ลำดับตอนที่ #3
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : ว่าด้วยเรื่อง'ทัศนศึกษา'
บทที่ 3
ว่าด้วยเรื่อง'ทัศนศึกษา'
วันนี้เป็นอีกหนึ่งวันที่ดูจะยุ่งเหยิงกว่าทุกวัน 'ทัศนศึกษา' ความสุขเล็กๆที่ได้หยุดเรียนหนึ่งวัน และการเตรียมใจรับอีกหนึ่งวันที่วุ่นวาย ทั้งที่ปกติก็วุ่นวายอยู่แล้วแท้ๆ
ผมมาถึงโรงเรียนในช่วงเช้ากว่าปกติเนื่องจากกำหนดการที่เร่งรีบของวัน หลังจากเดินไปหาอาจารย์เพื่อเช็คชื่อเสร็จก็ทรุดตัวลงนั่งต่อแถวนักเรียนชายของห้อง
เสียงรอบข้างค่อนข้างจะดัง หลายๆคนที่มาถึงก่อนเวลาที่อาจารย์กำหนดกำลังคุยกันอย่างสนุกสนาน บางคนก็นำเอาโทรศัพท์ของตัวเองออกมาเล่นบ้าง ถ่ายรูปบ้าง หรือติดต่อเพื่อนที่ยังไม่มาบ้าง ผมกวาดสายตาไปรอบๆเพื่อหาคนคนหนึ่งที่ดูเหมือนจะยังมาไม่ถึง
ผมนั่งเหม่อได้สักพักหนึ่ง ก็รับรู้ถึงแรงกระแทกเบาที่ข้างลำตัว ผมเอนตัวไปมองกระเป๋าเป้ใบใหญ่ที่ดูแฟบๆเหมือนใส่ของไม่เต็มกับเจ้าของกระเป๋าที่จงใจโยนมันมาใส่ผม
"เช็คชื่อก่อน" ผมหันไปบอกมิคกี้ที่กำลังสำรวจสถานการรอบข้างเช่นเดียวกับผมตอนแรกที่มาถึง
มิคกี้พยักหน้าเบาๆ แล้วเดินไปเช็คชื่อกับอาจารย์ตามหน้าที่ พอเช็คชื่อเสร็จก็มานั่งลงที่ข้างผมแบบไม่สนใจแถวที่ต่อยาวไป พูดง่ายๆก็คือ'แซงคิวแบบหน้าด้านๆ'แต่คนอื่นก็ดูจะไม่ติดใจอะไรก็ไม่ว่ากัน
"เปรมเอาอะไรมาบ้างอ่ะ"มิคกี้ถามผมแต่ดูเหมือนจะเป็นคำถามที่ไม่ต้องการคำตอบเท่าไหร่ เพราะตอนนี้เจ้าตัวกำลังถือวิสาสะค้นกระเป๋าผมโดยไม่ได้รับอนุญาติ
"สมุด ปากกา ร่ม ที่รองเขียน เลย์ ..." ผมพากย์ตามสิ่งที่มันหยิบออกมาจากกระเป๋าทีละอย่างจนมาถึงขนมถุงหนึ่ง แทนที่มิคกี้จะแค่รื้อๆเหมือนอันอื่น แต่มันกลับเอาออกมาพินิจพิเคราะห์แล้วยิ้มอย่างถูกอกถูกใจก่อนยัดใส่กระเป๋าตัวเองแบบเนียนๆ
มันย้ายกระเป๋าของตัวเองจากเดิมที่อยู่ข้างๆมาวางไว้บนตักแล้วเอามือล้อมไว้แบบหลวมๆ ถึงมันจะไม่พูดอะไรแต่ก็พอดูออกว่ามัน'ชอบ'ล่ะนะ
"เอามาให้มึงนั่นแหละ ไม่แย่งหรอก"ผมพูดขำๆแล้วมองข้าวของอื่นๆที่กระจัดกระจายบนพื้นเพราะถูกรื้อค้นอย่างทารุณเมื่อครู่
ผมเริ่มลงมือเก็บข้าวของที่มิคกี้เอาออกมาตอนแรกให้เข้าที่เข้าทางเพราะเหลือเวลาอีกไม่มากก็ต้องขึ้นรถแล้ว แต่อีกฝ่ายดูจะไม่สนใจจะช่วยกันเก็บของที่ตัวเองรื้ออกมาเลยสักนิด เพราะมัวแต่ยุ่งอยู่กับไฟฉาย พวงกุญแจที่ติดอยู่ข้างกระเป๋าผม ปิดๆเปิดๆเหมือนไม่เคยเล่นมาก่อน ทั้งๆที่ก็เล่นออกบ่อย
"เล่นอยู่ได้ ไม่เบื่อเหรอ?"พอผมจัดกระเป๋าใหม่เสร็จก็เงยหน้าขึ้นมาถาม
"ไม่อ่ะ"มันตอบโดยที่ยังไม่ละสายตาจากไฟฉายที่ตรงหน้า ที่ผมไม่เห็นว่ามันจะหน้าสนใจ'กว่าผม'ตรงไหน
พอถึงเวลาที่กำหนดไว้ อาจารย์ก็พานักเรียนเดินแถวไปขึ้นรถที่จอดรออยู่ก่อนแล้ว ภายในรถบัสสองชั้นที่มีพื้นที่ค่อนข้างกว้าง ที่นั่งตั้งไว้เป็นคู่ๆด้านซ้ายและขวาอย่างละคู่ ส่วนด้านหลังสุดจะเป็นที่นั้งเรียงห้ายาวไปจนสุด โซนด้านหน้าส่วนใหญ่จะถูกจับจองโดยผู้หญิงที่ขึ้นทางประตูหน้า ส่วนผู้ชายก็เลยต้องนั่งบริเวณครึ่งหลังไปตามระเบียบ
