ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Twins of Love นี่นายคนไหนกันแน่เฟร็ดหรือจอร์จ

    ลำดับตอนที่ #10 : Chapter X รางวัลสำหรับความอดทน

    • อัปเดตล่าสุด 19 พ.ค. 51


    Chapter X

    รางวัลสำหรับความอดทน

     

                    หิมะเริ่มตกหนักขึ้นเรื่อยๆอย่างไม่รู้จักหยุดซึ่งส่งผลกระทบทำให้อากาศภายนอกนั้นหนาวขึ้นเท่านั้น  แต่ภายในบ้านโพรงกระต่ายก็ยังคงอบอวลไปด้วยความอบอุ่นเหมือนเคย

                    หิมะตกหนักมากเลย หนูจะอยู่ค้างคืนที่นี่ก็ได้นะซิลเวีย

                    นางวีสลีย์บอก

                    ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวหนูหายตัวไปแว็บเดียวก็ถึงแล้ว

                    งั้นก็ค่อยหายห่วงหน่อย  ขอเดินทางปลอดภัยนะจ๊ะ

                    นางวีสลีย์ยิ้มให้เมื่อพูดจบ ก่อนที่จะหันหน้ากลับไปทำความสะอาดบนโต๊ะต่อ ส่วนซิลเวียนั้นเดินเข้าไปหาเด็กๆทั้งสี่ที่กำลังช่วยกันเก็บกวาดของตกแต่งสำหรับคริสต์มาส

                    พวกเธอไม่จำเป็นต้องเก็บมันทีละชิ้นให้ยุ่งยากหรอก เพราะนี่คือชุดวันคริสต์มาสสำเร็จรูป

                    จากนั้นซิลเวียก็โบกไม้กายสิทธิ์เป็นรูปกากบาทกลางอากาศเหนือกล่องบรรจุสินค้าที่ร้านเกมกลวิเศษณ์วีสลีย์จำหน่ายพร้อมกับพูดว่า ชุดวันคริสต์มาสสำเร็จรูป จงเก็บ

                    ทันใดนั้นอุปกรณ์ของตกแต่งต่างๆก็ล่องลอยลงมาเข้าไปอยู่ในกล่องอย่างเหลือเชื่อ  แถมริบบิ้นยังผูกตัวเองให้เรียบร้อย

                    ยอดไปเลย!”

                    แฮร์รี่ รอน เฮอร์ไมโอนี่ และจินนี่อดโพล่งออกมาด้วยความแปลกใจไม่ได้

                    ขอบคุณสำหรับคำชมจ้ะ ฉันขอตัวกลับก่อน อย่าลืมดูแลรักษาสุขภาพตัวเองด้วยล่ะ

                    เธอยิ้มให้กับเด็กทั้งสี่ จากนั้นจึงก้าวเข้าไปกระซิบข้างใบหูของจินนี่เบาๆ ช่วยดูและแฮร์รี่ให้ดีล่ะ เขาล่ะชอบทำตัวเป็นพระเอกอยู่เรื่อย  ฉันเชื่อใจเธอนะ จินนี่

                    จินนี่พยักหน้าหงึกๆ แล้วก็อดไม่ได้ที่จะส่งยิ้มคืนให้ซิลเวีย

                    ซิลเวียตัดสินใจที่จะเดินไปบอกลาเฟร็ดและจอร์จก่อนกลับ แต่ก็ต้องหยุดเมื่อแฮร์รี่ผู้เปรียบเสมือนน้องชายจับแขนไว้

                    เมื่อกี้บอกอะไรกับจินนี่

                    แฮร์รี่พูดอย่างแผ่วเบาเพื่อไม่อยากให้ใครอื่นได้ยินนอกจากซิลเวีย

                    ความลับของผู้หญิง ฉันบอกไม่ได้  รักษาตัวด้วยล่ะเวลาที่ฉันไม่อยู่

                    เช่นกัน

     

                    ฉันขอตัวกลับก่อนนะ

                    ซิลเวียเอ่ยบอกฝาแฝดวีสลีย์ตามมารยาท

                    โชคดีนะ เจอกันพรุ่งนี้ที่ร้านนะ

                    เฟร็ดและจอร์จยิ้มให้ก่อนเธอหายวับไปพร้อมกับเสียงเปรี้ยงปร้างจากการหายตัว

     

