าว

     

                    ไม่รู้ล่ะ รู้สึกว่าจะเพ้อใหญ่ ไปดูหน่อยก็ดีนะ

     

                    ซินเดอเรลล่ายังคงทำหน้าเฉยให้ดูหน้าเชื่อถือต่อไป แต่คนฟังนั้นหน้านิ่วคิ้วขมวดเป็นอะไรแล้ว เพราะใจพาลคิดไปว่าไอ้คนปากดีเมื่อเช้านั้นอาการหนักขนาดไหน แต่ก็ยังไม่วายมองหน้ารุ่นพี่ของวงทั้ง 2 คน ซ้ายทีขวาทีสลับกันไปเพื่อยืนยัน เมื่อคิดเอาเองว่าคงจะเป็นความจริง ขาเรียวจึงรีบพาตัวเองมาที่ห้องอย่างรวดเร็ว เคาะประตูก่อนตามมารยาท ก่อนจะพรวดพราดเข้าไปเพราะคิดเองเออเองว่าคนในห้องคงไม่มีแรงลุกมาเปิดได้เป็นแน่ แต่สิ่งที่เห็นก็คือ...

     

                    อะ....อ๊ากกกกก...อุ๊บ!!!อ่อย อะ โอ๊ยยยย...ไอ้ อัน อ่อยยย!!!”

     

                    มือใหญ่ของฮันกยองตรงเข้ามากดปากของไอ้ไก่เจ้าปัญหาไว้ทันที ส่วนคนที่โดนปิดปากอยู่นั้นก็ยังคงดิ้นพรวดเหมือนไก่โดนน้ำร้อนอยู่ตลอดเวลา ฮันกยองรีบปิดประตู ล็อคกลอน แล้วฉุดกระชากลากดึงคนที่ดิ้นอยู่ให้เข้าห้อง ไปโดยเร็วก่อนที่คนอื่นจะเดินมาเห็นภาพอันน่าคิดนี่

     

                    นายอย่าโวยวายได้มั๊ยไอ้ไก่...

     

                    ละ...แล้ว แกทำไมต้อง...เอ่อ..ตะ...แต่งตัวอย่างงั้นเล่า

     

                    ก็กำลังจะแต่งตัว แล้วแกไม่คิดจะรอเจ้าของห้องมาเปิดให้มั่งเลยรึไงกัน

     

                    ก็นึกว่าแกลุกไม่ไหวนี่!!!”

     

                    ฮยอกแจเริ่มขึ้นเสียง...จะไม่ให้โกรธยังไงไหว คนอุตส่าห์...เอ่อ....อุตส่าห์กลัวไอ้หมอนี่จะเป็นอะไรไป แค่กลัวจริง ๆ นะ ไม่มีอะไรเกินกว่านั้นหรอก ก็แค่กลัวว่าจะไม่มีข้าวกินเท่านั้นแหละ...แต่กลับมาโดนว่าเหมือนตัวเองเป็นเด็ก ๆ อย่างนี้ แถมไอ้ใบหน้าบ้านี่ก็ดันร้อนผ่าวเหมือนกับเป็นไข้อย่างนั้นแหละ ไม่อยากจะคิดว่าป่านนี้หน้าจะแดงไปถึงไหนแล้ว แต่ที่แน่ ๆ ...ไอ้คนที่สมควรโดนว่าก็คือ ฮันกยอง ไอ้คนจีนที่ดันแต่งตัวอย่างไม่อายใครนั่น...ก็เล่นถอดซะ..เกือบหมดนี่ -/////-

     

                    แกไม่คิดว่าจะมีใครมา...เอ่อ...มาเห็นบ้างรึไงนะ

     

                    ไม่คิดว่าจะมีใครปัญญาอ่อนเปิดประตูพรวดพราดเข้ามาโดยไม่ได้รับอนุญาตเหมือนแกนี่หว่า

     

                    ไอ้ฮันกยอง.....-*- พูดมันดีดีน่ะ เป็นมั๊ย??”

     

                    คำนั้นชั้นสมควรจะพูดนะฮยอกแจ เพราะแกเป็นน้องชั้น!!!”

