คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : Chapter III ความทรงจำในอดีตที่ฮอกวอตส์
Chapter III
ความทรงจำในอดีตที่ฮอกวอตส์
ภาพเหตุการณ์ในอดีตเมื่อคืนวันนั้นเริ่มหวนย้อนคืนมาอีกครั้ง
สถานที่ซึ่งถูกจัดให้เป็นงานเต้นรำดูสง่างามเหลือล้น เต็มไปด้วยผู้คนมากมายที่มาด้วยหัวใจที่แสนจะเบิกบานสะพรั่ง มองไปทางใดก็เห็นทั้งชายหนุ่มและหญิงสาวในชุดที่งามตายิ่งนัก แต่ละคนต่างพากันมาเป็นคู่ๆจนใครบางคนนั้นต้องแอบเหงาใจที่ไร้คู่ และเธอ ซิลเวีย ลอว์ ก็เป็นคนหนึ่งในนั้น ถึงเธอจะไม่ได้มาเคียงคู่กับชายหนุ่มคนใดเลยก็ตามที แต่เธอนั้นก็ไม่ได้ละทิ้งการมางานเลี้ยงเต้นรำในครั้งนี้เลย
ทันทีที่เธอย่างก้าวเข้ามาที่ประตูหน้าทุกสายตาต่างจับจ้องไปที่เธอราวกับว่าเจ้าหญิงผู้กล้าหาญที่ปรากฏตัวขึ้นด้วยสายตาที่ต่างสงสัยกันว่า ใครคือชายคนนั้นผู้โชคดีกัน เธอเดินไปเพื่อที่จะเข้าไปในงานโดยไร้รคู่ที่จะเดินขนาบข้าง แต่ทันใดนั้นเองก็มีใครคนหนึ่งตรงเข้ามาจับแขนเธอไว้ เธอจึงหันกลับไปมองเพื่อให้รู้แน่ชัดว่าคนๆนั้นคือใคร
“เดี๋ยวก่อนซิลเวีย เธอมางานนี้กับใคร”
เธอพบว่าคนที่มาจับแขนเธอก็คือ แดน แดน ไวโอเลนท์ แห่งบ้านสลิธีรินที่เธอเกลียดชังนักหนา อายุน้อยกว่าเธอแต่ก็กลับไร้มารยาทเพียงเพราะแต่ว่าเธอคือคนที่พักอาศัยร่วมชายคาเดียวกันโดยที่แม่ของแดนซึ่งก็คือ ราโมน่า ไวโอเลนท์ อุปการะไว้
“มาคนเดียว มีอะไรงั้นเหรอ จะมาด่าทอฉันต่อหน้าคนในงานอย่างงั้นสิใช่ไหม”
ซิลเวียพูดด้วยน้ำเสียงเรียบแล้วสะบัดแขนออกจากมือของแดนที่จับแขนเธอไว้
“เปล่า แต่เธอไม่มีคู่ใช่ไหม พอดีฉันก็ไม่มีคู่ เธอช่วยคู่กับฉันได้รึเปล่า?”
“อยู่ที่บ้านก็ด่าฉันเอาปาวๆไร้สิ้นซึ่งความใยดี พอหวังจะได้อะไรบางสิ่งบางอย่างจากฉันก็มาทำเป็นพูดดีด้วย แสดงละครเก่งนี่แดน”
“นี่เธอยังไม่ได้ตอบคำถามของฉันเลยนะ แต่คราวนี้ฉันต้องขอร้องเธอจริงๆแล้ว ได้โปรดช่วยฉันทีเถอะนะ ถ้าฉันไม่มีคู่ เดรโก มัลฟอย ก็คงต้องหัวเราะเยาะฉันแน่ แล้วฉันก็จะแพ้พนันมันอีกด้วย”
ซิลเวียนิ่งเงียบไปพักหนึ่งพึ่งรำพึงคิดถึงอะไรบางอย่าง ใช่ เดรโก มัลฟอย เขาไม่ค่อยญาติดีกับคนที่เกิดจากมักเกิ้ล กับคนที่เป็นพวกเลือดผสมเสียเท่าไหร่ หรือแม้แต่เลือดบริสุทธิ์บางคนเขาก็ยังไม่ญาติดีด้วยเลย และมีอยู่ครั้งหนึ่งเขาก็เคยเหยียบย่ำและถากถางเธอด้วยคำพูด ถ้าเขาเห็นว่าเธอไม่มีคู่ก็คงต้องโดนดูถูกอีกเป็นแน่
