คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #8 : Chapter VIII ความแห้งแล้งภายในจิตใจที่ถูกหยั่งลึก
Chapter VII
ความแห้งแล้งภายในจิตใจที่ถูกหยั่งลึก
ระหว่างทางขึ้นบันไดเต็มไปด้วยเสียงร้องบอกให้ปล่อยอย่างไม่หยุดหย่อนของหญิงสาว และแรงเสียดทานที่ผิวสัมผัสลากกับพื้นนั้นก็ดังเอี๊ยดอ๊าดอยู่ตลอดเวลา
“ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะ!”
ซิลเวียร้องขึ้นมาโดยไม่รู้ว่าเป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้ว แล้วคนที่โดนร้องใส่ก็ไม่มีท่าทีว่าจะทำตามเอาเสียเลย
“เมื่อไหร่เธอถึงจะปิดปากเงียบซะที!”
แดนซึ่งในตอนนี้ดูเป็นหนุ่มมากเกินอายุ 16 ตะคอกตอบกลับ
“เมื่อใดที่เธอปล่อยฉันเท่านั้นแหละที่ฉันจะหยุด ฉันจะแหกปากร้องให้ชาวบ้านได้ยินกันทั้งแถบเลยถ้าเธอยังไม่ปล่อย แล้วชาวบ้านก็จะได้รู้กันว่าเด็กผู้ชายบ้านนี้มีแต่ชอบทรมานผู้หญิง”
เธอตอบกลับมาด้วยสีหน้าที่ฉุนเฉียวมากกว่าปรกติ
“เธอคงจะลืมไปแล้วสินะ แม่สาวซิลเวีย ว่าบ้านหลังนี้ของเราน่ะ แม่ฉันได้ร่ายคาถาเก็บเสียงเอาไว้อย่างเสร็จสมบูรณ์ เป็นเพราะเธอเองนะที่ทำให้แม่ฉันต้องทำแบบนี้ เพราะเธอมีแต่ชอบทดลองอะไรบ้าๆแล้วบางทีก็ระเบิดเสียงดังลั่นออกไปนอกบ้านอยู่หลายต่อหลายครั้ง เพราะฉะนั้น ไม่ว่าเธอจะร้องดังซักขนาดไหนก็ไม่มีทางที่ใครจะได้ยินหรอก”
ครั้งนี้น่าแปลกที่แดนไม่ได้ตะคอกใส่เธอ แต่กลับพูดด้วยความนิ่มนวลและอ่อนโยน แต่แฝงด้วยความชั่วร้ายอยู่ลึก พลางใช้มือลูบไล้ใบหน้าเธออย่างแผ่วเบา
ในขณะเดียวกันซิลเวียกำลังคลำหาอาวุธซึ่งก็คือไม้กายสิทธิ์ในกระเป๋ากางเกงเพื่อสยบแดนในตอนนี้ด้วยคาถาสะกดนิ่งเสีย แต่หาเท่าไหร่ก็ไม่เจอ
“เธอกำลังหานี่อยู่เหรอ ที่รัก”
แดนชูไม้กายสิทธิ์ที่ทำจากต้นบีช แกนในเป็นเส้นเอ็นหัวใจมังกร ห้อยต่องแต่งอยู่เหนือหัวของเธออย่างเยาะเย้ยอีกครา
“เอามันคืนมานะแดน และฉันก็ไม่ใช่ที่รักของเธอด้วย”
เธอพูดพร้อมกับพยายามไขว่คว้าไม้กายสิทธิ์ที่ทำจากต้นบีชของเธอนั้นคืนมาจากมือของแดน แต่ก็ไร้ผลทุกครั้งไป
“ถ้าฉันคืนไม้กายสิทธิ์ให้เธอ ฉันก็ต้องเป็นฝ่ายเสียเปรียบน่ะสิ เพราะฉันไม่สามารถใช้คาถานอกโรงเรียนได้ ตอนนี้เราก็ทัดเทียมกันแล้ว ยังไม่พอใจอีกเหรอ”
“คืนมันให้ฉันเถอะนะ แดน ฉันขอร้องล่ะ”
“ฉันจะคืนให้เธอแน่นอน เมื่อฉันทำธุระอะไรเสร็จแล้วนะ”
แววตาของซิลเวียสิ้นหวังลงมาอีกครั้ง ในตอนนี้เธอเป็นฝ่ายเสียเปรียบอยู่เต็มประตู เธอไร้ไม้กายสิทธิ์ ก็เหมือนไร้ทุกอย่าง แต่แดนยังมีจิตใต้สำนึกที่สามารถใช้เวทมนตร์ได้โดยไร้ไม้กายสิทธิ์
แดนฉุดกระชากซิลเวียอย่างรุนแรงไปยังหน้าห้องๆหนึ่ง ที่คาดว่าน่าจะเป็นห้องของเขาเอง
“ต้นสนสูงชะลูด!”