     

                    ฮันกยองใส่อารมณ์เล็กน้อยก่อนจะหันไปสวมเสื้อให้เสร็จ...ก่อนที่หน้าของไอ้ไก่บ้านั่นจะไหม้เกรียมไปเสียก่อน ระหว่างนั้น ดูเหมือนจะไม่มีใครคิดที่จะพูดอะไรออกมาเลย จรกระทั่งเจ้าของห้องแต่งตัวเสร็จนั่นแหละ บทสนทนาจึงเริ่มขึ้นอีกครั้ง

     

                    แล้วแกมาทำไมที่ห้องเนี่ย

     

                    ก็...นายไม่สบายไม่ใช่หรอ

     

                    สรรพนามจากปากของเจ้าไก่เริ่มเปลี่ยนไปเล็กน้อยเมื่อนึกถึงเรื่องที่เป็นสาเหตุให้ต้องมาที่นี่ ....เอาวะ อย่างน้อยไอ้คนจีนนี่ก็เป็นคนป่วย สุภาพกับมันหน่อยก็คงจะดี...แต่อีกคนดูท่าจะไม่ได้สังเกตเห็นความผิดปกติ ที่เจ้าไก่กวน (ส้น) เปลี่ยนสรรพนามจาก แก ไปเป็น นาย ซักเท่าไร กลับกัน...แทนที่ฮันกยองจะทำหน้าดีใจ กลับมีเพียงคิ้วที่ขมวดขึ้นเป็นคำถามส่งมาให้

     

                    ใครบอกนาย...??”

     

                    พะ...พี่ลีทึก กับ พี่ฮีชอล

     

                    จะบ้าเรอะ!!!!พูดแล้วพรวดพราดวิ่งไปหน้าห้องทันที ส่วนไอ้เจ้าไก่ที่ตามคนไม่ทันได้แต่ยืน งง อยู่กับอารมณ์อันแปรปรวนเล็กน้อยของเจ้าของห้องอยู่ตรงนั้น ซักพักก็ได้ยินเสียงสบถดังมาจากทางด้านหน้าห้อง...เสียงสถบของไอ้คนจีนที่นาน ๆ ที่จะหลุดออกมา แถมชื่อของคนที่มาเกี่ยวด้วยนั้นยังเป็นคนที่อายุมากที่สุดในวงอีกเสียด้วย...ไม่น่าเชื่อว่าไอ้คนที่เคร่งครัดเรื่องการลำดับอายุอย่างหมอนั่นจะทำได้

     

                    ~~กริ๊ก!!!~~

     

                    บ้าเอ๊ย...ยัยเรลล่า ลีทึก!!!!ไอ้พวกแสบ!!!!”

     

                    บ่นกระปอดประแปดตั้งแต่หน้าประตูมาจนถึงที่ที่เจ้าไก่ยืนอยู่ โดยมีอีกคนมองตามด้วยความไม่เข้าใจ...แต่ไม่กล้าถามซักเท่าไร จนซักพัก จึงค่อย ๆ เค้นเสียงพูดถามออกไป

     

                    ปะ...เป็นอะไรรึเปล่า

     

                    ตอนนี้ไม่ แต่ถ้าออกไปได้จะตามฆ่าคนเจ้าเล่ห์ 2 คนน่ะ

     

                    แล้ว...นายตัวร้อนมากมั๊ย เป็นอะไรมากรึเปล่า

     

                    ฟังนะฮยอคแจ...นายโดนหลอกแล้ว ชั้นไม่ได้เป็นอะไรซักนิด -*-...เมื่อเช้านายก็เห็นนี่นา อ้อ แต่ลืมไป นายคงไม่เคยคิดสินะว่าอะไรคือความจริง อะไรคือเรื่องล้อเล่นน่ะ

     

                    นายว่าชั้นโง่ ไอ้มังกร -*-

     

                    ฮยอคแจทำแก้มป่องเล็กน้อย (รัศมีเคะเริ่มแตก) จนฮันกยองอดยิ้มไม่ได้ ก็นาน ๆ  ทีไอ้เจ้าคนกวนตีนนี่จะมาทำหน้างอนเหมือนจะพยายามให้ง้อนี่นา แถมบรรยากาศยังเป็นใจซะขนาดนี้...หรือจะทำอย่างที่ไอ้คนเจ้าเล่ห์ 2 คนนั้นบอกดีนะ??.........