                   

    ซิลเวียกลับมาปรากฏตัวที่บ้านของตระกูลไวโอเลนท์หลังเดิมอีกเช่นเคย  แต่ในครั้งนี้คนที่รออยู่ไม่ใช่เด็กหนุ่มคนเดิม เพราะคนๆนั้นกลับเป็นแม่ของเด็กหนุ่มคนนั้นเสียนี่

    มาดามราโมน่า ยังไม่ขึ้นไปนอนเหรอคะ?

    เธอพูดด้วยน้ำเสียงและใบหน้าที่ออกท่าทางกล้าๆกลัวๆ

    รู้สึกว่าฉันจะหมดความอดทนกับเรื่องของแกเต็มทนแล้วนะ ซิลเวีย

    เสียงของหญิงวัยกลางคนถูกกดต่ำลงจนทำให้ดูน่าหวาดกลัวและน่าเกรงขามพอกันอย่างบอกไม่ถูก

    เรื่องของหนู  หมายความว่ายังไงคะ

    ก็เรื่องปัญหายุ่งวุ่นวายของแกนั่นแหละ

    นางไวโอเลนท์พูดด้วยน้ำเสียงที่เปลี่ยนแปลงไปในทางกระแทกแดกดันขึ้น  ถึงกับทำให้ซิลเวียนั้นมีอาการตกใจเล็กๆจนไม่กล้าปริปากพูดอะไร

                    ตั้งแต่เรื่องไอ้นักกีฬาควิดดิช ลูกชายฉัน แล้วยังจะงานคริสต์มาสบ้าบอคืนนี้ของแกอีก!”

                    งานคริสต์มาสนี้มันไม่ได้บ้าบอนะคะ มันเป็นงานที่ดีมากด้วยซ้ำ

                    งานของพวกทรยศต่อเลือด รักพวกมักเกิ้ลน่ะสิ เพราะพวกมันทำให้แกใจแตกจนกลับบ้านดึกดื่นขนาดนี้ไงเล่า

                    พวกเขาไม่ใช่คนแบบนั้นนะ!  หนูขอถามว่ามักเกิ้ลทำอะไรให้มาดาม ทำไมมาดามถึงได้จงเกลียดจงชังพวกเขามากนัก!”

                    ซิลเวียทนไม่ได้ที่จะให้ใครต่อใครดูถูกแบบนั้น จึงทำให้เธออดทนไม่ไหวอีกต่อไป ต่อมน้ำตาเริ่มทำงานอย่างผิดปกติ หยดน้ำจิ๋วไหลรินออกจากนัยน์ตาสีดำ

                    ทำเรื่องยุ่งวุ่นวายไปทั่ว โดยเฉพาะแก  อย่าลืมสิ แกให้ท่าลูกชายฉัน

                    หนูไม่ได้ให้ท่าแดน

                    ใบหน้าของซิลเวียในตอนนี้ดูตึงเครียดมากยิ่งขึ้นกว่าเดิมเมื่อถูกป้ายความผิดสิ่งที่ไม่เป็นความจริงแม้แต่กระจิดเดียว

                    ทันทีที่เธอพูดจบ เปลวเพลิงจากปลายไม้กายสิทธิ์ของมาดามราโมน่าก็พวยพุ่งออกมา  เปลวเพลิงนั้นตรงเข้ามาหาเธอจนน่าหวาดเสียว  แต่เธอก็ยังว่องไวในการควงไม้กายสิทธิ์ร่ายคาถาอากัวเมนตีซึ่งก่อให้เกิดสายน้ำดับไฟให้มอดลง

                    การปะทะกันระหว่างซิลเวียและนางไวโอเลนท์ยังคงดำเนินต่อไปภายในบ้าน แต่แปลกที่ไม่มีอะไรเสียหายในบ้านเลย  นางไวโอเลนท์โจมตีอย่างหนักแต่ซิลเวียก็ยังใช้คาถาเกราะวิเศษทุกครั้งไป ด้วยจิตสำนึกที่ยังคงระลึกได้อยู่ว่าคนที่กำลังต่อสู้ด้วยนั้นมีพระคุณต่อตน จึงไม่กล้าที่จะทำอะไรเกินเลยไปมากกว่านี้

