ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    {Fic exo} HEART TOY's [ChanBaek ft.HunHan]

    ลำดับตอนที่ #2 : Chapter 1 - HEART TOY's : 100per.

    • อัปเดตล่าสุด 11 ต.ค. 59








    If you love somebody, let them go, for if they return, 

    they were always yours. And if they don’t, 

    they never were.



    หากคุณรักใครซักคนแล้ว ให้ปล่อยเขาไป หากเขากลับมา 


    แสดงว่าเขาเป็นของคุณมาโดยตลอด แต่ถ้าไม่ 


    ...แสดงว่าเขาไม่เคยเป็นของคุณเลย










    กริ๊งงงงงงงง
     ♪

         



             
             เสียงสัญญาณที่บ่งบอกว่าเป็นเวลาเลิกเรียนของเหล่านักศึกษาฮันยาง มีตึกเรียนสามตึก ตั้งอยู่ใจกลางกรุงโซลเมืองหลวง   ไม่น่าแปลก ที่เหล่าพวกลูกคุณหนูร่ำรวยจึงแห่มาลูกของตัวเองเข้ามาเรียนที่นี้เพราะใครที่จบจากโรงเรียนนี้ไปมหาลัยต่างๆก็พร้อมจะอ้าแขนรับแทบจะทุกคน   ซึ่งต่างกับผมโดยสิ้นเชิง  ที่ต้องสอบเข้าด้วยความยากลำบากแต่สอบติดเข้ามาได้ก็ถือว่าคุ้มเนาะว่าไหม

                    
         
              ร่างบางอ้อนแอ้น ผมนุ่มนิ่มสีน้ำตาลธรรมชาติขนตาเรียงสวยเป็นแผยาวแก้มยุ้ยสีแดงฝาด เอวบางคอดที่ไม่ต่างอะไรราวกับเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆเลยแม้แต่น้อยผิวกายสีขาวชมพูระเรื่อที่นุ่มจนน่าสัมผัสไม่มีเบื่อ หลังจากเหงยหน้าขึ้นหลังจากฟุบโต๊ะหลับในคาบเรียนมาเกือบ 2 ชั่วโมงเต็มๆ

             
              

         มือเล็กยกขึ้นขยี้ตาไปมาเล็กน้อยพร้อมกับบิดขี้เกียจ อื้ออออ

       

          “แบค หิวข้าวอ่ะ ไปหาอะไรกินกันนะๆๆ ใครคนนี้ไม่ใช่ใครที่ไหน แต่คือ โด คยองซูเพื่อนซี้ปึ๊กตั้งแต่อยู่มัธยมต้นของผมเอง

        
           “อย่าคิดว่าชั้นไม่รู้นะ ว่าแกจะไปอ่อยพี่หมอจงอินที่หน้าโรงพยาบาลหน่ะคยองซูพร้อมกับเบ้ปากด้วยความหมั่นไส้ให้เพื่อนรักสักที

     

                

            เอ่อ.. ใช่สิผมลืมแนะนำตัวเองเลย สวัสดีครับ ผม บยอน แบคฮยอน หน้าเฉิ่มๆ ตัวอ้วนๆ จะว่าผมก็เป็นเด็กติ๋มคนนึง ตอนนี้ผมอายุ20จะย่างเข้า21 แล้วในอีกเดือนกว่าๆที่กำลังจะถึง บ้านผมก็ไม่ได้มีฐานะดีสักเท่าไร ออกจะเรียกว่าแทบจนกันเลยด้วยซ้ำ ผมเป็นเด็กต่างจังหวัดคนนึง ที่ดิ้นรนเข้ามาเรียนในกรุงโซล คุณพ่อของผมเสียตั้งแต่ผมอยู่ในท้องแม่ประมาณ 2เดือน ด้วยโรคหัวใจ ผมจึงสนิทกับแม่มาก แม่จะโอนเงินมาให้ผมใช้เพื่อใช้ในการจ่ายค่าเรียนและการกินในแต่ละวัน ซึ่งในแต่ละเดือนบางเดือนก็ไม่พอ แน่นอน ผมจึงต้องหางานพิเศษหลังเรียนเพื่อประทังชีวิตตัวเอง   

                ผมเข้ามาเรียนจนได้เจอกับ คยองซู เพื่อนรัก แต่นิสัยแทบจะต่างกันโดยสินเชิง ผมเป็นคนไม่ค่อยชอบเข้าสังคมเพราะรู้สึกว่ามันค่อนข้างจะวุ่นวาย ต่างจากคยองซูที่เฟรนด์ลี่เอามากๆ สดชื่นได้ตลอดเวลา 

           

