ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    อย่าลืมรัก

    ลำดับตอนที่ #10 : Chapter 8

    • อัปเดตล่าสุด 9 พ.ค. 63


    CHAPTER 8

     

     

    หลังจากที่ฉันบินติดต่อกันนานถึงสิบวัน  ในที่สุดก็ได้พักผ่อนยาวกับเขาเสียที  ฉันเดินลากกระเป๋าเดินทางซึ่งเป็นสวัสดิการของบริษัทสายการบินยักษ์ใหญ่ของประเทศเกาหลีมาจนถึงหน้าประตูห้อง ก่อนจะพบว่ามันไม่ได้ล็อคไว้  จึงรีบเปิดเข้าห้องไปด้วยความตื่นเต้น เพราะในใจก็หวังจะได้รับการต้อนรับเป็นอย่างดีจากคนที่ได้ชื่อว่าเป็นคู่หมั้นสุดที่รักของฉัน

    ฉันถอดรองเท้าส้นสูงเก็บไว้ในตู้เก็บรองเท้า  เดินลากกระเป๋ามาจนถึงห้องนั่งเล่น ตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์สีครีมเพื่อให้เข้ากันกับพื้นไม้ที่ปูขวางเป็นทาง มองหาชายหนุ่มร่างสันทัดคนคุ้นเคยดั่งใจหวัง เนื่องจากไม่ได้เจอกันมาเกือบสองเดือนแล้ว  เพราะเวลาของเรานั้นแทบจะไม่ตรงกันเลย  แต่ก็น่าแปลกที่เดย์กลับมีเวลามานั่งเป็นเพื่อนปรับทุกข์กับฉันได้สม่ำเสมอในทุกเมื่อที่ฉันต้องการ

    พักหลังมันยิ่งทำให้ฉันน้อยใจคู่หมั้นของฉันหนักขึ้นเรื่อยๆ เมื่อลองคิดดูแล้วว่าทำไมเดย์ถึงสามารถมีเวลาว่างและคอยมาเยี่ยมเยียนฉันได้อย่างสม่ำเสมอ  ในขณะที่จีซุนซึ่งเป็นคู่หมั้นของฉันแท้ๆ ควรมีเวลาว่างที่จะมาคอยดูแลเอาใจใส่กันบ้าง  กลับหายไปตลอดทั้งๆที่อยู่วงเดียวกัน  งานมากเท่ากัน แต่กลับเป็นคู่หมั้นอย่างเขาที่ไม่เคยมีเวลาแม้แต่จะส่งข้อความมาถามไถ่สารทุกข์สุกดิบของฉันบ้างเลย ซึ่งสุดท้าย ฉันมักจะได้รับข่าวไม่ดีจากเพื่อนเสมอ ว่าเหตุผลที่คู่หมั้นของฉันไม่ค่อยว่างนั้นเป็นเพราะแอบควงสาวไม่ซ้ำหน้าอยู่ตลอดเวลานั่นเอง  ทุกวันนี้ก็เห็นจะมีเสียแต่แฟนเก่าสมัยเรียนไฮสคูลคนนี้  ที่สามารถเป็นได้ทั้งที่พึ่งและเป็นเพื่อนปรับทุกข์ทางใจได้อย่างดีเยี่ยม  ทุกครั้งที่ฉันทะเลาะกับจีซุนก็จะได้เขานี่แหละที่คอยปลอบ คอยให้คำแนะนำดีๆ  อย่างไรก็ตาม แม้เขาจะดีกับฉันมากแค่ไหน  สิ่งที่ฉันต้องการมากที่สุดกลับเป็นเพียงอ้อมกอดแสนอบอุ่นจากคู่หมั้น ฉันขออะไรมากไปหรือ?  ฉันไล่เดินมองหาคนที่ปลดล็อกกุญแจ จนในที่สุดภาพที่เห็นก็กลับทำให้ฉันผิดหวังอีกครั้ง  เมื่อผู้ชายที่ฉันคิดว่ากำลังคอยฉันอยู่กลับไม่ใช่คู่หมั้นของฉันอย่างที่วาดฝันไว้

    "เดย์...." ฉันแสดงสีหน้าผิดหวังเล็กน้อย

    "ขอโทษนะที่ละลาบละล้วงเปิดกุญแจเข้ามาในห้องเลยแบบนี้"

    เดย์ในเสื้อเชิ้ตแขนยาวสีขาวคู่กันกับกางเกงขาโปร่ง  เอานิ้วชี้ลูบปากแก้วที่ใส่น้ำสีน้ำตาลใสแล้ว จ้องมองมันอย่างเหม่อลอย  เมื่อเพ่งมองดูใบหน้าของเขา จึงได้สังเกตเห็นว่ามันเปื้อนสีอมชมพูไปทั่วใบหน้าแล้ว

    "เฮ้ย! แกกินเหล้าเหรอ วางเดี๋ยวนี้เลย เดี๋ยวก็แพ้ผื่นขึ้นหรอก"

    ฉันคว้ามือเรียวใบใหญ่ของเขาไว้ เพราะเจ้าของตาเฉี่ยวหน้ามึนกำลังจะยกแก้วเทเหล้าใส่ปากตัวเองอีกครั้ง

    "ปล่อยมันขึ้น...ให้ตายไปเลย"

    เสียงทุ้มต่ำตอบกลับมายานคางเล็กน้อย ฉันคาดว่าเขาคงจะกระดกไปหลายแก้วจนเมามายแล้ว

    "แกจะมาเมาตายในห้องฉันไม่ได้ วางเลย เกิดอะไรขึ้นวะ เล่ามาเดี๋ยวนี้

    ฉันดึงแก้วเหล้าออกมาจากมือของเดย์  ผลักมันออกไปให้พ้นมือคนตาเฉี่ยว  ที่บัดนี้ผมรองทรงต่ำเส้นตรงสลวยปรกคอของเขากระเซอะกระเซิงจนทำให้ผมปิดหน้าปิดตาของเขาไปหมด

    "มินซู ..... กอดฉันหน่อยได้ไหม" ฉันพยักหน้ายอมทำตามที่เขาขอ แล้วจึงโอบกอดให้เขาเข้ามาซบอก

    "มีเรื่องอะไรเหรอ"

    "แก...จำผู้หญิงที่ฉันเล่าให้ฟังบ่อยๆได้ไหม"

    "ดาริณ แฟนคลับที่มาตามดูแก และแกก็ชอบไปตามอ่านชีวิตเธอในโซเชียลใช่ไหม เออ...จำได้ ทำไมล่ะ เกิดอะไรขึ้น?" ฉันใช้มือลูบผม สังเกตเห็นนัยน์ตาเฉี่ยวล่องลอยดูน่าสงสาร

    "ฉันไปเล่นคอนเสิร์ตที่ญี่ปุ่นแล้ว...ดาริณก็ตามมาดูฉัน เรามีอะไรกัน...."

