ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    หัวใจกีรติ

    ลำดับตอนที่ #5 : ผู้มีอิทธิพล

    • อัปเดตล่าสุด 19 ต.ค. 67


     

    “ทำอะไร” ทันทีที่แม็คเดินเข้ามาในห้องน้ำเพราะเริ่มรู้สึกถึงความผิดปกติ เขาก็เห็นชายฉกรรจ์สองคนยืนพิงประตูห้องน้ำกระดิกเท้าเล่นทำเหมือนว่าไม่มีอะไร ใช่มันจะไม่มีอะไรถ้าคนของเจ้านายเขาไม่หายไป

    “ผมถามว่าพวกคุณทำอะไร” แม็คเริ่มกดเสียงต่ำพูดอย่างช้าๆ ถามย้ำผู้ชายทั้งสองคนอีกครั้ง 

    “ยืนส่องกระจกอยู่ไม่เห็นหรือไง” 

    “งั้นถอยไป” 

    “ห้องว่างมีตั้งเยอะไม่เห็นหรือไง” 

    “เห็นแต่กูจะเข้าห้องนี้มึงจะทำไม” เมื่อมั่นใจว่ากัสอยู่ในห้องนี้ แม็คก็ไม่ลังเลอีกต่อไป สองเท้ากระโดดถีบชายฉกรรจ์ออกให้พ้นทางก่อนจะเคาะประตูเรียกกัสอีกครั้งแต่ก็ไม่มีเสียงตอบรับ

    “โถ่เว้ย! ถ้าคุณกัสเป็นอะไรไปกูตายแน่” ในใจก็ได้แต่นึกโมโหตัวเองที่ไม่รอบคอบ สายตามองชายฉกรรจ์ทั้งสองที่กำลังพุ่งตรงมาหาตัวเองพร้อมอาวุธมีดในมือ ไวเท่าความคิดแม็คตัดสินใจวิ่งออกไปด้านนอกแล้วรีบตะโกนขึ้นเสียงดัง

    “ช่วยด้วยครับน้องชายผมติดอยู่ในห้องน้ำ!!” แน่นอนว่าการต่อสู้กับชายฉกรรจ์หุ่นยักษ์ทั้งสองคนนั้นไม่ใช่ทางเลือกที่ดีสักเท่าไหร่และการทำให้ผู้คนในห้างนี้แตกตื่นก็คงไม่เป็นผลดีด้วยเหมือนกัน

    ชายฉกรรจ์สองคนที่วิ่งตามออกมารีบซ้อนมีดทันทีที่ผู้คนเดินแทรกเข้าไปด้านในเพื่อให้การช่วยเหลือคนที่ติดอยู่ในห้องน้ำ

    ทั้งพนักงานรักษาความปลอดภัย พนักงานขายในห้างรวมทั้งคนเดินผ่านไปมาต่างก็รีบให้การช่วยเหลือ หลายมือระดมทุบประตู พนักงานก็วิ่งหาอุปกรณ์มางัดแงะให้การช่วยเหลือกันอย่างเต็มที่ ทำขนาดนี้แล้วมีเหรอคนด้านในจะทนอยู่ได้ ในที่สุดศิลาก็ยอมเปิดประตูออกมาใบหน้าบึ้งตึงสายตาเพ่งมองหาลูกน้องตัวดีแต่ก็ไม่เห็นหัวใครสักคน ได้แต่อดทนขบเคี้ยวระงับความโมโหสุดขีด

    “ผมต้องขอบคุณคุณมากนะครับที่อุตส่าห์ปีนเข้าไปช่วยน้องชายผม” แม็คตรงเข้าไปกอดศิลาพร้อมกับทำทีเป็นยกมือไหว้ขอบคุณอย่างทราบซึ่ง ก่อนจะเดินแทรกเข้าไปด้านในเพื่อดึงตัวกัสออกมา 

    “ขอบคุณทุกคนมากเลยนะครับที่ให้การช่วยเหลือ น้องชายผมคงตกใจมากผมต้องขอตัวก่อนนะครับ” แม็ครีบคว้าเอาถุงช้อปปิ้งแล้วรีบพากัสเดินออกมาแล้วตรงไปขึ้นรถทันที

    “คุณกัสเป็นอะไรมากไหมครับ” 

    “ไม่ครับ” กัสส่ายหัว โชคดีที่ศิลาไม่ได้ทำอะไรเขาอย่างมากก็แค่ขู่ให้เขากลัว 

    “ถ้าบอสรู้ผมต้องตายแน่ๆ เลย” แม็คบ่นเพราะความสะเพร่าของตัวเองแท้ๆ ดีนะที่เขายังเอาตัวรอดมาได้

    “พี่แม็คก็อย่าบอกสิครับ พี่แม็คไม่บอกผมไม่บอกก็ไม่มีใครรู้” ถึงจะรู้สึกกลัวและเป็นกังวลกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแต่กัสก็อดเป็นห่วงแม็คไม่ได้เหมือนกัน เพราะสีหน้าเคร่งเครียดแววตาเป็นกังวลเหมือนในหัวกำลังใช้ความคิดอยู่ตลอดเวลา

    “ไม่ได้หรอกครับเรื่องนี้มันอันตรายมากยังไงผมก็ต้องรายงานให้บอสทราบเรื่อง”

     

    "กลับช้าไป 30 นาที  เกิดอะไรขึ้นแม็ค" ทันทีที่แม็คก้าวเท้าเข้าไปในคฤหาสน์หลังใหญ่เสียงเข้มของผู้เป็นเจ้านายเอ่ยถามเหมือนรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่แม็คยังไม่ทันได้พูดอะไรอีริคก็เดินตรงไปหาร่างบางที่ยืนก้มหน้าเหมือนกลัวความผิด

