ลำดับตอนที่ #5
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : โซราเรีย ตอนปริศนาที่คิดไม่ออก ปัญหาใหม่ที่คาดไม่ถึงII
โซราเรีย ตอน ปริศนาที่คลี่คลายไม่ออก กับปัญหาใหม่ที่คาดไม่ถึงII
ข่าวร้ายของการสูญเสียครอบงำไปทั่วทุกมุมเมือง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ข่าวการตายปริศนาของท่านหัวหน้าเมือง...พ่อของมาเอล
ทุกคนที่รอดชีวิตทุกคนมารวมตัวกันที่กลางจัตุรัส ชาวบ้านทุกคน หน่วยรบทุกหน่วยมาร่วมกันไว้ทุกข์ ทุกคนโศกเศร้ามีเพียงสาวคนหนึ่งที่นั่งเล่นที่ต้นไม้สูงใหญ่ ต้นประจำของเธอ เซฟาร่านั้นเอง
ทุกคนร่วมกันร้องเพลงไว้ทุกข์กัน ท่วงทำนองทุกจังหวะเต็มไปด้วยเสียงโศกเศร้าและร้องไห้ และแน่นอนหนึ่งในนั้นคือนายหญิงวัย 11 ปีที่เคยดีใจที่รอดชีวิต บัดนี้ดวงหน้างามเปื้อนน้ำตาไหลเป็นทาง โดยมือข้างหนึ่งถือช่อดอกไม้สีขาวเพื่อให้ท่านพ่อของตน แต่มืออีกข้างนั้นกุมชายผ้าของผู้เป็นพี่ชายเอาไว้
เซฟาร่าดูเหมือนจะแปลกใจกับชายคนนั้น ยิ่งเธอมอง หัวใจที่นิ่งเฉยกลับยิ่งเต้นไม่เป็นจังหวะ ใบหน้าขึ้นสี เธอรีบถอนสายตาทันที เมื่อรู้ตัวว่า ชายคนนั้นก็มองมาที่เธอเหมือนกัน
ตอนนี้ เสียงเพลงไว้อาลัยได้จบลงแล้ว ชายวัยชราคนเดินออกมากลางจัตุรัส ซึ่งจัดพอเป็นพิธี ชายคนนั้นมีผมและหนวดเครายาวสีขาว และที่สำคัญดูมีวุฒิการศึกษาพอสมควร เขาคนนี้เรียกสายตาหลายๆคนหันมามอง รวมทั้งจอมโจรไร้เงาด้วยเช่นกัน
“ข้า มูลลาฟท์ เป็นที่ปรึกษาของท่านคาเอล”มูลลาฟท์มองไปรอบๆก่อนเอ่ยวาจาต่อไป “ในเวลานี้ พวกท่านบางคนที่รู้เรื่องนี้ดี ข้าก็มิว่าอะไร แต่สำหรับคนที่ไม่รู้ข้าจะกล่าวสั้นๆได้ใจความให้ฟัง”
“ดินแดนคอเรียนของเราเป็นชนเผ่าที่มีมานาน และก่อตั้งโดยผู้วิเศษ เมื่อท่านผู้นั้นเสียชีวิตลง ท่านได้มอบพลังเฮือกสุดท้ายไว้ เพื่อเป็นพลังป้องกันและดูแล ไม่ให้เกิดอะไรขึ้นกับดินแดนแห่งนี้ เนื่องมาจาก ดินแดนของเรา ตั้งอยู่ ณ ทางสู่ยมโลก”
เกิดเสียงฮือฮาทันทีทันใด แม้แต่เซฟาร่ายังคงฉงนกับเรื่องใหม่ๆที่พึ่งรับรู้ เธอขยับตัวเบาๆ เพื่อจะได้ยินเสียงให้ชัดเจนยิ่งขึ้น และเพื่อย่ำกับตัวเองว่า ดินแดนที่เคยอาศัยตั้งแต่จำความได้ เป็นดินแดนสู่ทางยมโลก
“จากเหตุการณ์ในครั้งนี้ ได้ก่อผลเสียมากมาย เราคาดการได้เพียงอย่างเดียวว่า เวทมนตร์ที่ปกป้องดินแดนแห่งนี้มานับเกือบร้อยปี ได้อ่อนแรงลง จนเหล่าอสูรและปิศาจออกมาจากยมโลก ตรงมายังดินแดนของเรา เพื่อต้องการเห็นความโศกเศร้าเสียใจและความเคียดแค้น ซึ่งเป็นอาหารที่มันชอบมากที่สุด”
“ซึ่งมันก็ได้รับเต็มๆ”เซฟาร่ารุดปากบ่นพึมพำออกมา โดยไม่ทันสังเกตว่า มูลลาฟท์และชายนามเคอาร์ได้ยินเสียงนั้นชัดเจน
“ใช่แล้ว พวกมันได้รับเต็มๆ”มูลลาฟท์เอ่ย ราวกับย่ำกับเซฟาร่า จนเธอกลืนน้ำลายเฮือกใหญ่
