คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : Chapter VII ความจริงกระจ่าง
Chapter VII
ความจริงกระจ่าง
วันเวลาล่วงเลยผ่านไปอย่างรวดเร็วโดยที่ไม่นึกไม่ฝันว่าผ่านไปนานถึงเพียงนี้แล้วหรือ สภาพอากาศในช่วงนี้นักพยากรณ์ชื่อดังของโลกเวทมนตร์กล่าวไว้ว่า ช่วงวันหยุดคริสต์มาสในปีนี้คนส่วนมากจะได้รับความทุกข์และความสุขไปพร้อมๆกัน คำพูดเหล่านี้ทำให้ดูน่าฉงนใจเสียจริงๆ
ณ ตรอกไดแอกอน
ผู้วิเศษณ์ก็ต่างมาจับจ่ายใช้สอย ณ สถานที่นี้อีกเช่นเคย ยิ่งในช่วงของเดือนธันวาคมซึ่งใกล้เทศกาลคริสต์มาสแล้ว แต่ละร้านก็ต่างประดับตกแต่งด้วยวัสดุหลากชิดชวนสายตาให้จับจ้องมองดู
ซิลเวียเดินเยื้องย่างผ่านร้านเกมกลวิเศษณ์วีสลีย์ไปอย่างน่าสงสัย ถ้าเธอเดินผ่านร้านเกมกลวิเศษณ์วีสลีย์ไป แล้วเธอจะไปที่ไหนกัน?
เธอย่างก้าวอย่างรีบเร่งเข้าไปในร้านตัวบรรจงและหยดหมึกแหล่งรวมหนังสือตำรานานาสารพัน แต่ก็ถูกจับจ้องด้วยสายตาของชายหนุ่มผมแดงมาตั้งแต่เธอเดินผ่านร้านขายของตลกแล้ว
“เฮ้! ฉันออกไปข้างก่อน เดี๋ยวจะกลับมา”
ชายหนุ่มผมสีแดงเพลิงร้องบอกแล้วรีบเดินออกไปจากร้านขายของตลกนั้นเสีย เขาเดินตามอย่างสอดแนมเธอเข้าไปในร้านตัวบรรจงและหยดหมึก
‘อะฮ้า! เธออยู่ชั้นสอง ต้องขึ้นไปสอดแนมเสียหน่อยว่าเธอกำลังทำอะไร’
เมื่อใจของหนุ่มผมแดงคิดเช่นนั้นแล้ว เขาก็รีบสาวเท้าก้าวยาวๆขึ้นไปบนชั้นสอง ยืนอ่านหนังสืออย่างแนบเนียน โดยที่เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าหนังสือที่กำลังถืออยู่คือหนังสืออะไร เมื่อเวลาผ่านไปพักหนึ่ง เมื่อเห็นว่าเธอยังไม่ขยับเขยื้อนก็ควรที่จะอ่านหนังสือไปพลางๆก่อน เขาจึงพลิกปกของหนังสือเล่มที่ถืออยู่ขึ้นมาดู
“ ’เทพพยากรณ์ ทุกสิ่งที่เป็นตัวคุณและสิ่งที่คุณต้องการ อยู่ในเล่มนี้’ ชื่อแปลกๆทะแม่งๆแฮะ”
เขาพูดอย่างแผ่วเบายากที่ใครจะได้ยินพร้อมหับทำสีหน้างุนงงกับชื่อของหนังสือ แล้วจึงเปิดหน้าแรกขึ้นมาเพื่อที่จะอ่านมัน แต่มันกลับว่างเปล่า
‘นี่มันหนังสืออะไรกันวะ ชื่อก็ทำให้งงอยู่แล้ว เปิดมาเป็นกระดาษเปล่า จะทำให้งงซับงงซ้อนไปถึงไหน”