“ก็ได้ ฉันตกลง แต่ว่าเธอไปพนันอะไรไว้กับมัลฟอยล่ะ”
“ถ้าฉันหาคู่ไม่ได้ ฉันก็จะแพ้พนันโดยที่จะต้องเสีย 10 ทองเกลเลียนให้กับมัน”
“แล้วทำไมต้องไปพนันอะไรไว้มากมายขนาดนั้นด้วย แล้วอีกอย่างถึงเธอจะให้ฉันไปเป็นคู่ของเธอยังไงๆเธอก็ต้องถูกมัลฟอยดูถูกอยู่ดีนั่นแหละ”
ซิลเวียพูดด้วยสีหน้าที่ออกอาการท่าทางไม่พอใจเสียเท่าไหร่
“เรื่องนั้นก็ช่างมันเถอะน่า แค่ไม่ต้องเสีย 10 เกลเลียนก็พอแล้ว”
“โธ่เอ๋ย”
“เลิกพูดได้แล้วน่า รีบไปกันเถอะ”
แดนไม่รอช้ารีบจูงแขนซิลเวียเข้าไปในงานทันที ผู้คนที่เห็นเธอในตอนแรกด้วยความสงสัยที่ว่า ชายหนุ่มผู้โชคดีคนนั้นคือใคร แต่ผู้คนเหล่านั้นต่างก็ต้องเอะใจว่าทำไมเธอถึงไปกับเด็กหนุ่มที่เด็กกว่า แถมยังอยู่บ้านสลิธีรินอีก เพราะแต่ละคนนั้นก็ต่างรู้ว่าเธอไม่ชอบสลิธีรินถึงขั้นหนึ่ง
ภายในงานถูกประดับประดาด้วยอุปกรณ์ต่างๆที่สายงานราวกับอยู่ในดินแดนแห่งน้ำแข็งที่สว่างไสวงามตายิ่งนัก รวมถึงผู้คนภายในงานก็ต่างแต่งตัวมาในชุดที่สวยงามและดูดีที่สุด
“พอเต้นรำเสร็จฉันก็จะกทันที ว่าแต่เธอล่ะจะกลับพร้อมฉันรึเปล่า”
แดนเอ่ยถามขึ้น
“ไม่ ฉันจะรอกลับพร้อมกันกับเพื่อน”
“อืม ตกลง”
งานเลี้ยงเต้นรำนั้นเริ่มขึ้นโดยมีตัวแทนการประลองเวทย์ไตรภาคีทั้ง 4 เดินมาพร้อมกับคู่ของตน อันได้แก่ เฟลอร์ เดอลากูร์ วิคเตอร์ ครัม เซ็ดดริค ดิกกอรี่ และ แฮร์รี่ พอตเตอร์ ตามลำดับ พวกเขาเดินเข้ามายังจุดกึ่งกลางของงานซึ่งก็คือลานเต้นรำ เสียงดนตรีจากวงออเคสตร้าเริ่มบรรเลงขับกล่อมผู้คนไปพร้อมกับการเต้นรำที่สวยงาม
ซิลเวียและแดนเริ่มย่างก้าวเข้าไปที่ลานเต้นรำ และเริ่มท่าทางอันพลิ้วไหวสวยไปพร้อมๆกับคนอื่นๆที่ก้าวเข้ามาในลานเต้นรำแล้วเช่นกัน
เมื่องานเต้นรำนั้นจบลงก็ถึงคราวที่จะมีคอนเสิร์ตย่อยๆจากวงที่ไม่มีชื่อเพื่อที่จะสร้างความสุขและความมันให้กับชุมชนกลุ่มวัยรุ่นในฮอกวอตส์ ซิลเวียที่ปกติจะต้องลุกขึ้นมาเต้นหรือบางทีถึงขั้นขอไมค์มาร้องในตอนนี้กลับต้องนั่งจ๋องรอแองเจลิน่าเพื่อนของเธออย่างเหงาหงอย
เธอรู้สึกเบื่อมากที่จะต้องมานั่งอยู่อย่างนี้คนเดียว เธอสังเกตเห็นคนกลุ่มหนึ่งก็นั่งจ๋องอยู่ไม่ต่างจากเธอ ในความคิดของเธอมันกำลังบอกว่า เดินไปหาพวกเขาดีไหม ยังดีกว่าที่เธอจะมานั่งเหงาหงอยอยู่คนเดียวอย่างนี้ เธอจึงตัดสินใจเดินเข้าไปหาคนกลุ่มนั้น และเมื่อเธอเห็นหน้าคนๆนั้น เธอก็จำต้องกล่าวคำทักทายเสียหน่อย