              
          “แกไม่รู้อะไร เป็นเมียหมอนี่สบายทั้งชาติเลยนะเว้ย คนอะไรก็ไม่รู้หล่อก็หล่อ ผิวเข้มดูดี แถมยัง ฐานะดี มีแต่สาวจ้องจะจัอง กรี๊ด! ไม่รู้ล่ะ! ยังไงชั้นก็ต้องได้พี่จงอินมาเป็นผัวให้ได้!!! พร้อมกับหยิบแป้งพับขึ้นมาเติมหน้าเพื่อจะเตรียมตัวไปอ่อยผู้ชายที่ใฝ่ฝัน       


    ผมมองคยองซูแล้วแอบขำในความสดใสของคยองซู คงมีแต่ผมสินะที่ไม่เคยมีใครมาจีบหรือสนใจซักนิด ต่างกับคยองซูที่มีคนเข้าหาตลอดเวลา

                     

          “จ้า น้ำตาเช็ดหัวเข่าขึ้นมาไม่ต้องมาให้โอ๋ละกัน

                 

           “งานนี้ไม่มีทางพลาดย่ะแล้วหยิบลิปสีชมพูขึ้นมาทาริมฝีปากอย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาว

                  

           “เออๆ ไปกันได้ละ มัวแต่เติมอยู่นั่นแหละ หิวข้าวแล้วผมดึงแขนลากคยองซูออกจากห้องเรียนประจำชั้น รีบเดินออกจากโรงเรียนเพื่อมุ่งตรงไปที่ร้านอาหารข้างทางที่หน้าโรงพยาบาลที่เราสองคนไปกินเป็นประจำ

            














    หน้าโรงพยาบาลเอ็มบี

          

                  


                   โรงพยาบาลโซลถือได้ว่าเป็นโรงพยาบาลที่ดีที่สุดในเกาหลีเลยก็ว่าได้   มีตึกคนไข้สูงยาวเสียดฟ้า อยู่ 3-4 ตึก ใครที่จะเข้าไปใช้บริการทางการแพทย์พูดได้เลยว่ามีแต่พวกเศรษฐีมีตังค์แทบทั้งสิ้น เพราะเครื่องมือทางการแพทย์ที่ใช้ในการรักษาคนไข้มีเครื่องมือที่ทันสมัย พร้อมรองรับดูแลคนไข้ตลอดเวลา บรรยากาศก็รมรื่นย์ถึงจะอยู่ใจกลางเมืองแต่ก็กลับมีลมพัดเบาๆเย็นสบาย ที่ทำให้คนที่เดินผ่านไปมาผ่อนคลายขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ นี้สินะที่เขาว่ากันว่าคนเรามีเงินก็สามารถทำอะไรในสิ่งที่เราต้องการได้ทุกอย่างไม่ว่าจะราคาแพงหูฉี่มากแค่ไหน เพียงมีแค่เงิน ก็สามารถซื้ออะไรได้ทุกอย่างตามที่เราปราถนา

             

              ตอนนี้ผมกับคยองซูกำลังนั่งซั๊ดข้าวผัดปูจานยักษ์ของโปรดที่ร้านประจำที่ต้องพากันมากินทุกหลังเรียนตั้งแต่มัธยมต้นถึงตอนนี้เราก็อยู่มัธยมปลายแต่ก็ยังมานั่งกินด้วยจนกลายเป็นกิจวัตรประจำของเราสองคนไปโดยสิ้นเชิง ผมกับคยองซูกินเหมือนคนอยากไม่ได้กินอะไรมาหลายวันยังไงยังงั้น ทั้งๆที่เราสองคนพึ่งกินขนมเล่นไม่ถึง 3 ชั่วโมงนี้เอง

     


            อิ่มจังเลยยยยผมพูดพร้อมตัวลูบท้องตัวเองปอยๆ หลังจากที่ซัดข้าวผัดจานยักษ์กับคยองซูเป็นที่เรียบร้อย

        


          “เมื่อไร่พี่จงอินจะออกมะหะ...เห้ย พี่หมอจงอินออกมาแล้วแก!!!!! กรี๊ดดดดด!!!” เพื่อนรักของมันสะกิดเรียกผมพร้อมชี้นิ้วเป็นการบอกว่าพี่หมอจงอินออกมาจากโรงพยาบาล 

     

              
            แต่เอ๊ะ...  






