ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [ inazuma eleven go x oc ] “เด็กขี้แกล้ง” .END

    ลำดับตอนที่ #3 : 02 : Nice to meet you

    • อัปเดตล่าสุด 27 พ.ค. 63




    เพราะโดนพี่ชายมารเตะก้นออกมาให้ทำงานบางอย่างแบบลับๆ ทำให้ปัจจุบันเด็กสาวต้องคอยสะกดรอยตามเด็กผู้ชายข้างหน้าที่ห่างไปอีกตึก สมุดในมือแอบมีการจดเล็คเชอร์พฤติกรรมของสิ่งมีชีวิต(?)ตรงหน้าไม่เยอะเท่าไร ส่วนใหญ่ที่เธอจดก็มีแค่ช่วงเวลาที่เด็กคนนั้นทำ กับเหตุการณ์ที่ไม่ได้บังเอิญไปเห็น อย่าง การซื้อขาย(ขนม)ในซอยมืดหลังร้าน....

    ถึงจะบอกว่าเป็นการจับตาดูและสะกดรอยตาม แต่นี้มันเหมือนกับเกมซ่อนแอบสมัยประถมของเธอไม่ผิดเพี้ยน มีหลายครั้งที่เด็กหนุ่มเหมือนจะรู้สึกถึงเธอได้ ทำให้เธอต้องเลิ่กลั่กหาที่ซ่อนแถวนั้น บอกเลยว่ามันก็สนุกไปอีกแบบ ,เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายแอบเลี้ยวไปทางเส้นทางใหม่ เด็กสาวก็ไม่รอช้ารีบตามเขาไปทันที จนกระทั่งไปหยุดในซอยร้างที่ไร้ผู้คน--

     

    นี้เป็นครั้งที่ 3 แล้วที่มีคนสะกดรอยตาม สำหรับ สึรุงิ เคียวสุเกะ

    เด็กชายยืนนิ่งในซอยร้างแห่งหนึ่ง ใบหน้าคมเย็นชาค่อยๆหันหลังไปมองสิ่งแปลกปลอมที่ตามเขามาตั้งแต่ตอนที่เขาเดินออกจากร้านเกมมาสักพัก ,ไม่ว่าจะหันไปสักกี่ครั้ง ก็ไม่มีวี่แววของบุคลน่าสงสัยเลย

    “ใครนะ” เขาถาม แต่ไร้เสียงคนตอบ นัยน์ตาสีเหลืองอำพันจับจ้องไปยังมุมตึกอย่างจับผิด “ถ้าไม่ออกมาฉันจะเข้าไปหาเองนะ”

    เสียงทุ้มไม่ลึกเอ่ยอีกครั้ง คิ้วขมวดเป็นปมอย่างไม่พอใจ สองเท้าเริ่มเดินไปยังจุดต้องน่าสงสัย พลันจะตะโกนด่าอีกรอบก็ต้องปิดปากเงียบเมื่อคนน่าสงสัยยอมเผยตัวออกมาเอง ,เบื้องหน้าเด็กชายคือ ร่างของเด็กผู้หญิงที่เตี้ยเอามาก(?) ผมสีทองถูกปล่อยสยายไปตามแผ่นหลัง ใบหน้าหวานประดับรอยยิ้มมุมปากเอาไว้ ---ใช่ เธอก็คือ คาเซมารุ ยูเอะ นั้นเอง

    “หวา--จับได้สะแล้วสิ หาเจอได้ไงคะเนี่ย!?

    “เธอตามฉันมาทำไม”

    เขาเมินคำถามแรกของหล่อนไป สายตาคมกริบและเย็นชามองตัวเด็กสาวอย่างหวาดระแวง ,ยูเอะทำหน้ายู่เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายไม่มีท่าทีจะเล่นกับเธอ สองเท้าเล็กค่อยๆก้าวไปหาอีกฝ่ายอย่างใจเย็น ไม่เกรงกลัวต่อสายตาที่เขามองเธอสักนิด

    “อยากรู้หรอคะ”

    “ไม่อยากแล้ว”

