ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    หัวใจกีรติ

    ลำดับตอนที่ #1 : สิ้นหวัง

    • อัปเดตล่าสุด 8 ส.ค. 67


    “เงินแค่นี้มันจะไปพอยาไส้อะไร! ตัวมึงนะไอ้กัส! มึงสมควรจะได้เงินเป็นกอบเป็นกำ พวกเสี่ยกระเป๋าหนักพร้อมจะจ่ายให้มึงทั้งนั้น แต่มึงมันขี้เกียจ! ไม่แหกตาดูพ่อแม่จะกินอยู่ยังไงถือว่าเอาสบายตัวเองแล้วพอ หึ! ไอ้ลูกไม่รักดี สู้ฉันขายแกให้คุณศิลาป่านนี้ครอบครัวเราคงสบายกันแล้ว แต่เพราะแกไอ้กัส! แกมันเห็นแก่ตัว!!” เสียงด่าทอจากผู้หญิงที่ได้ชื่อว่าแม่ คุณคิดว่าคนฟังอย่างผมจะรู้สึกยังไง ใช่ผมคิดอยากตายวันละหลายหน อยากหลุดพ้นจากวงจรบ้าๆ นี่เต็มที

    “แม่ไม่คิดจะถามสักคำหน่อยเหรอว่ากัสไปเจออะไรมาถึงกลับมาในสภาพแบบนี้”

    "มึงก็โตพอที่จะรู้ว่าตัวเองเป็นอะไรแล้วนะ ถ้าเจ็บไม่มากก็ไปทายา ไม่งั้นก็ไปหาหมอจะมายืนโอดครวญให้มันได้อะไรขึ้นมา"

    "หึ! แม่ก็ห่วงแต่เงินไม่เคยเป็นห่วงผมเลยจริงๆ แม่รู้หรือเปล่าว่าเจ้าของเงินก้อนนี้ก่อนมันจะให้ผมมามันทำอะไรผมบ้าง"

    "ฉันจะไปรู้เหรอ"

    "แม่ดูนี่นะ รอยช้ำพวกนี้เกิดจากไอ้บ้านั่นทั้งนั้น มันบีบคอกัส มันตีกัส โซ่แซ่ที่มันมีมันใช้ทำร้ายกัสสารพัดโดยไม่สนว่ากัสจะเจ็บปวดทรมานแค่ไหน อึก! กัสเหนื่อยนะแม่"

    "เหนื่อยแกก็ไปนอนซะพรุ่งนี้จะได้ทำงานต่อ"

    "กัสไม่อยากทำแล้ว ไม่อยากทำแล้วจริงๆ"

    "ถ้ามึงไม่ทำงานมึงจะเอาอะไรกิน!"

    "ไม่มีก็ไม่ต้องกิน ทุกคนในบ้านนี้ต่างก็มีมือมีตีนกันทั้งนั้น แต่ทำไมถึงโยนภาระทุกอย่างมาที่กัสคนเดียว!" นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ผมพูดเรื่องนี้ ผมพูดตลอดและพูดมันทุกครั้ง แต่เกิดการเปลี่ยนแปลงอะไรไหมก็ไม่

    "เพราะมึงเป็นพี่ไง!"

    "แล้วแม่เคยถามลูกแก้วหรือเปล่าว่าเคยเห็นกัสเป็นพี่ไหม แล้วแม่ล่ะแม่ยังเห็นกัสเป็นลูกอยู่หรือเปล่า"

    "มึงเลิกพูดเรื่องไร้สาระได้แล้วไอ้กัสกูรำคาญ!"

    "อืม กัสเข้าใจแล้วล่ะว่าทุกอย่างมันไม่มีทางดีขึ้นได้ งั้นขอถามคำถามสุดท้ายได้ไหม ฮึก!" พยายามกลืนก้อนสะอื้นกลับลงคอก่อนจะถามคำถามสุดท้าย

    "ถ้ากัสไม่อยู่แล้วแม่จะอยู่ยังไง"

    "กูก็อยู่ของกูแบบนี้แหละ ทุกคนก็มีหน้าที่กันทั้งนั้น มึงอย่าพูดเหมือนมึงทำอยู่คนเดียวได้ไหมไอ้กัส"

    "ใช่แม่ พี่กัสทำอย่างกับแบกโลกทั้งใบอยู่คนเดียวอย่างงั้นแหละ"

    "มึงอย่าสำคัญตัวเองให้มากไอ้กัส เลิกคร่ำครวญจะไปไหนก็ไปเสียอรรถรสกูแดกเหล้าหมด"

     

     

