คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : You are one of my few weaknesses.
ดอกไม้งามดอกนั้น ช่างน่าอภิรมย์นัก
คำกล่าวเปรียบเทียบมากมายที่มีต่อดอกไม้
มักมาในรูปแบบหญิงงามที่ดูสวยเลอค่าเมื่อออกดอก แต่ก็จะเหี่ยวเฉาลงเมื่อยามแก่ชรา
ณ เวลานั้น ความงามก็คงค่อย ๆ หมดสิ้นไป หรืออาจจะเป็นไม้ประดับ ไม้ในกระถาง
จะอะไรก็ตาม
เด็กสาวคนนั้น
ก็เปรียบเสมือนกับดอกไม้เหมือนกัน เธอเป็นดอกไม้งามที่มีค่า และน่าครอบครอง… หาดแต่กลับมีคนใจร้าย
ที่เด็ดดอกไม้ดอกนั้นออกไปจากความอุดมสมบูรณ์จากต้น
ปล่อยมันทิ้งลงไปในที่ที่อาจมิใช่ที่ของมันด้วยเพาะความเอาแต่ใจของตัวเอง
ช่วงชีวิตของอาซามิ อากิโกะ
คงสามารถกล่าวเปรียบเปรยได้แบบนั้น…
เด็กสาวผู้ที่เป็นเหมือนกับดอกไม้งาม
แต่กลับด้อยค่า เมื่อมีคนใจร้ายเข้ามาในชีวิต
อาณาจักรอาซามิ
อาณาจักรที่ซึ่งเป็นชื่อของนามสกุลของราชวงศ์ที่ปกครองของที่นั่น
เป็นเสมือนกับจุดศูนย์กลางของเรื่องราวต่าง ๆ ที่ได้เริ่มต้นขึ้น
ตั้งแต่ที่องค์ราชาทรงพบรักกับหญิงสามัญชน—ไปจนถึงเรื่องวุ่นวายอื่น ๆ
ที่ตามเข้ามาอย่างช้า ๆ …
โฮเซ ยูเมะ เป็นหญิงงามที่ซึ่งมาจากต่างเมือง
รูปลักษณ์ของเธอเป็นที่ดึงดูดสายตาแก่เหล่าชายหนุ่มในเมืองแทบทุกคน
เธอย้ายเข้ามาในอาณาจักรแห่งนี้ได้เพียงไม่นานก็เริ่มมีชายหนุ่มเข้ามารายล้อมเสียแล้ว
เธอเป็นลูกสาวคนเดียวของเศรษฐีผู้หนึ่ง
เขาเป็นพ่อค้าที่มีสัมพันธ์อันดีต่ออาณาจักรนี้ และอาณาจักรใกล้เคียงอีกมากมาย แน่นอนว่าชื่อเสียงของตระกูลก็ย่อมเป็นที่รู้จักอยู่พอสมควร
ถึงแม้จะไม่ได้ร่ำรวยมากมายถึงขึ้นเงินท้องล้นฟ้า แต่ก็ถือว่าเธอมีฐานะที่ดีพอตัว
การแต่งตัว และมารยาททางสังคมก็จัดว่ามีอย่างครบถ้วน
ในครานั้น ราชาของราชอาณาจักร อาซามิ
ทาคายูกิ มิได้สนใจอะไรกับข่าวที่ว่ามีหญิงงามคนหนึ่งย้ายเข้าเมืองมากับผู้เป็นพ่อเลย
ด้วยความที่มันก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรอยู่แล้ว การย้ายเข้าเมืองมานับเป็นเรื่องปกติที่ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกับชีวิตของราชา
หากแต่เกี่ยวข้องกับการปกครองที่เขาต้องทำต่อไปเสียมากกว่า
จุดเริ่มต้นที่ทำให้ทั้งคู่ได้พบกัน
มันเกิดขึ้นเอาตอนที่พระองค์ทรงงานที่ต่างเมือง
ในเพลานั้น
องค์ราชาเสด็จกลับมายังอาณาจักรของตนในเวลาที่ดึกมากแล้ว
รถม้ากำลังเคลื่อนตัวเข้าสู่ตัวพระราชวังโดยใช้ทางลัดที่ไปได้ง่ายกว่า
ที่คนขับรถม้าทำเช่นนั้น ก็เพราะได้รับคำสั่งจากผู้เป็นราชา
ว่าจะต้องกลับถึงราชวังให้ไวที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพื่อที่จะให้องค์ราชาได้พักผ่อนเสียหน่อย
หลังจากที่ตัดสินใจไปเช่นนั้นแล้ว
มันก็ดูเหมือนจะเป็นโชคชะตา…
เพราะในยามนั้นเอง ยูเมะ
ออกมาข้างนอก เพื่อที่จะวิ่งตามสุนัขที่เลี้ยงเอาไว้—เพราะเชือกที่คล้องมันเอาไว้ขาด
มันจึงวิ่งเล่นซะจนออกห่างจากตัวบ้าน ส่งผลให้หญิงสาวที่ซึ่งเป็นเจ้าของของมันต้องวิ่งออกมาตาม
โฮ่ง!