    "เฮ้ย! มีอะไรกันแล้วด้วย!!" ชายหนุ่มพยักหน้าบนอกของฉันเบาๆ

    "ก็อารมณ์มันพาไป ดาริณเองก็เหมือนจะมีใจ ฉันขอเธอเป็นแฟน เธอก็ตอบรับเป็นแฟนฉันแล้วนะ แต่...."

    "แต่อะไรวะ"

    "ดาริณหายไป เธอหนีฉันไป ทำไมเธอถึงทำแบบนี้ ถ้าไม่อยากเป็นแฟนกัน จะรับรักฉันทำไมตั้งแต่แรก ฉันไม่เข้าใจเลยมินซู ฉันต้องทำยังไง" เขาพูดไปพลางร้องไห้ไปอย่างอ่อนล้า

    "ทำไมดาริณถึงไม่อยากเป็นแฟนแกวะ ไม่เข้าใจเลย

    "ฉันก็ไม่เข้าใจ เธอเข้ามาทำดีกับฉันมากมายไปทำไมวะ  ในเมื่อสุดท้ายก็จะมาทิ้งกันไปแบบนี้อะมินซู ฉันต้องทำยังไงแกบอกฉันหน่อย ฉันคิดถึงดาริณ

    ฉันโอบกอดปลอบประโลมเขา บัดนี้จิตใจของเดย์คงไม่อยู่กับเนื้อกับตัว นัยน์ตาดูล่องลอยราวกับติดอยู่ในโลกของตัวเอง

    "อย่าคิดมากเลย ผู้หญิงไม่ได้มีคนเดียวในโลกนะเดย์"

    "มินซูฉันขอเหล้า" เขาเงยหน้าขึ้นมองฉันด้วยสายตาอ้อนวอน เผยให้เห็นคราบน้ำตาที่เหือดแห้งอยู่บนแก้มเนียน 

    เขาคงแอบไปร้องไห้มาอย่างหนัก ดาริณทำไมเธอถึงทำกับเพื่อนของฉันได้ลงคอ?

    "ไม่ได้! แกแพ้แอลกอฮอล์ จะกินได้ยังไง

    ไม่มีท่าทีรีรอให้ฉันอนุญาต เดย์กลับคว้าแก้วเหล้าที่ฉันผลักออกไปเมื่อครู่ขึ้นมาซดดื่มจนหมดเกลี้ยง

    "พวกแกมันเลว...เลวที่สุด!" 

    สิ้นเสียงแหบห้าวจากชายหนุ่มที่ฉันคุ้นเคยเป็นอย่างดีดังขึ้น ทำให้เราทั้งคู่ที่กอดกันอยู่นั้นถึงกับสะดุ้ง รีบผละออกจากกันโดยสัญชาตญาณ ทว่าไม่ทันการ จีซุนเดินก้าวฉับเข้ามากระชากเสื้อของเดย์เพื่อประจันหน้ากัน

    "จีซุนปล่อยเดย์เดี๋ยวนี้นะ!" ฉันตะโกนห้ามคู่หมั้นของตัวเอง จ้องตาเขม็งอย่างโกรธเคือง

    "หุบปากมินซู!"                    

    "แกมันเลวไอ้เดย์!" 

    เสียงแหบตวาดก่อนจะวางหมัดลงบนใบหน้าของเดย์ จนหน้าหันเซล้มไปกองกับพื้น  ของเหลวสีแดงเข้มไหลออกจากปากอิ่ม เขาเงยหน้าขึ้นมามองจีซุนอย่างเกรี้ยวกราด พลันลุกขึ้นฟาดหมัดลงไปที่ใบหน้าจนเซลมไปนอนกับพื้นเช่นกัน ฉันพยายามที่จะห้ามปรามทั้งสองหนุ่ม แต่กลับไม่เป็นผล

    "อะไรของแกวะไอ้จีซุน แกมาต่อยฉันทำไม?" เดย์ตะโกนเสียงเข้มใส่คนที่นอนกองอยู่กับพื้น พลางใช้นิ้วปาดปากเพื่อเช็ดเลือด

    "ลับหลังฉัน...เดย์ แกทำได้ยังไง!" คนร่างสันทัดยันตัวลุกขึ้น ก่อนจะยืนตะโกนกำมือแน่นด้วยความโกรธ

    "สองคนพอได้แล้ว หยุด!" 

    ฉันดึงแขนของจีซุนไว้ แต่เขากลับใช้แรงผู้ชายสะบัดแขนของฉันจนหลุด  ก่อนที่เดย์จะผลักจีซุนจนต้องก้าวถอยไปตามแรง

    "เฮ้ย! นี่มันอะไรกันไอ้จีซุน แกเป็นบ้าอะไรของแก ห้ะ!?" เดย์ตวาดเสียงใส่หน้าจีซุนดังลั่น จนทำให้ฉันเริ่มหวาดกลัวความร้ายแรงของสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้า จีซุนจ้องใบหน้าของเดย์ราวกับจะกลืนกิน

    ตีท้ายครัวคนอื่นแบบนี้ ละอายแก่ใจบ้างไหม แกทำได้ยังไงวะเดย์จีซุนผลักเดย์กลับบ้าง

    จีซุนแกกำลังเข้าใจผิด ฟังกันก่อนสิวะ!” เดย์ถลาเข้าไปบีบไหล่จีซุนพลันเขย่าอย่างแรง

    จะต้องฟังอะไรอีก มีสายบอกว่าแกแอบมากินกันที่คอนโดฯบ่อยๆตอนฉันไม่อยู่ ฉันมีรูปเป็นหลักฐาน ไอ้เดย์แกยังจะกล้าโกหกอะไรฉันอีกจีซุนผลักเดย์จนเซล้มบ้าง ก่อนจะนั่งคร่อมแล้วจึงกระชากคอเสื้อเขย่าแรง

    ฉันเป็นเพื่อนแกนะเว้ยไอ้จีซุน ฉันจะกล้าทำแบบนั้นได้ยังไง ใช้อะไรคิดห้ะ?”