“และแล้วก็ถึงเวลา ที่พวกเราจะเรียกเหล่าผู้กล้าในตำนาน ‘ผู้กล้าแห่งคอราเรียน’”
เกิดเสียงฮือฮาและพึมพำไปทั่ว เซฟาร่าก็พอรู้เรื่องกับเขาในเรื่องผู้กล้าที่ว่านี้ ผู้กล้าจะถูกเลือกจากการนำถาดน้ำมันทั้งหกมาวางเป็นวงกลม โดยตรงกลางเป็นเพลิงไฟ ถ้าปีนี้มีผู้กล้า น้ำมันจะติดไฟและเป็นรูปร่างสัญลักษณ์ก่อนที่จะปรากฏชื่อผู้กล้าเหล่านั้น
“เราจะคัดเลือกผู้กล้ากัน ณ บัดนี้”มูลลาฟท์เอ่ยเสียงแผ่ว ราวกับว่าเขาเองก็ไม่ค่อยจะเชื่อว่าจะมีผู้กล้าหลงเหลือหลังจากสงครามย่อยๆเมื่อเวลามรณะที่ผ่านมา
เหล่าทหารนับสิบต่างรีบรุดไปยกถาดน้ำมันในห้องเก็บสมบัติ มูลลาฟท์ให้เคอาร์ ลูกชายของอดีตหัวหน้าหมู่บ้านเป็นคนจุดไฟตรงกลาง ชายคนนั้นไม่ต้องเดินไปไหนเลย เขาแค่พึมพำคำพูดร่ายคาถา จนไฟติดขึ้นมาเอง
“ตอนนี้เราพร้อมแล้ว”มูลลาฟท์เอ่ย ก่อนที่จะไปยืนหน้าถาดทั้งหกกับอีกหนึ่งกองไฟ ก่อนร่ายคำพูด
              ‘เหล่าพองข้ามนุษย์ผู้รับบาป            ต้องผลัดพรากจากคนที่เคยรัก
                นับวันนี้มาแล้วซึ่งความหวัง            ของทวยท่านโปรดบอกชื่อเหล่าผู้กล้า
                ผู้ที่จะมาปกป้องแผ่นดินเกิด    มิให้เหตุอุบัติร้ายในเมืองนี้
    ดินแดนแห่งมนตราผู้ภักดี    มิขาดไร้ผู้กล้าเสมอไป’
ทันตาเห็น ลมก็พัดกระโชกมายกใหญ่ ทันใดนั้น!
          ถาดน้ำมันใบแรกก็ปรากฏชื่อผู้จะมาปกป้องแผ่นดินเกิด หรือคนที่โชคร้ายที่ต้องเดินทางผ่านมรสุมที่ไม่มีใครเคยรอดมาได้!!
ข่าวร้ายของการสูญเสียครอบงำไปทั่วทุกมุมเมือง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ข่าวการตายปริศนาของท่านหัวหน้าเมือง...พ่อของมาเอล
ทุกคนที่รอดชีวิตทุกคนมารวมตัวกันที่กลางจัตุรัส ชาวบ้านทุกคน หน่วยรบทุกหน่วยมาร่วมกันไว้ทุกข์ ทุกคนโศกเศร้ามีเพียงสาวคนหนึ่งที่นั่งเล่นที่ต้นไม้สูงใหญ่ ต้นประจำของเธอ เซฟาร่านั้นเอง
ทุกคนร่วมกันร้องเพลงไว้ทุกข์กัน ท่วงทำนองทุกจังหวะเต็มไปด้วยเสียงโศกเศร้าและร้องไห้ และแน่นอนหนึ่งในนั้นคือนายหญิงวัย 11 ปีที่เคยดีใจที่รอดชีวิต บัดนี้ดวงหน้างามเปื้อนน้ำตาไหลเป็นทาง โดยมือข้างหนึ่งถือช่อดอกไม้สีขาวเพื่อให้ท่านพ่อของตน แต่มืออีกข้างนั้นกุมชายผ้าของผู้เป็นพี่ชายเอาไว้
เซฟาร่าดูเหมือนจะแปลกใจกับชายคนนั้น ยิ่งเธอมอง หัวใจที่นิ่งเฉยกลับยิ่งเต้นไม่เป็นจังหวะ ใบหน้าขึ้นสี เธอรีบถอนสายตาทันที เมื่อรู้ตัวว่า ชายคนนั้นก็มองมาที่เธอเหมือนกัน
ตอนนี้ เสียงเพลงไว้อาลัยได้จบลงแล้ว ชายวัยชราคนเดินออกมากลางจัตุรัส ซึ่งจัดพอเป็นพิธี ชายคนนั้นมีผมและหนวดเครายาวสีขาว และที่สำคัญดูมีวุฒิการศึกษาพอสมควร เขาคนนี้เรียกสายตาหลายๆคนหันมามอง รวมทั้งจอมโจรไร้เงาด้วยเช่นกัน