เขาพูดบอกรหัสผ่านกับประตูบานนั้น แล้วจึงหมุนลูกบิดประตูเปิดเข้าไปในห้องที่ดูกว้างขวางกว่าห้องของซิลเวียมาก
ปัง!
เสียงปิดประตูดังขึ้นอย่างรุนแรงจนทำให้ซิลเวียต้องตกใจหันกลับไปมองที่บานประตูที่สร้างเสียงกระหึ่มเมื่อครู่
“จะทำอะไรน่ะ ถอยไปนะ!”
ซิลเวียร้องขึ้นเมื่อเห็นว่าแดนกำลังเดินเข้ามาหาเธออย่างน่าสงสัย แล้วรีบวิ่งไปหาประตูเพื่อต้องการที่จะเปิดมันออก
เสียงดังตึงตังก่อเกิดขึ้นมันเมื่อเธอกำลังพยายามเปิดประตูที่ล็อกเอาไว้และไม่สามารถหาทางเปิดได้นอกจากผู้เป็นเจ้าของ
“เธอไม่รู้รหัสผ่านหรอก ซิลเวีย มีแต่ฉันกับแม่เท่านั้นแหละที่รู้ หึๆ”
“ต้นสนสูงชะลูด!”
เธอร้องบอกรหัสผ่านกับประตู
“อ้า... ฉันลืมบอกเธอไปอย่าง รหัสเข้ากับรหัสออกไม่เหมือนกันนะ”
เมื่อเธอได้ยินเช่นนั้นก็ต้องหยุดการกระทำเดิมเสีย และทันใดนั้นเอง ก็มีมือที่ใหญ่กว่ามือของเธอมาคว้าข้อมือเธอไว้ มืออีกข้างเลื่อนมาไว้ที่เอว
“ยอมแพ้เสียเถอะ ยัยเลือดสีโคลนที่รัก”
เขากระซิบข้างใบหูของเธออย่างแผ่วเบาและอ่อนโยน
“คำพูดที่ทำให้หลงละเมอเพ้อภพทั้งนั้น ฉันไม่มีวันที่จะตกเป็นทาสหัวใจของเธอแน่ ได้ยินไหมว่าไม่มีวัน!”
เธอตะคอกใส่พร้อมชกหน้าของแดนแล้วสะบัดตัวจนหลุดออกจาก เธอพยายามมองหาที่หลบให้รอดพ้นจากเขา และสวรรค์ก็เริ่มเข้าข้างเธอโดยให้สายตาจับจ้องไปที่ตู้เสื้อผ้า เธอรีบเปิดประตูของตู้เสื้อผ้าแล้วกระโจนเข้าไปข้างใน โดยใช้มือทั้งสองข้างดึงให้ปิดไว้ เมื่อเธอเข้ามาหลบในนี้เธอได้พบกับอีกมุมมองหนึ่งของแดน ในตู้เสื้อผ้าเต็มไปด้วยรูปของเธอ ที่ทั้งถ่ายคู่กับเขาแล้วเธอทำหน้าบูดบึ้ง รูปเธอเดี่ยวๆ เป็นทั้งภาพเคลื่อนไหวได้ และภาพนิ่งของมักเกิ้ล
ในขณะที่เธอกำลังเพลิดเพลินกับการชมรูปภาพอยู่นั้น ประตูของตู้เสื้อผ้าก็ดูจะถูกดึงจากด้านนอกด้วยแรงอันมหาศาล เกินกว่าที่แรงของเธอจะต้านทานไหว
“ปล่อยฉันไปเถอะนะ”
ซิลเวียพูดน้ำเสียงที่บอกได้ว่าดูอ่อนแรง แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้แดนปล่อยเธอเลย แต่กลับดึงเธอเข้ามาประกบริมฝีปากเหมือนเมื่อครั้งก่อน ทำให้เธอต้องหลับตาปี๋แล้วพยายามดันแดนออกไป ส่งเสียงอู้อี้อยู่ในลำคอ
“หยุดเถอะ ปล่อยฉันไป ได้โปรดเถอะนะแดน ได้โปรดปล่อยฉันฉันไปที ได้โปรด...”