“เฮ้! อะไรเนี่ย!”
และคงเป็นความบังเอิญที่มันไปตัดหน้ารถม้าเข้า ทำให้ตัวรถหยุดชะงัก
คนขับร้องอุทานเสียงดังจนทำให้ผู้เป็นราชาที่หลับอยู่ด้านในรับรู้ถึงเหตุวุ่นวาย
เขาตื่นออกมาจากห้วงนิทราเอาตอนที่ได้ยินเสียงของคนขับรถม้าต่อว่าใครสักคนอยู่
ชายหนุ่มยื่นหน้าออกมาจากหน้าต่างรถม้าเพียงเล็กน้อย
เพื่อที่จะลอบสังเกตเหตุการณ์เหล่านั้น ความง่วงงุนทำให้เขามองเห็นอะไรไม่ชัดนักในคราแรก
แต่เมื่อเวลาผ่านไป เขาก็เริ่มมองเห็นได้ชัดขึ้น และสิ่งแรกที่ปรากฏแก่สายตาของเขา
ก็คือหญิงงามคนนั้น
ผู้หญิงที่อุ้มสุนัขตัวเล็กดูซุกซนในอ้อมแขน
ดวงหน้างดงามหมองลงเมื่อถูกคำต่อว่าด่าทอโถมเข้าใส่
คนตัวเล็กก้มหน้าอย่างรู้สึกผิด
เส้นผมสีดำขลับดั่งเงารัตติกาลเคลื่อนตัวลงมาปรกดวงหน้างามนั้น
อันเป็นสิ่งที่ทำให้ราชาขัดใจนัก
ทั้งที่เห็นเพียงเสี้ยวหน้า
แต่ความสงสัยก็ตกตะกอนในหัวใจของราชาหนุ่มมากเสียจนส่งแรงผลักดันทำให้เขาลงมาจากรถม้า
คนขับที่กำลังอ้าปากจะต่อง่าต่อพลันหยุดชะงัก แล้วหันไปสนใจราชาที่ตนเคารพแทน
ทว่ายังไม่ทันที่เขาจะได้พูดอะไร องค์ราชาก็สาวเท้าเข้าไปหาหญิงสาวคนนั้นเสียแล้ว
“เจ้าน่ะ เงยหน้าขึ้นเสียสิ
จะว่าอะไรไหม ถ้าข้าอยากจะเห็นใบหน้าของเจ้าชัด ๆ เสียหน่อย?” องค์ราชากล่าวเช่นนั้น ซึ่งมันก็สร้างความประหลาดใจให้กับเธออยู่พอสมควรเลยล่ะ
ในเมื่อมีเสียงของใครอื่นนอกเสียจากเสียงของคนขับรถม้าแทรกเข้ามา
พลันความสงสัยแล่นวาบเข้ามาในใจ
ทำให้หล่อนจำต้องเงยหน้าขึ้น มิใช่เพียงคำสั่ง
แต่เป็นเพราะความที่หล่อนเองก็สงสัยในน้ำเสียงของเขาผู้นั้นด้วย—น้ำเสียงที่ทั้งฟังดูอ่อนโยน… อบอุ่น และช่างแสนน่าหลงใหล
ดวงตาของหล่อนเป็นสีน้ำตาลอ่อนอมเทาดูแปลกพิลึก
แต่กลับงดงามราวกับไข่มุกล้ำค่า แก้วตาคู่นั้นสบเข้ากับดวงตาสีน้ำเงินของราชาหนุ่ม
ภายในชั่วจังหวะเดียว ก็ราวกับว่าเวลาหยุดนิ่ง ทุกสิ่งพลันเงียบสงัดลง
คงจะเรียกว่ารักแรกพบได้เลยกระมัง…
ยูเมะเป็นหญิงงามสามัญชนที่มีฐานะอยู่บ้างนิดหน่อย
ส่วนเขา—ราชาผู้ยิ่งใหญ่ ที่แม้จะเสียพ่อแม่ไปตั้งแต่เด็ก ๆ ทว่าตัวเขาเองก็เข้มแข็ง
รวมทั้งมากไปด้วยความสามารถ จึงสามารถปกครองอาณาจักรมาได้ยาวจนนานจนถึงทุกวันนี้
พวกเขาน่ะ แตกต่างกัน ทั้งฐานะ
ตำแหน่งยศถา แก้วแหวนเงินทอง หรือแม้แต่ชื่อเสียงเลื่องลือ หากแต่
เพียงแค่แรกพบสบตา พวกเขากลับมีสิ่งหนึ่งที่เหมือนกันเสียแล้ว และสิ่งนั้น… มันก็คือหัวใจยังไงล่ะ