“ข้า มูลลาฟท์ เป็นที่ปรึกษาของท่านคาเอล”มูลลาฟท์มองไปรอบๆก่อนเอ่ยวาจาต่อไป “ในเวลานี้ พวกท่านบางคนที่รู้เรื่องนี้ดี ข้าก็มิว่าอะไร แต่สำหรับคนที่ไม่รู้ข้าจะกล่าวสั้นๆได้ใจความให้ฟัง”
“ดินแดนคอเรียนของเราเป็นชนเผ่าที่มีมานาน และก่อตั้งโดยผู้วิเศษ เมื่อท่านผู้นั้นเสียชีวิตลง ท่านได้มอบพลังเฮือกสุดท้ายไว้ เพื่อเป็นพลังป้องกันและดูแล ไม่ให้เกิดอะไรขึ้นกับดินแดนแห่งนี้ เนื่องมาจาก ดินแดนของเรา ตั้งอยู่ ณ ทางสู่ยมโลก”
เกิดเสียงฮือฮาทันทีทันใด แม้แต่เซฟาร่ายังคงฉงนกับเรื่องใหม่ๆที่พึ่งรับรู้ เธอขยับตัวเบาๆ เพื่อจะได้ยินเสียงให้ชัดเจนยิ่งขึ้น และเพื่อย่ำกับตัวเองว่า ดินแดนที่เคยอาศัยตั้งแต่จำความได้ เป็นดินแดนสู่ทางยมโลก
“จากเหตุการณ์ในครั้งนี้ ได้ก่อผลเสียมากมาย เราคาดการได้เพียงอย่างเดียวว่า เวทมนตร์ที่ปกป้องดินแดนแห่งนี้มานับเกือบร้อยปี ได้อ่อนแรงลง จนเหล่าอสูรและปิศาจออกมาจากยมโลก ตรงมายังดินแดนของเรา เพื่อต้องการเห็นความโศกเศร้าเสียใจและความเคียดแค้น ซึ่งเป็นอาหารที่มันชอบมากที่สุด”
“ซึ่งมันก็ได้รับเต็มๆ”เซฟาร่ารุดปากบ่นพึมพำออกมา โดยไม่ทันสังเกตว่า มูลลาฟท์และชายนามเคอาร์ได้ยินเสียงนั้นชัดเจน
“ใช่แล้ว พวกมันได้รับเต็มๆ”มูลลาฟท์เอ่ย ราวกับย่ำกับเซฟาร่า จนเธอกลืนน้ำลายเฮือกใหญ่
“และแล้วก็ถึงเวลา ที่พวกเราจะเรียกเหล่าผู้กล้าในตำนาน ‘ผู้กล้าแห่งคอราเรียน’”
เกิดเสียงฮือฮาและพึมพำไปทั่ว เซฟาร่าก็พอรู้เรื่องกับเขาในเรื่องผู้กล้าที่ว่านี้ ผู้กล้าจะถูกเลือกจากการนำถาดน้ำมันทั้งหกมาวางเป็นวงกลม โดยตรงกลางเป็นเพลิงไฟ ถ้าปีนี้มีผู้กล้า น้ำมันจะติดไฟและเป็นรูปร่างสัญลักษณ์ก่อนที่จะปรากฏชื่อผู้กล้าเหล่านั้น
“เราจะคัดเลือกผู้กล้ากัน ณ บัดนี้”มูลลาฟท์เอ่ยเสียงแผ่ว ราวกับว่าเขาเองก็ไม่ค่อยจะเชื่อว่าจะมีผู้กล้าหลงเหลือหลังจากสงครามย่อยๆเมื่อเวลามรณะที่ผ่านมา
เหล่าทหารนับสิบต่างรีบรุดไปยกถาดน้ำมันในห้องเก็บสมบัติ มูลลาฟท์ให้เคอาร์ ลูกชายของอดีตหัวหน้าหมู่บ้านเป็นคนจุดไฟตรงกลาง ชายคนนั้นไม่ต้องเดินไปไหนเลย เขาแค่พึมพำคำพูดร่ายคาถา จนไฟติดขึ้นมาเอง
“ตอนนี้เราพร้อมแล้ว”มูลลาฟท์เอ่ย ก่อนที่จะไปยืนหน้าถาดทั้งหกกับอีกหนึ่งกองไฟ ก่อนร่ายคำพูด
              ‘เหล่าพองข้ามนุษย์ผู้รับบาป            ต้องผลัดพรากจากคนที่เคยรัก
                นับวันนี้มาแล้วซึ่งความหวัง            ของทวยท่านโปรดบอกชื่อเหล่าผู้กล้า
                ผู้ที่จะมาปกป้องแผ่นดินเกิด    มิให้เหตุอุบัติร้ายในเมืองนี้
    ดินแดนแห่งมนตราผู้ภักดี    มิขาดไร้ผู้กล้าเสมอไป’
ทันตาเห็น ลมก็พัดกระโชกมายกใหญ่ ทันใดนั้น!
          ถาดน้ำมันใบแรกก็ปรากฏชื่อผู้จะมาปกป้องแผ่นดินเกิด หรือคนที่โชคร้ายที่ต้องเดินทางผ่านมรสุมที่ไม่มีใครเคยรอดมาได้!!
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น