ตัวเธอสั่นสะท้านไปหมด ร้องขอความเมตตาหวังว่าผู้ที่ฟังอยู่จะมีให้ น้ำตาจากดวงตาค่อยๆเอ่อล้นออกมาเป็นสายด้วยความหวาดกลัวอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
ณ ระยะทางอันแสนห่างไกลในตรอกไดแอกอน ห้องใต้หลังคาของร้านเกมกลวิเศษณ์วีสลีย์ ชายหนุ่มทั้งสองที่มีใบหน้าเหมือนกันตื่นขึ้นมาจากฝันทันทีพร้อมกับสีหน้าตกใจแล้วหอบแฮ่กๆ
“นายเป็นอะไรไหม จอร์จ”
เฟร็ดเอ่ยถามคู่แฝดของตนเมื่อเห็นว่าเขาก็อยู่ในสภาพเช่นเดียวกัน
“ฝันร้ายน่ะ ฉันฝันว่า ซิลเวียกำลังถูกผู้ชายคนนึง... กำลังถูกผู้ชายคนนึง... ไม่รู้สิ”
จอร์จพูดไปหอบไป
“ทำไมเราสองคนถึงฝันเหมือนกันนะ”
“หรือว่า... มันกำลังเกิดขึ้นจริง”
จอร์จพูดแล้วเหลือกตาโต โดยที่ใครๆก็ไม่อยากจะเชื่อว่าเขาจะเหลือกตาได้โตขนาดนั้น
“มันก็เป็นเพียงแค่ฝันน่ะ อย่าไปคิดอะไรมากเลย นอนต่อเถอะ”
เฟร็ดเบรกก่อนที่จอร์จจะทำเรื่องวุ่น
แดนดึงตัวซิลเวียที่ขัดขืนจนสุดแรงที่มีอยู่เข้ามาโอบกอด เธอกรีดร้องและพยายามทุกวิถีทางที่จะดันเขาออกไป แต่ทำไปเท่าไร ก็มีแต่ส่งผลให้เธออ่อนแรงลงมากขึ้นเท่านั้น
“ต้นสนสูงชะลูด!”
เสียงของหญิงวัยกลางคนดังมาจากข้างนอก ซึ่งคาดได้ว่าน่าจะเป็นมาดามราโมน่า แม่ของแดน ซิลเวียพยายามผลักแดนออกไปสุดกำลังเมื่อประตูกำลังเปิดเข้ามา แต่แดนก็กลับไม่ปล่อยเธอ
“นี่แกทำอะไรของแก นังเลือดสีโคลน!”
เสียงของนางไวโอเลนท์ราวกับดังสนั่นหวั่นไหว แต่ถึงกระนั้นลูกชายสุดที่รักก็ไม่มีท่าทีว่าจะปล่อยผู้หญิงที่แม่ไม่ต้องการให้คู่ควรด้วยเลย
เมื่อเป็นเช่นนั้นนางไวโอเลนท์ก็ไม่รอช้า รีบผลักลูกชายออกไปก่อนแล้วดึงข้อมือซิลเวียที่ตอนนี้ใบหน้ายังคงเปื้อนเปรอะคราบน้ำตาและเสื้อผ้าบางส่วนมีการหลุดลุ่ยเล็กน้อยออกมาให้พ้นจากลูกชาย
“แกยั่วลูกชายฉัน ถ้าแกไม่ยั่วเขา เขาก็คงไม่ลดตัวลงไม่ทำอะไรแบบนั้นกับผู้หญิงต่ำๆอย่างแกหรอก แกทำอย่างนี้เพื่อที่จะให้ฉันยอมรับในตัวแกสินะ คนอย่างแก ไม่มีทางหรอก ฉันมีบทเรียนสุดโหดที่จะสั่งสอนแก เพื่อคราวหลังแกจะได้ไม่กล้าทำอย่างนี้อีก”
นางไวโอเลนท์ด่าซิลเวียอยู่ปาวๆหมายเอาความผิดที่เธอไม่ได้กระทำ แล้วดึงเธอลงไปข้างล่างทางห้องใต้ดิน
“หนูไม่ได้ทำนะคะมาดาม หนูไม่ได้ทำจริงๆ ได้โปรดเถอะค่ะ อย่าทำหนู”
เธอพูดพร้อมกับเสียงที่สะอึกสะอื้นอย่างน่าเวทนา
“แม่จะพาซิลเวียไปไหนน่ะ ปล่อยเธอไปเถอะ มันไม่ใช่ความผิดของเธอเลย”
เสียงของลูกชายร้องบอกไล่หลังแม่ที่จับหญิงคนรักของตัวเองไป
