ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    hey,you!

    ลำดับตอนที่ #2 : :: CH I ::

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 129
      2
      7 มิ.ย. 57





    I

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    “ก็ไม่อยากเรียนแล้วอะ!

     

     

    เสียงตวาดแว้ดดังขึ้นมาจนเขาต้องเบ้ปาก ถ้าใครรู้จักเขาก็คงจะรู้ดีว่าปาร์คจีมินไม่ชอบให้ใครตะโกนใส่ ยิ่งสนิทกันเท่าไหร่ก็ไม่ควรทำกิริยาแบบนี้ แล้วนี่คืออะไร ..จอนจองกุกที่เด็กกว่าสองปี แทบจะเรียกได้ว่าโตมาด้วยกัน เด็กนี่ถึงจะขึ้นชื่อเรื่องเอาแต่ใจมากแค่ไหนก็ควรจะเคารพกันบ้างไม่ใช่หรือไง

     

     

    “ไม่อยากเรียนแล้วไปลงทำไม?”

     

     

    เขายังคงพยายามทำตัวเป็นพี่ที่ดีด้วยการข่มใจถามถึงต้นสายปลายเหตุ แต่เหมือนเด็กบ้านี่จะไม่ยอมฟังอะไรสักเท่าไร เอาแต่กดโทรศัพท์แล้วทำหน้าตาไม่สบอารมณ์ใส่กันอยู่ได้ ทั้งที่เรื่องทั้งหมดมันไม่ใช่ความผิดของเขาแม้แต่น้อย

     

     

    “พูดไปแล้วทำไมไม่ฟังวะ ก็บอกว่าตอนแรกคิดว่าจะเรียน แต่ตอนนี้ไม่อยากเรียนแล้วไง!

     

     

    จองกุกกระแทกเสียงใส่เขาพร้อมพ่นลมหายใจแรง นิสัยเสียแบบนี้ไม่เข้าใจจริงๆว่าทำไมถึงยังมีแต่คนรัก จอนจองกุกเป็นเด็กเอาแต่ใจแบบเกินเยียวยา แต่แม่ก็ยังจะโอ๋มันเพียงเพราะว่าคุณน้าฝากให้ดูแล แล้วปัญหาทุกอย่างก็ตกมาอยู่ที่จีมินซึ่งมีศักดิ์เป็นพี่ชาย นี่ก็เป็นปัญหาที่ร้อยที่เขาต้องตามเช็ดตามแก้ให้เหมือนเคย

     

     

    “เฮ้อ ..แล้วจะทำยังไง? ค่าเรียนที่เสียไปก็ไม่ใช่น้อยๆนะ”

     

     

    แต่ก็นั่นละ ..ถ้าพูดออกไปก็เหมือนถุยน้ำลายทิ้งเปล่าๆ ยังไงทุกอย่างก็จะเป็นแบบที่มันเคยเป็นมา แม่ก็จะยังโอ๋เด็กคนนี้ราวกับเป็นเทวดานางฟ้า และจองกุกจะยังคงทำตัวเป็นเด็กมีปัญหาเหมือนเดิม หรืออาจจะมากขึ้นด้วยซ้ำ ทั้งหมดเพื่อเรียกร้องความสนใจเขารู้ดี แต่การนิ่งเฉยก็แก้ไขอะไรให้ดีขึ้นไม่ได้ ที่ทำได้ก็คือตามแก้ปัญหาที่เด็กคนนี้ก่อขึ้นเท่านั้น

     

     

    “ก็ถึงได้มาบอกให้ไปเรียนไง จีมินชอบวาดรูปนี่ ไปสิ”

     

     

    จนถึงตอนนี้ก็ไม่มีคำว่าพี่นำหน้าเวลาเรียกชื่อเขาด้วยซ้ำ คิดไม่ผิดเลยที่ประหลาดใจใหญ่โตเมื่อเด็กคนนี้ชวนให้เขาไปเรียนวาดรูปด้วยน้ำเสียงร่าเริงเกินจำเป็น จนต้องซักไซ้ไล่เรียงให้พูดความจริงออกมา แต่เหมือนจะไม่ได้ความอะไรมากนัก จองกุกถอนหายใจเฮือกใหญ่ราวกับรำคาญเขานักหนา หลังจากพยายามต่อรองกันมากว่าครึ่งชั่วโมงแล้วก็ยังไม่ได้ข้อสรุปสักที

     

     

    “นี่มันไม่ใช่ประเด็นนะ ..นายควรบอกฉันมาว่าทำไมถึงไปลงเรียนตั้งแต่แรก คนชื่อจอนจองกุกที่ฉันรู้จักไม่ใช่เด็กขยันขนาดที่จะไปลงเรียนพิเศษเองถ้าฉันไม่บังคับ”