    “เป็นอะไรหรือเปล่า” อีริคจับกัสหมุนซ้ายหมุนขวาก่อนจะจับคางมนเสยขึ้นมาสบตา ร่างบางที่อดทนอดกลั้นเพราะคิดว่าตัวเองเข้มแข็งถึงกลับปล่อยโฮออกมาเสียดื้อๆ เมื่อได้ยินคำถามและแววตาเป็นห่วงเป็นใยอย่างที่เขาไม่เคยสัมผัสมาก่อน 

    “ฮึก! ผมไม่เป็นอะไรครับ” ความรู้สึกเหมือนถูกเติมเต็มตั้งแต่เกิดมานี่เป็นคำถามที่ทำให้กัสรู้สึกว่าเขามีตัวตนและมีคุณค่า อ้อมกอดอุ่นที่กำลังปลอบโยนมันยิ่งทำให้ร่างบางร้องไห้ออกมาด้วยความดีใจ ต่อให้ต้องเจอปัญหามากมายหนักหนาแค่ไหน ถ้ามีคนที่พร้อมจะเข้าใจและให้กำลังใจกันแบบนี้ทำไมเขาจะไม่มีแรงให้ฮึดสู้ต่อ 

    แต่ในขณะที่กัสยืนกอดอีริคอยู่นั้นคนที่ใจหายใจคว่ำที่สุดก็หนีไม่พ้นแม็คผู้รับหน้าที่ดูแลกัสยืนร้อนๆ หนาวๆ พยายามคิดหาคำตอบที่จะทำให้อีริคใจเย็นที่สุด

    “ว่ามา” อีริคพูดขึ้นทันทีที่ตนนั่งลงบนโซฟาโดยมีกัสนั่งกุมมืออยู่ข้างๆ มองแม็คด้วยความเป็นห่วง 

    “หลังจากที่ซื้อของเสร็จคุณกัสอยากเข้าห้องน้ำผมเลยพาไป แต่ผมดันสะเพร่าไปหน่อยที่ไม่ได้เดิมตามคุณกัสข้างใน และไม่ทันสังเกตว่าผู้ชายสามคนที่เดินเข้าห้องน้ำไปที่หลังคุณกัสจะเป็นภัย ผมขอโทษครับบอสที่ทำให้คุณกัสตกอยู่ในอันตราย” แม็ครีบคุกเข่าพร้อมยกมือไหว้อย่างรู้สึกผิด “แต่บอสครับผมถ่ายรูปพวกมันมาได้คงหาที่อยู่ได้ไม่ยากถ้าเราจะเอาคืน” แม็ครีบยื่นโทรศัพท์ในมือให้อีริคดู โชคดีที่เขายังคิดได้ถึงรีบหยิบโทรศัพท์ถ่ายรูปพวกมันไว้ในช่วงชุลมุน 

    “นายรู้จัก?” คราวนี้อีริคหันไปถามกัส

    “ครับผมรู้จัก” กัสตอบตามความจริงก่อนจะเล่าเรื่องเล่าก่อนหน้านี้ให้อีริคฟังด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ “หลายครั้งที่แม่พยายามจะขายผมให้กับผู้ชายคนนั้นเพื่อแลกกับเงินก้อนโตและใช้หนี้ที่แม่ยังค้างเขาอยู่ เขาชื่อศิลาเป็นเจ้าของบ่อนพนันที่แม่ผมไปเล่นประจำ” 

    “แล้วนายหนีรอดมาได้ยังไง” อีริคถามต่อ 

    “ผมวิ่งหนีเขา อึก แค่ได้ยินเสียงรถผมจะรีบวิ่งหนีออกไปทางหลังบ้านแล้วหลบอยู่ในท่อที่เชื่อมต่อกับคลอง มันคือที่เดียวที่ไม่มีใครหาผมเจอ อึก ผมอยู่แบบนั้นจนเช้าของอีกวันรอจนกว่าแม่จะกลับเข้าบ่อน รอให้น้าจอมไปกินเหล้ากับเพื่อน รอให้ลูกแก้วออกจากบ้าน ผมถึงจะกลับเข้าบ้านได้” อีริคได้ฟังถึงกลับขบกรามแน่นด้วยความโกรธ ไม่รู้ว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นแม่ประเภทไหนถึงได้ทำกับลูกตัวเองแบบนี้ เขาไม่อยากเดาเลยว่าสภาพจิตใจของร่างบางก่อนหน้านี้จะหนักหนาสาหัสขนาดไหน  โตมาจนได้ป่านนี้ใช้ชีวิตจนมาถึงตอนนี้ได้ก็ถือว่าเก่งมากแล้ว 

    “นายเก่งมากรู้ไหม” อีริคเอ่ยชมพลางยื่นมือไปลูบหัวเบาๆ ก่อนสายตาอ่อนโยนจะเปลี่ยนไปในชั่วพริบตา 

    ดวงคมดุลุกโชนเหมือนมีเปลวเพลิงแผดเผาตวัดมองแม็คจนเขาแทบหยุดหายใจ 

    "จัดการเรื่องนี้ให้เร็วที่สุดอย่าให้ผู้ชายคนนั้นมาก่อกวนได้อีก"

    "แต่คุณศิลาเป็นพวกมีอิทธิพลในพื้นที่เราจะสู้เขาได้ยังครับ" ร่างบางรีบค้านขึ้นเพราะกลัวจะนำความเดือดร้อนมาให้ อีริคได้ยินแล้วถึงกับยกยิ้มมุมปากเด็กน้อยของเขาช่างไม่รู้อะไรซะจริง 

    หึ! ศิลางั้นเหรอเดี๋ยวเราได้เห็นดีกัน

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×