คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #11 : Chapter XI เรื่องร้ายยุติ
Chapter X
เรื่องร้ายยุติ
ช่วงเวลาทำให้คนเราแก่ขึ้นไปเรื่อยอยู่ทุกวินาทีมันพัดผ่านไปโดยไม่สนใจใคร สงครามที่ฮอกวอตส์ทำให้ชุมชนผู้วิเศษต้องเสียจำนวนคนดีไปมากมาย แต่ก็คงจะไม่เสียดายเท่าบุรุษผู้นี้ “อัลบัส ดัมเบิลดอร์ หรือพ่อมดที่เก่งที่สุดแห่งยุค”
ผู้คนต่างเศร้าโศกเสียใจจากการจากไปครั้งนี้ของเขา สังคมผู้วิเศษต่างหวั่นไหวและเกรงกลัวต่อศาสตร์มืดมากขึ้นเรื่อยๆ ลอร์ดโวลเดอมอร์เถลิงอำนาจอย่างเต็มตัว บ้านเมืองดูระส่ำระสายอยู่กันอย่างไม่เป็นสุข
เจ้าแห่งศาสตร์มืดควบคุมทุกสิ่ง ไม่ว่าจะเป็นร้านค้าในตรอกไดแอกอน ตรอกน็อกเทิร์น ธนาคารกริงกอตส์ แม้กระทั้งกระทรวงเวทมนตร์ก็ยังถูกครอบงำไปด้วย
เหล่าผู้วิเศษที่เกิดจากมักเกิ้ลกำหนดให้ถูกสอบสวนด้วยวิธีที่ร้ายกาจของโดโลเรส อัมบริดจ์ มือปราบมารบางคนถึงกับต้องตายจากสงครามผู้วิเศษนี้
วันสุดท้ายในการอยู่บ้านเลขที่ 4 ซอยพรีเว็ต ของแฮร์รี่ พอตเตอร์กำลังจะหมดลงทุกที ทุกคนร่วมมือกันในแผนการขององกรภาคีนกฟีนิกซ์ แต่ก็ยังมีใครบางคนที่ขัดแย้งกับแผนการที่ถูกวางไว้ตั้งแต่แรก
“ฉันจะไปด้วย ฉันจะร่วมแผนการนี้ด้วย”
ซิลเวียเถียงเฟร็ดหลังจากได้ฟังแผนการทั้งหมดว่าเธอต้องอยู่บ้านคอยทุกคนกลับมา ไม่ใช่ไปร่วมแผนการ
“เธอไปไม่ได้หรอก ซิลเวีย เราจะทำผิดแผนไม่ได้ แล้วอีกอย่างเธอก็เป็นผู้หญิง”
เฟร็ดพยายามห้าม แต่ก็ดูเหมือนจะไม่เป็นที่สำเร็จ
“เป็นผู้หญิงแล้วหมายความว่าจะทำอะไรไม่ได้งั้นเหรอ เฮอร์ไมโอนี่ไม่ใช่ผู้หญิงหรือไงเฟร็ด”
“แต่เฮอร์ไมโอนี่เป็นเพื่อนของแฮร์รี่”
“เธอพูดอย่างกับฉันไม่เคยมีอะไรผูกพันกับเขา ถ้าเฮอร์ไมโอนี่เป็นเพื่อนของแฮร์รี่ ฉันก็ไม่ต่างจากพี่สาวของเขาหรอก ฉันจะเสี่ยงตายเพื่อช่วยเขา เข้าใจฉันบ้างไหม”
คำพูดของเธอทำให้เฟร็ดถึงกับหาข้ออ้างไม่ได้ จึงต้องจำใจยอมรับเหตุผลที่เธอขุดคุ้ยมา
