คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #9 : Chapter IX ความโศกเศร้าสลายหายไปกับวันคริสต์มาส
Chapter IX
ความเศร้าโศกสลายหายไปกับวันคริสต์มาส
ภายในห้องที่แสนมืดหม่นและหดหู่ที่แทบไม่มีแสงเล็ดลอดผ่านเข้ามาสักรังสีเดียว หญิงสาวคนหนึ่งกำลังล้มหมกจมดิ่งอยู่ในความเศร้าและความโทมนัสอย่างน่าเวทนา ภายในหัวคิดของเธอพันกันยุ่งเหยิงไปทั่วทุกอณูจากความสับสนที่หาทางออกไม่ได้ เธอจะทำอย่างไรดีในเมื่อแม้แต่ตัวเธอเองยังให้คำตอบไม่ได้ แล้วใครไหนเล่าจะช่วยเธอขจัดทุกข์โศกได้
ร้านเกมกลวิเศษวีสลีย์ถึงแม้ว่าจะดูคับไปถนัดตา จนทำให้การขายของที่เหน็ดเหนื่อยกลายเป็นเรื่องสนุก ฝาแฝดวีสลีย์ก็ยังอดห่วงเพื่อนหญิงของตนเองไม่ได้ว่าเธอทำไมหายไปโดยไม่มีการบอกกล่าว
“คิดว่าเธอจะกลับมาไหม?”
จอร์จ วีสลีย์ถามพี่น้องฝาแฝดของตน
“เธอ... เธอไหน?”
“ก็ซิลเวียไงเล่า”
“เธอต้องกลับมาแน่ เธอไม่ใช่คนที่จะหนีไปโดยไม่ล่ำลาหรอก”
คำพูดนั้นต่างทำให้ทั้งสองใจชื้นขึ้นมาบ้าง
“ถ้าวันมะรืนหน้าเธอยังไม่มา เราไปตามหาเธอที่บ้านดีไหม?”
เฟร็ดเป็นฝ่ายเอ่ยถามบ้าง
“เราจะไปหาเธอได้ยังไง ในเมื่อเราไม่รู้ว่าบ้านเธออยู่ไหน”
วันเวลาผันแปรไปจนครบสองวันในกำหนดการปล่อยตัวของซิลเวีย ลอว์อย่างรวดเร็วสำหรับใครต่อใคร แต่สำหรับตัวเธอเองแล้วมันนานโขซึ่งต่างกันโดยสิ้นเชิง
ร่างที่แต่ก่อนเคยดูระหงสง่างามตอนนี้กลับสะบักสะบอมเหมือนคนถูกซ้อมเพียงแต่ไร้รอยฟกช้ำเว้นเสียแต่รอบดวงตาจากการร้องไห้
“จะเอาอะไรไหม?”
เจ้าของเสียงอันดุดันไถ่ถาม แต่ในตอนนี้มันกลับไม่ดุดันเหมือนเช่นทุกครั้ง
“ไม่”
เธอตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบแล้วเดินจากไปในทันที แต่ผู้ถามกลับไม่นิ่งเฉยแถมยังคว้าข้อมือของเธอไว้ด้วย
“ใช่ ลืมไป ฉันจะเอาไม้กายสิทธิ์ ขอบใจนะที่ถาม เธอนี่ช่างเป็นคนดีจริงๆ”
ถึงแม้ว่าดวงตาของเธอจะมีสีดำขลับแต่ก็กลับประกายแววรุ่งโรจน์ไปพร้อมกับความกล้าหาญที่ซ่อนอยู่ภายในจิตใจ
“นี่ของเธอ”
แดนยื่นไม้กายสิทธิ์ซึ่งเปรียบเสมือนเครื่องประจำกายของเหล่าผู้วิเศษคืนให้เธอโดยว่าง่าย เธอรับมันมาแล้วเดินจากไปไร้การรัดกุม
หญิงสาวเดินโซเซดูโลเลอย่างแปลกไปจากใครๆที่พกเหรียญเงินซิกเกิ้ลหรือเหรียญทองเกลเลียนมาเต็มเปี่ยมเพื่อให้มันได้ถูกทำความสะอาดโดยการแลกเปลี่ยนหมุนเวียนของวงจรการซื้อขายเสียบ้าง
เสียงระฆังหน้าประตูร้านเกมกลวิเศษวีสลีย์ดังขึ้นเพราะมีการเปิดหรือผลักมันเข้าไป
“วันนี้ร้านปิดนะครับ อ้าว... ซิลเวีย”
ชายหนุ่มผมแดงร้องบอก แต่ก็กลับต้องเปลี่ยนใจเพราะคนที่ผลักประตูเข้ามานั้นดันเป็นเพื่อนสาวของตน
“ขอโทษทีนะ พอดีฉันไม่รู้”
เธอก้าวขาไปด้านหลังเพื่อนเตรียมจะเดินออกไป
“เดี๋ยว ฉันหมายถึงเฉพาะลูกค้าเท่านั้นแหละ เข้ามาข้างในก่อนสิ”
เมื่อเขาร้องบอกเช่นนั้น ก็ทำให้เธอเดินเข้ามา
“ขอบใจนะ เฟร็ดหรือจอร์จนะ?”