            คนข้างๆพี่หมอจงอินนี้ใครกัน                                   

     

              


              ผู้ชายร่างกายสูงโปร่ง จมูกเป็นสันคล้ายลูกครึ่งก็ไม่เชิง ริมฝีปากหนาได้รูป สายตาคมกริบที่พร้อมจะทำให้ใครที่มองสบตาหลงได้อย่างไม่รู้ตัว ขายาวเดินก้าวไปข้างหน้า พร้อมยกมือเสยผมสีดำขลับที่ปรกหน้าขึ้นเล็กน้อย  สวมเสื้อเกาว์เหมือนพี่หมอจงอิน

         

                 



                   “ไอแบค  นั่นพี่หมอชานยอลนิ เพื่อนพี่จงอินอ๊ายย!!!” นังคยองซูกรี๊ดเป็นตุ๊ดแตก จนโต๊ะรอบๆข้างมองเราสองคนด้วยความตกใจบวกกับความสนใจว่าเป็นอะไรกันรึเปล่า

       

     





    ขณะนั้น..







    ผมก็ได้แต่พึมพำกับตัวเองเบาๆ

     













    พี่หมอชานยอล... งั้นเหรอ 

     

     

     

       

     

     

     

    ตึก..ตัก...

     

                         


          ผมนั่งจ้องมองเขาด้วยสายตาที่ยากไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับตัวตัวเอง  เสียงหัวใจเต้นแรงขึ้นดังอย่างน่าอาย มันเต้นดังจนผมต้องเอามือแนบกับหน้าอกราวกับว่ากลัวใครคนนั้น..คนที่ผมกำลังมองเขาจะได้ยินเสียงหัวใจที่ไม่มีค่าอะไรดวงนี้

     

     

     

    แบคๆ เป็นอะไรรึป่าวแบค” คยองซูเขย่าแขนผมพร้อมเรียกชื่อเมื่อเห็นว่าผมเหมือนคนคิดอะไรอยู่ในใจ

     

    อะ...อ่อเปล่าๆ” ผมตอบกลับคยองซูด้วยความมึนงงเล็กน้อย

     

    เมื่อกี้พี่หมอจงอินเดินออกมากันพี่หมอชานยอลด้วยอ่ะ

     

    พี่หมอชานยอลเขาเป็นใครเหรอคยอง” ผมถามคยองซูด้วยความสงสัย

      

                   

                   ก็ตั้งแต่เรามากินร้านนี้ทำไมไม่เห็นหน้าผู้ชายคนนี้มาก่อนเลย.. ทั้งๆที่เราผมกับคยองซูมากนข้าวร้านนี้หลังเลิกเรียนแทบจะทุกวันเลยก็ว่าได้

          


            “แกไม่รู้จักจริงๆดิ?  อืม...พี่หมอชานยอลน่ะนะ เขาเคยเรียนอยู่ที่มัธยมปลายแดซองด้วย แต่พอเรียนจบ ก็ไปเรียนต่อที่อังกฤษ ฐานะครอบครัวก็ถือได้ว่าทั้งชาติใช้เงินก็ยังใช้ไม่หมด ตอนนี้พี่หมอชานยอลเขาเป็นนายแบบด้วย ดังเลยที่เดียวแหละ คงอายุประมาณ 27 น่าจะใช่ เออแล้วที่ได้ข่าวลือกันมานะแบค  ตั้งแต่มาทำงานที่นี้ก็ไม่เคยมีแฟนเลยสักคน มีสาวๆออกจะเข้าหาเยอะด้วยซ้ำ แต่สุดท้ายก็แค่'one night'เท่านั้น ไงๆๆ สนใจผู้ชายคนนี้ล่ะสิหมาน้อย ฮ่ะๆๆ

                  

                  คยองซูหัวเราะด้วยความสะใจที่เห็นเพื่อนรักของเขาเหมือนจะชอบพี่หมอชานยอล เป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่มัธยมต้นแต่นี้คงเป็นครั้งแรกที่แบคฮยอนสนใจใครจริงจังแบบนี้

     

     

     


    บ้าใครบอกกันเล่าว่าสนใจ

     

    แล้วทำไมต้องหน้าแดงมันตูดลิงแบบบั้นด้วยล่ะ แค่พูดเล่นๆเองนะแบค แหน่ะๆๆ

     

    พอเลยไอเตี้ย ไปๆกลับบ้านได้แล้ว ฉันต้องไปทำงานพิเศษอีกนะลืมไปแล้วรึไง” ผมเขกหัวคยองซูไปหนึ่งทีโทษฐานที่ทำให้ผมอายจนหน้าจะแต่อยู่แล้วเนี้ย หึ่ย!

     

     “แหม่ๆ อ้ะป่ะๆเดี๋ยวไปส่ง” เราสองคนลุกขึ้นจากโต๊ะวางเงินค่าอาหารบนโต๊ะที่เรานั่งพร้อมกับเดินออกจากร้านไปยังที่สถานที่ทำงานพิเศษซึ่งเป็นเป้าหมายที่ผมต้องไปหลังจากกินข้าวเสร็จทุกเย็นในทุกๆวัน

     


































    --------------------- to be continued-----------------------











    #ฟิคของเล่นหัวใจ



     























    @PENNEE 

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×