ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    หัวใจกีรติ

    ลำดับตอนที่ #11 : แลกเปลี่ยนความทุกข์

    • อัปเดตล่าสุด 19 ต.ค. 67


    “คุณอยากเล่าอะไรให้ผมฟังไหมครับ ถ้าคุณรู้สึกไม่สบายใจเรามาแลกเปลี่ยนความทุกข์กันไหม” กัสพูดขึ้นเบาๆ หลังจากทั้งสองทานข้าวเสร็จ สายตาเป็นห่วงเป็นใยส่งผ่านไปให้อีริคจนเขานึกเอ็นดู เมื่อยามร่างบางใช้น้ำเสียงออดอ้อน

    “อ้อนเหรอ” 

    “เปล่าสักหน่อยครับ ผมแค่อยากให้คุณอารมณ์ดี” 

    “รู้หรือเปล่าที่ทำอยู่ตอนนี้มันกำลังจะทำลายความตั้งใจของฉัน”

    “ไม่รู้ครับ” กัสส่ายหัว

    “หึ! ไหนบอกอยากแลกเปลี่ยนความทุกข์นายเล่าก่อนสิ” 

    “ผมไม่รู้จะเริ่มจากตรงไหนคุณนั่นแหละเล่าก่อน”

    “ชีวิตฉันมันก็อาจจะไม่ได้น่าฟังสักเท่าไหร่ นายอยากฟังจริงๆ เหรอ” กัสยังคงพยักหน้าตอบว่าพร้อมจะฟังแล้วจริงๆ

    “งั้นก็มานั่งตรงนี้แล้วตั้งใจฟัง” อีริคตบลงโซฟาข้างตัวให้กัสขยับมานั่งใกล้ๆ ก่อนจะเริ่มเล่า

    “ที่จริงครอบครัวฉันก็ไม่ได้สมบูรณ์แบบมาตั้งแต่ต้น ฉันมีแม่ที่รักพ่อมากรักมากจนลืมรักตัวเองและมีพ่อที่รักสนุกจนไม่เอาไหน ฟังมาถึงตรงนี้แล้วอยากฟังต่อไหม” กัสยังคงพยักหน้า แถมยังนั่งเริ่มชันเข่าหันหน้าไปหาอีริคเอนตัวพิงกับโซฟาแล้วเอาแขนข้างหนึ่งมารองศีรษะรอฟังอย่างตั้งใจ

    “ตลอดระยะเวลาที่ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันเป็นแม่ฉันคนเดียวที่วิ่งวุ่นตามพ่ออยู่ตลอด หลายต่อหลายครั้งฉันคิดเสมอว่าถ้าคุณแม่ไม่มีสมบัติมากมายป่านนี้พ่อคงจากพวกเราไปแล้ว ใช่และมันก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ พ่อรักแต่ตัวเองรักเงินของแม่ที่ช่วยให้ชีวิตเขาได้มีกินมีใช้และมีหน้ามีตาในสังคม นานวันเข้าแม่ก็บอบช้ำจนทนไม่ไหวหัวใจที่แตกสลายซ้ำแล้วซ้ำเล่าทำให้เขาตรอมใจในที่สุด แต่ทันทีที่แม่จากไปแทนที่พ่อจะเป็นที่พึ่งให้ฉันแต่เปล่าเลยเขาก็ยังห่วงแต่ทรัพย์สมบัติและความสุขสบายของตัวเอง ฉันต่อสู้มาด้วยตัวคนเดียวตั้งแต่อายุ 15 พ่อปล่อยปละละเลยไม่เหลียวแลซ้ำยังขู่เอาเงินจากฉันมาโดยตลอด จนสุดท้ายคุณตาทนดูไม่ไหวถึงได้ยืนมือเข้ามาช่วย ฝึกให้ฉันเข้มแข็งและแข็งแกร่ง คอยผลักดันและสนับสนุนอยู่เบื้องหลังจนมาถึงทุกวันนี้” 

    “แล้วตอนนี้คุณตาของคุณท่านอยู่ไหนเหรอครับ”

    “อิตาลีเดินทางเที่ยวรอบโลกและอยู่กับธรรมชาติที่แสนสงบตามประสาคนแก่ คราวนี้ถึงตานายแล้ว” พอถึงคราวตัวเองแววตากัสก็เริ่มหมองลง เขานั่งตัวตรงแล้วหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะเริ่มเล่าเรื่องตัวเองให้อีริคฟัง 