“เฟร็ดน่ะ ส่วนจอร์จกลับไปที่บ้านแล้ว”
“วันนี้วันคริสต์มาส เธอน่าจะมีความสุขกับมันนะ”
ซิลเวียบอกกับชายหนุ่มผู้ครองเรือนผมสีแดงเพลิง
“ใช่ แน่นอน วันนี้เธอก็ต้องไปที่บ้านของพวกเราด้วยน่ะสิ ยอดไปเลย เชื่อฉันสิ ถึงแม้ว่าบ้านฉันจะดูคับแคบไปหน่อย แต่มันก็อบอุ่นแล้วก็สนุกมากเลยล่ะ”
“ใช่ ยอดไปเลย ฉันเชื่อว่ามันต้องเป็นอย่างนั้นแน่”
เธอตอบพร้อมกับรอยยิ้มที่ดูฝืดกว่าเคย
“ดูท่าทางเธอไม่ค่อยมีความสุขเลย แล้วสองวันก่อนที่เธอหายไป...”
“จะให้ฉันตอบแบบไหนดีล่ะ เรื่องจริงหรือโกหก?”
“ถ้าเธอตอบตามตรง ฉันอาจช่วยแก้ปัญหาที่คาใจจนหาหนทางไม่ออกได้นะ”
“ตกลง สาเหตุก็คือ ...”
เธอเปิดใจเล่าเรื่องราวทั้งหมดในคืนนั้นจนถึงเมื่อรุ่งเช้านี้ให้กับเพื่อนชายแสนสนิทได้รับรู้ว่าเธอต้องเจอกับอะไรที่เธอคิดว่าโหดร้ายมาบ้าง
หยดน้ำเล็กๆคาอยู่ตรงเบ้าตาคู่ที่เมื่อไม่นานเคยคมกริบด้วยความไม่แน่นอนว่ามันจะหยดลงมาตามแรงโน้มถ่วงของโลกหรือไม่ ซึ่งส่งผลกระทบทำให้สมรรถภาพการมองเห็นของเธอนั้นพร่าเลือนไปชั่วครู่
“สำหรับฉันแล้ว มัน...เลวร้ายมาก”
หยดน้ำเล็กจ้อยหยดแรกร่วงหล่นลงจากดวงตาสีดำขลับ
“ใช่ มันเลวร้ายมาก มันผ่านไปแล้ว เธอก็ควรจะลืมไป ฉันเชื่อว่าเธอต้องทำได้แน่ งานคืนนี้คงจะสนุกและทำให้เธอสบายใจขึ้น”
หนุ่มผมแดงเพลิงโอบไหล่เพื่อนสาวไว้อย่างเป็นมิตร
“ฉันขอโทษที่ต้องมาระบายความทุกข์ของตัวเองให้เธอฟัง ฉันนี่มัน... เห็นแก่ตัวที่สุดเลย”
“ไม่ เธอไม่ใช่คนอย่างนั้นหรอกซิลเวีย เธอน่ะเป็นคนดี แต่ว่าดันไปเจอเข้ากับเรื่องร้ายๆเท่านั้น เชื่อฉันสิ สักวันเรื่องดีๆก็จะเข้ามาหาเรา หยุดร้องไห้เถอะ ปกติเธอไม่ใช่คนที่จะมาร้องไห้กับเรื่องนี้นี่”
เขาโอบกอดเพื่อนสาวเอาไว้ ซึ่งทำให้เธอกอดตอบ ความรู้สึกของเธอที่เมื่อก่อนเคยสับสนเวลานี้กลับก่อตัวขึ้นมาใหม่ แต่ไม่ใช่ในทางที่สับสนกลับเป็นความแน่นอนของจิตใจที่กำลังชัดเจนขึ้นเรื่อยๆอย่างแปลกประหลาด ถึงแม้ว่ายังจะมาความโลเลหรือความแน่นอนที่ยังไม่เต็มร้อย แต่จิตใจก็ดูเหมือนจะถูกคลายปมเงื่อนที่นำพาความยุ่งเหยิงมาสู่ตนให้หลุดออกไปได้