ผมกับมิคกี้นั้งเก้าอี้แถวเกือบท้ายสุดโดยผมนั่งริมหน้าต่าง ส่วนมันนั่งริมฝั่งด้านในด้วยเหตุผลที่ว่า'หัวโขกหน้าต่างมันเจ็บ'
"เอาล่ะนักเรียน เดี๋ยวเราจะออกเดินทางกันแล้วเดี๋ยวครูจะ..."เสียงอาจารย์ประกาศกำหนดการของวันผ่านโทรโข่ง ที่นักเรียนส่วนใหญ่ที่นั่งอยู่ก็ฟังพอแค่ให้ผ่านๆหูไม่ได้ตั้งใจฟังกันสักเท่าไหร่ โดยเฉพาะคนที่นั่งอยู่ข้างๆผม มันไม่ได้สนใจที่อาจารย์พูดเลยสักนิดเดียว แต่กำลังง่วนอยู่กับการแก้สายหูฟังที่พันกันจนดูเหมือนก้อนเชือกขยุกขยุย
แต่จนแล้วจนรอด มันก็ยังแก้สายหูฟังไม่ออกสักที จนมันหมดความพยายาม สถบคำหยาบออกมาเป็นขบวนแล้วเปลี่ยนไปเลือกเพลงโดยไม่สนใจก้อนหูฟังที่ขยุกขยุยอยู่บนตัก
พอมิคกี้เลือกเพลงที่ต้องการฟังได้ มันก็เอาหูฟังมาสวมหูทั้งๆอย่างนั้น ผมอดที่จะหัวเราะออกมาไม่ได้กับสภาพก้อนขยุกขยุยที่ใต้หูของมันจนมันหันมามองผมตาเขียว
"เอามานี่"ผมเอี้ยวตัวแล้วถือวิสาสะดึงหูฟังของอีกฝ่ายมาแก้ให้เป็นปกติโดยที่มิคเองก็ไม่ได้ว่าอะไร เอาแต่มองดูผมแกะสายหูฟังไปเรื่อยๆ
ผมใช้เวลาเพียงพักเดียวก็แกะสายหูฟังออกจากกันได้ แต่ตัวสายก็ยังอยู่ในสภาพงอและบิดเกลียวจนน่าอนาถใจ ผมเสียบหูฟังกลับเข้าที่เดิมแล้วเอาหูฟังข้างหนึ่งยัดใส่ในหูข้างขวาของมิคกี้ที่ตอนนี้กำลังกดเล่นเพลงที่หยุดไว้เมื่อครู่ให้เล่นต่อ มันทำท่าจะมาเอื้อมมาหยิบหูฟังอีกข้างไปใส่
แต่ผมยื้อหูฟังข้างนั้นไว้กับตัว
"ของกูอ่ะ เอามา"มันประท้วงแล้วทำท่าจะลุกขึ้นมาแย่งหูฟังคืน ผมทำเป็นหูทวนลมแล้วเอาหูฟังข้างนั้นมาใส่หูตัวเองหน้าตาเฉย
"ค่าซ่อม"ผมพูดกับมันเบาๆ แล้วกลับไปมองวิวข้างถนนเหมือนเดิม ผมเหลือบมองกระเป๋าตัวเองที่มีสายหูฟังแลบออกมา ผมเองก็มีหูฟังกับโทรศัพอยู่ในกระเป๋า และผมก็เชื่อว่าหูฟังผมสภาพดีกว่าของมิคกี้แน่นอน แต่ผมก็ไม่คิดที่จะหยิบมันออกมา ตอนนี้ต่อให้มีแค่เพลงธรรมดาๆกับหูฟังกากๆแค่ข้างเดียว มันก็เพราะพอแล้วสำหรับผม
รถบัสติดฟิมล์ค่อนข้างดำ ทำให้สามารถเห็นภาพสะท้อนในรถได้คล้ายกระจกเงา และผมก็กำลังมองคนๆหนึ่งอยู่ คนๆนั้นกำลังนั่งยิ้มกับตัวเองอยู่ข้างๆผม จนผมอดไม่ได้ที่จะยิ้มตาม
ผมเปลี่ยนจากที่ดูเขาคนนั้นผ่านกระจกเป็นหันมาจ้องเขาตรงๆ ดูอีกฝ่ายจะตกใจนิดๆ แต่กลับยิ้มกว้างกว่าเดิมแล้วถามผมด้วยคำถามที่ผมก็ไม่รู้จะตอบยังไงดี
"ยิ้มหาพ่อง!"
_____________________________________
ชอบตอนนี้จังเลย//ผิดๆ ช่วงนี้สองคนนี้ไม่ค่อยคุยกันเลยอ่ะ
เศร้าแปป เมื่อวันก่อนยังเล่นกันอยู่ดีๆแท้ๆ เฮ้อออ
เอาใจช่วยทั้งในเรื่องจริงทั้งในนิยายด้วยนะคะ
Commentตามสะดวกค่า
_____________________________________
ชอบตอนนี้จังเลย//ผิดๆ ช่วงนี้สองคนนี้ไม่ค่อยคุยกันเลยอ่ะ
เศร้าแปป เมื่อวันก่อนยังเล่นกันอยู่ดีๆแท้ๆ เฮ้อออ
เอาใจช่วยทั้งในเรื่องจริงทั้งในนิยายด้วยนะคะ
Commentตามสะดวกค่า
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น