     

                   

                    **ไม่กี่นาทีก่อน**

     

                    ผมฮันกยองครับ ตอนนี้กำลังตกอยู่ในอาการตกใจเล็กน้อย

     

                    เมื่อครู่นี้ไอ้ไก่นั่นมันพูดว่ายังไงนะครับ ผมเนี่ยนะจะไม่สบาย...ไม่รู้จักคิดซะมั่งเลยย~~ก็เมื่อเช้ายังประทุษร้ายผมอยู่เลยนี่นา แล้วแค่พี่ลีทึก กับ ฮีชอลพูดแค่นี้ ถึงกับรีบร้อนวิ่งมาถามเลยหรืออย่างไรกัน -*-...ไม่ได้นึกถึงหลักความเป็นจริงเลยซักนิด (ถึงผมจะแอบดีใจอยู่ลึก ๆ ที่เจ้านี่อุตส่าห์เป็นห่วงเป็นใยก็เหอะ)

     

                    แต่เดี๋ยว...ใครบอกนะ ฮีชอลงั้นหรอ...ไอ้คนหน้าสวยแต่หัวสมองอัดแน่นไปด้วยความเจ้าเล่ห์นั่นน่ะนะ ซวยแน่ ๆ ฮันกยอง ราชินีนั่นคิดอะไรอยู่ก็ไม่รู้ พ่วงด้วยแม่หมีที่มีศักดิ์เป็นหัวหน้าวงนั่นอีก ความบรรลัยได้บังเกิดขึ้นแน่ถ้าสองคนนี้ร่วมมือกันน่ะ...คิดเสร็จผมก็รีบวิ่งออกไปหน้าห้องทันที ต้องมีอะไรเกิดขึ้นแน่ ๆ ต้องเ)นอย่างที่ผมคิดแน่ ๆ พวกนั้นน่ะ ไม่ใช่แก่แค่อายุอย่างเดียวนี่นา ยังแฝงไปด้วยความแสบอีกต่างหาก

     

                    ~~กริ๊ก~~

     

                    ไม่จริง!!!เสียงนั่น....อ๊ากกกก!!!! ผมจะไปถึงประตูอยู่แล้วเชียว แต่ไอ้เสียงนั่นก็ดันดังขึ้นมาก่อน ไม่เข้าใจกันล่ะสิว่ามันเป็นเสียงอะไร ก็เสียงล็อคประตูไงครับ และแน่นอนว่าผมคงจะไม่โวยวายอย่างนี้ถ้ามันไม่ใช่...เสียงล็อคประตูจากด้านนอก...ตอนนี้ผมกำลังโดนขังครับ โดนขังอยู่กับไอ้ไก่ซื่อบื้อ โดยฝีมือของราชินี กับ หัวหน้าวงเจ้าเล่ห์!!!!

     

                    แต่แล้ว...สายตาผมมันก็เหลือบไปเห็นบางสิ่งบางอย่าง ผลุบออกมาจากใต้บานประตู เป็นกระดาษแผ่นนึงครับ แน่นอนว่าผมรีบหยิบมันขึ้นมาอ่านทันที แล้วก็ถึงบางอ้อเล็กน้อย ก่อนจะกัดฟันระงับอารมณ์ต่าง ๆ ...ก็ไอ้กระดาษของผู้หวังดีแผ่นนั้น มันเขียนไว้ว่าอย่างนี้นี่ครับ

     

     

                    ฮันกยอง น้องรัก/ไอ้บ้าฮันกยอง

                    คิดว่านายคงรู้แล้วว่ากระดาษแผ่นนี้มาจากใคร....(เว้นแต่ว่านายจะโง่จนแปลไม่ออกน่ะนะ) อุตส่าห์เปิดทางให้แล้ว ก็อย่าอยู่เฉย ๆ ล่ะ (อย่าโง่ เข้าใจมั๊ย) รีบ ๆ บอกรักไปซะทีน่า ยิ่งตอนนี้ไอ้ไก่นั่นยังไม่มีใคร รีบไปทำให้มันรู้ตัวทีว่ามันน่ะ ไม่ได้เมะอย่างที่ตัวเองคิด...รีบ ๆ เข้า พวกชั้นจะคอยเชียร์อยู่ข้างนอกนี่แหละ สู้ ๆ นะ...