หัวใจที่เต้นกระหน่ำรัว
ท่ามกลางแสงจันทร์ที่สาดส่องลงมา ตรอกซอยที่ค่อนข้างมือ คบไฟที่ส่องแสงสลัว
อากาศเย็นเชียบแต่ก็เต็มไปด้วยความเงียบที่ขลับเคลื่อนเพียงเสียงของหัวใจ
ไม่นานนัก ทั้งคู่ก็หลุดออกจากภวังค์เมื่อคนขับรถม้าโพล่งขึ้นมาว่ามียุงกัดเขา
ทั้งคู่หัวเราะ แต่ก็ยังไม่ละสายตาออกจากกันไปไหน
“ข้าว่าข้าเคยเห็นท่านมาก่อนนะ”
ฝ่ายยูเมะรีบพูดก่อน
“แน่นอนสิ
ในเมื่อเจ้าอยู่ในอาณาจักรนี้ เจ้าย่อมต้องเคยเห็นข้า” ฝ่ายราชาทาคายูกิเอ่ยต่อ
“ก็ในเมื่อข้าเป็นผู้ปกครองอาณาจักรแห่งนี้นี่… เป็นข้าซะอีก ที่แปลกใจนักที่ไม่เคยพบเจอหญิงงามเช่นเจ้า”
“ข้าเป็นเพียงสามัญชน”
หล่อนตอบยิ้ม ๆ รู้สึกดีไปกับความเป็นกันเองของราชาผู้นี้ “ข้าต่างหากที่ต้องประหลาดใจ ที่จู่ ๆ
ก็ได้พบกับท่านในค่ำคืนอันเงียบสงัดเช่นนี้ ท่านคงทรงงานมาอย่างหนักมาก”
“มันคงเป็นโชคชะตากระมัง”
ราชาหนุ่มพูดต่อ รอยยิ้มพลันปรากฏขึ้นมาบนใบหน้าของเขา “ถึงงานของข้า จักทำให้ข้าเหนื่อยเสียจนสายตัวแทบขาด ทว่าในวันนี้
ข้าก็คิดว่า ข้าคงได้รับรางวัลแล้วล่ะ หลังจากที่ข้าไม่เคยขี้คร้านกับการทรงงานเลย”
“หากข้าสามารถเป็นรางวัลของท่านได้
ข้าก็ดีใจ” รอยยิ้มของยูเมะปรากฏขึ้นเช่นกัน
โอ้ ใช่—นั่นเป็นจุดเริ่มต้นของความแรกแสนสวยงาม
ของราชาผู้ยิ่งใหญ่กับหญิงสามัญชนผู้มีใบหน้างดงามราวกับเทพธิดา
ชื่อของยูเมะนั้นแปลกว่าความฝัน
หรือภาพลวง แล้วเธอก็งดงามดั่งภาพวาดในฝันจริง ๆ เสียด้วย
อีกทั้งยังเป็นความฝันที่เต็มไปด้วยความงดงามอ่อนหวาน อ่อนโยน เป็นฝันดีที่ใคร ๆ
ก็คงไม่อยากจะตื่นขึ้นมาเลยทีเดียว
เวลาผ่านไป องค์ราชาได้พานพบหญิงสาวคนนั้นบ่อยขึ้น
ทั้งตั้งใจและบังเอิญ ไม่ว่าจะเป็นการเดินทางผ่านทางเดิมซ้ำ ๆ หรือตั้งใจแอบมาหาด้วยตัวเอง
หลายครั้งหลายคราว จนก่อเกิดเป็นความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นขึ้นมา
โดยที่พวกเขาไม่ทันได้ระวังตัวเลย
ว่าในยามที่พวกเขาเริ่มรักกัน มันก็กำลังมีภัยร้ายคืบคลานเข้ามาเช่นกัน—
เมื่อตอนที่องค์ราชายังเด็กเขามีคู่หมั้นอยู่คนหนึ่ง
หญิงนางนั้น มีชื่อว่า อิโนะอุเอะ ซายากะ หญิงสาวผู้เป็นเจ้าหญิงคนเล็กจากอาณาจักรเล็ก
ๆ แห่งหนึ่ง หล่อนออกจะมีนิสัยร้ายกาจและดื้อรั้นมกไปหน่อย
แม้แต่ตอนที่เจอกับองค์ราชาครั้งแรก หล่อนก็ยังสำแดงนิสัยด้านแย่ ๆ
ออกมามากเสียจนองค์ราชาปลื้มไม่ลง
ทั้งเอาแต่ใจ โวยวาย
ชอบกรีดร้องเสียงดัง ๆ และทุบตีเขาเมื่อไม่ได้ดั่งใจต้องการ