บนไหล่ของเขานั้นรู้สึกได้เลยถึงความชื้นจากน้ำตาของคนที่กอดตอบ แต่เขาก็ไม่ได้แสดงอาการรังเกียจหรืออย่างไรก็ตามแต่อย่างใด
“ขอโทษจริงๆเฟร็ด ฉันทำน้ำตาเปื้อนเสื้อเธอ”
เธอผละตัวออกมาซึ่งทำให้เขาก็ผละตัวออกมาเช่นกัน แล้วเธอจึงเอาผ้าเช็ดหน้าผืนกระจ้อยเช็ดบริเวณไหล่เสื้อของเขาซึ่งเปื้อนน้ำตา
“นี่เงินโบนัสของเธอ เนื่องในโอกาสวันคริสต์มาส ฉันกับเฟร็ด เอ้ย...ฉันกับจอร์จตกลงกันไว้แล้ว ห้ามเธอปฎิเสธ”
เขาทำเสียงหนักแน่นในประโยคสุดท้ายเมื่อเห็นใบหน้าของเธอแสดงอาการบอกว่าไม่เอาหรือไม่ต้องการ
“ขอบใจมากนะ”
เธอรับถุงทองเกลเลียนจำนวนหนึ่งมาจากมือของเขา แล้วจึงนำเก็บให้เป็นที่เป็นทาง
“คราวนี้ก็ไปซื้อของขวัญกันได้แล้ว”
เขาดูคึกคักและร่าเริงเป็นพิเศษ ถ้าหากเขาตัวเล็กลงเท่ากับตอนที่เขาพึ่งอายุ 11 ขวบ เขาคงต้องร้องด้วยเสียงเจี๊ยวจ๊าวแน่
จากนั้นเขาก็ทำการล็อกบานประตูของร้านเกมกลวิเศษณ์วีสลีย์ไว้อย่างแน่นหนาเพื่อป้องกันการโจรกรรมไม่มากก็น้อย
“ว่าแต่ที่งานมีใครบ้าง ฉันจะได้ซื้อของได้ถูก”
“พ่อแม่ฉัน จอร์จ จินนี่ รอน แฮร์รี่ และเฮอร์ไมโอนี่ คงจะมีเท่านี้ ถ้าฉันจำไม่ผิด”
“งั้นเราไปซื้อของให้พ่อแม่เธอก่อนดีไหม?”
“ฉันว่าเราควรไปร้านเครื่องครัวเพื่อซื้อของสำหรับแม่ก่อนดีไหม?”
“ยอดเลย เฟร็ด”
ดวงทินกรเคลื่อนทิศทางไปจากฟากฟ้าหนึ่งมาสู่อีกฟากฟ้าหนึ่ง จนทำให้ท้องนภาดูมืดลงอย่างหดหู่ใจ หนุ่มผมแดงและสาวผมดำเลือกของขวัญสำหรับทุกๆคนจนเสร็จหมดแล้วโดยเก็บของพวกนั้นไว้ในกระเป๋าเป้สะพายหลังที่ภายในถูกใช้คาถาขยายพื้นที่ต้องไว้ของทั้งสอง
การเดินทางจากตรอกไดแอกอนไปบ้านโพรงกระต่ายไม่ได้ยาวนานอย่างใครอื่นคิดกัน เพราะเพียงเสี้ยววินาทีพวกเขาทั้งสองก็สามารถหายตัววับมาถึงที่หมายได้
ก๊อก!ๆๆ
ชายหนุ่มผมแดงเคาะประตูบ้านของตนอย่างคุ้นเคย เพื่อให้ได้พบปะกับครอบครัวอันแสนอบอุ่นในวันที่เปรียบเสมือนวันแห่งครอบครัว
“มาแล้วจ้า...”
เสียงของหญิงผมแดงร่างเล็กซึ่งก็คือคุณนายวีสลีย์เล็ดลอดผ่านประตูมาอย่างร้อนรน เล่นเอาลูกชายและเพื่อนสนิทของเขาอดยิ้มน้อยๆไม่ได้
“ยินดีต้อนรับกลับบ้านจ้ะ ลูก อ้าว... ไอ้ลูกคนนี้ อย่าบอกนะว่าแกไปทำผู้หญิงเขาท้อง!”
“เอ่อ... ฉันมีพุงเหรอ?”