    บ้านที่ไม่เหมือนบ้าน บ้านที่เป็นเหมือนนรกบนดินตั้งแต่ผมจำความได้ ผมไม่เคยมีชีวิตดีๆ เหมือนคนอื่น ไม่มีที่พึ่งทางใจไม่มีอะไรเลยนอกจากต้องก้มหน้าก้มตาทำในสิ่งที่ผมไม่อยากทำรวมทั้งการขายตัวแลกเงินเพื่อมาจุนเจือครอบครัว ครอบครัวที่ไม่เคยให้ความรักไม่เคยให้ความอบอุ่น

    มันเจ็บปวดทุกครั้งที่แม่ด่าแต่ประโยคเดิมๆ ในวันที่ผมเหนื่อยล้าผมแค่ต้องการอ้อมกอดใครสักคนเพื่อปลอบประโลม แต่เปล่าเลยสิ่งเหล่านี้ผมไม่เคยได้รับ ผิดกับลูกแก้วน้องสาวต่างพ่อที่อายุห่างจากผมเพียงแค่ปีเดียวเธอได้ทุกอย่างที่ผมไม่เคยได้ ได้การศึกษาดีๆ มีของใช้ดีๆ ที่พ่อแม่หาประเคนให้จากเงินที่ผมได้มาอย่างลำบาก แล้วมันจะมีเหตุผลอะไรให้ผมต้องอดทนอยู่ต่อเพื่อใช้ชีวิตในโลกใบนี้ ใช่คำตอบคือไม่มี

     

    หนึ่งชีวิตกำลังแตกสลายอีกสามชีวิตกลับไม่แยแส ความอดทนอดกลั้นที่พยายามมาตลอด 20 ปีหมดสิ้นแล้ววันนี้ กัสปล่อยน้ำตาไหลอาบสองข้างแก้มสายตาพร่ามัวก้มมองสายน้ำไหลตามกระแส ในใจได้แต่ภาวนาขอให้สายน้ำฉุดดึงไว้จนสิ้นลมหายใจ

    "ฮึก! ถ้าชาติหน้ามีจริงถ้าต้องเกิดมาเจออะไรแบบนี้อีกไม่ขอเกิดแล้วนะ"

    "พ่อ ฮึก! กัสไม่รู้ว่าพ่ออยู่ไหน ฮึก! กัสคงอดทนอยู่รอเจอพ่อไม่ได้แล้วนะฮือ ฮือ ฮือ ผมขอโทษ"

     

    "เราไม่ได้ผ่านทางนี้กันนานเหมือนกันนะครับบอส"

    "มาปีละครั้งนายจำทางได้ก็ดีแค่ไหนแล้ว"

    "ปีไหนๆ นายก็ว่างมาเฉพาะช่วงกลางคืนนี่ครับ”

    “หึ! งานมันยุ่งทำไงได้”

    เสียงเจ้านายกับลูกน้องคุยกันตลอดทางหลังกลับจากวัดที่เก็บอัฐิมารดาผู้ให้กำเนิด

    อีริคนักธุรกิจหนุ่มหล่อวัย 30 ปี ผู้ครอบครองย่านธุรกิจใจกลางเมือง ทั้งธุรกิจสีเทาผับบาร์รวมทั้งอสังหาริมทรัพย์ล้วนแล้วแต่อยู่ในการดูแลของเขาทั้งหมด

    “บอสครับ มีคนกำลังกระโดดน้ำตาย” รถพึ่งจะเคลื่อนตัวถึงคอสะพานเหมลูกน้องคนสนิทผู้ทำหน้าที่เป็นคนขับก็สังเกตเห็นหนุ่มร่างบางคนหนึ่งกำลังยืนอยู่บนราวสะพานเตรียมจะทิ้งตัวดิ่งลงสู่แม่น้ำ

    “มีชีวิตดีๆ ไม่ชอบอยากตายก็ปล่อยให้ตายไป” อีริคใช้เพียงหางตามองก่อนจะหันกลับไปมองเบื้องหน้า แต่ทันในนั้นเขาก็พึ่งฉุกคิดได้…

    “หยุดรถ”

    “บอสว่าไงนะครับ?” เหมถามย้ำอย่างไม่เชื่อหูตัวเอง

    “หยุดรถ!” คราวนี้อีริคตวาดขึ้นเสียงดังเมื่อเหมยังไม่ยอมหยุดรถตามคำสั่ง

    แต่ทันทีรถจอดอีริคก็รีบวิ่งตรงไปกระชากเสื้อร่างบางลงจากราวสะพาน ใบหน้าเปื้อนคราบน้ำตาตกกระแทกอกแกร่งก่อนจะพูดออกมาทั้งเสียงสะอื้นไห้

    "ฮึก ผมอยากตาย"

    "ถ้าชีวิตมันสิ้นหวังขนาดนั้นฉันขอซื้อลมหายใจกับร่างกายนี้ต่อละกัน"

    อีรีคพูดพลางเช็ดคราบน้ำตาออกให้อย่างเบามือ ก่อนเหมจะมาช่วยประคองทั้งสองกลับขึ้นรถ

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×