ครานั้นองค์ราชาก็คิดหนัก
เพราะเขาเดาว่าตัวเองคงไม่สามรถอยู่กับหล่อนได้แน่ ๆ ต่อให้เป็นคนใจเย็นเพียงใด
แต่เล่นเจอคนแบบนี้เข้าไปก็คงตายเสียก่อนกระมัง
เขาได้เข้าไปคุยกับพ่อแม่ของตนเพื่อที่จะขอยกเลิกการหมั้น
พ่อแม่ของเขารับฟัง
และเก็บกลับไปคิด ก่อนจะยินยอมยกเลิกให้แต่โดยดี
แม้ว่าฝ่ายนั้นจะไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่ก็ตาม เวลาผ่านไป
หญิงสาวที่ชื่อซายากะก็เติบโตขึ้น
หล่อนยังคงถูกผู้เป็นพ่อแม่ตามอกตามใจมากเสียจนเคยตัว การกระทำแย่ ๆ
ของหล่อนยังไม่หมดไป อีกทั้งหล่อนยังนึกโมโหที่ราชาทรงยกเลิกการหมั้นกับเธออีก
เธอไม่สำนึกเสียหรอกว่าตัวเองแท้ ๆ
ที่เป็นคนผิด เธอกลับโกรธเกลียดราชาและคนที่ราชาดูท่าจะรักนางเสียมากกว่า
ความคั่งแค้นก่อเกิดเป็นตะกอนในหัวใจ
ที่ทำให้นางเกลียดสิ้นทุกอย่าง ตราหน้าว่าราชาผู้นั้นหักหน้าเธอ เพื่อที่จะไปหาหญิงสามัญชนนั่น—สักวัน
เธอจะหาโอกาสเข้าไปแก้แค้นโดยแน่แท้
วันเวลาผ่านไปองค์ราชาก็ได้แต่งงานกับหญิงสามัญชนอย่างยูเมะ
แม้ว่าจะมีเสียงของประชาชนบางส่วนที่ไม่เห็ยด้วยกับเรื่องนี้
แต่ราชาก็ยังคงยืนกรานในการตัดสินใจของตัวเอง ยูเมะไม่ใช่หญิงที่ฐานะต่ำตมขนาดนั้น
แต่ก็เป็นเพียงสามัญอยู่ดี… กระนั้นเขาก็รักเธอ เพราะแบบนั้นเขาจึงไม่ยินยอมที่ปล่อยมือเธอไปเด็ดขาด
ซายากะที่สวมหน้ากากว่าเป็นคนดีแล้มาร่วมงานด้วย
เธอแสร้งทำตัวสุภาพ เรียบร้อย และอ่อนน้อมต่อหน้าราชา เพื่อให้เขาเชื่อ ว่าเธอน่ะ
กลับตัวแล้วจริง ๆ แต่หารู้ไม่—นั่นน่ะ
เป็นมารยาที่เธอลงทุนทำมันเพราะอยากได้ทั้งอาณาจักรที่ยิ่งใหญ่กว่าอาณาจักรของตัวเอง
และอยาจะแก้แค้นพวกคนที่เธอเกลียดเสียให้ได้
ไม่มีใครรู้เรื่อนั้น—แม้แต่ตัวของยูเมะเองก็ไม่ทราบอะไรเลย
เธอไม่รู้ตัวอะไรด้วยซ้ำ ในตอนที่ซายากะเข้ามาตีสนิท หญิงสาวที่มีจิตใจเมตตา
และเป็นมิตรอยู่แล้วจึงไม่ได้คิดอะไร เธอไม่ได้มองซายากะในแง่ร้ายสักนิด
ยูเมะคิดว่าซายากะก็คงเป็นเพื่อนที่ดีของราชา จึงยินยอมให้อีกฝ่ายเข้าหา
และตีสนิทด้วย
ถึงซายากะจะนิสัยเสียไปหน่อย
แต่เธอก็ใจเย็นพอที่จะรอเวลาตอกกลับเอาคืนคนพวกนี้เสมอ เธอมาหาพวกเขาบ่อย ๆ
ในยามที่มีโอกาส สนิทกับยูเมะและราชาทาคายูกิมากขึ้น
มากขึ้นและมากขึ้นจนพวกเขาไว้ใจ
นานวันผ่านไปยูเมะได้ให้กำเนิดบุตรสาวผู้น่ารักคนหนึ่ง
และเธอ ก็ตั้งชื่อให้กับเด็กน้อยคนนั้นว่า อากิโกะ—เด็กสาวผู้มีใบหน้าน่ารักจิ้มลิ้มคนนั้น