“สวัสดี พอตเตอร์”
“เอ่อ...สวัสดี ลอว์ เธอไม่ได้ไปสนุกกับคอนเสิร์ตหรอกเหรอ”
แฮร์รี่ทักทายแล้วถามคำถามเธอในทันที พ่วงด้วยสีหน้าที่แปลกใจเล็กๆ
“ไม่หรอก เอ่อ...ลืมไป สวัสดี วีสลีย์”
“เอ่อ...สวัสดี”
รอนที่ดูท่าทางแล้วออกจากครึ่งหลับครึ่งตื่นสะดุ้งเมื่อซิลเวียทักทายเขา
“เชิญนั่งก่อนสิลอว์”
“ขอบใจ พอตเตอร์”
ซิลเวียกล่าวขอบคุณแฮร์รี่แล้วทิ้งตัวลงไปบนเก้าอี้ข้างๆแฮร์รี่ สายตาและสีหน้าของเธอนั้นดูเศร้าสร้อยเหลือเกิน แฮร์รี่เห็นเธอเป็นอย่างนั้นก็อดที่จะถามเธอไม่ได้
“เธอเป็นอะไรไปเหรอ สีหน้าเธอดูเศร้ามากๆเลยนะ หรือว่าเธอคิดถึง...”
“ใช่ พอตเตอร์ ฉันคิดถึงวู้ด โอลิเวอร์ วู้ด กัปตันทีมควิดดิชแห่งกริฟฟินดอร์ ฉันคิดถึงเขา”
“ฉันเข้าใจ ฉันคิดว่าอีกไม่นานแองเจลิน่าก็คงจะหยุดสนุกไปกับคอนเสิร์ต”
“ฉันก็หวังว่ามันคงจะเป็นอย่างนั้น”
แฮร์รี่ก็รู้ว่าเธอกับวู้ดนั้นเกี่ยวข้องกันยังไง มันยากที่จะทำใจได้ ถึงแม้ว่าเวลามันจะผ่านมาไม่ต่ำกว่าปีแล้วก็ตาม
“เธอรู้ไหมว่าวันนี้เธอดูสวยมากๆเลยล่ะลอว์ ถ้าวู้ดเห็นเขาคงจะยิ้มให้กับเธอแน่ๆเลย”
“ขอบใจนะ พอตเตอร์ ที่ช่วยปลอบใจฉันน่ะ”
“อ้าว...ซิลเวีย ฉันนึกว่าเธอกลับไปแล้ว ฉันต้องขอโทษด้วยที่ทิ้งให้เธอรอนานขนาดนี้”
แองเจลิน่ารู้สึกตกใจมากทันทีที่รู้ว่าเพื่อนของเธอนั่งรอคอยเธออยู่ตลอดเวลา แต่เธอกลับดันไปสนุกกับคอนเสิร์ตเสียนอน
“ไม่เป็นไรหรอกแองเจลิน่า”
“หน้าตาเธอดูเหงาหงอยมากเลยนะ ไปนอนกันเถอะ เธอคงจะง่วงมาก”
แองเจลิน่าและซิลเวียกล่าวลากับคนรู้จักแล้วจึงพากับกลับไปที่หอหญิงกริฟฟินดอร์
ณ ภายในห้องพักของนักเรียนหญิงแห่งบ้านกริฟฟินดอร์ ซิลเวียและแองเจลิน่าเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดนอนเตรียมพร้อมที่จะสลบไสลลงบนเตียง แต่ก็ยัง เพราะ...
“งานคืนนี้เป็นยังไงบ้างแองเจลิน่า”
ซิลเวียเอ่ยถามขณะที่เธอนอนอยู่บนเตียง ส่วนแองเจลิน่านั้นมานั่งที่ปลายเตียงของซิลเวีย
“ก็สนุกมากเลยล่ะ เธอเป็นอะไรไปน่ะซิลเวีย เธอร้องไห้ทำไม”
แองเจลิน่ารู้สึกตกใจที่เห็นซิลเวียเริ่มร้องไห้อย่างไม่มีสาเหตุ
“แองเจลิน่า ฉัน...ฉันคิดถึง ฮึก... วู้ด ฉันคิดถึงเขา ฮึกๆ... มากจริงๆ ฮือๆๆ...”