                    อ้อ...ฮีชอลอเค้าฝากบอกมาน่ะ ว่า...อย่าโง่ให้มันมาก ไอ้บ้าฮันกยอง ไม่ต้องทำตัวเป็นสุภาพบุรุษขนาดนั้น ไอ้ไก่นั่นก็โง่ คิดว่าตัวเองแมนเสียเต็มประดา ส่วนแก...โง่ที่กลัวว่าจะไปแทรกตอนที่มันอ่อนแอ ถามหน่อยเถอะ ถ้าไม่ทำตอนนี้แล้วนายจะทำตอนไหน รีบ ๆ บอกออกไปเถอะน่า!!!ชั้นอยากเห็นคนโง่ 2 คนรักกันจะแย่อยู่แล้ว~~

                                                                                                                                                    ด้วยความหวังดี

                                                                                                                                                    ลีทึก / ฮีชอล

     

     

     

                    นี่แหละครับ...เหตุผล

     

                    แน่นอน ว่าผมคงไม่โง่หรอก....แต่จะทำยังไงล่ะ ที่จะทำให้ฮยอกแจเลิกคิดว่าตัวเองแมนเสียที ให้บอกรักไปตรง ๆ คงไม่ดีแน่ แต่ถ้าไม่จัดการให้เสร็จ มีหวังไม่ได้ออกไปจากห้องแน่ ๆ ก็งานนี้พี่ลีทึกร่วมด้วย คงจะเอาจริงอย่างที่เขียนมาแน่นอน เอาตำแหน่งหัวหน้าวงของพี่ลีทึกเป็นประกัน...

     

                    ส่วนคนที่ซวยที่สุด ไม่ใช่ใครที่ไหนหรอกครับ ผมคนนี้นี่ไง คนจีนคนเดียวในวงที่ชื่อฮันกยองที่ตอนนี้กำลังตกที่นั่งลำบากเพราะดูเหมือนว่าสองคนนั้นจะเห็นว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องสนุก ทั้ง ๆ ที่มันไม่ได้สนุกเลยซักนิด ผมสบถออกมาเล็กน้อยก่อนจะเดินกลับเข้าไปทางด้านในของห้อง ทำให้พบกับฮยอกแจที่ยืนเอ๋อมาตั้งแต่เมื่อครู่นี้แล้ว หมอนั่นมองผมด้วยสายตากล้า ๆ กลัว ๆ คงเพราะไม่เคยเห็นผมสบถแบบนั้นละมั้ง ซักพัก ก็เอ่ยปากถามออกมา

     

                    ปะ...เป็นอะไรรึเปล่า

     

                    ตอนนี้ไม่ แต่ถ้าออกไปได้จะตามฆ่าคนเจ้าเล่ห์ 2 คนน่ะ

     

                    แล้ว...นายตัวร้อนมากมั๊ย เป็นอะไรมากรึเปล่า

     

                    ฟังนะฮยอคแจ...นายโดนหลอกแล้ว ชั้นไม่ได้เป็นอะไรซักนิด -*-...เมื่อเช้านายก็เห็นนี่นา อ้อ แต่ลืมไป นายคงไม่เคยคิดสินะว่าอะไรคือความจริง อะไรคือเรื่องล้อเล่นน่ะ

     

                    นายว่าชั้นโง่ ไอ้มังกร -*-

     

                    หมอนั่นพูดแล้วทำแก้มป่อง...ไม่รู้ว่าคนอื่นจะคิดยังไงนะครับ แต่สำหรับผม มัน....มัน....มันน่ารักมาก ๆ เลยล่ะ โธ่!!!!ตอนนี้ไอ้พวกความไม่กล้าเมื่อครู่มันเริ่มหายไปแล้วล่ะครับ เหลือแค่ความหน้าด้านที่เริ่มจะปรากฏออกมา ผมหายใจเข้าลึก ๆ บอกกับตัวเองว่าให้ใจเย็น ๆ ในใจ...ก่อนจะจ้องหน้าฮยอกแจนิ่ง