เป็นเด็กสาวที่ได้รับความรัก และการเอาใจใส่ในการเลี้ยงดูอย่างเปี่ยมล้นเลยทีเดียว
แม้จะมีบ้างที่กฎเกณฑ์และระเบียบการเรียนการสอนนั้นเคร่งครัด
มันกดดันเด็กสาวหลายครั้ง แต่เธอก็ยังสู้ไหว เพราะพ่อแม่ของเธอ
คอยให้กำลังใจเสมอเลย เรียกได้ว่าถึงจะเป็นบรรยากาศที่กดดัน
แต่พ่อแม่ของเธอก็คอยอยู่ด้วยเสมอ นั่นทำให้เธอไม่เคยเหงา
และไม่เคยรู้สึกแย่กับการเป็นเจ้าหญิงเลย
วันเวลาผ่านไป เด็กสาวคนนั้นเติบโตขึ้น
เธองดงามเหมือนกับผู้เป็นแม่ กิริยามารยาทก็เรียบร้อยเหมือนกันไม่มีผิด
อาจจะมีบ้างที่ขี้กลัวไปหน่อย แต่ก็ไม่ถึงกับแย่อะไร
พ่อแม่ของเธอพล่ามสอนในเรื่องของคุณธรรมและความดีงามมากมาย
ส่งผลให้เด็กสาวซึมซับเอาคำสอนเหล่านั้นเข้ามาในหัว และฝังรากลึกลงไปตั้งแต่ยังเด็ก
แม่ของเธอน่ะ
เล่าเรื่องตอนที่เจอพ่อครั้งแรก แล้วก็เรื่องราวต่าง ๆ
ที่ทั้งคู่ฝ่าฟันร่วมกันมาให้เธอฟังบ่อย ๆ
เด็กสาวตัวน้อยที่ฟังอยู่ก็ได้แค่เคลิบเคลิ้ม และคิดเอาว่าในสักวัน
เธอเองก็อยากจะมีคนแบบนั้นเขามาในชีวิตเสียบ้างจริง ๆ นะ
อากิโกะอยู่กับแม่บ่อยมาก
เธอจึงซึมซับความเป็นตัวตนของผู้เป็นแม่มาเยอะ
ไหนจะเรื่องราวที่แม่เล่าให้เธอฟังอีก อา—ยิ่งเล่าเธอก็ยิ่งชื่นชอบ และขอให้คนเป็นแม่เล่าต่อเรื่อย
ๆ เสมือนกับเป็นนิทานกล่อมไปแล้ว
ช่วงช่วงชีวิตของอากิโกะน่ะ
เติบโตมาอย่างสวยงาม ถึงจะไม่ค่อยได้ออกจากวังไปไหน
แต่เหล่าคนใช้ต่างก็เอ็นดูเธอกันหมด เธอจึงไม่ค่อยเหงาเท่าไหร่ แต่มันก็มีบางครั้ง
ที่เธอขอพ่อแม่ออกจากวังเพื่อไปเที่ยวเล่นเสียหน่อย
แน่นอนว่าจะต้องมีคนใช้ตามติดไปด้วย
แม้จะเป็นแบบนั้น
แต่อากิโกะก็ได้เพื่อนต่างชนชั้นมาเยอะแยะเลย พวกเขาส่วนมากชอบเธอ (แต่ก็ต้องยอมรับว่ามีอีกมากที่ไม่ชอบหน้าเธอเท่าไหร่)
แล้วเธอก็มีความสุขที่มันเป็นแบบนั้น—เด็กสาวในวัยแค่หกขวบคิดแบบนั้น
และแล้ว…ครั้งหนึ่งเธอก็ได้พบกับเขา
อากิโกะวิ่งเล่นอยู่สนด้านหลังของพระราชวัง
ก่อนจะเผลอเดินตามลุกบอลที่ตกกลิ้งไปไกล
ร่างเล็กเดินไกลออกมาจากสิ่งก่อสร้างหรูหรา
ก่อนที่ลูกบอลจะหยุดลงเพราะชนเข้ากับกำแพงของวัง ทว่าในจังหวะที่เธอกำลังก้มเก็บมันขึ้นมานั้นเอง—
โป๊ก!
“อะ—โอ๊ย!” เครื่องบินที่สลักจากไม้
และตัวปีกที่ทำจากกระดาษได้ล่อนลงมากระแทกเข้ากับศีรษะของเธอเข้าเต็ม ๆ
แวบแรกเด็กสาวเกือบจะร้องไห้เสียแล้ว หากความสงสัยไม่หยุดเธอเอาไว้เสียก่อน
“นะ…นั่นใครเหรอ มีใครอยู่ตรงนั้นด้วยเหรอ?”