ซิลเวียไม่สามารถที่จะกลั้นน้ำตาได้อีกต่อไปมันพรุ่งพรูออกมาอย่างไม่รู้จักจบ แองเจลิน่าเพื่อนรักของเธอเป็นคนเดียวที่จะมาสมารถรับฟังเรื่องทุกข์ใจของเธอได้
“ฉันเข้าใจว่าจิตใจเธอยังผูกพันกับเขาอยู่ แต่ว่าเธอจะเป็นอย่างนี้ต่อไปไม่ได้หรอกนะ เพราะพวกเราต่างต้องดำเนินชีวิตของตนเอง”
“นั่นฉันก็รู้อยู่แก่ใจแองเจลิน่า ฉันพยายามที่จะลืมเขาแล้ว แต่เป็นเพราะนานๆทีเขาก็ส่งจดหมายมาหาฉันครั้งนึง แล้วแต่ละครั้งที่เขาส่งมามันก็ตัดใจฉันไม่ได้เสียที”
“เฮ้! ฉันว่าฉันเห็นอะไรบางอย่างกำลังบินมาจากข้างนอกนั่นนะ”
แองเจลิน่าพูดพลางชี้ไปที่จุดเล็กๆสีดำที่อยู่ภายนอกหน้าต่าง ซึ่งตอนนี้มันกำลังใหญ่ขึ้น ใหญ่ขึ้น และใหญ่ขึ้น เมื่อตรวจสอบดูให้แน่ชัดมันก็คือ นกฮูกไปรษณีย์ นั่นเอง มันกำลังบินมาทางนี้ที่หน้าต่าง ซิลเวียเปิดหน้าต่างให้นกฮูกไปรษณีย์ตัวนั้นนำจดหมายเข้ามาส่ง เธอหยิบจดหมายที่ผูกติดกับขาของนกฮูกตัวนั้น มันจ่าหน้าซองไว้ว่า
‘ถึง ซิลเวีย ลอว์
จาก โอลิเวอร์ วู้ด’
ทันทีที่เธอเห็นเป็นเช่นนั้น เธอก็รีบเปิดซองจดหมายนั้นอย่างรวดเร็วไวไฟดั่งสายฟ้าผ่าลงมากลางพื้นดิน เธอค่อยๆคลี่จดหมายออกมาอย่างช้าๆเพื่อที่ต้องการจะรับสารจากภายใน
‘ ลอว์ ฉันต้องขอโทษเธอด้วยที่แทบจะไม่ได้เขียนจดหมายมาหาเธอเลย เป็นเพราะฉันนั้นงานยุ่งเอามากๆ ที่กระทรวงสับสนวุ่นวายไปหมด ว่าแต่การประลองเวทย์ไตรภาคีไปถึงไหนแล้วล่ะ ฉันน่ะอยากกลับไปที่ฮอกวอตส์อีก อยากจะกลับไปเล่นควิดดิชที่สนามนั่นอีก อยากจะกลับไปหาอาจารย์ที่แสนดีทุกคน อยากที่จะกลับไปหาเพื่อนๆที่เข้าใจกันเสมอๆ แล้วก็อยากกลับไปเจอเธอด้วย ฉันหวังว่าเธอคงสบายดีและไม่ร้องไห้อีก คนเข้มแข็งและกล้าหาญอย่างเธอไม่ร้องไห้ง่ายๆหรอกจริงไหม ขนาดตอนนั้นเธอตกจากไม้กวาดแล้วแขนหักเธอยังไม่ร้องไห้เลย ยัยจอมอึดเอ๊ย
ฉันน่ะคิดถึงเธอมากๆเลยรู้บ้างรึเปล่า ว่าแต่เธอล่ะคิดถึงฉันบ้างไหม และนี่มันอาจจะเป็นจดหมายฉบับสุดท้ายที่จะเขียนถึงเธอ เพราะฉันแทบไม่มีเวลาที่จะได้พักเลยด้วยซ้ำ เราสองคนนั้นอยู่ห่างไกลกันมากฉันรู้สึกว่ามันยากที่เราจะได้พบกันสักครั้ง ต่อจากนี้ฉันอาจจะไม่ได้ติดต่อกับเธอเลย แต่ที่ฉันพูดอย่างนี้ไม่ใช่ว่าฉันไม่ได้รักเธอแล้ว ฉันยังรักเธออยู่ ฉันอยากจะให้เธอเข้าใจว่าพวกเราต่างก็มีชีวิตที่แตกต่างกัน ซักวันนึงเราอาจจะต้องแยกทางกันไป หวังว่าเธอคงเข้าใจฉันนะ