     

                    ไอ้ไก่~~” คือ ขอโทษที่ผมมันไม่ซึ้งครับ - -

     

                    หะ...หา อะไรเล่า ไม่เห็นต้องทำหน้าจริงจังขนาดนั้นเลย

     

                    ก็ชั้นจริงจังนี่

     

                    พูดจบผมก็จับไหล่หมอนั่นเพื่อให้นิ่งกันทั้งสองคน...ฮยอกแจสะดุ้งเล็กน้อย ผมสังเกตได้ แต่ผมเองก็ไม่ได้ตื่นตกใจน้อยไปกว่ากันหรอกครับ...ที่ต้องให้นิ่ง ๆ นี่ก็เพื่อระงับความตื่นเต้นของตัวเอง ทำให้มันน้อยลงซักนิดก็ยังดี...ไม่อย่างนั้นชาตินี้คงไม่ได้ออกไปจากห้องแน่ ๆ

     

                    ...

                    ...

                    ...

                    ...

                    ผมเงียบครับ...ยังไม่พูดอะไร คือ ผมขอเวลาทำใจนิดนึงเองนะครับ

                    ...

                    ...

                    ...

                    ...

                    โว้ย!!!!อย่าลีลาสิไอ้มังกรบ้า!!!”

     

                    ไม่ได้ลีลา แต่เดี๋ยวเซ่!!!”

     

                    ไม่มีเดี๋ยวอะไรทั้งนั้นแหละไอ้บ้า...พูดออกมานะโว้ยย!!!!อย่ามาทำให้อยากรู้สิ!!!”

     

                    อยากรู้จริง ๆ ใช่มั๊ย??!!”

     

                    เออ!!!พูด ๆ มาเลยสิ!!!”

     

                    ได้ ชั้นชอบนาย..!!!ไอ้ไก่ ลีฮยอกแจ!!!ชั้นชอบนาย!!!”

     

                    เออ ก็แค่เนี๊ยะ~~ทำลีลาไปได้

     

                    ...

                    ...

                    ...

                    ...

     

                    ว่าไงนะ

     

                    เหมือนเมื่อกี๊

     

                    ฮยอกแจทำหน้านึกคิดครู่นึง ก่อนที่หน้าขาว ๆ นั่นจะเกิดสีแดงเรื่อขึ้นมาทันที ผมคิดว่าหมอนั่นคงคิดคำพูดของผมเมื่อครู่นี้ออกแล้วล่ะ ถึงไอ้เกิดอาการอย่างนั้นน่ะ แน่นอนว่าผมไม่รอช้า รีบคว้าตัวบาง ๆ ของหมอนั่นมากอดทันที...หมอนั่นสะดุ้งอีกครั้ง แต่ก็ไม่ได้ขืนตัวออกไปจากอ้อมกอด..

     

                    ...ผมคงไม่แห้วนะ...

     

                    ยะ...อย่ามาล้อเล่นเซ่!!!”

     

                    พูดตวาดเสียงแผ่วแล้วเริ่มดิ้นเล็กน้อย แต่แน่นอน...ผมไม่คิดจะปล่อยให้หลุดออกจากอ้อมกอดหรอก กลับกัน ผมกลับกอดเจ้านั่นแน่นยิ่งกว่าเดิม รู้สึกดีใจยังไงไม่รู้สิ....หึหึ แต่ที่ต้องกังวลอีกเรื่องคือ ไอ้หมอนี่มันจะคิดอย่างผมรึเปล่านี่สิ

     

                    ไม่ได้ล้อเล่น ก็บอกแล้วว่าชั้นจริงจัง แล้วนายล่ะ สนใจจะเลิกแมนแล้วกันมามองชั้นบ้างมั๊ย??”

     

                    ชั้นแมนโว๊ยย!!!จะให้บอกกี่ทีเล่า

     

                    งั้นเอาใหม่ นายชอบชั้นบ้างรึเปล่า??”

     

                    อย่ามาถามอย่างนี้เซ่!!!”

