คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #13 : เหลือบไร
กัสนั่งมองตัวเองในกระจกอย่างไม่เชื่อสายตา ชุดสูทสีน้ำเงินเรียบหรูจากแบรนด์ดังที่ตนสวมใส่เข้ากับธีมงานสีน้ำเงิน-ฟ้า ใบหน้าก็ถูกแต่งแต้มโดยช่างมืออาชีพที่อีริคคัดสรรมา จับเขาแปลงโฉมจากคนธรรมดาให้กลายเป็นเหมือนลูกคุณหนูมีชาติตระกูล
“ไม่รู้จะหาคำไหนมาชมเลยค่ะ บางมุมก็ดูหล่อจนใจเจ็บ บางมุมก็ดูสวยยิ่งกว่าผู้หญิงแต่รวมๆ แล้วน่ารักน่าเอ็นดูอยากหยิกแก้มสักสองทีแต่กลัวคุณอีริคจะว่าเอาค่ะ” ประโยคสุดท้ายช่างแต่งหน้าสาวกระซิบบอกกัสให้ได้ยินกันสองคน
“ครับ”
“เสร็จหรือยัง” อีริคเอ่ยถามขึ้นหลังจากนั่งรอมาสักพัก เขาสวมสูทสีน้ำเงินเข้มยิ่งเสริมให้เขาดูหล่อคมเข้มจนสาวๆ ในงานต้องเหลียวหลัง
“เสร็จแล้วค่ะ คุณกัสน่ารักมากๆ จนพี่อยากให้ไปถึงงานเร็วๆ จะได้อวดความสวยความน่ารักให้คนทั้งโลกได้เห็น” มะปรางช่างแต่งหน้าสาวชื่อดังยังคงเอ่ยชมไม่ขาดปากรวมทั้งลูกทีมของเธอก็มองกัสด้วยความภาคภูมิใจ
“เสร็จแล้วก็ไปกันเถอะงานจะเริ่มแล้ว”
ค่ำคืนแสนพิเศษงานเลี้ยงขอบคุณลูกค้าและเปิดตัวโปรเจกต์ใหม่ถูกจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่อลังการ เพียงก้าวขาเข้าไปในงานกัสก็แทบก้าวต่อไม่ไหว
“เป็นอะไร” อีริคกระซิบถาม
“ไหนคุณบอกว่างานเล็กๆ”
“ฉันน่าจะจำผิด แต่งานนี้ก็ไม่ได้ใหญ่ใช่ไหมล่ะ” อีริคว่าพลางหันมายิ้มให้เป็นเชิงบอกว่าไม่มีอะไรต้องกังวล แต่ใครจะทนความกดดันได้เมื่อสายตาทุกคนในงานต่างหันมาจับจ้องพวกเขาเป็นตาเดียว แต่อีริคก็ยังจับมือกัสพาเดินเข้าเงินไปโดยไม่สนแม้กระทั่งนักข่าวที่กำลังรัวชัตเตอร์เก็บภาพทั้งสองคน
“คุณอีริคเชิญทางด้านนี้ครับนายท่านรออยู่” ชายคนหนึ่งเดินนำอีริคไปที่โต๊ะด้านหน้าเวทีพอไปถึงก็เห็นชายวัยกลางคนนั่งรออยู่ก่อนแล้ว อีริคก็กล่าวทักทายก่อนจะแนะนำกัสให้คุณโจว นักธุรกิจคนไทยเชื่อสายจีนได้รู้จัก