นางไวโอเลนท์ดึงซิลเวียเข้าไปอยู่ในห้องใต้ดินที่เงียบสงัดและมืดสลัว บรรยากาศดูวังเวงในยามฟ้ามืด นางไวโอเวนท์จัดการมัดมือทั้งสองข้างของซิลเวียจากด้านหลังแล้วผลักเธอลงไปกับพื้นอย่างไร้ความใยดี
“พรุ่งนี้แกจะไม่ได้ออกไปไหน แล้วก็วันมะรืนด้วย”
นางไวโอเลนท์พูดก่อนที่จะปิดประตูเสียงดังปังด้วยความโกรธาอันรุนแรง
“แม่ขังเธอทำไมกัน เธอไม่ได้ทำอะไรผิด ผมต่างหากที่ผิด ถ้าแม่จะขังเธอ ก็ขังผมด้วยสิ”
ลูกชายร้องขอด้วยความอาลัยอาวรณ์
“ลูกไม่ควรออกหน้ารับแทนผู้หญิงคนนี้ แม่รู้ว่าเธอทำให้ลูกลุ่มหลง”
“ไม่ เธอไม่ได้ทำให้ผมลุ่มหลง แต่ผมต่างหากที่ลุ่มหลงเธอเอง แม่ ได้โปรด ให้ผมได้คุยกับเธอสักคำ”
แดนร้องขอความกรุณาจากผู้เป็นมารดา แต่มารดาของเขาก็กลับส่ายหน้าแล้วเดินจากไป
“นี่เธอได้ยินฉันรึเปล่า ซิลเวีย ฉันขอโทษ... ไม่ได้ยินสินะ”
เขาพูดกับประตูของห้องใต้ดินแล้วก็จากไป
ในขณะเดียวกัน ในห้องใต้ดินที่มืดสลัว ซิลเวียกำลังตะเกียกตะกายตัวให้ลุกขึ้นเพื่อที่จะนั่งเสาให้หายเหนื่อย
ในเช้าของวันต่อมา ลมพัดผ่านสร้างอากาศหนาวไปมาอย่างน่าสะเทือน ฝาแฝดวีสลีย์เริ่มลุกขึ้นมาทำงานจัดเก็บของตั้งแต่เช้าเพื่อรอเพื่อนสาวอย่างซิลเวียมาสร้างความเฮฮาที่ร้าน แต่ถึงเวลาจะผ่านไปนานเพียงใด พวกเขาก็ไม่เห็นท่าทีและวี่แววของเพื่อนสาวโผล่มาที่ตรอกไดแอกอนเลย
“ป่านนี้ทำไมเธอถึงยังไม่มา นายคิดว่าไง?”
เฟร็ดเอ่ยถามฝาแฝดของตน
“ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่ต้องเป็นเพราะเหตุจำเป็นแน่ๆ เธอไม่ใช่คนที่จะโดดงานไปวันๆหรอก”
จอร์จตอบอย่างมีเหตุผล
ก๊อก!ๆๆ
“ขอเข้าไปหน่อย ฉันเอาอาหารมาให้น่ะ”
เสียงจากภายนอกของเด็กหนุ่มดังลอดผ่านประตูเข้ามาในห้องใต้ดินที่ยังคงเงียบสงัด
“ยังไม่ตื่นรึไง จะเข้าไปล่ะ”
เมื่อสิ้นสุดคำพูดเขาก็ลั่นกุญแจแล้วบิดลูกบิดประตู เพื่อให้ประตูได้เปิดออก
“อย่าเข้ามานะ!”
เสียงบุคคลจากในห้องร้องบอก
“ถึงเธอจะไม่ให้เข้า แต่ฉันก็จำเป็นต้องเข้าไปล่ะนะ”
เขายังเดินเข้ามาข้างในห้องต่อพร้อมกับมือข้างหนึ่งที่ถือจานอาหารเอาไว้
“บอกว่าอย่าเข้ามา ไม่ได้ยินรึไง ออกไปซะเถอะ ฉันไม่อยากเห็นหน้าเธอ”
เธอพูดโดยที่ไม่คิดจะชายตามามองเขาเลย เธอก้มหน้าอยู่อย่างนั้นเสมอๆ
“แต่นี่ฉันเอาอาหารมาให้เธอนะ กินมันซะสิ เดี๋ยวฉันจะป้อนให้”
“คนอย่างเธอทำเป็นด้วยเหรอ คนอย่างเธอทำอย่างนั้นเป็นกับเขาด้วยเหรอ”
“นี่เธอ เธอจะดูถูกฉันมากเกินไปหน่อยแล้วนะ!”