หลังจากเสร็จสิ้นแผนก็มีเรื่องน่าสลดใจเกิดขึ้น เพราะภาคินกฟีนิกซ์ได้สูญเสียบุคคลสำคัญไปอีกหนึ่ง นั่นก็คือ แม้ดอาย มูดดี้ ซึ่งเป็นมือปราบมารฝีมือดี แถมจอร์จ วีสลีย์ยังต้องสูญเสียหูไปข้างหนึ่งเพราะคำแช่งของสเนป
แฮร์รี่ รอน และเฮอร์ไมโอนี่ หายไปตามแผนการค้นหาและทำลายฮอครักซ์ของพวกเขาเพื่อยับยั้งชีวิตของโวลเดอมอร์ให้เหลือน้อยที่สุด
ครอบครัววีสลีย์ทั้งหมดรวมทั้งซิลเวียต้องย้ายที่อยู่ใหม่เพราะเป็นมิตรต่อมักเกิ้ล ฮอกวอตส์เปลี่ยนไปเพราะถูกควบคุมด้วยศาสตร์มืด
สงครามที่ฮอกวอตส์เริ่มขึ้น คนในภาคีนกฟีนิกซ์ร่วมใจกันรบในสงครามผู้วิเศษครั้งใหญ่แห่งนี้ จินนี่ซึ่งยังอายุไม่ถึง 17 โดนบังคับให้กลับไปหลบภัย เพอร์ซี่กลับใจหันหลังให้งานเดินทางสู่ความถูกต้อง
รอน เฟร็ด จอร์จ เพอร์ซี่ และซิลเวีย ร่วมกันควงไม่กายสิทธิ์เปล่งพลังคาถาใส่เหล่าผู้เสพความตายในกลุ่มเดียวกันอย่างแยบยลพลางหยอดมุกตลกไปด้วย
ซิลเวียใช้ศิลปะการต่อสู้ประยุกต์เข้ากับเวทมนตร์เป็นอย่างดี ไม่ว่าจะชกเพียงหมัดเดียว หรือใช้เท้าถีบเตะในท่าต่างๆอย่างสวยงามพลางโบกสะบัดไม้กายสิทธิ์ไปด้วย
“โอ้! นั่นมันปราดเปรื่องมากเลยซิลเวีย”
รอน เฟร็ด จอร์จ และเพอร์ซี่ ต่างเห็นพ้องเป็นเสียงเดียวกันเมื่อเห็นซิลเวียใช้ท่าเตะผ่าหมากผู้เสพความตายจนสลบล้มลงกับพื้น
“ขอบใจหนุ่มๆ”
เธอพูดแล้วยิ้มให้
“ขอโทษด้วยนะเจ้านาย ผมลาออกจากงานแล้ว”
เพอร์ซี่บอกกับทิกเนสแล้วเสกคาถาสะกดนิ่งใส่
“เดี๋ยวนี้นายนี่พูดตลกนะเพอร์ซี่ นายพูดอะไรตลกเป็นบ้าเลย”
เฟร็ดพูดแล้วหัวเราะพลางควงไม้กายสิทธิ์ไปด้วย ทันใดนั้นแสงสีเขียวจากจากปลายไม้กายสิทธิ์ของผู้เสพความตายคนหนึ่งพุ่งเข้าใส่ใบหน้าของเฟร็ด วีสลีย์ทั้งๆที่เขายังคงหัวเราะอยู่
ร่างของเขาล้มตุ้บหงายหลังลงกับพื้น ตาทั้งคู่ยังคงเปิดมองโลกภายนอก ปากยังเหยียดยิ้มเหมือนเมื่อครู่ แต่หัวใจและระบบร่างกายส่วนอื่นๆนั้นกลับหยุดการทำงานลงอย่างน่าอนาถ
“ไม่นะเฟร็ด! ไม่จริง!!”
ซิลเวียทรุดตัวลงมาคุกเข่าข้าง ๆ ร่างของเฟร็ดที่นอนแน่นิ่งไร้สติ เพอร์ซี่ก็ทำเช่นเดียวกันกับเธอ
“ทำไมคนที่ฉันรักถึงต้องมาตายกันไปหมด ทำไม...”