    “เฮ้อออ เอาจริงๆ ชีวิตผมมันยิ่งกว่าละครน้ำเน่าซะอีก ผมโตมาในครอบครัวที่มีแต่ความวุ่นวาย และคนที่รับภาระหนักสุดในบ้านก็เป็นผมมาตั้งแต่เด็ก ไม่ว่าจะทำงานบ้านหรือแม้แต่การลักเล็กขโมยน้อยข้าวของในร้านต่างๆ ตามที่แม่กับน้าจอมสั่ง พอโตขึ้นมาหน่อยแม่ก็เริ่มถ่ายรูปผมไปเสนอขายให้กับพวกคนมีเงิน ใช่และนี่คือจุดเปลี่ยนที่ทำให้ชีวิตผมมืดมนลงเรื่อยๆ เพราะคิดว่าการขายผมเพื่อแลกเงินชีวิตมันสบายกว่า  แม่ก็เริ่มทำบ่อยขึ้น บ่อยขึ้น หลายต่อหลายครั้งที่ผมพยายามปฏิเสธและต่อต้านผลสุดท้ายก็จบลงที่การลงไม้ลงมือทำร้ายร่างกาย ผมไม่มีทางเลือก  ไม่มีที่พึ่งพิง วันนั้นที่เราเจอกันครั้งแรกทุกอย่างมันผ่านการคิดมาวันแล้ววันเล่า ผมทนและพยายามเข้มแข็งมาโดยตลอดแล้วหวังว่าวันข้างหน้าต้องดีกว่านี้ ฮึก! แต่เปล่าเลยไม่มีอะไรดีขึ้นแถมยังแย่ลงเรื่อยๆ ผมถูกผู้ชายคนหนึ่งทำร้ายเพราะเขาจับได้ว่าผมแอบผสมยานอนหลับให้เขากิน วันนั้นมันเจ็บมาก เจ็บเหมือนจะตายให้ได้เลย แต่ผมก็ยังแบกสังขารกลับบ้านเพราะหวังว่าจะได้คำปลอบโยนจากแม่ ฮึก! แต่แม่ไม่แม้แต่จะเหลียวแลมีเพียงคำด่าทอและสาปแช่ง โดยที่เขาไม่รู้เลยว่ากว่าผมจะได้เงินก้อนนั้นไปให้เขาผมต้องเจออะไรบ้าง กระทั่งสุดท้ายผมถามแม่ว่า ฮึก! ถ้าไม่มีผมแล้วแม่จะอยู่ยังไง คำตอบของแม่มันทำให้ผมตัดสินใจจบสิ้นทุกอย่าง แต่วันนั้นคุณก็มาช่วยผมไว้ทัน ขอบคุณนะครับ” 

    “มันผ่านมาแล้วนายเก่งมากรู้ไหม” อ้อมกอดและคำปลอบโยนของอีริคมันรู้สึกอบอุ่นไปถึงขั้วหัวใจ มือข้างหนึ่งที่บรรจงเช็ดน้ำตาให้อีกข้างก็ยังลูบหลังปลอบประโลม 

    “ต่อจากนี้นายคือคนของคลินตัน คือคนของฉัน ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นฉันจะไม่มีวันทอดทิ้งนาย” 

    “ผมเองก็จะอยู่เคียงข้างคุณเสมอ ผมอาจจะช่วยอะไรคุณไม่ได้มากแต่ผมจะพยายามทำให้ดีที่สุดครับ” 

    “หึ! เด็กขี้แยเลิกร้องไห้ก่อนสิฉันมีรางวัลจะให้” 

    “รางวัลอะไรเหรอครับ” 

    “หลับตา” 

    “ต้องหลับตาด้วยเหรอครับ” 

    “หลับสิ” 

    เพียงแค่หลับตาลงสัมผัสเย็นวาบบริเวณลำคอทำให้กัสสะดุ้งเล็กน้อยก่อนอีริคจะบอกให้เขาลืมตา สร้อยคอจี้รูปพระจันทร์เสี้ยวล้อมเพชร  กัสใช้มือสัมผัสมันเบาๆ ก่อนจะยิ้มออกมาด้วยความดีใจจนแก้มแทบปริ

    “ขอบคุณนะครับ” 

    “นายชอบฉันก็ดีใจ” 

    “มันคือของขวัญชิ้นแรกในชีวิตผมเลย” คนฟังได้ยินแล้วก็ค่อยๆ เผยรอยยิ้มออกมาก่อนจะดึงคนตรงหน้าเข้ามากอดลูบศีรษะอย่างเอ็นดู แต่ในที่สุดความอดทนก็สู้กลิ่นตัวหอมยั่วใจไม่ไหวจับคางมนเสยขึ้นก่อนจะแนบริมฝีปากลงกลีบปากบางแล้วจุ๊บเบาๆ

    “ถือซะว่ามันคือของขวัญของฉันละกัน” อีริคพูดจบก็เดินไปนั่งทำงานต่อ ส่วนกัสก็เขินจนหน้าแดงเดินเอามือกุมแก้มสองข้างกลับห้องตัวเองอย่างรวดเร็ว 