                    ฉันรู้ว่าการสู้กันคงไม่มีประโยชน์อะไรถ้าหากแกยังใช้คาถาเกราะวิเศษอยู่ตลอดแบบนี้ ฉันรู้ว่าแกมีความสามารถในการใช้คาถามากกว่านี้  ฉันรู้ว่าความจริงแกก็อยากเป็นมือปราบมาร แต่ไม่ไปสอบเพราะเกลียดรูฟัส สคริมเจอร์ แล้วก็ฉันด้วย  แกก็เลยไปทำงานขายของกระจอกๆนั่น

                    นางไวโอเลนท์หยุดควงไม้กายสิทธิ์แล้วเอ่ยปากพูด

                    ฉันก็จะปล่อยให้แกเป็นไปตามยถากรรมของแกแล้วกัน เชิญแกออกไปจากบ้านหลังนี้ได้แล้ว เก็บของๆแกไปด้วยให้หมด ฉันไม่อยากให้ลูกชายฉันกลับมานึกถึงแกได้อีก

                    เมื่อนางไวโอเลนท์จบ ซิลเวียก็หันหลังเพื่อต่อต้านแรงโน้มถ่วงโดยการขึ้นบันไดไปที่ห้องใต้หลังคาของตนตามคำสั่งของนางไวโอเลนท์

                    เธอเริ่มจากเก็บเสื้อผ้าลงในกระเป๋าเป้ใบโต แต่เท่าที่ดูแล้วก็ไม่น่าจะสามารถใส่เสื้อผ้าทั้งหมดได้ แต่เธอก็สามารถใส่มันลงไปได้หมดเพราะใช้คาถาขยายพื้นที่ภายในกระเป๋า  ตำรับตำราเรียนหลายต่อหลายเล่มถูกจัดไว้ในหีบเดินทาง ของใช้ส่วนตัวก็ถูกจับโยนใส่กระเป๋าสะพายข้าง

                    ห้องใต้หลังตาที่เมื่อก่อนดูรกอย่างกับรูหนู ขณะนี้กลับดูโล่งและสะอาดขึ้นมากไปถนัดตา  ความทรงจำที่ถูกฝากฝังไว้ในห้องนี้มีอยู่มากมาย ไม่ว่าจะทุกข์ สุข หรือเศร้า ปะปนกันไปหมด

     

                    ซิลเวียไม่ต้องการที่จะหันกลับไปแม้แต่จะชายตามองมันอีก  เพราะถ้าหากหันกลับไป เธอคงจะต้องอดใจไม่ได้อีกที่จะต้องอยู่ที่นี่ต่อ  เธอหันหลังทอดน่องลงบันไดที่ละขั้นพร้อมกับเสียงหีบกระทบขั้นบันไดตึงตังจนมาถึงหน้าบ้าน

                    เดี๋ยว! ฉันจะบอกอะไรให้แกรู้อย่างนึง นี่คือกุญแจตู้เซฟของแกในธนาคารกริงกอตส์ ชื่อบัญชีเป็นชื่อของแกเอง

                    นางไวโอเลนท์ยื่นกุญแจหนึ่งดอกให้กับเธอ  หัวของลูกกุญแจมีหมายเลขบอกว่าตู้ที่เท่าไหร่  เธอรับกุญแจดอกนั้นมาแล้วกล่าวคำอำลาผู้เคยเลี้ยงดูแล้วหายวับไปพร้อมกับเสียงเปรี้ยง

     

     

