ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    หัวใจกีรติ

    ลำดับตอนที่ #9 : จัดการ

    • อัปเดตล่าสุด 19 ต.ค. 67


    “บอสครับทุกอย่างพร้อมแล้ว” เหมเดินมาตามอีริคที่ห้องทำงานเมื่อทุกอย่างพร้อมแล้วที่จะให้ผู้เป็นเจ้านายลงโทษคนทรยศ

    “เป็นเขาจริงๆ ใช่ไหม” 

    “จากข้อมูลและหลักฐานทั้งหมดมันชี้ชัดว่าเป็นเขาแน่นอนครับบอส”

    “ดี! ฉันจะได้ไม่ต้องมารู้สึกผิดทีหลัง” อีริคก้าวขาเดินมุ่งหน้าลงไปชั้นล่างอย่างนึกสนุก คนดีที่พ่อฝากฝังให้ทำงานด้วยสุดท้ายก็เผยธาตุแท้ออกมาจนได้ เชื้อไม่ทิ้งแถมจริงๆ สินะ

    “เอาล่ะทุกคนเงียบ! และฟังสิ่งที่ผมจะพูดต่อจากนี้” น้ำเสียงทรงพลังพูดแทรกขึ้นในขณะที่พนักงานกำลังถกเถียงกันอยู่ ทันทีที่อีริคปรากฏตัวทุกคนก็พร้อมใจกันเงียบแล้วฟังอย่างตั้งใจ

    “สองเดือนมานี้คลินตันบาร์ของเราประสบปัญหาขาดทุนย่อยยับ มีใครตอบผมได้บางว่ามันเกิดจากอะไร” พนักงานทุกคนนิ่งเงียบไม่มีใครยอมปริปากพูดอะไรทั้งนั้น “หึ! ไม่มีใครตอบได้ งั้นคุณแอนในฐานะที่คุณเป็นผู้จัดการที่นี่ตอบผมมาว่ามันเกิดอะไรขึ้น” เมื่อไม่มีใครเอ่ยปากพูดอะไรคราวนี้อีริคก็หันไปเค้นถามผู้จัดการ แต่ก็ยังไม่ได้คำตอบอะไรนอกจากท่าทีอ่ำๆ อึ้งๆ

    “คือดิฉัน…” 

    “การที่ผมทุ่มเงินจ้างพวกคุณด้วยเงินที่สูงกว่าคนอื่น พวกคุณคิดว่าผมอยากได้คนทรยศหรือยังไง!” อีริคเริ่มพูดเสียงดังก่อนจะกวาดสายตามองทุกคนอย่างช้าๆ

    “ผมจะให้โอกาสสารภาพ ใครที่ยักยอกเงินผมไปรวมทั้งขโมยเครื่องดื่มในร้านไปขาย ถ้ากล้าก้าวออกมาแล้วสารภาพกับผมตอนนี้ผมจะยกโทษให้” 

    “แต่ถ้าไม่ พวกคุณก็น่าจะรู้ว่าจะต้องเจอกับอะไร” สุดท้ายก็ไม่มีใครก้าวออกมา ทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบก่อนอีริคจะยกยิ้มมุมปากขึ้นอย่างเลือดเย็นจากนั้นจะส่งซิกให้เหมเริ่มจัดการคนทรยศ

    “อะไรวะ จับกูทำไม!” เสียงโวยวายดังขึ้นเมื่อลูกน้องของอีริคสองคนเดินไปหิ้วปีกไซม่อนลูกติดเมียใหม่พ่อเขาออกมาด้านหน้า ก่อนเหมจะเดินไปจับล็อกแขนผู้จัดการร้านที่ยืนตัวสั่นก้มหน้าไม่กล้าสบตาใครออกมาด้วย

    “ผมรู้มาว่าไม่ได้มีแค่นี้ใครที่หลงผิดทำตามคำสั่งสองคนนี้ผมจะให้โอกาสอีกครั้ง ก้าวออกมาข้างหน้าแล้วสารภาพทุกอย่างต่อหน้าทุกคนในที่นี้ ผมให้เวลาสามวินาที 1 2 ….” เสียงฮือฮาดังขึ้นอีกครั้งเมื่อผู้ร่วมกระบวนการทั้งสามเดินคอตกออกมาด้านหน้า แน่นอนว่าพวกเขาก็รักตัวกลัวตายขนาดคนที่เคยบอกว่าจัดการทุกอย่างได้ยังเอาตัวเองไม่รอด

    “หึ! ดีเหมพาตำรวจเข้ามาเอาตัวพวกมันไป” 

    “แต่บอสครับบอสบอกจะให้โอกาสพวกเรา” หนึ่งในสามคนรีบค้านขึ้นด้วยความร้อนใจ

    “ใช่ โอกาสของพวกนายมีสองทางเลือก คือหนึ่งหาเงินมาคืนฉันทั้งหมดภายในระยะเวลาสองเดือน และสองเข้าคุกไปซะแล้วฉันจะขอลดโทษให้ครึ่งหนึ่ง” 

    “แต่ถ้ายังไม่พอใจฉันเพิ่มให้อีกหนึ่งทางเลือกคือตายซะ!”