เธอพูดด้วยน้ำเสียงอ่อยที่สั่นเครือพลางกอดร่างของเฟร็ดไว้แล้วน้ำตาไหลพรากด้วยความเสียใจที่มากล้นเกินคณานับ
“ซิลเวีย ตอนนี้เราไม่มีเวลาแล้ว เราต้องรีบเอาศพของเฟร็ดไปไว้ที่ใดสักที่ก่อน”
จอร์จพูดเพื่อนเตือนสติเพื่อนสาว ส่วนรอนน้องชายคนเล็กเริ่มส่งสัญญาณให้ช่วยกับพาร่างของเฟร้ดไปซ่อนหลังชุดเกราะที่ดูแล้วว่าอยู่ใกล้และปลอภัยที่สุด
เพอร์ซี่รีบวิ่งตามผู้เสพความตายที่พรากชีวิตน้องชายไปไม่หยุด ทันทีที่ได้จังหวะเขาก็ปล่อยลำแสงสีแดงพุ่งเข้าใส่ผู้เสพความตายคนนั้นที่ท่าทางจะเป็นรู้กวู้ด
โวลเดอมอร์ใช้ป่าต้องห้ามเป็นที่อาศัยแล้วประกาศเสียงดังเพื่อทำข้อตกลงกับแฮร์รี่ พอตเตอร์ โดยมีลูกน้องผู้จงรักภักดี เบลลาทริกซ์ เลสแตรง เฝ้าคุ้มกัยภัย
ในห้องโถงใหญ่บัดนี้ดูเหมือนไม่เป็นห้องโถงอีกแล้ว เพราะศพของใครหลายๆคนถูกนำมาวางไว้บนโต๊ะยาว ล้อมรอบด้วยผู้เป็นญาติสนิทมิตรสหายที่กำลังเศร้าสลดเพราะการจากไปก่อนวัยอันควร
ครอบครัววีสลีย์ เฮอร์ไมโอนี่ และซิลเวีย ล้อมรอบศพของเฟร็ด ลูปิน และท็องส์ บางคนก็ร้องไห้ออกมาแต่บางคนก็เก็บกลั้นอาการไว้
รอนมองเห็นกระดาษในกำมือไร้วิญญาณของเฟร็ด และดูเหมือนว่าเฟร็ดจะตั้งใจและต้องการให้ใครสักคนเห็นมัน รอนติดสินใจหยิบและคลี่กระดาษที่ยับยู่ยี่จากมือของเฟร็ดออกมา บนหน้ากระดาษเขียนไว้ด้วยลายมือของเฟร็ดว่า ‘ถึงซิลเวียและจอร์จ ถ้าหากทุกคนกำลังเศร้าขอให้ไปอ่านให้ไกลจากพวกเขา’
“จดหมายนี้ถึงพี่สองคน”รอนส่งยื่นกระดาษซองจดหมายให้กับจอร์จและซิลเวีย
“พ่อครับแม่ครับ ผมกับซิลเวียขออนุญาตไปอ่านจดหมายข้างนอกห้องโถง”
จอร์จขออนุญาตนายและนางวีสลีย์ก่อนออกไปข้างนอกพร้อมกับเพื่อนสาว
เมื่อจอร์จฉีกซองจดหมายออก ภายในซองก็ยังมีจดหมายอีกสองฉบับ ฉบับแรกถึงจอร์จ ส่วนอีกฉบับถึงซิลเวีย พวกเขาทั้งคู่เปิดอ่านของใครของมัน
สำหรับซิลเวีย เนื้อความในจดหมายทำให้เธอถึงกับอึ้ง
‘ ซิลเวีย ฉันไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าเวลาที่ฉันไม่อยู่ จอร์จทำดีกับเธอมากขนาดไหน จนในวันนี้ฉันได้รู้แล้วว่าฉันมันไม่ได้เป็นคนดีอย่างที่เธอคิด เพราะฉันแย่งความรักที่เธอมีให้จอร์จมาเป็นของฉันเอง เธออาจจะงง แต่ไม่ต้องงงหรอก เพราะฉันจะอธิบายให้เธอฟังเอง
ในวันคริสต์มาสที่ร้านเกมกลวิเศษวีสลีย์ คนที่อยู่ร้านไม่ใช่ฉันอย่างที่บอก แต่เป็นจอร์จที่บอกว่าตัวเองเป็นฉัน แล้วตอนที่เธอมานอนซมอยู่หน้าร้านจากความเหน็บหนาว คนที่ดูและเธอเกือบค่อนวันก็คือจอร์จ ส่วนฉันเป็นคนมาดูแลก่อนที่เธอจะตื่นเพียงไม่นาน ฉันขอโทษจริงๆ คนที่ดีที่สุดสำหรับเธอไม่ใช่ฉัน แต่เป็นจอร์จ หวังว่าเธอคงเข้าใจ ’