มันเป็นเสียงของเด็กชายคนหนึ่ง… เด็กชายผู้ที่อยู่อีกฝั่งของกำแพงนั่น
“อะ…เอ๊ะ ก็ใช่น่ะสิ นี่มันวังของพ่อข้านะ จะให้ข้าอยู่ที่ใดเล่า เจ้านั่นแหละเป็นใคร
เหตุใดจึงขว้างสิ่งของใส่ข้ากัน” เด็กสาวถามกลับ ขณะลอบมองตัวกำแพงสูงใหญ่ตระหง่าน
แม้จะมีช่องระบายน้ำที่เป็นโครงเหล็กที่เป็นซี่ ๆ ด้านล่าง แต่เมื่อเธอก้มลงไปมอง
เธอก็มองเห็นแค่เท้าของเด็กหนุ่มคนนั้นเท่านั้น
“วังของข้าอยู่ใกล้ ๆ
นี้เอง แล้วข้าก็แค่ขอให้คนใช้พาข้าออกมายังลานกว้างนอกอาณาจักร เพื่อที่ที่ข้าจะได้เล่นของเล่นที่ข้าทำเองได้สะดวกโดยไม่มีใครรบกวนน่ะสิ” เด็กหนุ่มคนนั้นให้คำตอบ ก่อนจะตามมาด้วยการพูดเสียงอ่อย “ข้าไม่ค่อยชินกับการพูดคุยกับคนอื่นเท่าไหร่ ยิ่งถ้าข้าเล่นอะไรแบบนี้ในรั้วราชวัง
พ่อแม่ข้าได้แต่ไถ่ถามแน่ ว่ามันมีประโยชน์อะไร”
“ข้าว่ามันก็…เอ่อ ดูสวยดีนะ ถึงมันจะเจ็บก็เถอะ” เด็กสาวตอบกลับ “เฮ้ เจ้าช่วงก้มลงมาตรงช่องระบายหน่อยได้ไหม
ข้อมองเห็นแต่เท้าของเจ้านานแล้วนะ”
“อะ—อ้าว
แล้วไยเจ้าจึงมองแต่เท้าของข้าล่ะ เจ้าก็บอกข้าก่อนสิ” เด็กหนุ่มตอกกลับมาก่อนจะยอมก้มลงมาแต่โดยดี
ดวงหน้าของเด็กหนุ่มนั้นติดจะคมคาย แต่ก็มีแววตากับเส้นผมสีบลอนด์สว่างไล่สีลงมาที่ดูงดงามราวสตรี
หากแต่มันกลับเป็นการสานรวมกันลงอย่างตัวกันอย่างน่าทึ่ง
วินาทีนั้น
อากิโกะก็ถึงกับหน้าแดงไปเลยล่ะ
“เจ้าชื่ออะไรเหรอ” ฝ่ายเด็กหนุ่มค่อย ๆ เผยยิ้ม และเอ่ยถามก่อน
“อะ…อาซามิ อาซามิ อากิโกะ” เธอตอบเสียงสั่น “แล้วนามของท่านล่ะ?”
“เคนมะ” เขาตอบ “โคสุเมะ เคนมะ …ยินดีที่ได้พบนะ”
“ข้าก็เช่นกัน”
อากิโกะตอบออกไปเช่นนั้น มันเป็นวันแรกที่เธอได้พบกับเขา
ได้รู้ว่าเขาคือเจ้าชายจากอาณาจักรพันธมิตรใกล้ ๆ นี้
แล้วก็อายุมากกว่าเธอนิดหน่อย เขาแก่เดือนกว่า
เธอจึงเปลี่ยนสรรพนามในการเรียกเขาจาก ‘เจ้า’ กลายเป็น ‘ท่าน’ เพื่อแสดงถึงความเคารพสักหน่อย—แต่ไป
ๆ มา ๆ ก็ดันติดปากจนแก้ไม่หายไปเสียได้
เวลาล่วงเลยผ่านไป
ทั้งสองสนิทกันมากขึ้น เพราะความที่อาณาจักรอยู่ใกล้กัน
แล้วพ่อกับแม่ของทั้งคู่ก็ไม่มีท่าทีจะขัดอะไรด้วย
หากจะพาบุตรมาเจอกับราชวงศ์ของพันธมิตรบ่อย ๆ
อิกิโกะได้รู้จักกับเคนมะมากขึ้น
ได้เรียนรู้ความเป็นตัวตนของเขามากขึ้น ได้รู้ว่าความจริงแล้ว
เขาก็ไม่ใช่คนเลวร้ายอะไรสักนิด แม้ภายนอกผู้คนจะชอบบอกว่าเขามักจะเพิกเฉยติดจะเฉื่อยชากับชีวิตไปหน่อยก็เถอะ
นั่นไม่จริงเลย… อากิโกะคงเป็นคนคนนึงที่จะยืนกรานแบบนั้น
และเช่นเดียวกัน—เคนมะก็เป็นคนคนนึงที่รู้จักอากิโกะดีกว่าใคร ๆ พวกเขาเล่นด้วยกัน
ดูแลกันและกันตั้งแต่เล็ก ที่อายุเพียบแค่หกขวบเจ็ดขวบกระทั่งเติบโตกันขึ้นมาจนอายุสิบสี่ปี
“เหตุใดเจ้าจึงทำหน้าเศร้าเช่นนั้นกันเล่า?”
ฝ่ายเด็กหนุ่มเอ่ยถาม
เมื่อเห็นสีหน้าของเด็กสาวที่ออกจากวังมาพบกับเขา ที่รออยู่บริเวณสวนดอกไม้นอกอาณาจักรอาซามิใกล้
ๆ นั้น ดวงหน้าคมคายเรียบเฉยเลิกคิ้วขึ้น “หรือเพราะว่าข่าวที่องค์ราชินีทรงประชวรน่ะหรือ?”