    แกคงเห็นฉันโง่มากใช่ไหม ดี!” สิ้นเสียงตวาด จีซุนจัดการอัดหมัดลงบนใบหน้าหล่อเหลาไม่ยั้ง บัดนี้เสื้อสีขาวของเดย์เปรอะเปื้อนไปด้วยเลือดสีแดงสด เขาโดนชกจนตาปรือ

    ชกให้ตายไปเลยก็ได้ ถ้าแกจะคิดว่าฉันเลวได้ขนาดนั้นก็เอาเลยสิ! ชกให้ตายไปเลย!”

    แกได้ตายคามือฉันแน่ไม่ต้องห่วงจีซุนง้างมือจะชกเดย์อีกครั้ง ฉันจึงรีบเข้าไปคว้าแขนเอาไว้ พลันโดนสะบัดจนเซล้มกองไปบนพื้นอย่างแรง บัดนี้เดย์ขึงตาโต ผลักจีซุนอย่างแรงจนเสียหลัก เขาจึงสลับขึ้นมานั่งคร่อมบนตัวของจีซุน ก่อนจะวางหมัดลงบนใบหน้าของเขาไม่ยั้งมือ

    มินซูเป็นผู้หญิงนะเว้ย!

    พลั่ก!

    ฉันกับมินซูไม่มีอะไรกัน เราเป็นเพื่อนกันเข้าใจไหม!

    เดย์เขย่าคอเสื้อเชิ้ตของคนเบื้องล่างอย่างแรงเพื่อเตือนสติ

    แอบมานั่งกอดเมียลับหลังคนอื่นเขา แล้วยังกล้าบอกว่าเป็นเพื่อนกัน แม่งน่าสมเพช!”

    จีซุนผลักเดย์อย่างแรงจนเซล้ม แล้วจึงลุกขึ้นยืนปัดเสื้อผ้าจนกระทั่ง

    เพียะ!

    "เสียแรงที่รัก ...คิดได้แค่นี้เองเหรอจีซุน"

    ฉันฟาดมือฝ่ามือลงบนใบหน้าของจีซุนจนหน้าหัน พลันตะโกนด้วยน้ำเสียงที่สั่นคลอน

    "ปกป้องกันเหรอห้ะ?"

    จีซุนตวาดเสียงแหบใส่หน้า จนทำให้น้ำตาของฉันไหลอย่างรู้สึกเจ็บปวด

    "แกนั่นแหละที่น่าสมเพช นี่มินซูเป็นคู่หมั้นแกนะ แกเคยให้เกียรติอะไรบ้าง ฉันไม่เอะใจเลยที่มินซูต้องเรียกฉันมาคอนโดฯแบบนี้ ในเวลาที่เธอต้องการแก แกเคยอยู่เพื่อดูแลเธอไหม แล้วแกไปไหน? ไม่ใช่ว่าควงสาวในผับหรอกเหรอ ก็เพราะแกมันเป็นแบบนี้ไง ไม่รู้จักพอ ใครกันแน่ที่น่าสมเพช! มีสมองก็คิดเอาเอง!

    เดย์ตะโกนใส่หน้าจีซุน ผลักหน้าอกกำยำอย่างหาเรื่อง ส่วนฉันร่ำไห้กับคำพูดของเขาที่ทำเอาจุกตรงลิ้นปี่

    "ไอ้เดย์!" 

    ในที่สุดจีซุนก็อดกลั้นความโกรธไว้ไม่ไหว คำพูดแทงใจดำที่ออกจากปากของเพื่อนรักนั้นแทงไปที่หัวใจจนจุก ก่อนจะฟาดอีกหมัดลงบนใบหน้าของเดย์จนล้มลงไปนองกองกับพื้น  นั่งกดทับแล้วจึงกระชากผมของเดย์และฟาดลงไปอีกหมัดอย่างไม่ยั้งมือ  ฉันร่ำไห้กรีดร้องด้วยความตกใจ ใช้มือคว้าเสื้อของคู่หมั้นและดึงจนขาด

    "แล้วมินซูไม่มีสิทธิ์จะมีชู้เหมือนที่แกมีเหรอวะห้ะ?" เดย์เองก็ยังไม่ยอมแพ้  เขานอนอยู่บนพื้นแต่กลับใช้มือกระชากคอเสื้อของจีซุนแล้วตะโกนใส่หน้า อารมณ์โกรธนั้นทำให้จีซุนฟาดหมัดลงบนใบหน้าหล่ออย่างไม่ยั้งมือ

    "จีซุนพอเถอะ ฉันขอร้องนะคะฉันคว้าแขนเขาไว้

    "ปล่อย!" เขาตวาดเสียงดังใส่ฉัน ก่อนจะสะบัดแขนและผลักฉันจนล้ม

    "ทนฟังความจริงอีกสักหน่อยแล้วกันนะ ฉันกับมินซูไม่มีอะไรกัน เราเป็นแค่แฟนเก่ากันเฉยๆ เราเป็นเพื่อนกัน แล้วที่วันนี้เรามานั่งกอดกันก็เพราะ......” 

    จีซุนหายใจหอบเหนื่อย ประสานจ้องตาเขม็ง กำหมัดกำลังที่จะง้าง  แต่กลับโดนแรงมือของเดย์ยั้งเอาไว้ได้

    ฉันไม่อยากฟังอะไรทั้งนั้น ออกไป!” ได้ยินดังนั้นจีซุนผู้ซึ่งไม่เคยรู้เรื่องอดีตของเราทั้งสองคนถึงกับจ้องเดย์ราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ 

    "ฟังให้จบก่อนสิวะไอ้จีซุน!"

    "ออกไป!" จีซุนหลุบตามองพื้นพลางกำหมัดไว้แน่นจนมือสั่น

    "เดย์ออกไปก่อน ฉันขอร้องฉันดึงแขนเสื้อของเดย์อย่างอ้อนวอน ก่อนจะดันหลังเขาให้เดินออกไปจากพื้นที่

    เมื่อสามารถพาเดย์ออกจากห้องได้ ฉันกลับถูกกระชากแขนอย่างแรงจากคนที่ฉันทุ่มเททั้งความรัก แรงกายและแรงใจให้ ไม่นึกเลยว่าวันนี้ฉันจะได้เห็นตัวตนด้านมืดของเขาอย่างแท้จริง

    "กล้ามากนะที่ทำกับฉันแบบนี้.... มานี่!"