    เหมือนโดนกวนประสาท สึรุงิเชิดหน้าขึ้นและพยายามไม่สนใจตัวเด็กสาว แม้ในหัวจะกำลังนึกถึงสารพัดเหตุผลที่ว่าทำไมเธอถึงต้องตามเขา ,ใบหน้าหวานลอบยิ้มขึ้นราวกับอ่านใจคนตรงหน้าได้ว่าอีกฝ่ายอยากรู้มากแค่ไหน---เด็กหนอเด็ก

    “อืม...ไม่ซื่อตรงกับใจเลยนะคะ แต่ฉันก็ไม่ได้รังเกียจนิสัยแบบนั้นหรอกค่ะ” เธอพูดพร้อมส่งยิ้มกวน

    “ฉันโดนคนใหญ่คนโตสั่งให้มาจับตาดูคุณค่ะ สึรุงิ เคียวสุเกะคุง”

    “ใคร?”

    “เรื่องนั้นไม่สามารถบอกได้ค่ะ”

    สึรุงินิ่วหน้า เมื่อไม่ได้คำตอบที่ตนต้องการ ผิดกับอีกคนที่กำลังหัวเราะในลำคอ ,นัยน์ตาสีฟ้าครามจับจ้องทุกอิริยาบถของเด็กชายตรงหน้า  เขาทำทีเหมือนจะโทรหาใครบางคนแต่พอเหลือบเห็นว่าเธอยังอยู่ตรงนี้ ความคิดนั้นก็ปัดทิ้งไป ดีไม่ดีผู้หญิงคนนี้อาจไม่ใช่พวกเดียวกับเขา

    “อ้ะ--แต่ว่าสึรุงิคุงทำเป็นไม่ต้องสนใจฉันก็ได้นะคะ แค่ใช้ชีวิตไปแบบปกติก็พอค่ะ ฉันจะจดเฉพาะแค่การกระทำของสึรุงิคุงเท่านั้น ไม่ไปยุ่งหรอกค่ะ”

    “นี้เธอเป็นโรคจิตรึไง”

    พอได้ยินคำแก้ตัว(?)จากเด็กสาว ไม่วายปากร้ายๆก็โพล่งคำแรงๆส่งมาให้ ,ทำเอาเด็กสาวต้องแก้มป่อง

    “ไม่ได้เป็นค่ะ”

    ว่าจบเด็กสาวก็ยืนกอดอกพลางทำเสียงฮึดฮัด สึรุงิมองท่าทีที่ไม่พอใจของตัวเด็กสาวแล้วก็นึกได้แต่ว่าตนนั้นกำลังคุยอยู่กับเด็กประถมอยู่รึเปล่า ,โทรศัพท์แบบพับสีแดงสั่นเหมือนข้อความเข้า มือหนาหยิบมันขึ้นเปิดดูข้อความจากเบื้องบนแล้วก็หน้าหม่น

    “ฉันจะเตือนเธออะไรไว้สักอย่าง” เขาเว้นช่วงแล้วหันมามองหน้าเด็กสาวดีๆ “เธออย่ามายุ่งกับฉันมากดีกว่า ถ้าเธอยังอยากมีชีวิตที่ดีอยู่”

    จบประโยคมือบางก็ทาบเข้ากับอกตัวเอง ดวงตาเบิกกว้างกับคำพูดของเด็กชาย มีการส่งคำเตือนมาด้วยอ้ะแม่ น่ากลัวจริงจริ๊งงงงง ,เธอคิดในใจพลางนึกถึงลักษณะนิสัยที่ดูตรงข้ามกับที่คนๆหนึ่งพูดกับเธอไว้

    “สึรุงิคุงดูเป็นคนใจดีนะคะ ทั้งทีหน้าตาไม่ใช่แท้ๆ”

    “นี้เธออยากหาเรื่องฉันหรอ”

    สึรุงิกำโทรศัพท์ในมือเน้น ราวกับกำลังเตือนสติไม่ให้ทำอะไรกับเด็กผู้หญิงโรคจิตตรงหน้า ,ใบหน้าหวานยิ้มทะเล้นพร้อมคำพูดประมาณเชิงหยอกล้อ มือบางทำการตบไปที่ไหล่เขาเบาๆ

    “สึรุงิคุงโกรธแล้วหรอคะเนี่ย ยุยงง่ายจังเลยนะคะ”

    “โรคจิต”

    เด็กสาวนิ่วหน้าอีกรอบ “หนึ่งคำก็โรคจิต สองคำก็โรคจิต ฉันเองก็มีชื่อนะคะ”

    “ไม่ใช่ชื่อโรคจิตอยู่แล้วหรอ”

    “สึรุงิคุงใจร้าย~ งอนแล้วนะคะ!”