ด้วยรักและคิดถึง
โอลิเวอร์ วู้ด ‘
ข้อความในจดหมายนั้นทำให้ซิลเวียถึงกับน้ำตาตกลงมาอีกครั้ง ไม่ใช่เพราะว่าเธอจะไม่ได้ติดต่อกับวู้ดอีกแล้ว แต่เป็นเพราะว่าเธอรู้สึกที่ความผิดในตัวของตัวเอง
“เธอร้องไห้อีกทำไม มันจะทำให้เธอตาบวมนะรู้บ้างไหม”
“ฉันเสียใจแองเจลิน่า ฉันเสียใจ ฉันผิดเองที่เหมือนกับว่าถ่วงเขาลงมาทั้งๆที่เขาต้องทำงานของตัวเองอย่างแข็งขันจนแทบไม่มีเวลาได้พักเลย ทำไมฉันไม่รู้ตัวตั้งแต่วันที่เขาจบไปแล้วนะ”
“เธอไม่ได้ผิดหรอกซิลเวีย วู้ดก็ไม่ได้ผิดเหมือนกัน ไม่มีใครผิดหรอก อาจเป็นเพราะคนเรานั้นยังอ่อนต่อโลกนัก บนโลกนี้มันไม่มีอะไรที่แน่นอนเสมอไปหรอก ทางที่ดีที่สุดคือเราต้องปรับตัวแล้วเข้ากับมันให้ได้”
น้ำตาของซิลเวียนั้นยังรินไหลไม่หยุด เธอตัดสินใจหยิบกระดาษ ขนนก และขวดหมึก ขึ้นมา เพื่อที่จะตอบจดหมายของวู้ด
‘ วู้ด เธอไม่ต้องขอโทษฉันหรอกเรื่องจดหมาย ฉันเข้าใจว่าเธอนั้นงานยุ่งมาก ส่วนเรื่องการประลองเวทย์ไตรภาคีนั้นห้ามคนที่ต่ำกว่าอายุ 17 เข้าร่วมการประลอง แต่กลับมีชื่อของพอตเตอร์ปรากฎอยู่ในถ้วยอัคนีเสียอย่างนั้น แต่ฉันก็ไม่เชื่อหรอกว่าพอตเตอร์จะเอาชื่อของตัวเองใส่ลงไปในนั้น ฉันเชื่อว่าเขาเป็นคนซื่อสัตย์พอ เขาเก่งมากเลยล่ะ เขาสามารถผ่านภารกิจที่ 1 มาได้ เธอน่าจะได้เห็นนะ ที่เธอบอกว่าอยากกลับมาที่ฮอกวอตส์น่ะ ฉันก็อยากให้เธอกลับมา แต่มันคงจะเป็นไปไม่ได้ และตอนนี้ฉันก็สบายดี ปกติฉันก็ไม่ได้ร้องไห้หรอกนะ แต่ว่าตอนนี้ฉันกำลังร้องไห้อยู่
ฉันเข้าใจว่าที่กระทรวงงานยุ่ง เธอคงแทบจะไม่มีเวลาพักเลยล่ะสิ เธอก็คงลำบากมากกว่าจะหาเวลาว่างมาเขียนจดหมายถึงฉันอย่างนี้ ฉันต้องขอโทษด้วยที่ถ่วงเธอลงมาจากหน้าที่การงาน ฉันน่าจะรู้ตัวตั้งแต่วันนั้นที่เธอเรียนจบไปแล้ว มันจริงอย่างที่เธอพูด เนื่องจากความห่างไกลที่ขวางกั้นเรา การที่จะพบกันเป็นเรื่องยาก ในตอนนี้ฉันนั้นก็ยังรักเธออยู่ และยืนยันว่าทุกอย่างเป็นจริงอย่างที่เธอพูด เราทั้งสองคนนั้นต่างมีชีวิตที่แตกต่างกันไป และจำเป็นว่าสักวันหนึ่งเราจะต้องแยกจากกันไป ฉันว่าอย่าถ่วงเวลาไว้ต่อไปอีกเลย เราต่างคนต่างไปเริ่มต้นชีวิตใหม่กันเถอะ อย่ายื้อกันไว้อีกเลย ลาก่อน โอลิเวอร์ วู้ด ผู้ชายที่เข้าใจฉันได้มากที่สุด