    จีซุนกระชากแขนของฉันพลางลากไปถึงห้องนอน  เหวี่ยงฉันลงบนเตียงและใช้มือทั้งสองข้างกดแขนของฉันไว้.....

    "จีซุนที่รัก...อย่า"

    ฉันร่ำไห้อ้อนวอนให้คู่หมั้นของฉัน หยุดอารมณ์โกรธของเขาไว้ แต่ก็ไม่เป็นผลเสียแล้ว

     

    -----------------------------------------------------

     

    "อย่า ... ที่รัก

    เสียงเล็กสั่นคลอนห้ามผมไว้อย่างอ้อนวอนอยู่เบื้องล่าง  เธอกัดปากหลับตาร้องไห้จนทำให้น้ำตาเอ่อล้นไหลอาบแก้ม ซึ่งพอเห็นแล้วมันก็ยิ่งทำให้ผมเจ็บแปลบที่ใจขึ้นมาเสียดื้อๆ นี่เธอหมดรักในตัวผมถึงขนาดรังเกียจร่างกายของผมไปหมดแล้วเหรอ

    "ทำไม ทำไมต้องเป็นเดย์ ทำไม!"  ยิ่งเห็นคนเบื้องล่างก็ยิ่งทำให้อารมณ์โกรธที่ผสมรวมกับอารมณ์รักร้อนกระตุ้นให้เลือดสูบฉีดไปทั่วร่างกาย  ผมจึงจัดการฝังเขี้ยวที่แผงคอหอมกรุ่นของมินซู ซึ่งบัดนี้สะอื้นหนักพลางพยายามดันตัวผมออกไปให้พ้น

    "อย่าทำแบบนี้ที่รัก...ฟังฉันก่อน ....เดย์กับฉัน..." ผมฝังเขี้ยวลึกที่คอของเธอ แรงพอที่จะทำให้เป็นรอยแดงช้ำ เลื่อนใบหน้ามาบดจูบบนริมฝีปากเรียวบางอันคุ้นเคยด้วยความโมโห หึ! จะต้องให้ฟังอะไรอีก ปิดกันมานานว่าเป็นแฟนเก่า น่าสมเพชที่สุด

    "จะโกหกอะไรกันอีกห้ะ!" ยิ่งฟังเสียงสะอื้นก็ยิ่งหมั่นไส้ ฟาดสายตามองเรือนร่างด้วยความปรารถนาแรงกล้า ชุดเดรสแขนยาวสีเลือดหมูเมื่อใช้แรงฉีกก็ขาดได้ไม่มีชิ้นดี  ภาพของมินซูที่กอดรัดตัวเองเพื่อปกปิดเรือนร่างได้กระตุ้นอุณหภูมิห้องให้ร้อนคกรุ่นไปทั่ว

    "ได้โปรด...ฟังฉันก่อนได้ไหมคะ" เธอส่งสายตาอ้อนวอนน่าสงสารมาก ทว่ามันคงผิดที่ผมเอง ผิดที่ผมควบคุมอารมณ์ของตัวเองไว้ไม่ได้อีกต่อไป

    "เดย์มันไม่มีปัญญาทำให้เธอมีความสุขเท่าฉันหรอก"

    ประโยคแดกดันทิ้งท้ายไว้ให้หล่อนได้จดจำว่าหล่อนเป็นคนของใคร สัมผัสรักร้อนแรงนั้นได้จากใคร เขี้ยวฟันฝังทุกอณูผิวกายให้ตราตรึงว่าเธอเป็นของใคร จะได้ไม่สามารถไปออดอ้อนออเซาะใครได้อีก!

    "จีซุนฉันรักคุณ...ได้โปรด....ฉันรักคุณจริงๆ" ผมยกยิ้มประชดประชัน ฟังคำว่ารักจากปากคนนอกใจแล้วมันก็อดรู้สึกสมเพชตัวเองไม่ได้ นี่ผมโง่ได้ขนาดนี้เชียวหรือ

    'คำว่ารักดั่งลมปาก มันเชื่อได้สักแค่ไหนเชียว'

    ผมไม่รับรู้อะไร  นอกเสียจากความต้องการปลดปล่อยอารมณ์ที่เจ็บปวดและอ่อนไหวให้เธอได้รับรู้ทั้งหมดในวันนี้  ผมไม่สนว่าเธอจะเจ็บปวดมากแค่ไหน...ผมคิดแค่เพียงว่า ผมต้องการเธอคืน และผมต้องได้คืน!

     

    ------------------------------------------------------------

     

    ปัง!

    เสียงประตูปิดไล่หลังในทันทีที่โดนมินซูผลักดันร่างของผมให้ออกไปจากห้องของเธอ  ผมยืนมึนงงอยู่ได้สักพักใหญ่ พลางใช้นิ้วมือปาดเลือดที่เปรอะเปื้อนไปทั่วปาก  ก่อนจะเช็ดลงบนเสื้อยืดแขนยาวสีขาวอย่างเหม่อลอย ผมรู้สึกราวกับว่าทุกอย่างรอบข้างมันได้ล้มครืนพังทลายลงมาเกินกว่าที่จะสามารถซ่อมแซมได้ แทบจะลืมความเจ็บปวดทางกายที่พึ่งได้รับมาหมาดๆไปเสียเกือบสนิท  เพราะความเจ็บปวดทางใจมันเจ็บปวดยิ่งกว่านั้นมากนัก....

