คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : Chapter IV ความรักในอดีตระหว่างซิลเวีย ลอว์กับโอลิเวอร์ วู้ด
Chapter IV
ความรักในอดีตระหว่างซิลเวีย ลอว์กับโอลิเวอร์ วู้ด
เฟร็ดและจอร์จต่างนึกถึงเหตุการณ์ในอดีตเหตุการณ์หนึ่ง ที่แอนเจลิน่ากล่าวกับพวกเขาเกี่ยวกับเรื่องงานเลี้ยงเต้นรำของซิลเวีย
‘ รู้ไหมว่าซิลเวียเสียใจแค่ไหนที่ต้องไปงานเต้นรำกับเด็กสลิธีรินที่เธอไม่ชอบ ถ้าพวกนายชอบเธอ พวกนายก็น่าจะกล้าเข้าไปชวนเธอไปงานเต้นรำตั้งแต่แรก พวกนายไม่รู้เหรอว่าตัวเองเป็นใคร พวกนายเป็นถึงกับบีตเตอร์ในทีมควิดดิชของบ้านกริฟฟินดอร์เลยนะรู้ไหม อย่างน้อยเธอก็คงจะดีใจที่ได้ไปงานเต้นรำกับคนที่อยู่บ้านกริฟฟินดอร์ ‘
เมื่อช่วงเวลาแห่งตอนกลางวันนั้นหมดไป ดวงตะวันลาลับจากขอบฟ้าอันไกลแสนไกล ท้องฟ้ายามราตรีที่มืดครึ้มขยับเคลื่อนเข้ามาแทนที่ แต่ท้องฟ้าอันมืดครึ้มนั้นก็ถูกแต่งแต้มแซมด้วยดวงดาวมากมายประกายแสงอย่างงดงาม
บ่งบอกถึงว่าซิลเวียก็คงจะต้องกลับบ้านได้แล้ว แต่แน่ล่ะว่าเธอต้องไม่อยากกลับแน่นอน เพราะอะไรก็น่าจะรู้ บ้านนั่นสำหรับเธอแล้วอย่างกับได้ไปอยู่คุกอัซคาบันอย่างย่อม แต่ถึงจะไม่อยากกลับไปอย่างไรก็จำเป็นต้องกลับไป
‘ เฮ้อ! คราวนี้หายตัวไปที่ห้องเลยดีกว่า ไม่อยากต่อปากต่อคำกับแดน แต่ก็ช่างมันเหอะ ไหนๆสุดท้ายก็จะต้องทำอาหารเย็นอยู่แล้ว ‘
เปรี้ยง!
เสียงเปรี้ยงดังราวกับว่าฟ้าผ่าลงมากลางบ้าน พร้อมกับการปรากฏกายของหญิงสาวนามว่าซิลเวีย เล่นเอาแดนถึงกับตกใจหงายเก๋งไปเลยทีเดียว
“นี่ยัยบื้อ! อยู่ดีๆก็ทำอะไรพรวดพราดงี่เง่าอย่างนี้อยู่กลางบ้าน เป็นบ้ารึไง”
ไม่ทันไร แดนก็โจมตีซิลเวียต้วยคำพูดเสียแล้ว
“เธอจะว่าการกระทำของฉันมันงี่เง่าไม่ได้หรอกนะแดน เพราะนี่เธอก็น่าจะรู้ว่ามันคือการหายตัว อีกไม่นานเธอก็คงจะได้เรียนรู้”
แต่เธอก็ไม่ยอมที่จะถูกโจมตีอยู่เพียงฝ่ายเดียวหรอก คนเรามีคนมารุกก็ต้องรุกกลับสิจริงไหม
“โธ่เอ๊ย! งั้นก็รีบทำอาหารเย็นหน่อยสิ”
“ได้ จะทำเดี๋ยวนี้แหละ”
