คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #10 : Chapter X รางวัลสำหรับความอดทน
Chapter X
รางวัลสำหรับความอดทน
หิมะเริ่มตกหนักขึ้นเรื่อยๆอย่างไม่รู้จักหยุดซึ่งส่งผลกระทบทำให้อากาศภายนอกนั้นหนาวขึ้นเท่านั้น แต่ภายในบ้านโพรงกระต่ายก็ยังคงอบอวลไปด้วยความอบอุ่นเหมือนเคย
“หิมะตกหนักมากเลย หนูจะอยู่ค้างคืนที่นี่ก็ได้นะซิลเวีย”
นางวีสลีย์บอก
“ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวหนูหายตัวไปแว็บเดียวก็ถึงแล้ว”
“งั้นก็ค่อยหายห่วงหน่อย ขอเดินทางปลอดภัยนะจ๊ะ”
นางวีสลีย์ยิ้มให้เมื่อพูดจบ ก่อนที่จะหันหน้ากลับไปทำความสะอาดบนโต๊ะต่อ ส่วนซิลเวียนั้นเดินเข้าไปหาเด็กๆทั้งสี่ที่กำลังช่วยกันเก็บกวาดของตกแต่งสำหรับคริสต์มาส
“พวกเธอไม่จำเป็นต้องเก็บมันทีละชิ้นให้ยุ่งยากหรอก เพราะนี่คือชุดวันคริสต์มาสสำเร็จรูป”
จากนั้นซิลเวียก็โบกไม้กายสิทธิ์เป็นรูปกากบาทกลางอากาศเหนือกล่องบรรจุสินค้าที่ร้านเกมกลวิเศษณ์วีสลีย์จำหน่ายพร้อมกับพูดว่า ”ชุดวันคริสต์มาสสำเร็จรูป จงเก็บ”
ทันใดนั้นอุปกรณ์ของตกแต่งต่างๆก็ล่องลอยลงมาเข้าไปอยู่ในกล่องอย่างเหลือเชื่อ แถมริบบิ้นยังผูกตัวเองให้เรียบร้อย
“ยอดไปเลย!”
แฮร์รี่ รอน เฮอร์ไมโอนี่ และจินนี่อดโพล่งออกมาด้วยความแปลกใจไม่ได้
“ขอบคุณสำหรับคำชมจ้ะ ฉันขอตัวกลับก่อน อย่าลืมดูแลรักษาสุขภาพตัวเองด้วยล่ะ”
เธอยิ้มให้กับเด็กทั้งสี่ จากนั้นจึงก้าวเข้าไปกระซิบข้างใบหูของจินนี่เบาๆ “ช่วยดูและแฮร์รี่ให้ดีล่ะ เขาล่ะชอบทำตัวเป็นพระเอกอยู่เรื่อย ฉันเชื่อใจเธอนะ จินนี่”
จินนี่พยักหน้าหงึกๆ แล้วก็อดไม่ได้ที่จะส่งยิ้มคืนให้ซิลเวีย
ซิลเวียตัดสินใจที่จะเดินไปบอกลาเฟร็ดและจอร์จก่อนกลับ แต่ก็ต้องหยุดเมื่อแฮร์รี่ผู้เปรียบเสมือนน้องชายจับแขนไว้
“เมื่อกี้บอกอะไรกับจินนี่”
แฮร์รี่พูดอย่างแผ่วเบาเพื่อไม่อยากให้ใครอื่นได้ยินนอกจากซิลเวีย
“ความลับของผู้หญิง ฉันบอกไม่ได้ รักษาตัวด้วยล่ะเวลาที่ฉันไม่อยู่”
“เช่นกัน”
“ฉันขอตัวกลับก่อนนะ”
ซิลเวียเอ่ยบอกฝาแฝดวีสลีย์ตามมารยาท
“โชคดีนะ เจอกันพรุ่งนี้ที่ร้านนะ”
เฟร็ดและจอร์จยิ้มให้ก่อนเธอหายวับไปพร้อมกับเสียงเปรี้ยงปร้างจากการหายตัว
ซิลเวียกลับมาปรากฏตัวที่บ้านของตระกูลไวโอเลนท์หลังเดิมอีกเช่นเคย แต่ในครั้งนี้คนที่รออยู่ไม่ใช่เด็กหนุ่มคนเดิม เพราะคนๆนั้นกลับเป็นแม่ของเด็กหนุ่มคนนั้นเสียนี่
“มาดามราโมน่า ยังไม่ขึ้นไปนอนเหรอคะ?”
