ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    หัวใจทะเลทราย

    ลำดับตอนที่ #1 : ลำนำปารีส

    • อัปเดตล่าสุด 2 มี.ค. 51


                           

                          อากาศภายนอกเย็นเฉียบ  ฝ้าเริ่มเกาะกระจกจนขุ่นมัว  หิมะแรกแห่งฤดูหนาวกำลังโปรยปราย  มีเพียงฮีตเตอร์ตัวเดียวในห้องที่ทำให้อากาศในนี้ไม่หนาวเย็นเหมือนข้างนอก  ร่างๆหนึ่งนั่งอยู่ที่โต๊ะทำงานตัวใหญ่พร้อมกับก้มหน้าก้มตาเขียนอะไรยิกๆลงบนกระดาษของกองเอกสารที่ตั้งสุมหลายชั้น  นาฬิกาเรือนใหญ่ดีบอกเวลาหกโมงเย็นเสียงดังจนคนที่กำลังทำงานต้องเงยหน้าขึ้นมาดู  พลันเก็บข้าวของลงในกระเป๋าเตรียมกลับบ้าน  แต่ก็ต้องชะงักเมื่อได้ยินเสียงเรียกเข้าของโทรศัพท์มือถือดังขึ้นมาขัด  แล้วกดรับพูดอะไรบางอย่างแล้วเร่งเก็บของให้เร็วยิ่งขึ้น  พลางเดินไปหยิบเสื้อโค้ทสีดำตัวหนามาสวมก้าวออกไปข้างนอก  เดินผ่านฝูงชนมากมายท่ามกลางหิมะจนหยุดอยู่หน้าร้านอาหารหรูแห่งหนึ่ง  บริกรรีบเปิดประตูต้อนรับแล้วเชิญเข้าไปข้างในพลางรับเสื้อโค้ทของลูกค้ามาถือไว้


                          "มาแล้วเหรอครับโอลิเวีย"  ชายหนุ่มหน้าตาดีคนหนึ่งมีนัยน์ตาสีฟ้า  ใบหน้าคมเข้มตามแบบชาวตะวันตก  ผิวขาว  เดินมาทักทายพลางโอบไล่ให้เดินไปนั่งที่โต๊ะ


                          "ค่ะ  รอนานไหมคะเฟรดเดอริค"  หญิงสาวเอ่ยถาม

                          มาดมัวแชลโอลิเวีย  เดอ โชลาเวียร์   ลูกครึ่งไทย-ฝรั่งเศส  ผู้มีตำแหน่งเป็นถึงเอกอัครราชทูตไทยประจำกรุงปารีส ฝรั่งเศส  ด้วยความสามารถอันสูงและความพยายามอันไม่มีที่สิ้นสุดทำให้เธอมาถึงจุดฝันได้อย่างไม่ยาก  เธอมีนัยน์ตาสีน้ำตาลเหมือนอัลมอนด์ใต้คิ้วเรียวโก่งดั่งคันศร  จมูกโด่งเป็นสันตามแบบฝรั่ง  ริมฝีปากบางเหมือนกุหลาบ  ผมสีน้ำตาลแดงดัดเป็นลอนสวยยาวถึงกลางหลัง  ผิวขาวผ่องดังแสงจันทร์  ไม่มีใครที่เห็นแล้วจะไม่เหลียวหลัง  ไม่มีใครเห็นแล้วไม่ชื่นชม
     

                         "ไม่หรอกเวีย  เชิญคุณสั่งอาหารก่อนเถอะ  เป็นทูตเนี่ยงานหนักไม่เบา  ผมรู้ว่าคุณหิว  ผมไม่อยากให้คุณเป็นคนบ้างานจนลืมทานข้าว"
    ชายหนุ่มพูดอย่างรู้ใจคนหิวพร้อมกับหัวเราะเบาๆ  เธอยิ้มน้อยๆให้กับคนตรงหน้าแล้วสั่งอาหาร  เวลาผ่านไปเธอก็ทานมันจนหมดต่อด้วยของหวานจานโปรดอย่างช็อคโกแล็ตร้อน  ผลไม้บางชนิด


                         "เอ่อ...  ที่จริงแล้วที่ผมชวนคุณมาทานข้าววันนี้เพราะมีเรื่องสำคัญจะพูดด้วย"  ชายหนุ่มเอ่ยขึ้นหลังจากที่เธอจัดการกับของว่างเป็นที่เรียบร้อย