แดนเริ่มกลับไปอยู่ในสภาพเดิมอีกครั้ง
“แล้วใครล่ะเป็นคนย่ำยีชีวิตฉัน! ใครล่ะที่ทำให้ฉันต้องเสียเนื้อเสียตัวทั้งๆที่ไม่เต็มใจเลยสักนิด! ใครล่ะที่ทำให้ฉันต้องโดนป้ายความผิดในเรื่องที่ไม่ได้ก่อ! แล้วใครที่เป็นคนทำให้ฉันต้องมาอยู่ในสภาพแบบนี้! ใครกัน!?”
นับเป็นครั้งแรกตั้งแต่การสนทนาในห้องนี้เริ่มขึ้นที่ซิลเวียเงยหน้าขึ้นมามองแดนพ่วงด้วยดวงตาที่มีน้ำใสๆเปื้อนอยู่
“แล้วเธอต้องการอะไรเล่า!”
“สิ่งที่ฉันต้องการในตอนนี้มีเพียงอย่างเดียวเท่านั้น คือวันที่จะได้ออกไปจากห้องนี้ แล้วก็จะได้ออกไปข้างนอกเพื่อไปหาเฟร็ดกับจอร์จเท่านั้น และเมื่อฉันออกไปได้เมื่อไหร่แล้วมาดามไม่อยู่ ฉันจะชกหน้าเธอสักสองสามที ให้มันสาสมกับที่เธอทำกับฉันแบบเมื่อคืน!”
เธอตะคอกใส่แดนด้วยความโกรธที่ฝังอยู่ภายในจิตใจ
“เลิกพูดถึงเรื่องนั้นสักทีได้ไหม หรือว่าเธอจะอยากโดนแบบเมื่อคืนอีก!”
แดนก็เริ่มที่จะถึงขีดสุดของความโกรธ เขาตรงเข้าไปบีบไหล่ทั้งสองข้างของซิลเวียด้วยความโมโห ใบหน้าอันหล่อเหลาแต่ดุดันนั้นค่อยๆเคลื่อนเข้ามาใกล้เรื่อยๆ แต่เธอก็หันใบหน้าหนีจากใบหน้าอันหล่อเหลานั้นไป
“แดน นั่นลูกจะทำอะไรน่ะ! แม่แค่ให้เอาอาหารมาให้เฉยๆนะ!”
เสียงของหญิงวัยกลางคนดังขึ้นอย่างดุดันไม่ต่างจากลูกชาย
“ซิลเวียโดยมัดมืออยู่อย่างนี้ แล้วเธอจะกินได้ยังไงล่ะ ผมก็เลยคิดจะป้อนให้ แต่เธอก็ไม่ยอม ผมก็เลยจะจัดการด้วยวิธีที่ปฏิเสธไม่ได้”
แดนพูดด้วยน้ำเสียงยิ้มเยาะ
เวลาผ่านไปจนถึงบ่าย ซิลเวียกำลังร้องไห้อีกครั้ง เมื่อเธอนึกถึงเรื่องคืนที่ทำให้กายและใจอันบริสุทธิ์ของตนต้องถูกย่ำยีอย่างไม่เป็นท่า เพียงเพราะเรื่องปากของเธอที่วอนหาเรื่อง ถ้าเธอไม่พูดกวนเช่นนั้นก็คงไม่ต้องมาตกอยู่ในสภาพอย่างนี้หรอก เธอรู้สึกคิดถึงแฮร์รี่ที่ดูเหมือนเป็นคนเดียวในครอบครัวขึ้นมาจับใจ ถ้าเขาอยู่ในเหตุการณ์ด้วย เขาจะพยายามที่จะช่วยเหลือผู้เปรียบเสมือนเป็นพี่สาวอย่างเธอไหม และเธอก็ยังรู้สึกคิดถึงเฟร็ดและจอร์จ แม้แต่ใจตัวเองเธอก็มิอาจรู้ได้ว่าเธอคิดกับพวกเขาเพียงเพื่อนหรือเปล่า แล้วเมื่อพวกเขาอยู่ในเหตุการณ์ พวกเขาจะรีบเข้ามาช่วยให้เธอรอดพ้นหรือไม่ เธอไม่สามารถเข้าใจตัวเองได้อย่างแท้จริง เธอสับสนใจตนเองไปหมด
ความคิดเห็น