    ผมเดินโซเซด้วยพิษสุราที่กรอกลงใส่ปากมากพอที่จะทำให้ร่างกายและหัวสมองของผมทำงานอย่างรวนเรและเชื่องช้า  คลำหากุญแจรถสปอร์ตเปิดประทุนสีดำด้านที่จอดอยู่ลานจอดรถของคอนโดฯแห่งนี้  ใช้นิ้วกดปุ่มบนกุญแจรถเพื่อปลดล็อครถ  พลันชะงักครู่หนึ่ง เมื่อนึกขึ้นได้ว่าผมยังเหลือเหล้าราคาแพงอีกขวดที่ซื้อมาเผื่ออยู่ระบายความทุกข์ทางใจกับมินซูทั้งคืน  นึกได้ดังนั้นจึงทำให้ผมถึงกับต้องเผยอปากยิ้มออกมา เพราะมันถือเป็นเรื่องดีเพียงเรื่องเดียวในชีวิตของผมตอนนี้  จึงรีบขึ้นรถนั่งลงบนเบาะคนขับ พลางเอี้ยวตัวเอื้อมไปหยิบขวดเหล้ารูปทรงขวดสวยดูหรูหรานั้นมาบิดเปิด ก่อนจะกระดกราวกับว่ากำลังกระหายน้ำจนสำลัก  เพราะมันไม่ใช่รสชาติที่ลิ้นและคอของผมจะรับได้  แต่ที่ยอมมานั่งกระดกมันเข้าปากไปแบบนี้ก็เพียงจะหวังพึ่งมันให้ช่วยผมลืมเรื่องราวเลวร้ายที่เกิดขึ้นไปได้บ้าง

                ดั่งที่มินซูเพื่อนรักของผมเตือนไว้ไม่มีผิดเพี้ยน  บัดนี้ใบหน้าของผมแดงก่ำ  เม็ดผื่นเล็กๆผุดขึ้นทั่วใบหน้า จนทำให้ผมเริ่มรู้สึกถึงความร้อนที่แผ่ไปทั่วร่างกายราวกับจะดันให้ร่างกายของผมระเบิดแตกเป็นเสี่ยงได้ในทุกเมื่อ  ผมตัดสินใจปิดประตูรถเพื่อที่จะสตาร์ทรถขับออกไปจากที่แห่งนี้  แต่ร่างกายกับจิตใจ ดันทำงานสวนทางกันโดยสิ้นเชิง  ผมใช้ความพยายามอยู่ครู่ใหญ่ในการหาที่เสียบกุญแจแต่กลับล้มเหลว  เป็นสิ่งที่สรุปได้แน่นอนแล้วว่า ผมอยู่ในจุดที่เมามายเกินกว่าที่ร่างกายของผมจะสามารถรับไหว  ผมจึงรวบรวมสติสัมปชัญญะที่เหลืออยู่เพียงน้อยนิด ควานหาโทรศัพท์ราคาแพงที่ทางค่ายจัดซื้อให้ผม  ร่ายนิ้วหาเบอร์คนเป็นพี่ชายต่างแม่ที่คอยดูแลและอยู่เคียงข้างผมตั้งแต่สมัยเรียน  เพื่อขอรบกวนความช่วยเหลือจากเขานับเป็นครั้งที่แสนกว่าแล้วเห็นจะได้

    "โหลว ว่าไงไอ้เดย์.." เสียงปลายสายดังขึ้นเพียงไม่กี่วิหลังจากที่ผมรอสาย

    "พี่...ผมเมา....มารับหน่อย ผม....ขับไม่ไหว......พี่ ได้ยินผมม้าย....เพ่" ผมพยายามรวบรวมสติที่เหลืออยู่เพียงน้อยนิดเต็มที ในการพยายามรวบรวมคำพูดขอความช่วยเหลือจากโจ

    "เดย์..นี่แกกินเหล้าเหรอห้ะ?" เสียงปลายสายดูตกใจพลางตวาดเล็กน้อย

    "ครับ..."

    "อย่าให้เจอ แม่งจะตบหัวให้"

    "คร้าบบบบบ มารับหน่อยยยย ไม่ไหว.... ผมพึ่งมาหามินซูที่คอนโดฯ ตอนนี้กลับไม่ไหวแล้วอะ"

    "เฮ้ย! มินซูเนี่ยนะ"

    "ใช่...  อยากกลับแล้วอะ มารับหน่อยดิพี่" พูดไปพลางคว้าขวดเหล้ามากระดกเข้าปากไปอีกอึกใหญ่

    "โอ๊ย!... แกนี่จริงๆเลย ....เออ...เดี๋ยวไปรับ"

    ผมกดตัดสายก่อนจะโยนโทรศัพท์ราคาแพงนั้นไว้ที่เบาะข้าง พลางยกขวดเหล้ากระดกใส่ปากครั้งแล้วครั้งเล่า  เนิ่นนานจนเกือบหมดขวด  พลันทำให้อาการแพ้แอลกอฮอลล์ของผมนั้นกำเริบหนักขึ้นเรื่อยๆ

    ตึกตัก! ตึกตัก!

    ผมรับรู้ได้ถึงเสียงหัวใจที่เต้นแรงขึ้นผิดปกติ  ร่างกายของผมแผ่ความร้อนไปทั่ว  ผมเริ่มรู้สึกแน่นที่หน้าอกจนทำให้หอบเหนื่อย  เริ่มหายใจไม่ทันอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน โลกที่ผมเคยมองเห็นชัดเจนกลับพร่ามัว ก่อนจะค่อยๆหมุนเร็วขึ้นและหนักขึ้นเรื่อยๆ ผมต้องหลับตาลงเพื่อสะกดความทรมานของร่างกายตอนนี้ไว้  ผมรู้สึกหมดเรี่ยวแรง  ตัวของผมหนักอึ้งกว่าที่เคยเป็น พลันรู้สึกจุกอยู่ที่ลิ้นปี่จนทำให้ผมหายใจได้ยากลำบากเหลือเกิน

    "เฮ้ย! เลือด! ไอ้เดย์!" เสียงเข้มแว่วดังก้องขึ้นในห้วงภวังค์ของผม

    "ปลุกมันตื่นเร็ว ทำไมมันหายใจหอบแบบนั้นวะโจ" เสียงห้าวอีกเสียงดังขึ้นอย่างกระวนกระวาย รู้ตัวอีกทีผมก็รู้สึกถึงสัมผัสมือใหญ่ตบลงมาบนใบหน้าของผม  แต่ผมเหนื่อยเกินกว่าจะตอบสนองมือใหญ่นั้นไปแล้ว

    "เฮ้ยพี่! ทำไมไอ้เดย์ตัวแดงแล้วหายใจหอบ แถมมีเลือดเปื้อนเต็มเสื้อมันแบบนี้อะพี่เนล"

    "พามันไปโรงพยาบาลเถอะ แกขับรถมันเลย เดี๋ยวพี่ขับรถแกตามไป"

    ผมรู้สึกทรมานเหลือเกิน  ผมเหนื่อยเหลือเกิน  เหนื่อยจนไม่อยากรับรู้อะไรอีกแล้ว......