    ใครจะรู้ว่ามาเฟียอย่างอีริคจะใจเต้นแรงเพราะเด็กหนุ่มที่พึ่งเปิดประตูเดินออกไป สายตามองตามกระทั่งบานประตูปิดลง มุมปากคลี่ยิ้มด้วยความพอใจนิ้วหัวแม่มือแตะสัมผัสริมฝีปากตัวเองก่อนจะคลี่ยิ้มออกมาอีกครั้ง

     

    วันต่อมา 

    “คุณตรัยคุณมาอีกแล้วครับ” 

    “กีรติล่ะอยู่ไหน” 

    “เรียนหนังสืออยู่กับคุณครูที่สวนหลังบ้านครับ”

    “กำชับแม็คว่าอย่าให้เขาออกมาจนกว่าพ่อฉันจะกลับไป”

    “ครับบอส” 

    อีริคเดินมุ่งหน้าไปยังห้องรับแขกด้วยใบเคร่งขรึมแฝงไปด้วยความเยือกเย็น ความรู้สึกภายในที่แหลกสลายซ้ำแล้วซ้ำเล่าจากคนคนเดียวเขาเองก็หนีไม่พ้นเหมือนกับกีรติ เพราะคำว่าพ่อแม่บุญคุณที่ค้ำหัวจนตัดไม่ขาด 

    “มีธุระอะไรอีกครับ” 

    “ตอนนี้พ่อมีแค่สองล้านเอาไปก่อนได้ไหมลูก ส่วนที่เหลือพ่อจะหาเงินแล้วทยอยคืนลูกที่หลัง” 

    “ผมถามคำเดียวเลยนะ ทำไมพ่อต้องทำขนาดนี้ เพื่อไอ้เด็กเปรตที่ไม่เอาไหนพ่อยอมแลกศักดิ์ศรีตัวเองเพื่อมันขนาดนี้เลยเหรอ” 

    “อีริค” 

    “ผู้หญิงคนนั้นขอร้องพ่อใช่ไหม” 

    “ถือว่าทำเพื่อพ่อสักครั้งนะอีริค” 

    “ไม่! นี้ไม่ใช่ครั้งแรกถ้าพ่ออยากเอามันออกมาจากคุกมากนักก็ให้ผู้หญิงคนนั้นมากราบตีนผม หึ! ทำตัวหยิ่งผยองก้มหัวให้ใครไม่เป็น” 

    “มันจะมากไปแล้วนะอีริคฉันไม่เคยสอนให้แกเป็นคนแบบนี้!”

    “ใช่! พ่อไม่เคยสอน ไม่เคยสอนผมเลยสั่งอย่าง ผมโตมาได้จนป่านนี้ก็เพราะแม่และตัวผมเอง พ่อมีเมียใหม่ไปแล้วพ่อก็ควรอยู่กับครอบครัวพ่อสิ พ่อจะมายุ่งวุ่นวายกับผมทำไม” 

    “ได้! ถ้าขอร้องเรื่องแค่นี้แกช่วยฉันไม่ได้ฉันก็จะไม่มาเหยียบที่นี่อีก ฉันจะสาปแช่งแกให้พบเจอแต่ความฉิบหายไอ้ลูกเนรคุณ!” 

    “ขอบคุณครับ ผมจะจำคำพ่อไว้ว่าพ่อจะไม่กลับมาเหยียบที่นี่อีก” 

     

    “เป็นไงบ้างคุณ” มัทนาถามสามีขึ้นด้วยความร้อนใจ ตลอดเวลาที่นั่งรออยู่ในรถก็ได้แต่ภาวนาขอให้โชคเข้าข้าง แต่แล้วคำตอบขอสามีก็ต้องทำให้เธอผิดหวังอีกครั้ง

    “อีริคไม่ยอม” 

    “เงินตั้งมากมายจะขี้งกไปทำไม ไม่รู้ป่านนี้ไซม่อนจะเป็นยังไงบ้าง เขาต้องกลัวมากแน่ๆ เลยคุณ” 

    “ยังไงผมก็จะหาทางช่วยเขาออกมาให้เร็วที่สุด คุณวางใจเถอะ” ตรัยคุณกอดปลอบผู้เป็นภรรยาโดยไม่ได้สังเกตเลยว่ามีสายตาคู่หนึ่งกำลังมองดูอยู่ 

     

    “พรุ่งนี้ต้องเดินทางแล้วนะครับ” 

    “อืม ถ้าพรุ่งนี้พวกเขายังมาอีกก็ไม่ต้องเปิดประตูให้นะ ฉันเคลียร์ธุระเสร็จจะกลับมาจัดการเอง”

    “ครับบอส” 

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×