    ว่าจบ--เด็กสาวก็วิ่งเต้นหนีไป ปล่อยให้เขายืนนิ่งงงกับเหตุการณ์เมื่อครู่ ,ทำไปขนาดนั้นอีกฝ่ายคงไม่มาตามเขาแล้ว สึรุงิทิ้งสถานการณ์ไว้ตรงซอกตึกแห่งนั้นแล้วเดินออกมา 

    .

    .

    .

    แต่เหมือนเขาจะคิดผิด

     

    “เคียวคุงทำไมถึงไม่เล็งไปที่ท้องของมันละคะ!? เดี๋ยวก็แพ้หรอก!!”

    เสียงหวานกระซิบข้างหูเขา พร้อมกับใบหน้าเล็กๆที่โผล่ออกมาจากมุมตู้เกม--ยัยผู้หญิงโรคจิต ตามเขามาอีกแล้ว แถมยังเปลี่ยนชื่อเรียกอีกด้วย ,หลังจากที่จบเรื่องไปเมื่อวาน ยูเอะก็มิได้ทดทอยกำลังในการสะกดรอยตามเขา แต่ครั้งนี้เธอไม่ได้เล่นซ่อนแอบกับอีกฝ่ายอีกต่อไป เธอหน้าด้านเดินตามหลังเขาแบบติดๆไปทุกที(ยกเว้นห้องน้ำ) เฉกเช่นในตอนนี้ ,เด็กสาวเดินก้มหน้ามองดู ชายผมน้ำเงินเล่นเกมในเซ็นเตอร์มาเป็นเวลาหลายชั่วโมงแล้ว

    “อย่ามาเรียกชื่อฉันอย่างสนิทสนมนะ”

    “เอ๋ ก็เห็นว่าเคียวคุงไม่ค่อยมีเพื่อน ฉันเลยจะเรียกให้มันดูเหมือนเพื่อนกันหน่อยเท่านั้นเองนะคะ”

    “แต่มันก็ไม่ใช่เรื่อง--อ้ะ”

    ยังเถียงไม่จบ เครื่องเกมก็ส่งเสียง Game over ออกมาพร้อมกับตัวละครในเกมที่ตายอย่างน่าอนาถ ,สึรุงิถอนหายใจยาวๆให้กับความเบื่อหน่าย ร่างสูงเก็บมือเข้ากางเกงแล้วเดินออกจากตู้เกมนั้น โดยที่มีร่างเล็กเดินตามไปติดๆ

    “จะไปไหนละคะ เคียวคุง”

    “เรื่องของฉัน แล้วก็ไม่ต้องตามมาด้วย!!”

     

    บอกไปแบบนั้น คิดว่าเธอจะหยุดหรอ?

     

    “บอกให้เลิกตามมาไง!”

    “พูดอะไรของเคียวคุงคะ? ฉันไม่ได้ตามสักหน่อยแค่สะกดรอยตามเอง”

    แล้วมันต่างกันตรงไหน? สึรุงิเบ้ปากอย่างไม่พอใจ ใจจริงอยากจะหนีไปจากตรงนี้แทบจะขาดใจ แต่ไม่ว่าเขาจะทำอะไรหรือแอบย่องหนีไปตอนไหนเด็กสาวก็สามารถหาเขาเจอได้ตลอด

    ตลอดทางเต็มไปด้วยเสียงคำถามมากมายจากเด็กสาว เขาตอบบ้าง ไม่ตอบบ้าง โวยวายบ้าง นับเป็นประสบการณ์ที่เขายากจะลืม--จบเรื่องนี้เขาจะไปสั่งยาระงับประสาทมากิน ,ทุกอย่างเงียบลงเมื่อพวกเขาเดินมาหยุดที่สวนสาธารณะ เด็กชายนั่งลงที่ม้านั่งใต้ต้นไม้ต้นใหญ่ มือทั้งสองลูบหน้าเรียกสติพลางคิดหาวิธีหนีจากยัยโรคจิตที่ตามเขาเป็นผีเจ้าคิดเจ้าแค้น

    “เครียดเรื่องของฉันหรอคะ แหม~ดีใจจัง”

    “เงียบไปเลย! แล้วเมื่อไรเธอจะหยุดตามฉันห้ะ”

    “ไม่รู้สิคะ อาจจะสักเดือนหนึ่ง?”