     

     

    --------------------------------------------------------------

     

    ผมปรือตาขึ้นเพราะได้รับแสงจ้าส่องลงมากระทบบนใบหน้าของผม   พลันรู้สึกเจ็บปวดไปทั่วใบหน้าและเวียนหัวจนอยากอาเจียนขึ้นมา  ผมพยายามเบิกตากว้างจนได้รู้ว่าผมคงอยู่โรงพยาบาล  เนื่องจากบัดนี้ผมได้ถูกสวมหน้ากากออกซิเจนครอบอยู่ที่บริเวจมูกและปาก                

    "ไม่มีใครโทรหาจีซุนติดเลยเหรอ แกโทรติดไหม" เสียงห้าวดังขึ้นเพื่อถามหาเพื่อนรักของผม  อาจเป็นเพราะคงหวังให้คนอย่างมันมาดูดำดูดี ซึ่งตอนนี้คงเป็นไปไม่ได้แล้ว

    "ไม่ติดเลยอะ สงสัยแบตหมดมั้งพี่"

    "เฮ้ย! เดย์ตื่นแล้วพี่" ทุกคนลุกขึ้นมายืนมุงรอบเตียง เพียงแต่ไร้เงาของชายหนุ่มที่ฝากรอยแผลทั่วใบหน้าของผม

    "เป็นไงบ้างวะป๋า ได้ออกซิเจนแล้วดีขึ้นไหมป๋า หมอบอกป๋าแพ้แอลกอฮอลล์อย่างหนัก ป๋ากินไปเยอะขนาดไหนจนถึงขนาดทำให้หลอดเลือดตีบได้ขนาดนั้นอะ แถมหน้าป๋าตอนนี้บวมมาก ปากก็แตกอีก พี่โจและพี่เนลบอกผมว่าเลือดเต็มเสื้อป๋าเลยอะ ทุกคนเป็นห่วงป๋านะเว้ย เกิดอะไรขึ้นบอกมาเร็ว ใครทำอะไรป๋าวะ"

    "ไอ้เคน เบาๆหน่อย เดย์มันพึ่งตื่น อย่าพึ่งไปเซ้าซี้มันน่า"

    "ไม่เป็นไรนะพี่...ผมขอโทษที่ทำให้พี่และน้องลำบากกัน" ผมถอดหน้ากากออกซิเจนออก พลางมองซงโฮก่อนจะกวาดสายตามองคนที่เหลืออย่างอ่อนล้า

    "ลืมๆมันไป ช่างมันเถอะเดย์"

    ได้ยินดังนั้นผมถึงกับต้องถอนหายใจ  ความรู้สึกวิ่งวนอยู่ในหัวจนดูวุ่นวายและน่าสัสน  เมื่อเห็นทุกคนที่คอยช่วยเหลือผมมาโดยตลอด อาจต้องมาเสียชื่อเสียงกัน เพียงเพราะการกระทำอันไร้ความรับผิดชอบและขาดสติยั้งคิดของผม ตั้งแต่ที่ผมยอมทิ้งพวกเขาเพื่อทำตามหัวใจตัวเอง  จนโดนผู้ไม่หวังดีปล่อยข่าวลือของผมกับดาริณ  ซึ่งอาจส่งผลร้ายต่ออัลบั้มใหม่ที่พวกเราตั้งใจกันทำมาตลอดเวลาหกเดือนที่ผ่านมา  แถมตอนนี้ผมยังสร้างเรื่องใหม่อันน่าปวดหัว  เพราะถ้าหากมีข่าวหลุดออกมาว่าผมเมามายขาดสติจนต้องเข้าโรงพยาบาล  ชีวิตภายใต้หน้าที่สร้างความบันเทิงด้านดนตรีของทุกคนคงได้ถึงจุดจบเป็นแน่

    ผมยอมรับผิด และรู้สึกผิดต่อพวกเขามากเกินกว่าที่จะอยู่เป็นตัวถ่วงได้อีกต่อไป

    "ตั้งแต่นี้ไป...ผมขอลาออกจากวงนะทุกคน" ผมหลับตาลง พยายามเก็บความเจ็บปวดที่ก่อตัวขึ้นที่หัวใจของผมอีกครั้ง

    "ไม่เอา  ไม่พูดแบบนี้สิวะเดย์ พี่จิมมี่แค่ให้พักสองเดือน  พักงาน  ไม่ใช่ไล่ออก.... ใจเย็นๆก่อน เรื่องอะไรที่ผ่านมาก็ให้มันแล้วกันไปนะ ช่างมัน... ยังไงเราก็ขายดนตรี อย่าคิดมาก"

    "แต่ผม.....ลำบากใจเกินกว่าที่จะอยู่เป็นตัวถ่วงของทุกคน .....ผมขอโทษ.. ผมผิดเอง ผมขอลาออก"

    "เฮ้ย! เกิดอะไรขึ้นเนี่ยพี่ซงโฮ  มีอะไรกัน เดย์ไปทำอะไร ทำไมโดนพักงานอะพี่  เคลียร์มาก่อนเร็ว เกิดอะไรขึ้น" คนที่เหลือในวงนอกจากซงโฮกับผม บัดนี้ทุกคนมองหน้ากัน  พลางขมวดคิ้วก่อนที่โจจะรัวยิงคำถามคาใจออกมา

    "ไว้จะเล่าให้ฟัง ตอนนี้ขอคุยกับเดย์ก่อนได้ไหม ออกไปกันก่อนนะ" ซงโฮมองผมด้วยสีหน้าเคร่งเครียด ก่อนที่ผมจะยอมแพ้และหลับตาลงไปในที่สุด

    "ไม่เอาสิ อธิบายก่อนสิป๋า ผมไม่เข้าใจ เกิดอะไรขึ้น" เคนยังคงเซ้าซี้เพื่อให้ได้คำตอบ

    "ไม่ได้ยินกันเหรอ ซงโฮกับเดย์มันมีเรื่องต้องเคลียร์กัน พวกเราออกไปกันก่อน" เนลสันจ้องตาเขม็ง จนในที่สุดทุกคนก็ยอมเดินตามออกไปจากห้อง เหลือเพียงซงโฮที่อยู่กับผมตามลำพังสองคน