หลังจากที่ซิลเวียทำภารกิจอันแสนน่าเบื่อเสร็จแล้ว เธอก็มาหมกตัวอยู่ในห้องใต้หลังคาที่แคบแสนแคบอย่างหดหู่ที่ริมหน้าต่างบานเล็กๆบานเดียวภายในห้อง ในตอนนี้เธอคิดอยู่เพียงอย่างเดียวคือ อยากไปที่ร้านเกมกลวิเศษณ์วีสลีย์เพื่อที่จะได้แสวงหาความสุขสนุกสนานไปพร้อมๆกับฝาแฝด
‘ เฮ้อ... ถ้าฉันไปสมัครงานที่โรงพยาบาลเซนมังโก พึ่งจบมา ทางโรงพยาบาลคงไม่รับฉันแหง แล้วถ้าไปรับจ๊อบเป็นมือปราบมารล่ะ นี่คงไม่มีทางรับเข้าไปใหญ่ แต่จะรบกวนฝาแฝดเกินไปไหมนะ ที่จะปรุงยาต่างๆในห้องปฏิบัติการของพวกเขา โธ่เอ๋ย! นอนดีกว่า ‘
เธอคิดอะไรต่อมิอะไรจนในหัวสมองของเธอยุ่งเหยิงไปหมด เธอทิ้งตัวลงนอนบนเตียงอย่างไม่ค่อยที่จะสบอารมณ์หลัง เปลือกตาของเธอค่อยๆปิดลงอย่างช้าๆ เริ่มเข้าสู่ห้วงแห่งความฝัน
ห้วงเวลาถูกย้อนกลับไปเมื่อซิลเวียยังเรียนชั้นปี 5 ที่โรงเรียนคาถาพ่อมดแม่มดและเวทมนตร์ศาสตร์ฮอกวอตส์ เมื่อตอนที่เธอกับวู้ดความสัมพันธ์เปลี่ยนความสัมพันธ์มาคบกันได้พักหนึ่ง
ซิลเวียนั่งอยู่ริมขอบหน้าต่างภายในหอนอนหญิงของกริฟฟินดอร์ กวาดสายตามองดูทั่วท้องฟ้าผ่านกระจกจากบานหน้าต่าง ท้องฟ้ามันช่างและดูเคว้งคว้างอย่างว่างเปล่า
“ยังไม่นอนอีกเหรอ ซิลเวีย”
แอนเจลิน่าถามเพื่อนสาวที่กำลังนั่งเหม่ออยู่ริมหน้าต่าง
“อือ ฉันยังไม่ง่วงน่ะ”
เธอตอบโดยที่ยังไม่ละสายตาจากท้องฟ้าอันมืดครึ้มเงียบสงัดข้างนอกนั่น แต่อยู่ดีๆก็มีคนขี่ไม้กวาดขึ้นมาระดับหน้าตาแล้วค่อยๆเคลื่อนเข้ามา เล่นเอาซิลเวียถึงกับตกใจผงะออกจากภวังค์เหลือกตาขึ้นตามลักษณะในการตกใจของเธอ เพราะคนๆนั้นก็คือ โอลิเวอร์ วู้ด
ก๊อก!ๆๆ
เขาใช้มือข้างหนึ่งเคาะที่บานกระจกเบาๆ 3 ครั้ง เธอจึงเปิดแง้มหน้าต่างออกมาเพียงเล็กน้อยเพื่อเจรจา
“มีอะไร มืดค่ำป่านนี้แล้ว”
“ออกไปข้างนอกด้วยกันหน่อย เดี๋ยวพามาส่งน่า”
“จะบ้ารึไง ถ้าเกิดถูกจับได้ขึ้นมา เรื่องใหญ่เลย แถมบ้านเราคงจะต้องโดนหักคะแนนอีก”
“ถ้าโดนจับได้ ฉันให้เธอห้าเกลเลียนเลย”
“งั้นก็ได้ แต่ขอเปลี่ยนชุดก่อนแป๊บนึง”