เธอพูดด้วยน้ำเสียงและใบหน้าที่ออกท่าทางกล้าๆกลัวๆ
“รู้สึกว่าฉันจะหมดความอดทนกับเรื่องของแกเต็มทนแล้วนะ ซิลเวีย”
เสียงของหญิงวัยกลางคนถูกกดต่ำลงจนทำให้ดูน่าหวาดกลัวและน่าเกรงขามพอกันอย่างบอกไม่ถูก
“เรื่องของหนู หมายความว่ายังไงคะ”
“ก็เรื่องปัญหายุ่งวุ่นวายของแกนั่นแหละ”
นางไวโอเลนท์พูดด้วยน้ำเสียงที่เปลี่ยนแปลงไปในทางกระแทกแดกดันขึ้น ถึงกับทำให้ซิลเวียนั้นมีอาการตกใจเล็กๆจนไม่กล้าปริปากพูดอะไร
“ตั้งแต่เรื่องไอ้นักกีฬาควิดดิช ลูกชายฉัน แล้วยังจะงานคริสต์มาสบ้าบอคืนนี้ของแกอีก!”
“งานคริสต์มาสนี้มันไม่ได้บ้าบอนะคะ มันเป็นงานที่ดีมากด้วยซ้ำ”
“งานของพวกทรยศต่อเลือด รักพวกมักเกิ้ลน่ะสิ เพราะพวกมันทำให้แกใจแตกจนกลับบ้านดึกดื่นขนาดนี้ไงเล่า”
“พวกเขาไม่ใช่คนแบบนั้นนะ! หนูขอถามว่ามักเกิ้ลทำอะไรให้มาดาม ทำไมมาดามถึงได้จงเกลียดจงชังพวกเขามากนัก!”
ซิลเวียทนไม่ได้ที่จะให้ใครต่อใครดูถูกแบบนั้น จึงทำให้เธออดทนไม่ไหวอีกต่อไป ต่อมน้ำตาเริ่มทำงานอย่างผิดปกติ หยดน้ำจิ๋วไหลรินออกจากนัยน์ตาสีดำ
“ทำเรื่องยุ่งวุ่นวายไปทั่ว โดยเฉพาะแก อย่าลืมสิ แกให้ท่าลูกชายฉัน”
“หนูไม่ได้ให้ท่าแดน”
ใบหน้าของซิลเวียในตอนนี้ดูตึงเครียดมากยิ่งขึ้นกว่าเดิมเมื่อถูกป้ายความผิดสิ่งที่ไม่เป็นความจริงแม้แต่กระจิดเดียว
ทันทีที่เธอพูดจบ เปลวเพลิงจากปลายไม้กายสิทธิ์ของมาดามราโมน่าก็พวยพุ่งออกมา เปลวเพลิงนั้นตรงเข้ามาหาเธอจนน่าหวาดเสียว แต่เธอก็ยังว่องไวในการควงไม้กายสิทธิ์ร่ายคาถา”อากัวเมนตี”ซึ่งก่อให้เกิดสายน้ำดับไฟให้มอดลง
การปะทะกันระหว่างซิลเวียและนางไวโอเลนท์ยังคงดำเนินต่อไปภายในบ้าน แต่แปลกที่ไม่มีอะไรเสียหายในบ้านเลย นางไวโอเลนท์โจมตีอย่างหนักแต่ซิลเวียก็ยังใช้คาถาเกราะวิเศษทุกครั้งไป ด้วยจิตสำนึกที่ยังคงระลึกได้อยู่ว่าคนที่กำลังต่อสู้ด้วยนั้นมีพระคุณต่อตน จึงไม่กล้าที่จะทำอะไรเกินเลยไปมากกว่านี้