    "เฮ้อ! การที่แกมีข่าวกับผู้หญิงมันก็ไม่ได้ร้ายแรงอะไรขนาดนั้นหรอกนะเดย์  แค่มันไม่ถูกต้อง ตรงที่แกไปแอบกินกันจนมีภาพหลุดชัดเจนเกินไป  และมันตรงกับช่วงโปรโมทซิงเกิ้ลใหม่พอดี  พี่จิมมี่แค่กลัวนักข่าวเอาไปเขียนว่าแกทิ้งงานไปหาผู้หญิง แล้วจะทำให้กระแสของซิงเกิ้ลใหม่พวกเราแย่ลงแค่นั้นเอง  เลยต้องทำให้ดูเหมือนว่าแกป่วยหรือมีปัญหาขัดข้องอะไรก็ได้  และหายไปเก็บตัวสักสองเดือน  ซึ่งพวกเราวางแผนจะแถลงข่าวว่าผู้หญิงในภาพเป็นสไตล์ลิสต์ประจำตัวแกด้วยซ้ำ อย่าคิดมากเลย  คือถ้าแกระวังตัวมากกว่านี้  ถ้าจะรักกันจริงจังก็ทำให้ถูกต้อง  หรือตอนนี้ยังไม่จริงจังก็ต้องระวังตัวไม่ให้มีภาพหลุดเป็นหลักฐาน"

    "เฮ้อ! ทั้งหมดก็เป็นความโง่และไร้สติของผมอยู่ดีนั่นแหละ  มันก็เป็นเพราะผมอยู่ดีที่ทำให้ทุกคนลำบาก....อีกอย่างตอนนี้ .....ผมไม่สะดวกใจที่จะอยู่ร่วมวงกับใครแล้ว" ผมพูดพลางหันหน้ามองไปอีกทาง

    "หมายความว่ายังไง พี่ว่าจะถาม.... เพราะร่องรอยบนใบหน้าแกมันปิดพี่ไม่อยู่แล้ว มีอะไรเกิดขึ้นที่พี่ยังไม่รู้อีกไหม"

    "ไม่มีอะไรหรอกพี่... ผมแค่เมาแล้วตกบันได" ผมส่งยิ้มที่มุมปากให้ซงโฮ

    คำตอบของผมมันคงเชื่อถือได้ยากเสียจนทำให้ซงโฮถึงกับต้องเหล่มองผมพลางขมวดคิ้ว

    "เห็นพี่โง่หรือไง" ซงโฮยืนกอดอกมองผมอย่างหงุดหงิด

    "....จริงๆ"

    "ถ้าไม่มีเรื่องอะไรงั้นก็ต้องอยู่ต่อ พิสูจน์ให้พี่เห็นว่าไม่ได้มีเรื่องอะไรกับใครเขา" ได้ยินดังนั้นพลันทำให้ผมต้องถอนหายใจแรงอย่างรู้สึกอึดอัด

    "นั่นไง ...เล่ามาเถอะ"

    "เอาวะอยู่ก็อยู่....แต่ถ้าจะให้เล่า....เอาไว้ผมพร้อมนะพี่" ผมหลับตาลง พลางเปล่งเสียงออกมาอย่างเหนื่อยล้า

    "แกพักผ่อนเถอะ ...การคุยกันวันนี้พี่จะสรุปว่าแกยังอยู่วงต่อ ส่วนเรื่องพักงาน พี่จะขอพูดกับพี่จิมมี่อีกที พี่แอบไม่เห็นด้วย ... วงเราจะให้แกพักงานตอนนี้ไม่ได้  วงเราต้องการเสียงแกและการเล่นกีตาร์โซโล่แบบฟรีสไตล์จากแก"

    "แต่หน้าผมพังขนาดนี้แล้ว...ผมจะโปรโมทได้ยังไง"

    "ก็...แต่งหน้ากลบเอาสิวะ" ซงโฮพูดอย่างติดตลก

    "เฮ้อ! งั้นผม... นอนก่อนนะพี่"

    "เออ หลับไปๆ"

    ผมหลับตาลงอย่างเหนื่อยล้า  ก่อนที่ผมจะได้รับสัมผัสของใครสักคนที่กำลังดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมจนถึงคอของผมอย่างอ่อนโยน

    'ขอบคุณนะพี่ซงโฮ'

     

    ------------------------------------------------------

     

    ประตูห้องพักคนป่วยเปิดออกในขณะที่ทุกคนกำลังคุยปรึกษากันถึงเหตุผลที่ทำให้เดย์ตัดสินใจที่จะทิ้งพวกเขาและลาออกจากวงไปแบบนั้น   บัดชายหนุ่มร่างสันทัดผู้มีดวงตากลมเล็กและจมูกโด่งรั้นที่รับกับใบหน้าเรียวยาว  ถอนหายใจก่อนชำเลืองมองทุกคนที่จ้องมา เพราะพวกเขาทำคิ้วขมวดอย่างสงสัยและสับสน

    "เออ... เล่าก็ได้ ที่พี่จิมมี่สั่งพักงานเดย์สองเดือน เพราะมันมีภาพหลุดกับผู้หญิงตอนไปเล่นคอนฯที่โอซาก้า พี่ถามหน่อยเถอะ เดย์มันติดผู้หญิงเหรอวะ ทำไมพี่ไม่เห็นรู้เรื่อง พวกแกรู้ไหมว่าเธอเป็นใคร สงสัยต้องไปคุยหน่อย"

    เมื่อได้รับคำตอบคาใจก็ทำให้สามหนุ่มที่เหลือในวงถึงบางอ้อ พลันมองหน้าเหมือนรู้กันจนซงโฮสังเกตได้ในทันที

    "พวกแกรู้อะไรก็บอกมา"

    ทุกคนส่ายหน้าพร้อมกันโดยมิได้นัดหมายเป็นคำตอบให้กับซงโฮ

    "นี่! ถ้าอยากช่วยรักษาชื่อเสียงของวงก็ต้องบอกมานะว่าเธอเป็นใคร  มาหลอกเดย์หรือเปล่า พวกแกก็รู้ว่ามันซื่อจะตาย  ผู้หญิงคนนี้เามาดีหรือมาร้ายเราก็ไม่รู้  หวังเกาะเดย์ดังหรือเปล่าก็ไม่รู้  ต้องช่วยกันดูสิวะ ไม่เป็นห่วงเดย์กันเหรอ มันยอมทิ้งงานทิ้งการ ปล่อยให้เป็นข่าวได้ขนาดนี้เนี่ย   แสดงว่ามันก็หลงผู้หญิงคนนั้นในระดับหนึ่งเลยนะ"