     

     

    คราวนี้คนที่เหนื่อยใจก็ไม่ใช่จะมีแต่จองกุกแล้ว เขาเองก็เริ่มจะเบื่อที่ต้องมากล่อมน้องเพื่อหาสาเหตุ ว่าทำไมเด็กคนนี้ถึงได้วิ่งโร่ไปสมัครเรียนวาดรูปโดยไม่ปรึกษาใคร จ่ายค่าเรียนไปตั้งแพงด้วยการแอบหยิบเงินของแม่ไปตอนไม่มีใครรู้ แล้วซ้ำร้ายจู่ๆก็จะมาบอกว่าไม่อยากเรียนแล้ว ให้เขาไปเอาเงินคืนหรือไม่ก็ไปเรียนแทน

     

     

    “หยุดหลอกด่าฉันสักที ไปเรียนแทนก็จบแล้ว นายก็ได้ประโยชน์จะมาบ่นทำไมนัก”

     

     

    แขนเล็กยกขึ้นกอดอกอย่างคนที่หมดความอดทน และจีมินเองก็เช่นกัน เขาเหนื่อยแล้วกับการเถียงกันไปมา เพราะสุดท้ายยังไงจองกุกก็ไม่มีทางยอมไปเรียนเป็นแน่ ลองให้เด็กคนนี้ตัดสินใจได้แล้วก็ไม่มีทางกลับลำง่ายๆ และเป็นเขาเองในที่สุดนั่นละที่ต้องจัดการกับไอ้โครงการเรียนวาดรูปนั่น

     

     

    “ถ้างั้นบอกฉันมา ไปลงเรียนทำไมแต่แรก แล้วฉันจะยอมไปเรียนแทนเอง”

     

     

    ปากแดงๆของจองกุกบิดเบี้ยวด้วยอารมณ์ที่คุกรุ่น เด็กคนนั้นถีบเก้าอี้ที่ตั้งอยู่ใกล้ตัวออกไปอย่างเกรี้ยวกราด แต่แล้วเมื่อได้ระบายอารมณ์นิดๆหน่อยแล้ว ก็เหมือนจะกลับมาควบคุมสติได้เหมือนเดิม

     

     

    “เดือนก่อนฉันตามจีบดาอึนอยู่ ก็เลยลงเรียนตามเธอ แต่ตอนนี้ฉันเลิกชอบแล้ว ก็เลยไม่รู้จะไปเรียนทำไม ..โอเคนะ เลิกอยากรู้อยากเห็นได้แล้วจีมิน”

     

     

    ไม่ผิดจากที่คิดไว้มากนักหรอก ..จองกุกเป็นเด็กแบบนี้มาตลอด เอาแต่ใจเป็นที่หนึ่งจนเขาไม่รู้จะพูดยังไง เวลาอยากได้อะไรก็ต้องได้ แล้วเป็นยังไงล่ะ สุดท้ายคนที่ต้องรับเคราะห์ไม่ใช่เขาหรอกหรือ

     

     

    “อ้อ มะรืนนี้ห้าโมงเย็นที่เอเอเดอะดีไซน์นะ ตั้งใจเรียนล่ะ”

     

     

    ยกยิ้มมุมปากก่อนลุกเดินออกไปอย่างรวดเร็ว จอนจองกุกทิ้งเขาให้นั่งครุ่นคิดถึงอนาคตของตัวเองต่อไป โดยไม่สนใจใยดีอะไรทั้งนั้น เหลือบมองอีกครั้งก็เห็นแค่แผ่นหลังที่เคลื่อนไหวเร็วๆไปทางเกมเซ็นเตอร์แล้ว

     

     

     

    ที่ทำได้ตอนนี้ก็มีแค่ภาวนาให้คลาสเรียนนั่นไม่แย่นักก็แล้วกัน

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    “ลูกผู้ชายต้องทำตามสัญญาดิวะ ก็มึงแพ้อะ”

     

     

    มินยุนกิเอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบง่าย เบาสบายเหมือนชีวิตนี้ไม่มีอะไรให้กังวล เออก็แน่ดิวะ ..คนที่ต้องรับภาระมันคือคิมซอกจินคนนี้นี่เว้ย ไม่ใช่ไอ้เตี้ยตัวขาวจั๊วะที่นั่งไขว่ห้างสบายใจอยู่บนโซฟาตรงข้ามกันนี่สักหน่อย

     

     

    “เหี้ย กูแพ้ได้ไงอะ ..ไม่จริงอะ ไม่มีทาง”