“ฉันรู้ว่าการสู้กันคงไม่มีประโยชน์อะไรถ้าหากแกยังใช้คาถาเกราะวิเศษอยู่ตลอดแบบนี้ ฉันรู้ว่าแกมีความสามารถในการใช้คาถามากกว่านี้ ฉันรู้ว่าความจริงแกก็อยากเป็นมือปราบมาร แต่ไม่ไปสอบเพราะเกลียดรูฟัส สคริมเจอร์ แล้วก็ฉันด้วย แกก็เลยไปทำงานขายของกระจอกๆนั่น”
นางไวโอเลนท์หยุดควงไม้กายสิทธิ์แล้วเอ่ยปากพูด
“ฉันก็จะปล่อยให้แกเป็นไปตามยถากรรมของแกแล้วกัน เชิญแกออกไปจากบ้านหลังนี้ได้แล้ว เก็บของๆแกไปด้วยให้หมด ฉันไม่อยากให้ลูกชายฉันกลับมานึกถึงแกได้อีก”
เมื่อนางไวโอเลนท์จบ ซิลเวียก็หันหลังเพื่อต่อต้านแรงโน้มถ่วงโดยการขึ้นบันไดไปที่ห้องใต้หลังคาของตนตามคำสั่งของนางไวโอเลนท์
เธอเริ่มจากเก็บเสื้อผ้าลงในกระเป๋าเป้ใบโต แต่เท่าที่ดูแล้วก็ไม่น่าจะสามารถใส่เสื้อผ้าทั้งหมดได้ แต่เธอก็สามารถใส่มันลงไปได้หมดเพราะใช้คาถาขยายพื้นที่ภายในกระเป๋า ตำรับตำราเรียนหลายต่อหลายเล่มถูกจัดไว้ในหีบเดินทาง ของใช้ส่วนตัวก็ถูกจับโยนใส่กระเป๋าสะพายข้าง
ห้องใต้หลังตาที่เมื่อก่อนดูรกอย่างกับรูหนู ขณะนี้กลับดูโล่งและสะอาดขึ้นมากไปถนัดตา ความทรงจำที่ถูกฝากฝังไว้ในห้องนี้มีอยู่มากมาย ไม่ว่าจะทุกข์ สุข หรือเศร้า ปะปนกันไปหมด
ซิลเวียไม่ต้องการที่จะหันกลับไปแม้แต่จะชายตามองมันอีก เพราะถ้าหากหันกลับไป เธอคงจะต้องอดใจไม่ได้อีกที่จะต้องอยู่ที่นี่ต่อ เธอหันหลังทอดน่องลงบันไดที่ละขั้นพร้อมกับเสียงหีบกระทบขั้นบันไดตึงตังจนมาถึงหน้าบ้าน
“เดี๋ยว! ฉันจะบอกอะไรให้แกรู้อย่างนึง นี่คือกุญแจตู้เซฟของแกในธนาคารกริงกอตส์ ชื่อบัญชีเป็นชื่อของแกเอง”
นางไวโอเลนท์ยื่นกุญแจหนึ่งดอกให้กับเธอ หัวของลูกกุญแจมีหมายเลขบอกว่าตู้ที่เท่าไหร่ เธอรับกุญแจดอกนั้นมาแล้วกล่าวคำอำลาผู้เคยเลี้ยงดูแล้วหายวับไปพร้อมกับเสียงเปรี้ยง
ซิลเวียมาปรากฏอยู่อีกสถานที่หนึ่งอันดูคุ้นตาอย่างน่าประหลาดท่ามกลางหิมะที่กำลังร่วงโรย ร้านค้าขนาบสองข้างของถนนทางเดิน เธอย่างก้าวไปเรื่อยอย่างหนทางและจุดหมายที่จะไปให้ถึง จนมาถึงร้านหมายเลข 94 ที่แสนคุ้นตา เธอหยุดกึกที่หน้าร้านก่อนจะเดินไปทางประตู สั่นระฆังกรุ่งกริ่งใกล้บานประตู หวังว่าคงจะมีใครสักคนอยู่ข้างในใจบุญมาเปิดให้ แต่ก็กลับไม่เป็นอย่างที่คิด ข้างในร้านไม่มีใครอยู่เลยสักคน
ความเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้าส่งผลให้ร่างกายแทบจะทุกส่วนของเธออ่อนเรี่ยวอ่อนแรง ข้อพับซึ่งอยู่ด้านตรงข้ามกันกับหัวเข่าทั้งสองข้างค่อยๆหนีบเข้าหากันเพื่อนั่งลง แผ่นหลังพิงประตูด้วยความอ่อนแรง เปลือกตาเลื่อนปิดลงจนมืดสนิท
ชายหนุ่มผมแดงคนหนึ่งผู้เป็นเจ้าของร้านย่างก้าวมาเพื่อที่จะลั่นกุญแจเปิดประตู แต่เขาก็กลับต้องสะดุดกับอะไรบางอย่างที่ดูใหม่กกว่าก้อนหิน
“ซิลเวีย!”
น้ำเสียงของเขาดูตกใจเมื่อเห็นใบหน้าของเพื่อนสาวที่ดูซีดเผือดผิดปกติ เขาไม่รีรออะไรอีกแล้ว เขารีบโยนสัมภาระของเธอเข้าไปในร้านอย่างลวกๆแล้วอุ้มเธอตามเข้าไป
หญิงสาวนั้นรู้สึกได้ถึงความอบอุ่นอันแสนนุ่มนวลบริเวณใบหน้าและลำคอ ความเน็ดเหนื่อยเมื่อบล้าจากเมื่อคืนดูหายเป็นปลิดทิ้ง เปลือกตาทั้งสองข้างค่อยๆเปิดขึ้นอย่างช้าๆ แต่ก็ต้องหรี่ลงเพราะแสงจากภายนอก
“จะ...จอร์จ”
เธอเอ่ยชื่อหนึ่งในฝาแฝดวีสลีย์ขึ้นมา แต่ก็ไม่ทราบว่าจะเป็นใครกันแน่ เธอพยายามลุกขึ้นจากท่านอนเป็นนั่ง
“ฉัน เฟร็ด เธออย่าพึ่งลุกขึ้นจะดีกว่า”
ชายหนุ่มผมแดงเพลิงเอ่ย
“ขอโทษที เฟร็ด แต่ที่นี่คือที่ไหน?”
เธอรู้สึกแปลกใจกับสถานที่ที่ดูแล้วไม่คุ้นตาแบบนี้
“ห้องนอนใต้หลังคาในร้านน่ะ”
“ขอโทษจริงๆ ฉันทำให้พวกเธอต้องเดือดร้อนอีกแล้ว วันนี้ฉันจะไปหาที่พักใหม่”
เธอกล่าวคำขอโทษจากใจโดยไม่กล้าที่จะแม้แต่ชำเลืองมองใบหน้าของเฟร็ดด้วยความนู้สึกผิดอยู่เป็นนัยๆ
“ทำไมเธอต้องหาที่พักใหม่ด้วยล่ะ เธอมีปัญหาอะไรก็บอกพวกเราได้นะ”
“ฉันโดนไล่ออกจากบ้านเมื่อคืนนี้ ฉันต้องขอโทษจริงๆที่ทำให้พวกเธอต้องลำบากมาดูแลฉัน”
เธอเงยหน้าสบตาเขาเป็นครั้งแรกตั้งแต่ลืมตาตื่นขึ้น
“เธอไม่จำเป็นต้องไปหาที่พักใหม่หรอก พวกเรายินดีให้เธอพักที่นี่ พวกเราจะสละเตียงให้เธอเลยก็ได้”
ใบหน้าของเขาเปลี่ยนไปเป็นยิ้มแฉ่งด้วยความยินดี
“ไม่เป็นไร พวกเธอนอนเตียงตามปกติเถอะ ฉันนอนบนโซฟาได้ เท่าที่เธอแบ่งที่พักให้ฉันก็มากพอแล้ว”