หลังจากที่เธอเจรจากับวู้ดเสร็จ เธอจึงรีบไปเปลี่ยนชุดด้วยความรวดเร็วดั่งฟ้าผ่าแทรกกลางพื้นดินก็ไม่ปาน แองเจลิน่ามองเพื่อนสาวอย่างงงๆเล็กน้อย
“แอนเจลิน่า เธออย่าไปบอกคนอื่นล่ะ ว่าฉันออกไปข้างนอกกับวู้ดในยามวิกาล”
“เธอมั่นใจฉันได้เลย ฉันไม่บอกใครอยู่แล้ว”
เมื่อได้ยินคำตอบรับจากเพื่อนสาวเช่นนั้น เธอจึงค่อยๆก้าวขาออกไปจากทางหน้าต่าง เมื่อมองลงไปดูข้างล่างมันช่างน่ากลัวยิ่งนัก เธอพยายามรวบรวมสติของตนเองอีกครั้ง โดยที่จับวู้ดไว้เพื่อนเพิ่มความมั่นใจเพียงไม่กี่เปอร์เซนว่าคงจะไม่ร่วงลงไปข้างล่าง
“เร็วๆเข้าสิ เดี๋ยวนักเรียนหญิงคนอื่นตื่นขึ้นมาเจอมันจะแย่”
“ฉันก็กำลังพยายามอยู่ นักเรียนคนอื่นมาเจอกับฉันร่วงลงไปอย่างไหนมันจะแย่กว่ากันล่ะ”
“ขอโทษทีที่เร่ง”
“ไม่เป็นไร ฮีบ!”
ในที่สุดเธอก็ขึ้นขี่ซ้อนท้ายไม้กวาดของเขาได้สำเร็จ
“นี่เธอจะพาฉันไปไหนเนี่ย?”
“ไปถึงเดี๋ยวก็รู้เองแหละ ฉันจะซิ่งแล้ว จับไว้ให้แน่นๆล่ะ”
“ไม่จับซะอย่าง”
“แล้วอย่าหาว่าฉันไม่เตือน”
“ว้าก!”
เมื่อวู้ดเร่งความเร็วอย่างกะทันหัน เธอร้องออกมาเสียงหลงแล้วจึงรีบกอดเขาไว้อย่างแน่นด้วยความกลัวที่จะตกลงไปในทันที
“บอกแล้วก็ไม่เชื่อ ยัยจอมอึดเอ๊ย”
“โธ่เอ๊ย”
ไม้กวาดที่ถูกต้องมนตร์คาถาเพื่อให้สามารถลอยได้กำลังค่อยๆลอยต่ำลงเรื่อยๆ มันร่อนลงมาเรื่อยๆอย่างสง่างาม สมกับที่ผู้ขับขี่มันนั้นเป็นกัปตันทีมควิดดิชโดยแท้
“ถึงแล้ว”
“ริมทะเลสาบ นี่เธอพาฉันมาที่นี่ทำไม ที่นี่มีอะไรให้น่าตื่นเต้นใจเล่า”
ซิลเวียลงจากไม้กวาดลอยได้แล้วเริ่มต้นตั้งคำถามทันทีเมื่อเธอรู้ว่าวู้ดพาเธอมาที่ทะเลสาบ
“ไม่มีอะไรให้น่าตื่นเต้นใจเหรอ ไม่มีได้ยังไงกัน มันจะต้องมีได้แน่ถ้าฉันทำให้มันเกิดขึ้น”
“โธ่... พูดอย่างกับเธอทำให้ฉันได้ทุกอย่างอย่างนั้นแหละ ฉันจะบอกกับเธออีกหนนะ เธอไม่จำเป็นต้องให้สิ่งของอะไรที่ล้ำค่ากับฉันหรอก เพียงแค่ฉันรู้ว่าเธอรักฉันไม่ได้นอกใจฉัน ฉันก็พอใจแล้วล่ะ”
เธอพูดด้วยรอยหน้าเปื้อนรอยยิ้ม
“เรื่องนั้นฉันรู้ ฉันรักเธอ แล้วก็ไม่ได้นอกใจเธอด้วย แต่ว่าเธอมานั่งลงตรงนี้กับฉันก่อนเถอะ”