เธอพ่นเสียงเพรียกให้เขาได้ยินด้วยความสงสัยเล็กๆ
“ไม่ใช่นะครับแม่ คือผมไม่ได้ทำเธอท้อง นี่ซิลเวีย ลอว์ คนที่ผมบอกว่ามาทำงานที่ร้านไง”
“ขอโทษทีนะจ๊ะแม่หนู รีบเข้ามาก่อนสิ อากาศข้างนอกมันหนาวนะ”
นางวีสลีย์รีบปรับเปลี่ยนคำพูดซึ่งดูมีความเป็นห่วงเป็นอย่างมาก
“ไม่เป็นไรค่ะ คุณนายวีสลีย์”
เมื่อเข้าไปข้างในบ้านก็ทำให้เธอเห็นโต๊ะอาหารอันว่างเปล่าที่มีเก้าอี้รายเรียงอยู่โดยรอบ ถึงแม้ว่าพวกมันจะไม่มีไร้คนนั่งแต่ก็กลับดูอบอวลไปด้วยความอบอุ่นอย่างแปลกประหลาด
“แล้วทุกคนยังไม่มาเหรอคะ?”
เธอถามอย่างแปลกใจจากการมองเห็นตรงหน้า
“รอน แฮร์รี่ เฮอร์ไมโอนี่ แล้วก็จินนี่ อยู่ข้างบนกันน่ะ ส่วนอาเธอร์ อีกไม่นานก็คงกลับมา”
“อ่อ...ค่ะ คุณนายวีสลีย์คะ หนูช่วยเรื่องอาหารได้นะคะ”
“ไม่เป็นไรหรอกจ้ะ เพราะเรื่องอาหารน่ะเสร็จหมดแล้ว”
“ฉันว่าผู้หญิงที่ร้ายกาจคือยัยโรมิลด้า เวน ถ้าเกิดนายกินช็อคโกแลตที่ฉันกินเข้าไป นายก็คงจะทิ้ง... ไปหายัยนั่นแล้ว”
เสียงของเด็กหนุ่มผมแดงอีกคนทำกำลังคุยกับเพื่อนของตน
“แต่นายก็กลับกินเข้าไปแทน”
เด็กหนุ่มผมดำตอบเพื่อนสนิทพร้อมๆกับจังหวะการลงบันได
“แฮร์รี่
”
ซิลเวียเอ่ยเมื่อเห็นหน้าของผู้เปรียบเสมือนน้องชายของตน ทำให้แฮร์รี่หันหน้ามาตามเสียงเรียก
“ซิลเวีย”
เขาพูดก่อนที่จะโผเข้ากอดคนที่เปรียบเสมือนพี่สาว ทำให้ใบหน้าของจินนี่ เด็กสาวที่หลงรักเขาตั้งแต่แรกเห็นดูเศร้าผิดแผกแปลกไป แต่ผู้เป็นพี่ชายของเธอก็ได้อธิบายความสัมพันธ์ที่แท้จริงให้กระจ่างแจ้ง ทำให้คนเป็นน้องสาวยิ้มขึ้นมาอีกครั้ง
“คิดถึงเธอจัง ซิลเวีย”
“ใช่ ฉันก็คิดถึงเธอ แฮร์รี่ น้องชายที่รัก”
ทั้งสองผละออกจากกันเพื่อพูดคุยกันเล็กๆน้อยๆเกี่ยวกับเรื่องสิ่งแปลกใหม่ในโรงเรียนและสถานที่ต่างๆในโลกเวทมนตร์จนถึงมักเกิ้ล
“สวัสดี จอร์จ”
เธอร้องทักเสียงใสเมื่อเห็นเพื่อนสนิทอีกคนเดินผ่านหน้า
“เฟร็ดต่างหากเล่า”
“โธ่... ฉันนี่ทักผิดอยู่เรื่อยเลย”
งานเลี้ยงดำเนินไปพร้อมกับความเอร็ดอร่อยของอาหารต่างๆนานา ความอบอุ่นที่เปรียบเสมือนเป็นปึกแผ่นครอบครัวเดียวกันช่างดูอบอุ่นแล้วสนุกสนาน ทำให้ใครๆก็ต่างสร้างรอยยิ้มและเสียงหัวเราะกันไม่หยุดหย่อน เรื่องทุกข์โขเศร้าโศกเสียใจที่เคยผ่านมาก็ถูกลบเลือนกลบเกลื่อนด้วยความอบอุ่นและสนุกสนานที่เข้ามาแทนที่
ความคิดเห็น