“ตามใจเธอก็แล้วกัน”
“นี่เฟร็ด เธอรู้ไหมว่าพวกเธอดีต่อฉันมากเลย เชื่อไหมว่าไม่เคยมีใครทำสิ่งดีๆให้กับฉันมากเท่าพวกเธอมาก่อน พวกเธอคือเพื่อนที่ดีที่สุดของฉันเลย”
ซิลเวียเอ่ยขึ้นมาเพื่อทำลายความเงียบซึ่งเป็นตัวทำให้ความหม่นหมองปกคลุม
“ไม่ถึงขนาดนั้นหรอก อย่างน้อยเธอก็ยังเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของพวกเรา ตั้งแต่พวกเราหนีออกมาจากฮอกวอตส์ พวกเราไม่เคยเจอเพื่อนคนอื่นๆเลย แต่ในที่สุดก็ได้มาเจอเธอ”
เขายิ้มอย่างจริงใจให้กับเพื่อนสาว จึงทำให้เธอยิ้มตอบ
“ฉันก็คง... จะเริ่มรักพวกเธอมากขึ้น แต่ฉันก็ไม่รู้ว่าคนไหนกันแน่ที่ฉันจะฝากฝังความรักไว้และไม่รู้ว่าใครจะยอมรับความรักของฉัน และแน่นอนว่าการจะรักใครจริงก็คงรักทั้งคู่พร้อมกันไม่ได้แน่นอนอยู่แล้ว ฉันคงต้องใช้เวลาคิดทบทวนอีกสักพัก ถึงจะบอกคำตอบที่แน่นอนได้”
เธอพูดก้มหน้าพลางใช้นิ้มขีดเขียนบริเวณเตียงนอนด้วยความเขินอายในการที่จะพูดอะไรอย่างนั้น ส่วนอีกฝ่ายผู้ฟังก็รู้สึกว่าโชคเริ่มเข้าข้างตนเองมากขึ้น
“ฉันมีอะไรจะบอกเธอ ฉันจะยอมเป็นคนที่รับความรักของเธอมาฝากไว้กับตัวฉันเอง ก็เพราะว่าฉันรักเธอไงล่ะ ส่วนจอร์จ ฉันไม่รู้ว่าเขาคิดยังไงกับเธอ”
คำพูดเหล่านี้กระทำให้หัวใจของคนทั้งคู่เต้นตุ้บตั้บและรัวอย่างไม่เป็นจังหวะ และไม่สามารถที่จะทำให้แต่ละคนสบตากันได้ลง
“เฟร็ด เธอคือคนที่ช่วยเหลือฉันเสมอไม่ว่าเวลาไหน คอยเป็นเพื่อนใจ คอยรับฟังความเห็น รู้ไหมว่าองค์ประกอบพวกนี้ทำให้ใจฉันที่อัดอั้นอยู่มัน... แทบจะระเบิดออกมาแล้วแตกเป็นเสี่ยงๆ”
“ฉันรักเธอ และก็รักเธอมาตลอด ตั้งแต่ที่อยู่ฮอกวอตส์”
พอเฟร็ดพูดจบเขาก็โผกอดเข้าเพื่อนสาวที่ยังคงนั่งอยู่บนเตียง ทำให้เธอกอดตอบ
“ขอบคุณที่เธอมีความอดทนและเฝ้ารอฉันมาตลอด แม้ว่าเมื่อก่อนฉันจะไม่ได้รักเธอเลย แต่ตอนนี้รางวัลแห่งความอดทนของเธอก็คือความรักที่จริงใจของฉัน”
น้ำตาไหลรินจากความซาบซึ้งค่อยๆหยดลงอย่างเป็นจังหวะ เพราะได้ทำในสิ่งที่ใจต้องการ
ความคิดเห็น