และทันใดนั้นก็มีตัวหนังสือปรากฏขึ้นทีละตัวราวกับมีคนกำลังเขียนบนหน้าหนังสือที่เป็นกระดาษเปล่านั้น ทำเอาชายหนุ่มผมแดงตกใจจนเกือบจะโยนหนังสือพิลึกพิลั่นนั่งทิ้งเสีย แต่โชคยังดีที่เข้าตั้งสติควบคุมตนเองไว้ได้
‘สวัสดี เฟร็ด วีสลีย์ ชายหนุ่มผมแดงซึ่งมีชายหนุ่มหน้าตาเหมือนกันเป็นพี่น้อง ชื่อ จอร์จ วีสลีย์ ตัวเธออยากรู้เรื่องอะไรอีกไหมล่ะ ถ้าไม่อยากก็จงปิดหนังสือเล่มนี้แล้วนำมันกลับไปเก็บไว้ที่เดิมเสีย แต่ถ้าหากอยากก็จงเปิดหน้าต่อไปอย่างระมัดระวัง’
นั่นคือตัวอักษรที่ปรากฏบนหน้ากระดาษที่เมื่อครู่ยังว่างเปล่าอยู่ ถ้อยคำเหล่านั้นที่นำมารวมกันใจจับใจความเล่นเอาเฟร็ดถึงกับตาค้างและฉงนใจ เขาตัดสินใจอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะค่อยๆเปิดหน้าต่อไปอย่างระมัดระวังตามที่หนังสือบอกไว้
‘ตัวเธอกำลังแอบรักใครคนหนึ่งอยู่ คนที่เธอแอบรักนั้นที่จริงแล้วเป็นเพื่อนของเธอ คนที่เธอแอบรักอยู่ในห้องนี้ ผมของคนที่เธอแอบรักสีดำ ตาสีดำ แม่มดผู้ยังถือว่าเยาว์วัยแต่กลับพ่วงด้วยความเก่งกาจ และฉันรู้ว่าเธอชื่อ ซิลเวีย ลอว์ ถ้าเธออยากรู้เรื่องอื่นจงเปิดหน้าต่อไปอย่างระมัดระวัง’
ตัวหนังสือค่อยๆปรากฏขึ้นอีกครั้ง เขาพินิจพิเคราะห์อ่านดูอยู่ครู่หนึ่งแล้วจึงเปิดหน้าต่อไป
‘แต่เรื่องของหน้าที่แล้วไม่ค่อยสำคัญเสียเท่าไหร่ เพราะที่สำคัญก็คือ ไม่ได้มีแค่เธอคนเดียวที่แอบหลงรักคนที่เธอรัก และที่สำคัญยิ่งกว่านี้ เขาคนนั้นเป็นคนที่ไม่ห่างไม่ไกลเธอเลยแม้แต่น้อย เพราะเขาคนนั้นก็คือ คนที่หน้าตาเสมอเหมือนกับเธอเอง ฉันคงไม่ต้องบอกให้เธอเปิดหน้าต่อไปอีกแล้ว’
ไม่ต้องรอจนกว่าตัวหนังสือจะปรากฏขึ้นหมดทุกตัว เขารีบปิดหนังสือแล้วรีบเก็บมันบนชั้นทันที เขารู้สึกอึ้งเล็กๆกับทุกถ้อยคำที่หนังสือบอก
‘เพราะเขาคนนั้นก็คือ คนที่หน้าตาเสมอเหมือนกับเธอเอง’
คำบอกกล่าวเหล่านั้นจากหนังสือก้องอยู่ในหัวเขาอยู่หลายต่อหลายครั้ง และไม่ต้องพูดถึงว่าคนที่หนังสือพูดถึงคือใคร เพราะๆคนๆนั้นก็คือ จอร์จ คู่แฝดของเขานั่นเอง
หลังจากเขาอึ้งไปแล้วอยู่ครู่หนึ่ง เขามองไปทางซิลเวียคนที่เขาแอบรักพบว่า เธอกำลังเอื้มมือที่จะหยิบหนังสือชั้นบนสุด เธอแตะมันได้ แต่มันลงมาไม่ได้ เขาจึงตั้งใจเดินไปหยิบหนังสือจากชั้นบนสุดแล้วยื่นให้เธอพร้อมกับเอ่ยปากขึ้น