เขาผายมือไปทางหินขนาดใหญ่ที่พอจะเป็นม้านั่งให้ทั้งสองคนได้
“มีอะไรก็พูดมาเถอะน่า นี่มันก็ไม่ใช่หัวค่ำแล้ว และถึงแม้ว่ามันจะเป็นตอนหัวค่ำก็ตามที ท้องฟ้ามันมืดลงแล้วก็ไม่ควรที่จะออกมาด้วยซ้ำ”
“แต่เธอก็ออกมา ใช่ไหมล่ะ”
“เอ่อ... ก็ใช่”
เมื่อวู้ดยิงคำถามอย่างนั้นเข้าใส่ ซิลเวียก็ถึงกับเถียงไม่ออก
“ถ้าเธอเงียบไม่พูดอะไรอยู่อย่างนี้ งั้น...ฉันกลับล่ะ”
“เดี๋ยวสิ อย่าพึ่ง”
เธอลุกขึ้นเพื่อที่จะเดินจากไป แต่ก็กลับต้องถูกเขารั้งด้วยคำพูดแล้วมือที่จับแขนของเธอไว้อยู่ ซึ่งรุดให้เธอนั่งลงตรงที่เดิมนั้นอยู่ต่อไป
มือที่แข็งแกร่งสมอย่างยิ่งที่ได้รับตำแหน่งกัปตันทีมค่อยๆเลื่อนไปจับที่มืออีกมือหนึ่งที่ดูอ่อนโยนแต่ก็เต็มเปี่ยมไปด้วยความแข็งแรงและอดทนไม่แพ้กัน มือที่แข็งแกร่งข้างหนึ่งประคองมือที่อ่อนโยนขึ้นมาอยู่ประมาณระดับอก ทำให้เจ้าของมือที่อ่อนโยนนั้นต้องหันหน้าไปสบตาด้วยความสงสัยอย่างฉงนสนเท่เจ้าของมืออันแข็งแกร่ง แต่ก็กลับไม่ได้คำตอบอะไรออกมาเลย
มืออันอ่อนโยนนั้นมีท่าทีผิดแผกไปจากเดิม โดยที่กำลังประคองมืออันแข็งแกร่งซึ่งปรากฏเห็นรอยแผลที่เด่นชัดอยู่พอควร มืออันอ่อนโยนอีกข้างหนึ่งนั้นลูบที่แผลนั้นอย่างแผ่วเบาเพื่อที่จะได้รู้สาเหตุและหาทางแก้ได้
“เธอไปโดนอะไรมาหรือ?”
“เอ่อ... ฉันจำไม่ได้ อาจจะเป็นตอนซ้อมควิดดิชล่ะมั้ง”
“อืม”
เธอหยิบไม้กายสิทธิ์ซึ่งเหน็บไว้ที่กระเป๋ากางเกงออกมา เธอชี้ไม้กายสิทธิ์ไปที่รอยแผลบนมือของเขาแล้วท่องคาถาเบาๆอย่างไร้ซึ่งการได้ยินเสียง ไม่นานนักบาดแผลนั้นก็ค่อยๆสมานตัวกันแล้วจางหายไปเหมือนปกติ
“ฉันคงต้องขอบใจเธออีกแล้วล่ะ”
“ไม่เป็นไร แค่เรื่องเล็กน้อยน่ะ”
หลังจากนั้นความเงียบก็ปกคลุมสถานการณ์แห่งนั้นราวกับว่าไร้ซึ่งสิ่งมีชีวิตแม้แต่ชีวิตเดียว ทั้งสองคนต่างไม่เอ่ยปากออกมาสักคำ
ซิลเวียหยิบก้อนที่มีขนาดไม่ใหญ่เสียเท่าไหร่นักโยนลงไปในทะเลสาบเพื่อทำลายความเงียบงัน วู้ดมองตามหินก้อนนั้นที่ถูกขว้างโดยซิลเวีย มันเด้งถึงสามตลบเลยทีเดียว
“เธอรู้ไหมว่าทำไมฉันถึงตัดสินใจโยนหินก้อนนั้นลงน้ำ”