     

     

    ถึงจะรู้ตั้งแต่ลืมตาตื่นมาเพราะไอ้พวกเพื่อนเวรนี่มาปลุกถึงเตียง แต่เขาก็ยังไม่อยากจะทำใจยอมรับ คือมันลำบากใจมากนะกับการที่จะเชื่อ ว่าทีมฟุตบอลทีมโปรดซึ่งมีชื่ออยู่ต้นตารางตลอดเป็นสิบปี จู่ๆจะตกต่ำลงมาเป็นกลางค่อนไปทางท้ายตารางได้ชั่วข้ามคืนแบบนี้ แล้วแฟนตัวยงที่กล้าไปสัญญาสาบานเอาไว้กับเพื่อนฝูงกลุ่มใหญ่จะทำหน้ายังไงล่ะ

     

     

    “จริง ..มึงแหกตาดูนี่ รอบที่ร้อยละที่กูให้มึงดู แมนยูของมึงอะ”

     

     

    แทบจะปาหนังสือพิมพ์กีฬาใส่หน้ากันแบบนี้ ไม่ต้องตอกย้ำกันอีกแล้วก็ได้ ซอกจินจะยอมรับความเจ็บปวดนี้เอาไว้เองคนเดียว กล้ำกลืนความเศร้าที่นักเตะทีมดังซึ่งเขาชื่นชมนักหนามาตลอดชีวิต ต้องพบกับจุดตกต่ำอย่างที่ไม่เคยมีใครคาดหมายได้

     

     

    “เออๆๆ.. กูแพ้ก็ได้ แต่ที่ตกลงกันมันต้องไม่ใช่แบบนี้ดิวะ”

     

     

    ทั้งที่เห็นอยู่ว่าเพื่อนนั่งน้ำตาตกใน มินยุนกิก็ยังไม่วายจะทับถมเขาด้วยการทวงสัญญาที่พลั้งปากพูดไปเมื่อนานมาแล้ว มันนานมากจนแทบจำไม่ได้ด้วยซ้ำ จะว่าไปซอกจินก็อยากตบปากตัวเองเหลือเกินที่เผลอท้าพนันอะไรแบบนั้นออกไป กับการยอมให้ยุนกิสั่งอะไรเขาก็ได้อย่างหนึ่ง ถ้าทีมที่เขาเชียร์ต้องตกอับถึงขั้นไม่ติดหนึ่งในห้าของตาราง ถึงอย่างนั้นมันก็ไม่น่าจะต้องมาให้เขาทำอะไรแบบนี้นี่หว่า

     

     

    “ไม่ใช่แบบนี้แล้วแบบไหน? ก็มึงท้ากูเองว่าถ้าแมนยูไม่ติดหนึ่งในห้ามึงจะทำอะไรก็ได้ตามกูสั่ง แล้วนี่ที่เจ็ดก็เต็มตามึงอยู่ กูก็ชนะ ผิดตรงไหนวะเฟรนด์?”

     

     

    ยักคิ้วตอบด้วยสีหน้ากวนๆเหมือนเดิม ยุนกิยังทวงสัญญาด้วยน้ำเสียงเนิบช้าราวกับต้องการซ้ำให้เพื่อนจมดิน แต่ถึงอย่างนั้นไอ้อะไรก็ได้ที่เขาสัญญาไว้ มันต้องไม่ใช่การมาสั่งให้ไปสอนพิเศษเด็กมัธยมแทนสิวะ รับงานมาเองแล้วจะมาโบ้ยให้เพื่อนแบบนี้ ให้ตายซอกจินก็ไม่ยอมไปสอนหรอก

     

     

    “มึงถูก แต่กูไม่ไป งานมึงอะ มึงรับมามึงก็ไปเองดิ”

     

     

    เขายกมือขึ้นกุมขมับตอนพยายามจะเถียงกลับไป คิดในใจอยู่แล้วละว่าคงไม่สำเร็จ ยุนกิมันจอมวางแผนจะตาย เดี๋ยวมันก็ต้องพยายามกล่อมให้เขารับงานนี้ได้อยู่ดี ทั้งที่เจ้าตัวก็รู้ดีว่าซอกจินไม่ชอบการสอนพิเศษนัก มันไม่ใช่สไตล์ของเขาเอาเสียเลย ไม่เหมือนกับยุนกิเองที่ทำมันอย่างมีความสุขจนถึงขั้นยึดเป็นอาชีพเสริม

     

     

    “ก็มึงแพ้อะ ไรวะ มึงมันขี้โกง เป็นผู้ชายไม่ทำตามสัญญา ไม่เฟรนด์ มึงมันแย่ กูผิดหวังในตัวมึงมาก กูเสียใจนะนี่บอกเลย..”