“ถ้าเธอหยิบไม่ถึงก็น่าจะใช้คาถาเรียกของนะ”
“ขอบใจนะ จอร์จ”
“ฉันเฟร็ดต่างหากเล่า”
“ขอโทษทีนะ ฉันทักผิดอยู่เรื่อยเลย ก็เธอสองคนเหมือนกันอย่างกับแกะออกมาจากแม่พิมพ์ตัวเดียวกันอย่างนั้นแหละ”
เธอพูดด้วยสีหน้าที่ออกท่าออกทางเก้อเขินเล็กน้อยที่ทักเฟร็ดผิดไปเป็นจอร์จ
“ไม่เป็นไร ทำไมวันนี้เธอไม่เข้าไปในร้านล่ะ”
“พอดีฉันรู้สึกอยากได้หนังสือสักเล่มนึง แล้วฉันก็เจอที่อยากได้แล้ว”
เธอพูดพร้อมกับยกหนังสือเล่มที่เฟร็ดหยิบให้เมื่อครู่นี้ให้เขาดู หน้าปกเขียนไว้ว่า ‘ประมวลการป้องกันตัวจากศาสตร์มืด’
เฟร็ดและซิลเวียเดินคุยกันไปมาระหว่างทางที่เดินกลับไปที่ร้านเกมกลวิเศษณ์วีสลีย์ ตลอดทางที่ทั้งสองเดินไปนั้นต่างถูเติมเต็มเข้าไปด้วยเรื่องน่าขันและเสียงหัวเราะ
“นี่ก็ใกล้ถึงวันคริสต์มาสเต็มทีแล้ว อากาศก็หนาวขึ้นเรื่อยๆ ที่ร้านผู้คนคงอาจจะไม่จอแจเหมือนกับทุกๆครั้ง หรือเธอคิดว่าไง”
เฟร็ดพูดขณะเดินเข้ามาในร้านเกมกลวิเศษณ์วีสลีย์
“ฉันไม่ได้คิดเรื่องนั้นหรอก แต่ฉันคิดว่าเราควรประดิษฐ์สินค้าที่เกี่ยวกับวันคริสต์มาสมากกว่า อย่างเช่น ชุดวันคริสต์มาสสำเร็จรูป ใช่ ชุดวันคริสต์มาสสำเร็จรูป ใช่เลย ฉันคิดว่าเราควรประดิษฐ์มัน เฮ้! จอร์จ ฉันคิดว่าเราน่าจะประดิษฐ์สินค้า ชุดวันคริสต์มาสสำเร็จรูป เธอคิดว่าไง”
จู่ๆความคิดประหลาดๆแต่ก็ดูน่าทึ่งก็ของออกมาจากหัวของซิลเวีย เธอร้องบอกจอร์จพร้อมกับขอความคิดเห็น
“ว้าว เธอคิดได้ยังไงเนี่ย รู้ไหมว่ามันยอดเยี่ยมไปเลยล่ะ กลไกของสิ่งประดิษฐืพวกนี้น่าจะเป็น... เปิดทีเดียวจัดตกแต่งได้ครอบทุกหมวดหมู่”
จอร์จเสนอความคิดของตนที่แสนจะน่าทึ่งออกมา มันทำให้ทุกคนต่างเห็นด้วย
“เจ๋งไปเลย!”
เฟร็ดร้องบอกแล้วตรงเข้าไปประกบผ่ามือข้างหนึ่งกับจอร์จ
“แล้วการเก็บล่ะ การเก็บกวาดของพวกนี้ทีละชิ้นเป็นงานที่น่าเบื่อมาก ฉันว่าเราควรทำกลไกอีกอย่างที่จะสามารถทำให้เก็บได้ในครั้งเดียว ก็คือเก็บมันใส่กล่องเดิมแล้วเอาไปทิ้งได้เลยไง”
เมื่อซิลเวียและจอร์จเสนอความคิดเองตนเองออกมาแล้ว เฟร็ดจะอยู่เฉยโดยไม่ออกความคิดในเรื่องพวกนี้ได้อย่างไร เขาก็ต้องมีความคิดดีๆบ้างเหมือนกันสิ
“ยอดเยี่ยม!”