    ทุกคนมองหน้ากันอีกครั้ง พลางแสดงสีหน้ากระอักกระอ่วนใจ แต่ฉุกคิดได้ว่าสิ่งที่ซงโฮพูดมันก็มีเหตุผล แฟนคลับที่คอยเฝ้า คอยตาม คอยห่วงใยเดย์คนนั้น  เธอตั้งใจเข้ามาเพื่อหวังอะไรจากตัวเดย์กันแน่  ทำไมต้องยอมทุ่มเทให้กับคนไม่รู้จักมักจี่กันเป็นการส่วนตัวได้ขนาดนั้น  ถ้าไม่ใช่เป็นเพราะความหวังจะจับนักร้องนำวงร็อกของพวกเขาเป็นสามี

    ในที่สุดเนลสันก็ยอมปริปากรับสารภาพหลังจากที่ทำสีหน้าเคร่งเครียดมาได้สักพักใหญ่

    "ซงโฮแกอย่าโกรธฉัน อย่าฆ่าฉันนะ......ฉันเอง...เอ่อ.....ก็มีส่วนทำให้พวกเขาได้เจอกัน...... ฉันเป็นคนพาไอ้เดย์ไปเจอผู้หญิงคนนั้นเอง"

    ได้ยินดังนั้นแล้วทุกคนถึงกับเบิกตากว้างด้วยความตกใจ

    "พี่ว่าอะไรนะ"

    "จะใจเย็น.... พี่ก็แค่คิดว่ามันจะเจอกันเพื่อกินกันเล่นๆคืนเดียวแล้วแยกทาง พี่ไม่คิดว่า...เอ่อ.....มันจะโทรกลับมาเพื่ออยู่กับเธอไปอีกอาทิตย์หนึ่งแบบนั้น พี่ไปส่งมันเพราะความรู้เท่าไม่ถึงการณ์จริงๆนะซงโฮ ให้อภัยพี่เถอะ"

    "โอ๊ย! พี่เนล....ทำไมไม่บอกผมตั้งแต่วันนั้นวะ!"

    "เอ่อคือ....พี่สงสารมันเห็น มันไม่ได้มีผู้หญิงมาป้วนเปี้ยนให้ได้ระบายอารมณ์อย่างว่ามานานแล้วเหมือนพวกเรานี่หว่า ก็ที่ตั้งวงกันมาตั้งแต่ไฮสคูลเนี่ย ก็ไม่เห็นมันจะจีบสาวคนไหนเลยจนมาเจอคนนี้เนี่ย"

    "เฮ้ย! พี่เนล สรุปเดย์กับผู้หญิงคนนั้น....จุด จุด กันแล้วเหรอ" โจที่ยืนฟังเนลสันยอมรับสารภาพความจริงแบบนั้น ก็ถึงกับตกใจ เพราะเขาเองก็ไม่อยากจะเชื่อเรื่องนี้เช่นกัน

    "เที่ยวต่ออีกอาทิตย์ซะขนาดนั้น เป็นแกจะนอนนับนิ้วเฉยๆรึยังไง" เนลสันหรี่ตามองโจอย่างกวนโอ

    "โอย เป็นผมคงเสร็จไปนานแล้ว ไม่รอให้ไปถึงโอซาก้าหรอก ฮ่าๆ" สามเกลอพลันหลุดขำพร้อมกัน ในขณะที่ซงโฮยังคงง่วนคิดตามเนื้อเรื่องอย่างเคร่งเครียด

    "ป๋าแม่งแรงวะ กินแฟนคลับตัวเองเลยเหรอวะเนี่ย" เคนบ่นพึมพำเบาอย่างชื่นชมในความกล้าของรุ่นพี่ตัวเอง

    "ห้ะ? ว่าไงนะ? แฟนคลับอะไรนะ?" ซงโฮแทรกคำถามคาใจขึ้นมาในทันที

    "ไอ้เคน!....."

    ทั้งโจและเนลสันหันไปจ้องเคนตาเขม็ง  บัดนี้น้องเล็กได้ก้มหน้าลง พลางยิงฟันซี่เรียงสวยหลับตาปี๋ ดูเกรงกลัวที่จะโดนรุมด้วยฝ่ามืออรหันต์จากพี่ๆ

    "นี่ เดย์คบแฟนคลับเหรอ.... แย่แล้ว.... พี่จิมมี่สั่งห้ามจำไม่ได้กันรึไง  นี่มันกเหล็กของบริษัทเลยนะ  ให้ตายเถอะ! คบแฟนคลับคนหนึ่งได้ ถ้าแฟนคลับคนอื่นๆรู้จะไม่แย่กันหมดเลยเหรอเนี่ย ไหนจะพวกซาแซงอีก โว้ยยยยยย แต่ละคน ...ชอบทำให้ปวดหัวอยู่เรื่อยเลย" (*ซาแซง = แฟนคลับโรคจิต)

    ทันทีที่ซงโฮได้รับความกระจ่างก็พลันทำให้เขานึกขึ้นมาได้ทันควัน ภาพหญิงสาวผมลอนสลวยที่ยืนข้างเดย์ในรูปนั้น มันช่างคลับคล้ายคลับคากับหญิงสาวคนที่ชอบแอบยืนตามมุมมืดของตึกเพื่อเอาของมาให้ตอนกลางค่ำกลางคืนมากทีเดียว

    'ผู้หญิงคนนั้นเองหรอกเหรอ มิน่าล่ะ... มันถึงดูเป็นห่วงเป็นใย เขาให้อะไรก็รับไปหมดซะทุกอย่าง หืม ....ไอ้เดย์....หางานเข้าให้ฉันแล้วไงล่ะ'

    แฟนคลับกับศิลปินจะรักกันได้อย่างไร แค่ซงโฮลองนึกภาพดูก็พลันทำให้เขาต้องยืนกุมขมับอย่างหนักใจแล้ว

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×