“…ใช่
ข้ากำลังรู้สึกโศกากับเหตุนั้นอยู่ ข้ากลัวเหลือเกินกับการที่ข้าจักเสียมารดาไป”
“ข้าจะคอยอยู่ข้าง ๆ
เจ้านะ อย่ากลัวไปเลย” รอยยิ้มพลันปรากฏขึ้นมาบนใบหน้าเขา “ข้าจะคอยปลอบประโลมเจ้าจนกว่าเรื่องนี้จักผ่านพ้นไป
และจักคอยอยู่เคียงข้างเจ้าจากนี้ และตลอดไป เชื่อข้าสิ”
คำกล่าวนั่นน่ะ… อากิโกะเชื่อสนิทใจเลย
เธอร้องไห้ต่อหน้าเขา แล้วก็กอดเขาเอาไว้—ช่วงวัยนั้น พวกเขาได้อยู่ด้วยกัน
และได้พบกันน้อยลง เพราะแต่ละคนต่างก็เริ่มมีเวลาว่างไม่ตรงกันเลย เพราะแบบนั้น
ในช่วงเวลาที่ได้เจอกัน มันจึงมีค่าเอามาก ๆ เลยล่ะ
ในช่วงเวลานั้น เคนมะยุ่ง ๆ
อยู่กับการฝึกและการเล่าเรียนอย่างหนัก อากิโกะเองก็มิได้อยากรบกวนอะไร
ประจวบกับในช่วงเวลานั้น แม่ของอากิโกะล้มป่วยพอดี
ผู้เป็นราชาค่อนข้างร้อนใจเช่นเดียวกันกับอากิโกะ แต่เพราะเขามีงานต้องทำอีกเยอะ
เขาจึงจำเป็นจะต้องฝากงานให้กับสาวใช้และอากิโกะไปแทน
จังหวะนั้นเองที่ซายากะแฝงตัวเข้ามาอีกครา
ตัวเธอที่ที่ผ่านมาแสร้งทำตัวเป็นคนดีและตีสนิทองค์ราชามาตั้งแต่เนิ่น ๆ
ได้บอกว่าตัวเธอเองก็อยากที่จะดูแลองค์ราชินีเช่นกัน หากแต่ ที่ไหนได้ล่ะ…
ตัวซายากะเองนั่นแหละ
ที่แอบวางยาพิษใส่ในอาหารที่ทำมาให้กับยูเมะเป็นประจำ สัปดาห์ละครั้ง
สัปดาห์ละครั้งจนกระทั่งเธอเสียชีวิตไป ณ ช่วงเวลานั้น
ทั้งอากิโกะและองค์ราชาต่างก็จมจ่อมอยู่ในความเศร้ากันทั้งสิ้น
แต่เห็นทีองค์ราชาคงจะหนักเสียมากกว่า
เขาไม่เป็นอันจะทำงานเลยทีเดียว ลูกสาวที่ยังเล็กอยู่ก็มิอาจช่วยเหลืออะไรได้มากมายนัก
เธอทำได้แต่เพียงมองเท่านั้น… มองซายากะด้วยความรู้สึกหวานกลัวครั่นคร้ามแปลก ๆ
เธอแค่รู้สึกกลัวซายากะ ทั้ง ๆ ที่หล่อนก็ยิ้มให้เธอเป็นประจำ
อ่า… แปลกจังเลยแฮะ
งานศพของผู้เป็นราชินีผ่านพ้นไป
แต่ความเศร้าที่สุมอยู่ในอกของคนเป็นราชายังไม่เปลี่ยนไปไหน ในเมื่อคนรักเสียไป
คนที่ยังอยู่เคียงกายเขา คอยดูแลและช่วยเหลือก็คือซายากะ… เขาไม่รู้เลย
ว่าหล่อนกำลังหลอกล่อเขาอยู่ทุกวัน…ทุกวัน
โดยที่เด็กสาวผู้เป็นลูกไม่สามารถขัดขวางอะไรได้ เพราะเธอเองก็ทั้งเศร้า
แล้วเด็กเกินกว่าจะเข้าใจอุบายที่ซับซ้อนขนาดนั้น
นานวันผ่านไป จนกระทั่งอากิโกะเกือบจะมีอายุสิบหกปีแล้ว
เหลืออีกเพียงแค่สองเดือนเท่านั้น ผู้เป็นพ่อของเธออาการดีขึ้นเยอะ
เขาได้รับการเยียวยาจากซายากะ ที่อากิโกะไม่ค่อยสนิทนัก
ตัวเธอเองยังคงติดต่อกับเคนมะผ่านจดหมายเรื่อยมา
และในช่วงเวลานั้น
เหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดก็คือว่า—พ่อของเธอ ตัดสินใจแต่งงานกับซายากะแล้ว
อากิโกะที่รู้สึกหวาดกลัวแปลก ๆ กับซายากะมาตั้งแต่เด็ก
ๆ ไม่เห็นด้วยเท่าไหร่ แต่ก็ไม่อาจปริปากปฏิเสธอะไรได้ เธอแค่ยิ้มรับ