ซิลเวีย เฟร็ด และจอร์จต่างโห่ร้องฮูเร่ย์เฮฮาสังสรรค์สารพันกันยกใหญ่ก่อนที่จะเริ่มปฏิบัติการผลิต ‘ ชุดวันคริสต์มาสสำเร็จรูป ‘
เมื่อสินค้าที่ได้บัญญัติชื่อไว้ว่า ชุดวันคริสต์มาสสำเร็จรูป เริ่มวางแผง ผู้คนต่างก็แห่กับมาเหมาไปเสียหมดจนต้องผลิตใหม่อยู่เรื่อยทำให้ร้านเกมกลวิเศษณ์วีสลีย์กอบโกยรายได้เข้าร้านเป็นกองพะเนิน
“ขอบใจมากนะที่เธอช่วยออกความคิดเรื่องสินค้านี่ ทำให้พวกเรากอบโกยรายได้เป็นภูเขาเลย”
ฝาแฝดพูดขึ้นในขณะที่กำลังขายสินค้าไปด้วยพร้อมกับเพื่อนสาวอย่างซิลเวีย
“เธอสองคนอย่าพึ่งมาขอบใจฉันตอนนี้เลย ตอนนี้ก็งานแน่นเอี้ยดเต็มมือจนล้นหลามแล้ว”
เธอพูดด้วยความรวดเร็วไวไฟ จนเมื่อพูดเสร็จเธอก็ส่งยิ้มมาให้อย่างร่าเริงมาให้เหมือนเคย ทำให้ฝาแฝดเฟร็ดและจอร์จอดยิ้มกลับมาไม่ได้
ร้านเกมกลวิเศษณ์วีสลีย์ในช่วงคริสต์มาสนี้ดูชุกชุมกว่าที่เคยเป็นมาก อาจเป็นเพราะเพิ่มบริการลดแลกแจกแถมที่พ่วงมากับสินค้าช่วงคริสต์มาสนี้ด้วย
“เฮ้อ... วันนี้เล่นเอาซะฉันหมดสภาพเลย”
ซิลเวีย ลอว์ถอนหายใจเฮือกหนักแล้วทิ้งตัวลงบนโซฟาตรงกลางระหว่างเฟร็ดและจอร์จ
“ฉันก็ล้มพับไม่เป็นท่าเหมือนกัน”
จอร์จพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนแรง
“แต่มันก็คุ้มกับผลประโยชน์ที่พวกเราได้มา จริงไหม?”
เฟร็ดพูดอย่างปวกเปียกไม่ต่างกันในขณะที่เขาส่งบัตเตอร์เบียร์ให้กับจอร์จและซิลเวีย
“ดื่มด่ำให้กับความสำเร็จของพวกเรา ไชโย!”
ทั้งสามเอ่ยพร้อมกัน พร้อมกับชนเสียงขวดแก้วกระทบกับตรงคำว่าไชโย แล้วยกกระเดือกดื่มอย่างหิวกระหายราวกับน้ำเย็นๆที่อยู่ในทะเลทราย
“โธ่... นี่ 3 ทุ่มแล้วเหรอเนี่ย ตายล่ะ ขอโทษทีนะเฟร็ด - จอร์จ ฉันต้องรีบกลับแล้ว”
ซิลเวียตาเหลือกโตเมื่อเห็นนาฬิกาตีบอกเวลา 3 ทุ่ม เธอลุกขึ้นพรวดพราดราวกับจรวดที่มุ่งสู่อวกาศ
“ซิลเวีย อย่าพึ่ง ครอบครัวของพวกเราชวนเธอไปร่วมงานเลี้ยงวันคริสต์มาสที่บ้านโพรงกระต่ายด้วย อย่าลืมไปให้ได้ล่ะ”
เธอหันกลับมาแล้วเอ่ยกล่าวคำบอกลาฝาแฝดหายตัวไปพร้อมกับเสียงดังเปรี้ยงดั่งเช่นทุกครา
เปรี้ยง!