                    ซิลเวียมาปรากฏอยู่อีกสถานที่หนึ่งอันดูคุ้นตาอย่างน่าประหลาดท่ามกลางหิมะที่กำลังร่วงโรย  ร้านค้าขนาบสองข้างของถนนทางเดิน  เธอย่างก้าวไปเรื่อยอย่างหนทางและจุดหมายที่จะไปให้ถึง  จนมาถึงร้านหมายเลข 94 ที่แสนคุ้นตา เธอหยุดกึกที่หน้าร้านก่อนจะเดินไปทางประตู สั่นระฆังกรุ่งกริ่งใกล้บานประตู หวังว่าคงจะมีใครสักคนอยู่ข้างในใจบุญมาเปิดให้ แต่ก็กลับไม่เป็นอย่างที่คิด  ข้างในร้านไม่มีใครอยู่เลยสักคน

                    ความเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้าส่งผลให้ร่างกายแทบจะทุกส่วนของเธออ่อนเรี่ยวอ่อนแรง  ข้อพับซึ่งอยู่ด้านตรงข้ามกันกับหัวเข่าทั้งสองข้างค่อยๆหนีบเข้าหากันเพื่อนั่งลง แผ่นหลังพิงประตูด้วยความอ่อนแรง เปลือกตาเลื่อนปิดลงจนมืดสนิท

     

     

                    ชายหนุ่มผมแดงคนหนึ่งผู้เป็นเจ้าของร้านย่างก้าวมาเพื่อที่จะลั่นกุญแจเปิดประตู แต่เขาก็กลับต้องสะดุดกับอะไรบางอย่างที่ดูใหม่กกว่าก้อนหิน

                    ซิลเวีย!”

                    น้ำเสียงของเขาดูตกใจเมื่อเห็นใบหน้าของเพื่อนสาวที่ดูซีดเผือดผิดปกติ  เขาไม่รีรออะไรอีกแล้ว เขารีบโยนสัมภาระของเธอเข้าไปในร้านอย่างลวกๆแล้วอุ้มเธอตามเข้าไป

                   

                    หญิงสาวนั้นรู้สึกได้ถึงความอบอุ่นอันแสนนุ่มนวลบริเวณใบหน้าและลำคอ  ความเน็ดเหนื่อยเมื่อบล้าจากเมื่อคืนดูหายเป็นปลิดทิ้ง  เปลือกตาทั้งสองข้างค่อยๆเปิดขึ้นอย่างช้าๆ แต่ก็ต้องหรี่ลงเพราะแสงจากภายนอก

                    จะ...จอร์จ

                    เธอเอ่ยชื่อหนึ่งในฝาแฝดวีสลีย์ขึ้นมา แต่ก็ไม่ทราบว่าจะเป็นใครกันแน่  เธอพยายามลุกขึ้นจากท่านอนเป็นนั่ง

                    ฉัน เฟร็ด  เธออย่าพึ่งลุกขึ้นจะดีกว่า

                    ชายหนุ่มผมแดงเพลิงเอ่ย

                    ขอโทษที เฟร็ด  แต่ที่นี่คือที่ไหน?

                    เธอรู้สึกแปลกใจกับสถานที่ที่ดูแล้วไม่คุ้นตาแบบนี้

                    ห้องนอนใต้หลังคาในร้านน่ะ

                    ขอโทษจริงๆ ฉันทำให้พวกเธอต้องเดือดร้อนอีกแล้ว  วันนี้ฉันจะไปหาที่พักใหม่

                    เธอกล่าวคำขอโทษจากใจโดยไม่กล้าที่จะแม้แต่ชำเลืองมองใบหน้าของเฟร็ดด้วยความนู้สึกผิดอยู่เป็นนัยๆ

                    ทำไมเธอต้องหาที่พักใหม่ด้วยล่ะ เธอมีปัญหาอะไรก็บอกพวกเราได้นะ

                    ฉันโดนไล่ออกจากบ้านเมื่อคืนนี้ ฉันต้องขอโทษจริงๆที่ทำให้พวกเธอต้องลำบากมาดูแลฉัน

                    เธอเงยหน้าสบตาเขาเป็นครั้งแรกตั้งแต่ลืมตาตื่นขึ้น

                    เธอไม่จำเป็นต้องไปหาที่พักใหม่หรอก  พวกเรายินดีให้เธอพักที่นี่ พวกเราจะสละเตียงให้เธอเลยก็ได้