    “ไอ้อีริคกูจะบอกพ่อมึง! ไอ้อกตัญญู” ไซม่อนตะโกนขึ้นอย่างเดือดดาลทั้งที่ยังถูกจับล็อกตัวไว้อยู่ อีริคเหยียดยิ้มแล้วหันไปมองด้วยความสมเพช

    “กูต้องขอบคุณมึงมากจริงๆ ที่แสดงสันดานแท้ออกมาให้กูเห็น ผู้ชายคนนั้นเขาจะได้เลิกลำเลิกบุญคุณกับกูสักที เขาจะได้รู้ว่าคนดีๆ อย่างมึงสันดานมันเป็นยังไง มึงรู้ไหมว่าความจริงแล้วกูจะจับมึงโยนทิ้งบ่อจระเข้ให้มันจบๆ ไปก็ยังได้ แต่เพราะเขากูเลยไม่ทำ กูอยากเห็นเขา อยากเห็นมึง! และก็แม่มึงวิ่งวนในกำมือกูเหมือนหมาจนตรอก สิ่งที่พวกมึงทำกับแม่กู กูไม่เคยลืม  เพราะฉะนั้นมึงอย่าหลงคิดว่าผู้ชายคนนั้นจะปกป้องมึงได้ไอ้ลูกแหง่” 

    ไซม่อนลูกติดมัทนาเมียน้อยพ่อของอีริค ผู้หญิงที่ทะเยอทะยานหวังจะให้ตัวเองอยู่สุขสบายเป็นสาเหตุให้แม่เขาล้มป่วยจนตรอมใจตาย แต่น่าขำคนที่คิดว่าจะเข้ามากอบโกยกับไม่ได้อะไรไปแม้แต่บาทเดียวเพราะสมบัติมากมายที่ทำให้พ่อเขากินอยู่อย่างสุขสบายล้วนแล้วแต่เป็นสมบัติของคุณตาเขาทั้งสิ้น

    “บอสครับ แค่จับเข้าคุกมันจะจบจริงๆ เหรอครับ” เหมถามขึ้นในขณะที่กำลังเดินทางกลับบ้านหลังจากเคลียร์ทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว

    “ไม่จบหรอก ไม่มีทางจบง่ายๆ ตราบใดที่ผู้ชายคนนั้นยังได้ชื่อว่าเป็นพ่อฉันอยู่ สั่งคนจับตาดูบ้านนั้นไว้ให้ดีถ้ามีอะไรไม่ชอบมาพากลให้รายงานฉันทันที”

    “ครับบอส” 

    “นับตั้งแต่นี้ต่อไปฉันคงไม่มีเวลาอยู่บ้านสักเท่าไหร่ยังไงว่างๆ นายก็ช่วยพากีรติไปทำหนังสือเดินทางด้วยละกัน” 

    “บอสจะให้คุณกัสตามไปด้วยเหรอครับ” 

    “ใช่ ฉันจะปล่อยเขาอยู่บ้านคนเดียวได้ยังไง” 

    จะปล่อยให้ไกลหูไกลตาได้ยังไงแค่วันนี้ออกมาเคลียร์งานเขายังต้องรีบจัดการทุกอย่างให้เสร็จภายใน 1 ชั่วโมง ไปคุยงานต่างประเทศครั้งหนึ่งเป็นอาทิตย์จะทิ้งไปได้ยังไง

    “บอสดู…” เหมพูดขึ้นแล้วเว้นช่องหันไปดูหน้าผู้เป็นเจ้านายก่อนว่าพูดต่อได้ไหม

    “ดูอะไร” เสียงเข้มถามขึ้นแต่มุมปากกระตุกยิ้มอย่างรู้ทัน

    “ดูหลงเด็ก” เหมเอ่ยแซว

    “หึ! ฉันเป็นแบบนั้นเหรอ” 

    “ครับ” 