    บทสนทนาชวนกวนยังคงมีตลอด และนั้นเป็นสาเหตุให้พวกเขาต้องทะเลาะกันระหว่างทาง ,สรุปได้ง่ายๆเลยว่าวันนี้ทั้งวันเขาโดนเด็กผู้หญิงโรคจิตตามไม่ห่างหาย ไม่ว่าเขาจะมองไปตรงไหนก็มักจะเจอเธอในสายตาตลอด แม้จะรู้ว่ามันเป็นเรื่องที่เป็นใครก็ต้องกลัวและอยากจะแจ้งตำรวจมาจับ แต่สำหรับเขามันรู้สึกที่ไม่ได้ทำให้เขากลัว มันเหมือนกับ...รำคาญ?

    เด็กสาวไม่พูดอะไรกับคนข้างๆ ปล่อยให้บรรยากาศเงียบสงบปกคลุมพวกเขาไป ทุกอย่างดูเหม่อลอยเมื่อสายลมเย็นพัดเอาความคิดฟุ้งซานออกจากหัว ,ในกรณีของยูเอะ การได้ตามติดใครสักคนไม่ใช่เรื่องยากสำหรับเธอ เพราะตอนเด็กๆเธอก็เคยตามติดแจพี่ๆไรมงมาแล้ว บางทีอีนี้ก็ตามยันเข้าห้องน้ำเลย(พี่ๆเขาชวนอ้ะเธอ) แต่สุดท้ายก็โดนพี่คิโดเฉดหัวพวกพี่ชายที่พาเธอเข้าห้องน้ำไปนั่งปรับทัศนคติเรื่องกาลเทศะหลายชั่วโมง (บอกเลยว่าตอนนั้นหวีดว้ายมากกับการได้เห็นซิกแพคพี่ๆ)

    “ไหนๆเราก็จะเป็นผู้ติดตามชีวิตแล้วมาทำความรู้จักกันหน่อยไหมคะ”

    “ไม่”

    “คิดหน่อยก็ดีนะคะ เคียวคุง!?”

    ยูเอะมุ่ยหน้าเป็นรอบที่เท่าไรไม่รู้แล้วของวันนี้ ,เธอรู้ดีว่าไม่มีใครหรอกที่ชอบให้มาตามเป็นเจ้ากรรมนายเวรแบบเธอ ยกเว้นจะหน้าด้านจริงๆ แต่ไหนๆก็จะเห็นหน้ากันบ่อยๆแล้ว อย่างน้อยการได้ทำความรู้จักกัน มันก็ยังดีกว่าการเป็นคนแปลกหน้าแล้วโดนประณามว่าเป็น ผู้หญิงโรคจิต

    “ขืนอยู่กับเธอฉันได้ประสาทกินพอดี แล้วอีกอย่างไม่ใช่ว่าเธอรู้จักฉันอยู่แล้วไม่ใช่หรอ”

    “อืม...ก็จริงนะคะ แต่นั้นมันก็แค่ข้อมูล ไม่ใช่แบบจริงๆสักหน่อย” เด็กสาวเว้นช่วงแล้วพ่ายมือไปทางเขา “เอ้า--แนะนำตัวสิคะ”

    “เพื่อ?”

    “พวกเราจะได้รู้จักกันแล้วเป็นเพื่อนกันไงคะ”  

    สิ้นคำตอบคนฟังก็คิ้วขมวด นั้นทำให้เด็กสาวต้องอธิบายขยายความเพิ่ม

    “อย่างน้อยถ้าเป็นเพื่อนกัน เคียวคุงก็ไม่ต้องลำบากใจไงคะ”

    สึรุงิทำหน้าครุ่นคิดเล็กน้อยก่อนจะถอนหายใจยาวๆ “สึรุงิ เคียวสุเกะ---

    “ค่ะ รู้อยู่แล้วค่ะ”


    ----อ้าวอีนี่

    “อ้า~! อย่าโกรธกันสิคะ ฉันล้อเล่นเองค่ะ!!”