“ไม่รู้ว่าพรุ่งนี้ข่าวเปิดตัวโปรเจ็คใหม่ของเราหรือข่าวที่คุณมีคนควงมางานข่าวไหนจะดังกว่ากัน” คุณโจวพูดขำๆ ก่อนจะมองกัสอย่างพิจารณาอยู่ครู่หนึ่งแล้วยิ้มออกมา
“โหงวเฮ้งดีมีวาสนา”
“เอ่อ ขอบคุณครับ” กัสยกมือไหว้ขอบคุณพร้อมกับยิ้มดีใจ อย่างน้อยๆ คนที่นี่ก็ไม่ได้รังเกียจหรือมองเขาด้วยสายตาดูถูก อีริคเองเห็นกัสยิ้มได้เขาก็เบาใจ แต่ก็เริ่มหงุดหงิดใจเมื่อคนในงานให้ความสนใจกีรติของเขามากจนเกินไปโดยเฉพาะ...พวกผู้ชาย
“ผมไม่ยักจะรู้ว่าคุณอีริคมีน้องชายด้วยหน้าตาเหมือนกันเลยนะครับ คุณอีริคก็ดูหล่อคมเข้มส่วนคุณกีรติก็…น่ารัก” หนุ่มตี๋เอ่ยปากชมพร้อมกับเผยรอยยิ้มละลายใจสาวๆ
“หึ! ผมก็ไม่ยักจะเราว่ารู้จักกันด้วย”
“งั้นผมขอแนะนำตัวเลยนะครับ ผมตงหยางเจ้าของบริษัทหยางกรุ๊ป ผู้ที่รับหน้าที่ดูแลและตกแต่งภายในให้กับกาสิโนของคุณ”
“ยินดีที่ได้รู้จัก แต่กีรติไม่ใช่น้องชายผม”
“งั้นเป็น…”
“นายบอกว่าหิวใช่ไหม งั้นไปหาอะไรทานทางด้านนั้นดีกว่า”
“เอ่อ ครับ” กัสได้แต่เดินตามแรงจูงของอีริคและที่บอกว่าจะพาไปหาอะไรกินก็ไม่ได้กินอะไรสักอย่างเพราะอีริคนั้นจูงมือกัสพาเดินออกนอกประตูไปเลย แต่ยังไม่ทันจะได้กลับไปขึ้นรถ…
“คุณกีรติ” เสียงเรียกตามหลังมา คราวนี้เป็นหนุ่มฝรั่งตาน้ำข้าวที่เดินตามออกมาพร้อมกับคนติดตามสี่ห้าคน ซึ่งอีริคก็รู้จักดี แฟรงค์ หุ้นส่วนอีกคนของเขา
“ครับ” กัสมองหน้าอีริคก่อนจะขานรับ
“เราน่าจะมีช่องทางติดต่อกันไว้สักหน่อยนะครับเผื่อเราจะได้คุยเรื่องธุรกิจกัน” แฟรงค์พูดพลางยื่นโทรศัพท์ให้กัส
“คงไม่จำเป็นหรอก แม็คพากีรติไปขึ้นรถก่อนฉันมีธุระที่จะต้องคุยกับคุณแฟรงค์สักหน่อย”
“ครับบอส”
“กีรติเป็นคนของคลินตันถ้าคุณต้องการคุยงาน กีรติยังไม่มีความสามารถตัดสินใจอะไรได้ เพราะฉะนั้นถ้าคุณอยากคุยเรื่องธุรกิจกรุณาโทรสายตรงหาผม”
“แล้วถ้าผมไม่อยากคุยเรื่องธุรกิจล่ะ”
“อย่ายุ่งกับคนของผมเดี๋ยวจะหาว่าผมไม่เตือน”
“หวงเหรอ”
“...” อีริคเงียบไม่ยอมตอบ
“คุณกีรติกับ...คุณเป็นอะไรกันเหรอครับ”
“...”