     

     

    เสียงตัดพ้อกระเง้ากระงอดอยู่ข้างหูแบบเดิม แบบเดียวกับที่มันใช้เอาชนะทุกคนมาแล้ว และแน่นอนว่ารวมถึงเขาด้วย ทั้งที่รู้ว่ายุนกิกำลังมีแผนชั่วร้ายอยู่ในใจแต่เขาก็ปฏิเสธออกไปได้ไม่เต็มปาก ก็ในเมื่อแพ้พนันอย่างที่เพื่อนตัวขาวมันว่าจริงๆ ถึงแม้จะไม่อยากเอาเวลาอาทิตย์ละสี่ชั่วโมง ไปทิ้งกับเด็กมัธยมที่ไม่รู้จักกันมาก่อนก็เถอะ

     

     

    “ก็กูไม่ชอบงานแบบนี้มึงก็รู้ ให้กูไปทำโมเดลให้มึงหรือช่วยมึงจีบสาวยังดีกว่าเลย”

     

     

    พยายามจะออดอ้อนเพื่อนรักกลับไปบ้าง แต่เหมือนว่าสกิลมารยายังไม่ถึงขั้นจะเอาชนะเจ้าแม่ถาปัดอย่างยุนกิได้ ใบหน้าขาวเนียนส่ายหน้าไปมา พร้อมหลิ่วตาให้รู้ว่าความพยายามของเขามันไร้ผล

     

     

    “มึงก็รู้เหมือนกันว่ากูรับผิดชอบ ถ้ากูว่างกูก็ไปเองแล้ว แต่นี่งานมันซ้อนกันกูไปไม่ได้ มึงก็เรียนมาเหมือนกู เกรดก็พอๆกัน ถือว่าไปช่วยเด็กคนนึงให้ได้เรียนคณะที่เขาฝันละกันน่า”

     

     

    นี่ไงแผนการกล่อมตามฉบับของมินยุนกิ รู้ดีว่าเขาขี้สงสารและพ่ายแพ้ต่อความฝันของมนุษย์ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ แล้วสุดท้ายเขาก็จะดิ้นหนีไปไหนไม่รอด เมื่อเอาเหตุผลมาหว่านล้อมกันขนาดนี้แล้ว ตั้งแต่ไม้แข็งที่ตอนแรกบังคับขู่เข็ญกันแทบตายแต่ไม่สำเร็จ จนไล่เรียงมาถึงไม้อ่อนยวบยาบขนาดนี้

     

     

    “เออ ..คนเดียว และแค่เดือนเดียวนะ”

     

     

    เท่านั้นรอยยิ้มกว้างจนเห็นฟันเรียงกันครบสามสิบสองซี่ก็ปรากฎขึ้นตรงหน้า ดวงตาของยุนกิเป็ฌนประกายราวกับกำลังส่งยิ้มให้เขาอยู่ ในขณะที่ซอกจินได้แต่กระแทกแผ่นหลังกว้างลงกับพนักโซฟา ถอนหายใจแรงแล้วกุมขมับอีกครั้งอย่างอ่อนใจกับอนาคตที่กำลังจะมาถึง

     

     

    “ถ้าเด็กแม่งงอแงนะ กูจะกลับมาฆ่ามึง ยุนกิ”

     

     

    ชี้นิ้วไปที่ตัวต้นเรื่องอย่างคาดโทษ พร้อมกับคำทิ้งท้ายไว้ได้แค่นั้น แล้วก็ต้องหลับตาลงภาวนาต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ให้เด็กมัธยมที่จะมาเรียนนั้นไม่ดื้อไม่งอแงอย่างที่กลัว ดีกว่าจะลืมตาขึ้นมาเจอหน้าแป้นแล้นของไอ้เพื่อนเวรนี่ หาเรื่องมาให้เขารับผิดชอบแล้วยังมาทำหน้าเป็นใส่

     

     

    “เออน่า กูรับรอง ..เอเอเดอะดีไซน์ห้าโมงเย็นนะ ชื่อจอนจองกุก”

     

     

     

    ก็ขอแค่ให้เด็กจองกุกนั่นไม่ทำตัวน่าหงุดหงิดนักก็แล้วกัน

     

     

     

     

     

     

     

    ติชมได้ค่ะ
    ทิ้งคอมเม้นไว้หรือแฮชแท็กในทวีตได้นะ
    ฝากติดตามด้วยนะคะ

    #ฟิคถาปัด


     

     

     

     

     

     

    SQWEEZ
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×