จดหมายของซิลเวียฉบับนี้จบลงเท่านี้ ส่วนจดหมายของจอร์จเขียนอยู่เพียงแค่ไม่กี่ประโยคเท่านั้น
‘ ดูแลเธอให้ดีถ้าฉันตายไป ฉันเชื่อมั่นในตัวนาย ดูแลเธอให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ ‘
“จอร์จ ฉันขอโทษที่มองข้ามนายไปเสมอ ฉันขอโทษจริงๆ”
ซิลเวียเริ่มมีน้ำตาคลอเบ้าเพราะความผิดพลาดครั้งใหญ่กับผู้ชายที่ดีต่อเธอที่สุดที่ยังมีชีวิตอยู่ในตอนนี้
“ไม่เป็นไร ฉันผิดเองที่โกหกว่าเป็นเฟร็ด”
“ฉันรักเฟร็ดในตัวตนที่เป็นเธอมาตลอด ฉันเสียใจมากเลยจริงๆ”
เธอสะอึกสะอื้นในอ้อมกอดของจอร์จ เขาลูบหัวเธอเพื่อเป็นการปลอบโยนที่ดีที่สุด
“ต่อจากนี้ ฉันจะดูแลเธอต่อจากเฟร็ดเอง ฉันจะปกป้องเธอ หยุดร้องไห้เถอะนะซิลเวีย เข้มแข็งเข้าไว้ สงครามนี้มันยังจบ เรายังต้องสู้ต่อเพื่อยับยั้งคนที่รู้ว่าใคร เมื่อเขาหายไปแล้ว เธอก็จะได้เป็นมือปราบมารอย่างเต็มตัวอย่างใจหวัง”
จอร์จกระชับอ้อมกอดของเขาให้อบอุ่นยิ่งขึ้นเพื่อให้คนในอ้อมกอดได้รู้ตัวว่ายังมีคนที่คอยห่วงใยเธออยู่เสมอ
หลังจากที่แฮร์รี่ พอตเตอร์ผู้เป็นไปตามคำทำนายก็สามารถเอาชนะโวลเดอมอร์ได้ ชุมชนผู้วิเศษก็กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง
ผู้กระทำผิดอย่างโดโลเรส อัมบริดจ์ถูกสั่งจับเข้าคุกอัซคาบันในข้อหากดขี่และทรมานผู้ที่เกิดจากมักเกิ้ล
เฮอร์ไมโอนี่กลับไปเรียนในปีที่ 7 ในปีเดียวกันกับจินนี่และลูน่า เพราะคนอย่างเธอคงไม่ยอมที่จะไม่ได้จบการศึกษาขั้นสมบูรณ์จากฮอกวอตส์ หลังจากนั้นจึงเข้าทำงานที่กระทรวงในกองการควบคุมสิทธิส่วนบุคคล
ซิลเวียสอบเข้าเป็นมือปราบมารได้ผ่านฉลุยไม่ว่าจะเป็นภาคทฤษฎีหรือปฏิบัติในปีเดียวกับแฮร์รี่และรอน ส่วนจอร์จกลายเป็นเฒ่าแก่ใหญ่ของร้านเกมกลวิเศษวีสลีย์ที่ร่ำรวย
แดน ไวโอเลนท์มักมาตามหาซิลเวียที่ร้านเกมกลวิเศษวีสลีย์อยู่บ่อยๆจนจอร์จเริ่มฉุน เพราะแดนชอบพูดต่อหน้าเขาเสมอว่า “ฉันจะแต่งงานกับซิลเวีย” แต่ก็ไม่เคยเจอเลยสักครั้งเพราะเธอได้เปลี่ยนอาชีพไปเป็นมือปราบมารแล้ว
วันเวลาอันแสนรวดเร็วผ่านไปจนครบ 7 ปี ใจใครหลายๆคนก็แปรเปลี่ยนไปเรื่อย แต่ยังมีใจของของคนคู่หนึ่งที่ไม่แปรเปลี่ยนไปไหน
“พ่อครับแม่ครับ เราสองคนตัดสินใจแล้วว่าจะแต่งงานกัน”
จอร์จบอกกับนายและนางวีสลีย์ซึ่งเป็นบิดามารดาในขณะที่จับมือของซิลเวียเอาไว้ไม่ยอมปล่อย
“จริงเหรอลูก?”