                          "เรื่องอะไรคะที่รัก"   เธอพูดเสียงหวานแต่คงไม่ทันได้สังเกตสีหน้าของคนตรงข้ามวูบหนึ่งที่แสดงอาการลังเล   เขาเงียบอยู่นานจนเธอต้องพูดขึ้นก่อน


                          "นี่เฟรดเดอริค  เวียอยากรู้นะคะ"  มือเรียวบางยกแก้วไวน์ขึ้นมาจิบ


                          "เราคงไปกันไม่ได้  เราเลิกกันเถอะเวีย"  ในที่สุดชายหนุ่มก็พูดออกมาจนได้  เธอไม่อยากจะเชื่อหูตัวเอง  รู้สึกชาไปทั่วร่างราวกับมีใครเอาน้ำแข็งมาสาดใส่  ตกใจกับคำพูดของผู้ชายที่เธอรักมากที่สุดจนเผลอปล่อยแก้วไวน์หล่นออกจากมือกระทบพื้นจนแตกกระจาย  คนในร้านหันมามองเป็นตาเดียวกันก่อนที่จะทำเป็นเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นทั้งนั้น


                          "หมายความว่ายังไงคะเฟรดเดอริค  เวีย...เวียไม่เข้าใจ"  น้ำเสียงหวานสั่นอย่างฟังได้ชัดค่อยๆเปล่งออกมาจากลำคอที่ตอนนี้รู้สึกน้ำลายฝืดคอมากมาย


                          "ผมขอโทษที่มาพูดเอาตอนนี้  แต่ขอให้เรื่องของเรามันจบแค่นี้"  ชายหนุ่มหลบสายตาที่คั้นเอาคำตอบของเธอ  พลันมีหญิงสาวอีกคนในชุดสายเดี่ยวสีแดงกระโปรงสั้นเดินมา  เจ้าหล่อนมีใบหน้าเย่อหยิ่ง  ผมสีทองถูกม้วนขึ้นไปจนหมด  ดูๆแล้วไม่ถึงกับสวยมากแต่ก็ไม่ได้หมายความว่าสวย  เจ้าหล่อนเดินมานั่งที่ตักแฟนหนุ่มของเธอพลางจูบกันต่อหน้า


                           "เธอชื่อเจสสิก้า  เป็นผู้หญิงที่ผมรักจริงๆ  ผมอยากบอกคุณให้เร็วกว่านี้แต่ผมกลัวคุณจะเสียใจ  เราพบกันเมื่อสองเดือนก่อนที่อังกฤษ"  ดูเหมือนชายหนุ่มจะไม่รู้สึกอะไรเลยแต่เธอนี่สิกำมือแน่นจนเล็บจิกเข้าไปในเนื้อ  น้ำตาใสๆค่อยๆไหลออกมาจากดวงตาคู่สวย


                          "มันจะมากไปแล้วนะเมอร์สิเยอร์"  สรรพนามเริ่มเปลี่ยนไป    


                          "ฉันเองก็ไม่ได้อยากจะเสียใจกับคนเลวๆอย่างแกเลยสักนิด  เป็นอันว่าตกลง  เราเลิกกัน  ผู้หญิงคนนี้ก็คงไม่ได้ดีไปกว่าฉันหรอก"  ว่าแล้วเธอก็สาดไวน์ในแก้วที่หยิบมาจากโต๊ะใส่หน้าชายหนุ่มพร้มกับเขวี้ยงลงพื้น  พลางหยิบกระเป๋าสตางค์ออกมาแล้วควักธนบัตรวางไว้บนโต๊ะเป็นค่าแก้วไวน์ที่เธอปาทิ้งถึงสองแก้วแล้วเดินออกจากร้านไปทันที  ฝนเริ่มลงเม็ดลงมาพร้มกับฟิมะที่ตกหนักขึ้นเรื่อยๆ  ความหนาวเย็นไม่ได้ทำให้เธอรู้สึกอะไร  แต่เพราะตอนนี้หัวใจเธอต่างหากที่หนาวเย็นกว่า  ริมฝีปากบางเหยียดยิ้มให้กับความโง่เขลาของตัวเองที่ถูกหลอกถึงสองเดือนโดยไม่ระแคะระคายพลางเดินฝ่าหิมะและฝนไป










    ********************************************************************************


    เรื่องแรกแนวซึ้งกินใจ  ได้ไอเดียมาจากนิยายย้อนยุคหรือคำสาปฟาโรห์  อีกมากมาย


























                      

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×