    หึ! ก็ช่วยไม่ได้คนมันถูกใจไปแล้ว

    "อยากทานอะไรเป็นพิเศษไหม" อีริคหันไปถามร่างบาง

    วันนี้หลังจากพากัสไปเดินเรื่องทำหนังสือเดินทาง ขากลับอีริคก็พาแวะห้างหาของอร่อยทานเพราะอยากเอาใจ แต่พออีริคถามร่างบางก็เอาแต่ส่ายหัวซ้ำยังเดินเบียดเขาจนต้องคว้ามือมาจับไว้ร่างบางถึงรู้สึกผ่อนคลาย

    "เป็นอะไร"

    "ผมแค่กังวลนิดหน่อย"

    "กลัวว่าจะเจอไอ้ศิลาอีกหรือไง"

    "ครับ" ร่างบางตอบอย่างไม่ปิดบัง

    "หึ! ต่อให้นายเจอมันที่นี่มันก็ทำอะไรนายไม่ได้หรอกฉันอยู่นี่ทั้งคน คราวนี้บอกได้ยังว่าจะกินอะไร"

    "ไอศกรีมร้านนั้นได้ไหมครับ" กัสชี้ไปที่ร้านไอศกรีมที่เขาเคยเห็นในโฆษณา

    "ทำไมจะไม่ได้ล่ะ"

    "แต่บอสเกลียดของหวานเข้าไส้เลยไม่ใช่เหรอครับ" เหมค่อยเดินตามหลังกระซิบถามผู้เป็นเจ้านายด้วยความเป็นห่วง แต่ลึกๆ ก็อยากแซวเพราะที่ผ่านมาเวลาอีริคมาเดินห้างกับสาวๆ คู่ควงทั้งหลาย ถ้าใครเอ่ยปากอยากเข้าร้านขนมหวานเป็นอันต้องถูกทิ้งไว้กลางร้านทุกคน เพราะสาวสวยแต่ละคนกว่าจะลงมือทานได้ก็เล่นหามุมถ่ายรูปจนของที่สั่งมาละลายจนหมด

    "หุบปาก" โดนสายตาคาดโทษไปหนึ่งที เหมถึงกับเดินตามเงียบๆ แต่ก็ไม่วายหลุดยิ้มออกมาทุกครั้งที่เจ้านายพูดจาเอาอกเอาใจคนตัวเล็กอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

    "เหมือนกำลังฝันอยู่เลยครับ" คนเด็กกว่าระบายยิ้มออกมาด้วยความดีใจแววตาเป็นประกายวาววับ

    เมื่อพนักงานเสิร์ฟวางไอศกรีมถ้วยใหญ่พร้อมขนมเค้กชิ้นสวยลงบนโต๊ะ

    "ดีใจขนาดนั้นเชียว"

    "นี่มันเป็นของกินในฝันผมเลยนะครับ พูดไปคุณคงไม่เข้าใจความรู้สึกนี้หรอก แต่ก่อนนะเคยเห็นแต่ในโฆษณามันน่ากินมากกกก ผมฝันว่าวันหนึ่งต้องมาลองชิมให้ได้ และวันนี้ผมก็จะได้ลองกินจริงๆ สักที" พูดจบก็ตักไอศกรีมเข้าปากหลับตาพริ้มฟินไปกับรสชาติความอร่อย

    "หึ" อีริคเองก็เผลอยิ้มออกมาทุกครั้งเมื่อคนตัวเล็กตักไอศกรีมเข้าปากด้วยท่าทางเอร็ดอร่อย

    "นึกว่าหายไปไหนที่แท้พี่ก็มาอยู่นี่นี่เอง" ไอศกรีมยังไม่ทันหมดถ้วย ก็มีเสียงรบกวนมาจากสาวสวยที่พึ่งเข้ามาใหม่ในก็มือถือถุงช้อปปิ้งพะรุงพะรัง

    "ลูกแก้ว"

    "ใช่ฉันเอง พี่ไม่รู้เหรอว่าตอนพี่ไม่อยู่ครอบครัวเราเจออะไรบ้าง"

    "หึ! แม่โดนตำรวจจับ จนฉันกับพ่อต้องหาเงินประกันตัวออกมารู้ไหมว่าเราลำบากกันแค่ไหน แต่ดูพี่สิมานั่งเสวยสุขสบายใจเฉิบ ประโคมใส่แบรนด์เนมทั้งตัวขนาดนี้กลัวคนเขารู้เหรอว่าเคยทำอะไรมาก่อน"

    "ทำอะไรเหรอ" อีริคถามขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง หญิงสาวเหยียดยิ้มเยาะหยันด้วยความพอใจเพราะหลงคิดว่าผู้ชายตรงหน้าคงยังไม่รู้ธาตุแท้ของพี่ชายต่างพ่อของตัวเอง

    "อยากรู้ก็…จ่ายมาก่อนสิแล้วฉันจะบอก" 

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×