นายและนางวีสลีย์พูดเป็นเสียงเดียวกันพรางตาลุกวาว
“เอ่อ... จริงค่ะ คุณวีสลีย์ทั้งสองคงจะไม่ขัดข้อง...ใช่ไหมคะ”
ซิลเวียพูดติดขัดเพราะความเขินอายกับเรื่องความรัก
“ไม่...ไม่อยู่แล้ว”
นายวีสลีย์พูดแล้วยิ้มกว้างพลางอ้าแขนเตรียมต้อนรับลูกสะใภ้ จอร์จดันซิลเวียเข้าไปหานายวีสลีย์เพื่อให้กอดกัน
“เรียกฉันว่าแม่เสียตั้งแต่ตอนนี้ก็ยังได้นะ”
“ค่ะ คุณนายวีสลีย์”
ซิลเวียตอบหลังจากหลุดออกมาจากอ้อมกอดของนายวีสลีย์แล้ว
“เรียกคุณนายได้ยังไง ต้องเรียกว่าแม่สิ”
“ได้ค่ะ คุณแม่”
“รีบมีลุกเร็วๆนะทั้งสองคนน่ะ แม่อยากอุ้มหลานใจจะขาด”
คำพูดของนางวีสลีย์ทำให้จอร์จและซิลเวียมองหน้ากันด้วยสายตาแปลกๆ โดยที่จอร์จส่งสายตาหวานซึ้ง ส่วนซิลเวียนั้นก็ส่ายหน้าและไม่เห็นด้วยอย่างแรง
ในวันนี้บ้านโพรงกระต่ายดูมีลักษณะเปลี่ยนไปจากเดิมมาก เก้าอี้ที่ถูกคลุมทับด้วยผ้าขาวถูกจัดวางเรียงกันเป็นแถวบนพื้นหญ้าสีโดยเว้นช่องกลางไว้สำหรับเจ้าสาวเดินโดยเฉพาะ บริเวณข้างหน้าถูกจัดเป็นซุ้มรูปหัวใจซึ่งประดับประดาด้วยดอกไม้หลากชนิดและผ้าชีฟองสีขาว ด้านหน้าซุ้มรูปหัวใจมีแท่นไม้ตั้งไว้สำหรับผู้เป็นสักขีพยานคนสำคัญ
ชายหนุ่มซึ่งได้รับบทบาทให้เป็นเจ้าบ่าวดูมีความหล่อเหลาที่สุดในงาน ส่วนเจ้าสาวก็มิอาจรู้ได้ว่ามีรูปลักษณ์เป็นอย่างไรเพราะถูกซ่อนตัวไว้
แขกในงานบ้างก็มาเดี่ยว บ้างก็เป็นคู่ บ้านก็มาทั้งครอบครัว เก้าอี้เรียงแถวที่เมื่อครู่ดูว่างเปล่าไร้สีสัน บัดนี้กลับถูกแต่งแต้มด้วยผู้คนหลากหลายวัยนั่งสรวลเสเฮฮากันยกใหญ่
และบัดนี้ก็ได้เวลาอันสมควรแล้วที่จะได้ประกอบพิธีการแห่งวันที่รอคอยของชายหญิงคู่หนึ่ง
ชายหนุ่มผู้ทรงเสน่ห์ที่สุดในงานยืนอยู่หน้าแท่นไม้สำหรับผู้เป็นสักขีพยาน และสักขีพยานคนสำคัญนี้ก็มิใช่ใครอื่นใดนอกจากแฮร์รี่ พอตเตอร์ผู้ยังคงมีชื่อเสียงจากการปราบเจ้าแห่งศาสตร์มืด
หญิงสาวรูปงามมากกว่าใครๆยืนอยู่บริเวณด้านหลังสุดของบริเวณงาน ถึงแม้ว่าใบหน้าจะถูกบดบังด้วยผ้าชีฟองขาวสะอาด แต่ชุดแต่งงานแขนสามส่วนสีขาวแซมครีมแกล้มทองก็ยังทำให้เธอดูสง่างามได้ ในมือทั้งสองข้างถือช่อดอกไม้ที่ล้วนแล้วแต่ขาวผ่องแซมใบสีเขียวตามธรรมชาติ