“ไม่รู้สิ แล้วทำไมเธอถึงโยนล่ะ”
“ก็เพราะฉันอยากที่จะให้เธอเลิกปิดปากเงียบแล้วหันมาพูดกับฉันน่ะสิ”
คำตอบที่ซิลเวียพูดออกมานั้นทำให้วู้ดถึงกับยิ้ม รวมถึงเจ้าของคำพูดนั้นก็ต้องยิ้มออกมาด้วย
“ซิลเวีย ฉันมีอะไรจะให้เธอ ช่วยหลับตาทีสิ”
“ก็ฉันบอกเธอแล้วไง หรือจะให้ฉันบอกอีกรอบเล่า”
“เรื่องนั้นฉันรู้ดีน่า แต่ก็ช่วยหลับตาทีเถอะ”
“หลับก็หลับ”
หัวใจของเขาที่กำลังสูบฉีดเลือดกำลังเต้นตึกตักอย่างเป็นจังหวะกำลังทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ แต่ในเมื่อเขาตัดสินใจแล้ว เขาก็ต้องทำอย่างใจหมายไว้ให้ได้
ใบหน้าของเขาค่อยๆเลื่อนเข้าไปใกล้กับใบหน้าของเธอเรื่อยๆ ใกล้เสียจนแทบแม้แมลงวันยังบินผ่านไม่ได้ด้วยซ้ำ ริมฝีปากเรียวๆของเขาค่อยๆประชิดเข้าใกล้ริมฝีปากของอีกคนที่หลับตาอยู่อย่างไม่รู้อะไร ริมฝีปากของเขาเข้าประทับบนริมฝีปากของอีกคนอย่างแผ่วเบา
ซิลเวียถึงกับผงะ เร่งร้อนลืมตาขึ้นมาแล้วผลักวู้ดออกไปให้ห่างจากตัวเอง มือข้างหนึ่งปิดปากของตนเอาไว้ หายใจหอบเสียงดังด้วยความตกใจสุดขีด
“ฉันต้องขอโทษเธอด้วยนะวู้ด ฉันทำอย่างนี้ไม่เป็นจริงๆ ฉันจูบใครไม่เป็น แล้วฉันก็ไม่เคยจูบใครมาก่อนด้วย”
“ไม่เป็นไร เธอแค่ทำตัวตามสบายเท่านั้น อย่ากลัวขนาดนั้น มันไม่มีอะไรน่ากลัวหรอก เชื่อฉันสิ อยู่นิ่งๆ แล้วหลับตา”
ซิลเวียพยายามควบคุมสติของตนเองให้อยู่กับเนื้อกับตัว ลมหายใจเริ่มอยู่ในระดับปกติ
วู้ดเริ่มเข้าใกล้ประชิดเธออีกครั้งอย่างช้าๆ มือข้างหนึ่งประคองศีรษะของเธอ ส่วนอีกข้างกำลังโอบกอดเธอเอาไว้ ริมฝีปากของเขาเข้าประทับที่ริมฝีปากของเธออีกครั้งด้วยความอ่อนโยนเหลือ แต่ในครั้งนี้เธอกลับไม่ผละออกเหมือนดั่งเช่นครั้งที่แล้ว เธอกลับไม่โต้ตอบอะไรอยู่พักหนึ่ง แล้วจึงค่อยๆดันเขาออกห่างจากตัวเบาๆอย่างช้า
“พอเถอะ”
“มันไม่น่ากลัวอย่างที่คิดใช่ไหมล่ะซิลเวีย มันอาจเป็นเพราะเธอคิดว่าเธอยังไม่พร้อมที่จะยอมรับมัน”
“มันก็คงจะเป็นอย่างที่เธอว่า แต่ตอนนี้ฉันคิดว่าเรากลับกันเถอะ นะ”
“ได้สิ ถ้าเธอต้องการอย่างนั้น”
ความคิดเห็น