ด้วยรักและคิดถึง
ซิลเวีย ลอว์ ‘
เธอหยุดปลายขนนกไว้เพียงเท่านั้นแล้วพับให้พอเหมาะกับขนาดของซองจดหมาย จ่าหน้าซอง แล้วผูกจดหมายฉบับนั้นติดไว้กับขาของนกฮูกไปรษณีย์
“เอานี่ไปส่งให้วู้ดทีนะ แล้วถ้าเขาจะตอบกลับมาล่ะก็...ทำยังไงก็ได้ให้เขาห้ามตอบกลับมาเด็ดขาด เอาเป็นว่า...ถ้าเขาจะตอบกลับมาก็กัดนิ้วเขาได้เลย แต่ครั้งเดียวก็พอ ไปเถอะ”
นกฮูกไปรษณีย์โผบินไปกลางท้องฟ้ายามราตรีอันไกลแสนไกล จนในที่สุดนั้นมันก็หายลับฟ้าไปในที่สุด ความสัมพันธ์ระหว่างเธอและเขาก็คงจะต้องจบลงเพียงเท่านี้ มันคงไม่มีอะไรที่จะต้องพูดกันอีกต่อไปแล้ว
“ซิลเวีย เธอเขียนอะไรลงไป”
แองเจลิน่าเอ่ยถามขึ้น เพื่อที่ต้องการจะรับรู้สารทุกข์ของเพื่อนสาว
“มันจบแล้วล่ะแองเจลิน่า มันจบแล้ว วันนี้มันต้องเป็นวันสุดท้ายที่ฉันจะต้องปวดร้าวเสียใจ ถึงแม้ว่าภายหลังจากนี้ฉันยังต้องมานั่งเสียใจอยู่ แต่ฉันเชื่อว่าเพียงไม่นานฉันก็จะต้องลืมความเสียใจนั้นไปได้แล้วกลับมาเป็นซิลเวียคนเดิมที่บ้าระห่ำให้ได้”
ถึงแม้ว่าดวงตาของเธอนั้นยังมีน้ำตาไหลรินออกมาเรื่อยๆ แต่เธอนั้นก็ยังฝืนยิ้มออกมาเล็กๆเพื่อให้เพื่อนสาวรู้สึกสบายใจขึ้นมาบ้าง
“ฉันรู้สึกดีใจนะที่เธอเลือกทางของตัวเองได้ดี ตอนนี้มันก็ดึกมากแล้ว นอนกันดีกว่า”
“ฉันก็ดีใจที่ได้เป็นเพื่อนกับเธอแองเจลิน่า”
เหตุการณ์จากอดีตถูกหวนกลับมาสู่เหตุการณ์ณ์ในปัจจุบันอีกครั้ง พบว่าในห้องปฏิบัติการของร้านเกมกลวิเศษณ์วีสลีย์มีบุคคลที่มีตัวตนนั่งอยู่เพียง 3 คนเท่านั้น ได้แก่ เฟร็ด จอร์จ และ ซิลเวีย
“ในตอนนั้นเธอคงจะเสียใจมากเลยสินะ”
เฟร็ดพูดด้วยน้ำเสียงเรียบๆแฝงด้วยความรู้สึกสงสารเล็กๆอย่างคนเข้าใจกัน
“เธอเป็นคนที่ตัดสินใจได้ดีมากเลยรู้รึเปล่า ถ้าฉันเป็นเธอก็คงอาจจะฉุกคิดไม่ได้อย่างนั้น”
จอร์จพูดในทางชื่นชมเพื่อให้เธอดูสบายใจขึ้นบ้าง
“อืม ขอบใจที่พวกเธอสองคนยังเป็นเพื่อนที่ดีต่อฉันนะ”
เธอพูดพร้อมกับใบหน้าเปื้อนรอยยิ้ม
ความคิดเห็น