เธอเริ่มก้าวเดินมาพร้อมกับเพลงบรรเลงจากวงออเคสตร้าขนาดย่อม แขกที่นั่งอยู่หลายๆคนต่างเหลียวมองข้างไปตามเจ้าสาวที่เคลื่อนตัวไปด้านหน้าต้านลมพลิ้วไหวที่พัดมาปะทะเบาๆ
เมื่อเจ้าสาวเดินมาหยุดอยู่ข้างเจ้าบ่าว แฮร์รี่ก็กระแอมก่อนที่จะทำตามหน้าที่ที่ถูกหมอบหมายในพิธีการ
“จอร์จ วีสลีย์ คุณจะรับซิลเวีย ลอว์เป็นภรรยาของคุณหรือไม่”
“รับครับ”
แฮร์รี่กระแอมอีกหนึ่งครั้งก่อนที่จะหน้าไปหาเจ้าสาวที่เปรียบเสมือนเป็นพี่สาวของตน
“ซิลเวีย ลอว์ คุณจะรับจอร์จ วีสลีย์เป็นสามีของคุณหรือไม่”
“ไม่...”
คำพูดของเธอทำให้ทุกคนในงานถึงกับตกตะลึง แม้กระทั้งจอร์จก็ยังถึงกับสะดุ้งแล้วหันหน้ามาหาเจ้าสาวของตนเอง
“ไม่ปฏิเสธที่จะรับค่ะ”
ผู้คนเมื่อครู่ที่เกือบจะหัวใจวายหายใจกันไม่ทั่วท้องนั้นกลับมามีสีหน้าพึงพอใจอีกครั้ง จอร์จและแฮร์รี่ซึ่งอยู่ใกล้ซิลเวียสามารถรับรู้ได้เลยว่าเธอกำลังยิ้มอยู่ถึงแม้ว่าผ้าคลุมที่ปิดหน้าอยู่นั้นจะทำให้ดูเลือนราง
“เชิญทั้งคู่สวมแหวนให้กันได้”
จอร์จเป็นฝ่ายดันแหวนเพชรเม็ดเล็กให้นิ้วนางซ้ายของซิลเวียลอดผ่านก่อน ส่วนซิลเวียก็สวมแหวนแบบเดียวกันให้กับจอร์จ ในทันทีที่แหวนถูกสวมเข้านิ้วนางซ้ายของทั้งคู่ เพชรเม็ดกระจิ๋วนั้นก็กลับกลายเป็นทับทิมสีแดงไปในทันที ราวกับว่าก็อดดริก กริฟฟินดอร์ผู้ก่อตั้งบ้านที่ทั้งสองคนเคยอยู่ได้บันดาลให้มันเกิดขึ้น
“เปิดผ้าคลุมหน้าเจ้าสาวได้”
ทันทีที่สิ้นเสียงของแฮร์รี่ จอร์จก็ค่อยๆเปิดผ้าชีฟองที่คลุมหน้าของซิลเวียออกแล้วพลิกไปด้านหลังอย่างเบามือ ใบหน้าภายใต้ผ้าคลุมนั้นส่งยิ้มอันแสนจริงใจให้กับเขา ทำให้เขายิ้มตอบกลับให้เช่นกัน เธอตัดสินใจหันหลังโยนช่อดอกไม้ก่อนจะรับจุมพิตจากเขาเป็นครั้งแรก
หลังจากที่ถอนริมฝีปากออกจากกันและกันแล้ว ทั้งคู่ก็หันกลับไปมองว่าใครกันที่จะได้แต่งงานเป็นคู่ต่อไป ผลที่ปรากฏก็ไม่ใช่ใครอื่นใด ช่อดอกไม้นั้นตกไปอยู่ในมือของจินนี่และเฮอร์ไมโอนี่
“อยากเต้นรำไหม?”