แล้วคิดเอาว่ามันคงจะไม่มีอะไรหรอก…มั้งนะ
ซึ่งอากิโกะน่ะ คิดผิดเต็ม ๆ เลยล่ะ
เพราะหลังจากที่แต่งงานได้ไม่นาน
ราชาก็ล้มป่วยทันที ซายากะเป็นคนวางยาเขา
แต่กลับออกมาป่าวประกาศว่าองค์ราชาคงทรงงานหนักเกินไป และคงมีโรคร้ายติดตัวมา
ช่วงเวลานั้นเอง ที่ซายากะแก้แค้นสำเร็จ และได้ครอบครองในสิ่งที่ตัวเองมาดหวังไว้
หากแต่—มันก็ยังเหลือลูกสาวของเขาคนนั้น
ที่เกะกะสายตาของเธอเหลือเกิน เพราะแบบนั้น
ซายากะจึงสร้างเรื่องใส่ร้ายอากิโกะว่าเธอนั้นคิดจะทำร้ายตนเองเพราะเกลียดที่เข้ามาแต่งงานใหม่
ก่อนจะส่งย้ายตัวเจ้าหญิงตัวน้อยให้ไปอยู่ในอาคารเก่าด้านหลังราชวัง
ที่ที่เงียบเหงา เก่ากรุ และความเป็นอยู่มิได้สุขสบายนัก
แม้จะถูกทำความสะอาดเอาตอนที่เธอย้ายเข้ามาแล้ว
แต่มันก็ย่ำแย่กว่าในราชวังอยู่ดี…
อากิโกะในตอนนั้นเข้าใจแล้วว่าตัวเองถูกกลั่นแกล้ง
เหล่าคนใช้บางส่วนก็เกลียดเธอไปแล้ว แต่บางส่วนก็ยังรัก
แต่ก็จำใจยอมทำตามคำสั่งของราชินีไป พวกเขาเหล่านั้นช่วยเหลืออากิโกะบ่อย ๆ
โดยที่ไม่ให้ราชินีคนใหม่รู้
ชีวิตต่อจากนั้นของอากิโกะดูเหมือนจะย่ำแย่
ชนชั้นสูงยังไม่ทราบว่าซายากะทำอะไรไว้บ้าง เพราะทุกทีที่มีการออกงานอะไร
เธอก็จะทำเป็นแสร้งว่ารักกับอากิโกะดี จับเธอหวีผมแต่งตัวเสียใหม่ แต่หลังจากที่จบงาน
ซายากะก็ผลักหัวส่งอากิโกะออกไปอย่างไม่ใยดี
นั่นแหละ… ซายากะน่ะ
ไม่เคยละทิ้งนิสัยแย่ ๆ ของตนไปเลย
ตอนนี้พ่อของเธอป่วยติดเตียง
คนที่ดูแลอาณาจักรกลายเป็นซายากะไป เบื้อหน้าอาจดูเหมือนสงบสุขดี
เพราะตัวซายากะยังคงเล่นตามน้ำไปก่อน อากิโกะไม่รู้ว่าเมื่อใดกันที่มันจะจบลง
ในเมื่อเธอไม่รู้ว่าจะช่วยพ่อของตนยังไง เธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่าพ่อถูกวางยาให้ล้มป่วยอยู่เดือนละครั้ง
หน้าที่ที่จะต้องช่วยอาณาจักรและเอาบัลลังก์คืนมานั้นเป็นของเธอ
แต่วันใดเล่า ที่เด็กสาวจะสามารถยืนหยัดลุกขึ้นสู้มาได้?
ชีวิตของเธอกำลังถูกกลั่นแกล้ง จากที่มีความสุขก็กลายเป็นมืดหมองลงไปเพราะคนใจร้าย
หากทว่า—อากิโกะก็ยังคงมีเขาอยู่ข้างกาย โคสุเมะ เคนมะ เจ้าชายที่จะเป็นหนึ่งในตัวแปรที่จะทั้งช่วยปลอบใจเธอ
ช่วยให้เธอเติบโตขึ้น
มากพอที่จะช่วยเหลืออาณาจักรของตัวเอง
และทำในสิ่งที่ควร
และดอกไม้งามดอกนั้นแหละ
ที่จะเปล่งประกาย เปลี่ยนจากดอกตูมเป็นการเบ่งบานอย่างเต็มที่ สำแดงความเป็นตัวตน
ความงดงามและความแร่งกบ้าของตัวเองออกมาเสียก่อนที่จะเหี่ยวเฉา
ดอกไม้ที่ไม่ว่าอยู่ที่ใด
ก็จะเลอค่าและเป็นที่น่าจับตามองเสมอ ดอกไม้งดงามที่มากไปด้วยความหมาย
มากไปด้วยหลากหลายเรื่องราว ทั้งรัก สุข เศร้า โกรธแค้น ให้อภัย และจุดจบที่มิอาจหยั่งรู้ได้
—To be continued...?
ความคิดเห็น