    เด็กสาวรีบเอ่ยห้ามปรามบวกขอโทษขอโพยรวดเร็ว เมื่อเห็นอีกฝ่ายทำหน้าตาพร้อมบวกกับเธอเต็มที่ ,มือเล็กทำการปล่อยมือเพื่อนชายที่พยายามจับตัวเธอลดลงมาให้อยู่กับม้านั่ง แล้วเพื่อความแน่ใจว่าอีกฝ่ายจะไม่ยกมือขึ้นมาทำร้ายเธอ เด็กสาวก็เขยิบถอยไปเล็กน้อย ก่อนจะเอียงร่างกายเข้าหาตัวเขาที่นั่งอยู่ข้างๆ

    “ฉันชื่อ ยูเอะ ค่ะ ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ เคียวคุง”

    “แล้วนามสกุลละ?”

    “แหม~ ขอเก็บไว้เป็นความลับหน่อยไม่ได้หรอคะ”

    แล้วไหนบอกจะเป็นเพื่อน “กำลังคิดว่า แล้วไหนบอกจะเป็นเพื่อน ใช่ไหมคะ”

    เหมือนถูกเดาความคิด คิ้วของเด็กหนุ่มขมวดเป็นปมคล้ายโบว์เข้าไปทุกครั้ง เขาชักไม่แน่ใจแล้วผู้หญิงตรงหน้าเป็นผู้วิเศษอ่านใจได้รึเปล่า ,เสียงหัวเราะคิกคักดังขึ้นเบาๆราวกับกระดิ่ง ใบหน้าส่งยิ้มหวานมาให้เพื่อนชายที่แสดงความคิดออกทางสีหน้ามาจนหมด

    “แหม~ ที่แท้เคียวคุงของเราก็อยากมีเพื่อนเหมือนกันนี่นา~

    “เงียบไปเลยยัยโรคจิต”

    “เอ๊ะ? ฉันบอกชื่อไปแล้วนะคะ ทำไมไม่เรียกชื่อฉันละคะ!?”

    “ก็ฉันจะเรียกแบบนี้”

    ความรู้สึกชนะที่ไม่ได้รับรู้มาทั้งวันปรากฏ ณ ขณะนั้น สึรุงิมองหน้าเด็กสาวที่เริ่มทำแก้มป่องเหมือนเมื่อวันก่อนอีกครา แก้มสีขาวถูกแต่งแต้มไปด้วยสีแดงอ่อนจากการพอง กำปั้นเล็กชูขึ้นข้างหน้าเขาพร้อมกับนิ้วริมสุดที่ถูกยกขึ้น

     

    “โป้งนะคะ โป้งงงงงง”

    Talk with writer


    นั้นไง น้องเขาโป้งแล้วนะสึรุงิคุง ง้อน้องด้วยละ ไม่งั้นน้องจะตามไปถึงห้อ---อะแฮ่ม!!

    ก็มากับตอนที่สองแบบสั่นๆกันแล้วนะคะ นี้ก็คือลงรั่วๆเลยเนื่องจากพล็อตเรื่องในหัวเข้ามาเป็นฉากๆเลยค่ะ เลยต้องรีบแต่ง555

    ในตอนนี้ก็คือน้องเราถูก สึรุงิคุงตีหน้าว่าเป็นโรคจิตไปแล้วค่ะ น้องไม่ได้เป็นโรคจิตนะคะ แค่น้องชองซิกแพคพี่ชายเท่านั้นเอง!!

    สำหรับตอนนี้คิดเห็นยังไงก็ฝากคอมเม้นกันด้วยนะ แล้วถ้ามีคำผิดสามารถแจ้งไรท์ได้เลยนะคะ 

    เพราะตอนเขียนก็คืออึนๆเนื่องจากปั่นการบ้านที่อาจารย์สั่งมิทัน //เหมือนไปทำอาจารย์เขาโกรธมา....


    1 comment = 1,000,000 กำลังใจ
    TB
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×