เขาเอ่ยถามขึ้นมา แต่เธอไม่ตอบ เธอหยิบไม้กายสิทธิ์ที่ซุกซ่อนออกมาโบกสะบัดเนรมิตบริเวณรอบกายให้กลายเป็นฟลอร์เต้นรำขนาดพอเหมาะพอเจาะ เขาเริ่มต้นโดยการจับเอวของฝ่ายตรงข้ามก่อนจะยื่นมืออีกข้างออกมารองมือที่มีขนาดเล็กกว่า ส่วนเธอใช้มืออีกข้างนึงจับไหล่ของเขา
ทั้งคู่หมุนสะบัดตัวไปมาไม่รู้กี่จังหวะอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย ในขณะที่คู่อื่นๆนั้นต่างพากันถอนตัวไปตามๆกัน
“ทีนี้เราก็ได้เต้นรำคู่กันแล้วสินะ หลังจากพลาดโอกาสไปตั้ง 9 ปี”
ซิลเวียบอกโดยมองหน้าของจอร์จตรงๆ
“ใช่ ตอนนี้เราเป็นของกันและกันแล้ว”
“พูดอย่างนี้ฉันก็เขินแย่น่ะสิ”
แก้มทั้งสองข้างของเธอเริ่มมีสีอมชมพูมากขึ้นจนน่าจะประทับริมฝีปากลงไป
“ว่าแต่เราจะมีลูกกันกี่คนดีล่ะ”
“นี่เราพึ่งจะแต่งงานกันไม่ถึงวันเองนะ จะวางแผนเรื่องลูกแล้วเหรอ”
เธอหน้าแดงมาขึ้นทันทีที่ได้ยินคำว่าลูกออกมาจากปากของเขา
“วางแผนไปก่อนงานก็ย่อมสำเร็จไปกว่าครึ่ง”
“อย่ามาพูดลามกแบบนี้นะ”
“ฮ่าๆ ถ้าหากว่าฉันถามจริงๆว่าจะมีลูกกี่คน เธอจะตอบว่ายังไง”
“คนเดียวก็เพียงพอแล้วล่ะ จอร์จ เพราะเราจะได้ดูแลเอาใจใส่เขาอย่างเต็มที่ และไม่ต้องกังวลเรื่องมรดกที่จะให้เขาด้วย”
เธอพูดโดยผ่านการวิจารณญาณมองการไกลมาเรียบร้อยแล้ว
“ฉันว่าเธอมองการไกลมากกว่าฉันอีกนะเนี่ย”
“แล้วจะตั้งชื่อลูกว่าอะไรดีล่ะ”
“เฟร็ด เพื่อรำลึกถึงเฟร็ด วีสลีย์ผู้กล้าหาญที่จะต่อกรกับผู้เสพความตาย”
- จบ -
ความคิดเห็น