     

                    ผมแอบสังเกตเห็นฮยอกแจพูดไปหน้าแดงไป คงจะเขินล่ะสิ แต่ที่เขินนี่มันเพราะว่าอะไรกันล่ะ ถ้าเพราะว่าเขินที่ผมพูดอย่างนั้นน่ะ คงจะดีมากทีเดียว

     

                    ว่าไงล่ะ??หืม...

     

                    ก็ได้......

     

                    หา....

     

                    ก็ได้....ชอบก็ได้....ชอบนายก็ได้...ไอ้บ้าฮันกยอง

     

                    ผมยิ้มอย่างดีใจกับคำตอบนั้น เจ้าไก่ฮยอกแจนั่นทำอะไรเคะ ๆ กับเค้าก็เป็นด้วยแฮะ...อะ ผมไม่ได้ว่าซักหน่อยนี่ครับ กลับกัน เจ้านั่นมันน่ารักชะมัด!!!เอาเถอะครับ ถึงจะแค่ชอบในตอนนี้ ผมก็หวังว่าซักวันคงจะดีขึ้นกว่านี้ ส่วนเรื่องแมนไม่แมนนั่น ตอนนี้ลืมไปก่อนก็คงจะดี...^^”

     

                    ...

                    ...

                    ...

                    ...

     

                    แต่ผมไม่ยอมเคะให้หมอนั่นหรอกนะครับ!!!

     

     

                    [[THE E…….

     

                    อ๊ะ ๆ ๆ...เดี๋ยวสิ อย่าเพิ่งจบสิครับคุณผู้แต่ง ผมยังไม่ได้พูดอะไรเลยนะ!!!!

     

                    สวัสดีอีกครั้งครับ ผมลีฮยอกแจ ตอนนี้กำลังตกที่นั่งลำบากเล็กน้อยเพราะดันไปบอกว่าอชอบไอ้คนงี่เง่าอย่างฮันกยองไงล่ะ!!!คิดดูสิครับ...แล้วดูท่าว่า มันจะให้ผมเป็นเคะซะด้วยสิ เรื่องนั้นน่ะ ยอมไม่ได้เด็ดขาด ไม่มีวัน....ไม่มีวัน....และไม่มีวัน!!!!!

     

                    อีกอย่าง ที่ผมคิดว่าผู้อ่านหลายท่านคงจะคิดกันว่า....ผมน่ะ ใจง่าย!!!

     

                    ไม่จริงเลยครับ ไม่จริงอย่างยิ่ง ผมน่ะไม่ได้ใจง่ายซักหน่อย ก็แค่.....ไม่รู้แหละครับ -*- แต่ผมไม่ได้ใจง่ายนะ!!!ก็แค่...หวั่นไหวเท่านั้นเอง ผมก็แค่พูดว่าชอบ ไม่ได้บอกว่ารักซะหน่อย อ๊ะ!!!แต่ก็ไม่ได้บอกว่าไม่รักอีกนั่นแหละครับ...หวังว่าคงจะเข้าใจผมนะ

     

                    ผมเชือว่าเวลาสามารถทำให้คนรักกันได้ ไม่รู้สิครับ...กับบางคน ให้นานแค่ไหนก็ไม่รักหรอกครับ แต่กับหมอนี่...ไอ้คนจีนงี่เง่างี่ ผมกลับเชื่อ...เชื่อว่าหมอนั่น อาจจะทำให้ผมรักก็ได้ และจะรอ รอจนกว่าจะถึงวันที่ผมรักหมอนั่น...

     

                    ....รักชั่ววูบ ผมจะเปลี่ยนให้มันมั่นคงให้ได้!!!...

     

     

     

                    [[THE END]]



    จบจนได้น้า~~นานเหลือเกิน จะมีใครเข้ามาอ่านอีกมั๊ยเนี่ย ^^"

    รอคอยคนหลงทาง อะคริ ๆ ๆ

    ขอโทษที่จบมั่วไปหน่อยค่ะ เพราะ มันควรจะจบได้แล้ว....-*-

    25 หน้า ทำไปได้ -*-...นี่มันกี่ตอนกันคะ??

    ขอบคุณทุกคอมเม้นนะคะ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×