“เจ้านายกับลูกน้อง? แฟน? หรือไม่ใช่ทั้งสองอย่าง”
“จะเป็นอะไรแล้วมันเกี่ยวกับคุณ อย่าล้ำเส้นผมให้มากเพราะถ้าผมหมดความอดทนเมื่อไหร่อะไรก็หยุดผมไม่ได้ คุณเองก็น่าจะรู้ดี” อีริคมองเข้าไปนัยน์ตาแฟรงค์อย่างเยือกเย็น
“หึ! ใจเย็นๆ สิคุณอีริคผมก็แค่อยากทำความรู้จัก ในเมื่อคุณหวงขนาดนี้ผมไม่ยุ่งก็ได้” แฟรงค์ยอมถอยอย่างว่าง่าย ก่อนจะมองตามหลังอีริคด้วยความชอบใจที่ทำให้อีริคโมโหได้
พอกลับถึงเพนเฮาส์อีริคพยายามเลี่ยงมาอยู่คนเดียวเพื่อสงบสติอารมณ์ เขาใช้เวลาคิดและไตร่ตรองอย่างถี่ถ้วนการที่เขาจะเก็บซ่อนกัสไว้ตลอดเวลามันเป็นไปไม่ได้ เพราะฉะนั้นก็ต้องทำใจยอมรับให้ได้ว่ายังไงก็ต้องมีพวกเหลือบไร เข้ามาเกาะแกะ
“คุณอีริคเป็นอะไรหรือเปล่าครับ” กัสก็พอจะเดาสถานการณ์ออกว่าอีริคหน้าจะหงุดหงิดมาตั้งแต่ในงาน
“อาบน้ำแล้วเหรอ”
“ครับผมง่วงแล้ว คุณไม่ไปอาบน้ำเปลี่ยนชุดเหรอครับ”
“เดี๋ยวฉันตามไปนายไปนอนก่อนเลย”
“เฮ้ออออ เห็นคุณอารมณ์ไม่ดีแบบนี้ผมไม่สบายใจเลย” เมื่ออีริคยังไม่ลุกกัสก็นั่งลงบนพื้นหันหลังพิงกับโต๊ะที่อีริคนั่งอยู่
“ฉันบอกให้ไปนอน” คราวนี้อีริคว่าขึ้นเสียงดุ
“ผมนอนไม่หลับหรอกครับ คุณยังหน้ายุ่งนั่งคิ้วผูกโบอยู่แบบนี้ผมจะหลับได้ยังไง ผมทำอะไรให้คุณรำคาญหรือไม่พอใจหรือเปล่า”
“เปล่า”
“งั้นถ้ามีเรื่องไม่สบายใจคุณเล่าให้ผมฟังได้นะ ระบายกับผมก็ได้ผมพร้อมจะรับฟัง” กัสพูดเสียงใสค่อยๆ เผยรอยยิ้มออกมาพร้อมกับจ้องมองสบตาอีริคไปด้วย
“เฮ้อ เพราะนายเป็นแบบนี้ไงคนอื่นถึงได้ชอบเข้ามายุ่งวุ่นวายนัก” ดวงตากลมตาคู่สวยที่แหงนหน้ามองอีริคอย่างสงสัยว่าตัวเองไปทำอะไรตอนไหน แต่ยังไม่ทันจะได้เอ่ยถามกลับไปกัสก็ถูกฉุดให้ลุกขึ้นไปนั่งบนตักแกร่งซะแล้ว
“นายรู้ตัวหรือเปล่าว่าวันนี้ตัวเองเป็นจุดสนใจมากแค่ไหน” กัสพยักหน้าตอบ อีริคก็ใช้มือกอดล็อกเอวคอดไว้แล้วถามต่อ
“แล้วรู้หรือเปล่าว่าฉันไม่ชอบ” คราวนี้กัสส่ายหัวปฏิเสธ
“เด็กโง่”
“อ๊ะ! คุณดีดหน้าผากผมทำไมผมเจ็บนะ”
“เพราะนายมันไม่รู้อะไรเลยไง” ถึงตรงนี้อีริคก็ยังแอบสงสัยว่ากัสเคยทำงานแบบนั้นทำไมถึงดูไม่ทันคนเอาซะเลย
“แล้วผมต้องรู้อะไรครับ คุณก็บอกสิ” เอามือลูบหน้าผากตัวเองป้อยๆ พร้อมกับมองอีริคอย่างงอนๆ
“ที่ฉันช่วยนายมาจนถึงป่านนี้ นายคิดว่าเพราะฉันตั้งใจจะโปรดสัตว์จริงๆ ใช่ไหม”
“คิดว่า…ไม่ครับ”
“ก็ใช่ไง เพราะนายทำให้ฉันสนใจ ฉันเลยอยากลองค้นหาว่าตัวตนนายแท้จริงแล้วมันเป็นยังไง”
“แล้วเป็นยังไงล่ะครับ”
“ก็...ชอบไง”
ความคิดเห็น