เสียงเปรี้ยงจากการหายตัวดังขึ้นอีกครั้งในบ้านของตระกูลไวโอเลนท์ผู้ซึ่งสืบทอดเลือดบริสุทธิ์แห่งบ้านสลิธีรินมาช้านาน ในขณะที่แดนเด็กหนุ่มวัย 16 กำลังนั่งหน้าเครียดอย่างไม่มีเหตุผลอยู่ในห้องโถงอย่างเงียบสงบ
เมื่อซิลเวียปรากฏกายขึ้น เธอก็เดินผ่านแดนไปอย่างกับว่าเขานั้นไร้ตัวตนไปทางบันไดขึ้นชั้นสอง แต่มันกลับไม่ราบเรียบเช่นนั้น
“เธอกลับมาเกินเวลาถึงสองชั่วโมง เป็นอย่างนี้แม่ฉันต้องไม่พอใจแน่”
แดนพูดด้วยน้ำเสียงอันเยาะเย้ยอย่างทุกครั้งที่พูดกับเธอ
“ถ้าเธอหัดปกปิดเรื่องพวกนี้ไม่ไปฟ้องมาดามเสียบ้าง ฉันก็จะได้ไม่ต้องโดนเทศน์โดนกักบริเวณให้อยู่แต่ในห้องเหมือนที่แล้วมาหรอก”
“เธอโดนขังอยู่ในห้องฉันก็ไม่ได้เสียใจอะไรนี่ ออกจะดีอกดีใจด้วยซ้ำไป”
“แล้วเมื่อตอนที่ฉันโดนขังห้องอยู่บ่อยครั้งนั้นน่ะ เธอกับมาดามราโมน่าแม่ของเธอก็มัวแต่ด่าว่านู่นว่านี่ไม่สะอาด ด่าว่าฉันไม่รู้จักทำงาน ทั้งๆที่ความจริงก็เป็นเพราะเธอขังฉันไว้แต่ในห้อง แล้วฉันจะมาทำความสะอาดได้ยังไง!”
การพูดของเธอบ่งบอกได้ถึงอารมณ์ที่รุนแรงและครุกรุ่นโกรธาอย่างเหลือจะทน มือที่ปกติอยู่นิ่งเสมอกลับปัดแจกันใบเล็กที่วางอยู่บนโต๊ะตกลงมาแตกอย่างไม่น่ามอง
“เรปาโร!”
ทันทีที่เธอร่ายคาถาสามพยางค์นั้นออกมา เศษกระเบื้องที่แตกหักกระจัดกระจายออกจากกันก็หวนกลับมาประกอบกับเป็นแจกันใหม่ที่สมบูรณ์
“เวลาพูดกับฉันทำไมเธอต้องทำท่าทางดูเกลียดเดียดแคลนอย่างนั้นเสมอๆด้วย”
แดนเริ่มมีน้ำเสียงที่ดุดันมากยิ่งขึ้นไปอีก
“ก็เพราะเธอมันสมควรเกลียดไงล่ะ บังคับกดขี่ให้ฉันอยู่ใต้อำนาจอย่างนี้ ใครไม่เกลียดคนนั้นก็ประเสริฐเสียยิ่งกว่าแม่พระแล้ว”
ซิลเวียพูดด้วยน้ำเสียงอันราบเรียบแต่ก็กลับแฝงด้วยความโกรธที่ครุกรุ่นดั่งคบไฟที่อยู่ในตัว
“เธอพูดอย่างนี้หมายความว่ายังไง นี่ฉันรักเธอนะ ไม่ว่าเธอจะเกลียดฉันก็ตาม แต่ฉันก็รักเธอมาก รู้ไว้ซะ!”
“อย่างเธอน่ะมันไม่สมควรที่จะให้ฉันหรอก เรื่องโกหกทั้งเพ เธอโป้ปดเรื่องนี้ขึ้นมาเพื่อที่จะให้ฉันใจอ่อน จะบอกให้นะ ฉันไม่เคยใจอ่อนกับคนอย่างเธอ และถึงแม้ว่าเรื่องนี้จะเป็นเรื่องจริงฉันก็จะไม่มีทางใจอ่อนแน่!”
แทบไม่สิ้นคำพูดประโยคสุดท้ายของซิลเวีย เขาก็ฉุดกระชากลากถูเธอขึ้นไปบนชั้นสองอย่างทารุณและไร้ซึ่งความปราณี เธอพยายามทุกวิถีทางที่จะหลุดออกไปจากมือนั่นให้ได้ แต่ถึงกระนั้นความเหนื่อยล้าที่เธอทุ่มให้กับการทำงานวันนั้นนี้ก็ดูจะสงผลให้อ่อนแรง
ความคิดเห็น