                    ใบหน้าของเขาเปลี่ยนไปเป็นยิ้มแฉ่งด้วยความยินดี

                    ไม่เป็นไร พวกเธอนอนเตียงตามปกติเถอะ ฉันนอนบนโซฟาได้  เท่าที่เธอแบ่งที่พักให้ฉันก็มากพอแล้ว

                    ตามใจเธอก็แล้วกัน

     

                    นี่เฟร็ด เธอรู้ไหมว่าพวกเธอดีต่อฉันมากเลย  เชื่อไหมว่าไม่เคยมีใครทำสิ่งดีๆให้กับฉันมากเท่าพวกเธอมาก่อน  พวกเธอคือเพื่อนที่ดีที่สุดของฉันเลย

                    ซิลเวียเอ่ยขึ้นมาเพื่อทำลายความเงียบซึ่งเป็นตัวทำให้ความหม่นหมองปกคลุม

                    ไม่ถึงขนาดนั้นหรอก อย่างน้อยเธอก็ยังเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของพวกเรา ตั้งแต่พวกเราหนีออกมาจากฮอกวอตส์ พวกเราไม่เคยเจอเพื่อนคนอื่นๆเลย  แต่ในที่สุดก็ได้มาเจอเธอ

                    เขายิ้มอย่างจริงใจให้กับเพื่อนสาว จึงทำให้เธอยิ้มตอบ

                    ฉันก็คง... จะเริ่มรักพวกเธอมากขึ้น  แต่ฉันก็ไม่รู้ว่าคนไหนกันแน่ที่ฉันจะฝากฝังความรักไว้และไม่รู้ว่าใครจะยอมรับความรักของฉัน และแน่นอนว่าการจะรักใครจริงก็คงรักทั้งคู่พร้อมกันไม่ได้แน่นอนอยู่แล้ว  ฉันคงต้องใช้เวลาคิดทบทวนอีกสักพัก ถึงจะบอกคำตอบที่แน่นอนได้

                    เธอพูดก้มหน้าพลางใช้นิ้มขีดเขียนบริเวณเตียงนอนด้วยความเขินอายในการที่จะพูดอะไรอย่างนั้น  ส่วนอีกฝ่ายผู้ฟังก็รู้สึกว่าโชคเริ่มเข้าข้างตนเองมากขึ้น

                    ฉันมีอะไรจะบอกเธอ  ฉันจะยอมเป็นคนที่รับความรักของเธอมาฝากไว้กับตัวฉันเอง ก็เพราะว่าฉันรักเธอไงล่ะ  ส่วนจอร์จ ฉันไม่รู้ว่าเขาคิดยังไงกับเธอ

                    คำพูดเหล่านี้กระทำให้หัวใจของคนทั้งคู่เต้นตุ้บตั้บและรัวอย่างไม่เป็นจังหวะ  และไม่สามารถที่จะทำให้แต่ละคนสบตากันได้ลง

                    เฟร็ด เธอคือคนที่ช่วยเหลือฉันเสมอไม่ว่าเวลาไหน คอยเป็นเพื่อนใจ คอยรับฟังความเห็น  รู้ไหมว่าองค์ประกอบพวกนี้ทำให้ใจฉันที่อัดอั้นอยู่มัน... แทบจะระเบิดออกมาแล้วแตกเป็นเสี่ยงๆ

                    ฉันรักเธอ และก็รักเธอมาตลอด ตั้งแต่ที่อยู่ฮอกวอตส์

                    พอเฟร็ดพูดจบเขาก็โผกอดเข้าเพื่อนสาวที่ยังคงนั่งอยู่บนเตียง  ทำให้เธอกอดตอบ

                    ขอบคุณที่เธอมีความอดทนและเฝ้ารอฉันมาตลอด แม้ว่าเมื่อก่อนฉันจะไม่ได้รักเธอเลย  แต่ตอนนี้รางวัลแห่งความอดทนของเธอก็คือความรักที่จริงใจของฉัน

                    น้ำตาไหลรินจากความซาบซึ้งค่อยๆหยดลงอย่างเป็นจังหวะ เพราะได้ทำในสิ่งที่ใจต้องการ

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×